xs
xsm
sm
md
lg

ม้าแก่ร้องฎีกา! สั่นกระดิ่งหน้าวัง“เรียก”พ่อขุนรามคำแหง! ขอความเป็นธรรมที่ถูกทอดทิ้งให้เป็นม้าเร่ร่อน!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค


อาณาจักรไทยในสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กว้างใหญ่ไพศาล ทิศเหนือแผ่ไปถึงเมืองเชียงใหม่ เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองพัว ข้ามโขงไปจนถึงเมืองหลวงพระบาง ทางใต้ถึงนครศรีธรรมราช ตะวันตก ครอบคลุมเมืองหงสาวดีไปจนจรดอ่าวเบงกอล ส่วนตะวันออกก็ข้ามโขงไปถึงเวียงจันทน์ เวียงคำ

พระองค์ทรงปกครองในระบอบ “พ่อปกครองลูก” อันเป็นระบอบที่แตกต่างไปจากกษัตริย์ในยุคเดียวกัน เป็นแบบฉบับเฉพาะพระองค์โดยเฉพาะ ซึ่งกษัตริย์ในยุคนั้นจะอ้างตัวว่าไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดา อย่างกษัตริย์ขอมอ้างว่าเป็นเทพอวตารลงมาเป็นกษัตริย์ แม้แต่พระเจ้าจอห์น กษัตริย์อังกฤษ ยังอ้างว่าเป็นกษัตริย์เพราะได้รับพรจากพระเจ้า (By the grace of God) แต่พ่อขุนรามคำแหงจารึกไว้ในหลักศิลาว่า “...พี่กูตาย จึงได้เมืองแก่กูทั้งกลม...” บอกถึงการถ่ายทอดอำนาจโดยไม่ต้องอ้างพระเจ้า แต่พระบารมีของพระองค์ก็แผ่ไพศาล จนได้รับการถวายพระนามมหาราช

แต่เชื่อหรือไม่ว่า แม้แต่ราษฎรสามัญทั่วไป ถ้ามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจแล้ว ก็สามารถจะ “เรียก” มหาราชพระองค์นี้ให้ออกมาพบได้ เพียงแต่เดินไปสั่นกระดิ่งหน้าประตูวังเท่านั้นเข้าพบผู้เทนราษฎรยุคนี้ยังยากเย็นแสนเข็ญกว่าเสียอีกและไม่แต่คนเท่านั้น สัตว์ก็สามารถทำแบบนี้ได้เช่นกัน

ในนิทานพระร่วง ได้เล่าไว้เรื่องหนึ่งว่า มีม้าแก่ตัวหนึ่งรับใช้เจ้าของมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ไม่ว่าจะขี่หรือเทียมรถลากสินค้าไปขาย ม้าก็รับใช้เจ้าของด้วยความซื่อสัตย์จนร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่เจ้าของกลับไม่สำนึกในบุญคุณของม้า พอมันแก่หมดเรี่ยวแรงก็ปล่อยให้ไปหากินเอาเองตามยถากรรม

ม้าแก่ไปเล็มหญ้าอยู่หน้าพระราชวัง แล้วดึงเชือกสั่นกระดิ่ง พ่อขุนรามคำแหงได้เสด็จออกมาตามสัญญาที่ทรงสลักประกาศไว้ ในศิลาจารึก เมื่อทอดพระเนตรว่าเป็นม้าไม่ใช่คน พระองค์ก็ทรงไต่สวนหาเรื่องราว จนทรงทราบว่ามันถูกทอดทิ้ง จึงรับสั่งให้เจ้าของม้านำกลับไปเลี้ยงดูให้มีความสุข สมกับที่มันทำงานรับใช้มา ไม่ปล่อยให้หากินเองเป็นม้าเร่ร่อนอีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น