ถ้าไปหัวหินในระยะนี้ จะเห็นรีสอร์ทแห่งหนึ่งมีชื่อสะดุดตาว่า “กบาลถมอ รีสอร์ท” ซึ่งเป็น ภาษาเขมร ต่างกับรีสอร์ทส่วนใหญ่ในยุคนี้ ที่นิยมตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษอันเป็นภาษาสากล
กบาล แปลว่า หัว ส่วนถมอ แปลว่า หิน ชื่อนี้เป็นชื่อดั้งเดิมของ “หัวหิน”
แต่ก่อนนี้สัญลักษณ์การท่องเที่ยวของหัวหินจะอยู่ที่การขี่ม้าชายหาด ส่วนสัญลักษณ์ดั้งเดิมจะอยู่ที่กลุ่มก้อนหินซึ่งผุดขึ้นมาระเกะระกะเมื่อเวลาน้ำลด ที่ริมหาดทรายหน้าโรงแรมรถไฟเดิมหรือโรงแรมโซฟิเทลในปัจจุบัน ดูเป็นแหลมยื่นออกไป ซึ่งเป็นกลุ่มหินแห่งเดียวบนหาดย่านนี้
สมัยที่ผู้เขียนไปหัวหินครั้งแรกราว พ.ศ.๒๔๙๐ เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนถือแก้วเหล้าไต่อยู่บนก้อนหิน อีกมือหนึ่งถือไขควงปลายแบนกับมะนาวผ่าซีก บางคนยังมีค้อนมาด้วย แคะหอยนางรมที่เกาะอยู่บนก้อนหิน พอเปิดฝาได้ก็บีบมะนาวลงไป แล้วแคะเนื้อขึ้นมาแกล้มเหล้ากันสดๆ แต่ตอนนี้หัวหินเจริญขึ้นจนภาพเหล่านี้เป็นอดีตที่ไม่หวนกลับแล้ว
กล่าวกันว่า นักเดินเรือชาวเขมรผ่านมาเห็นก้อนหินกลุ่มนี้ จึงเรียกย่านนี้ว่า “กบาลถมอ”
บ้างก็ว่า กบาลถมอ เป็นหมู่บ้านของชาวเขมรที่มาทำอาชีพประมงซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอดีตที่ไม่หวนกลับอีกเช่นกัน นอกจากกลับมาแค่ชื่อรีสอร์ท เพื่อให้ได้
บรรยากาศหัวหินในอดีตอันไกลโพ้น
ในหนังสือประวัติตำบลหัวหิน ซึ่งเขียนโดย นายอรุณ กระแสสินธุ์ พิมพ์เมื่อปี ๒๔๗๗ เล่าไว้ว่า ในสมัยรัชกาลที่ ๓ หัวหินยังเป็นป่าเป็นดง ไม่มีบ้านเรือนราษฎรอยู่เลย หมู่บ้านใกล้ที่สุดคือตำบลบ่อฝ้าย อยู่เหนือขึ้นมา ๖ กม. ส่วนทางใต้มีตำบลตะเกียบ ที่เขาตะเกียบ ห่างไป ๗ กม. ต่อมาราว พ.ศ.๒๓๗๗ ราษฎรกลุ่มหนึ่งในตำบลบางจานและบางแก้ว เขตจังหวัดเพชรบุรี เห็นว่าอาชีพทำนาได้รับความยากแค้น ข้าวเปลือกราคาตกเหลือเพียงเกวียนละ ๖ ถึง ๑๒ บาท อยากจะเปลี่ยนไป
ทำไร่บ้าง หาที่อุดมสมบูรณ์กว่าที่อยู่เดิม จึงชวนกันพาครอบครัวอพยพลงใต้ เดินทางรอนแรมมาได้ ๖๕ กม. ก็พบที่อุดมสมบูรณ์อยู่ริมทะเลเหมาะแก่การเพาะปลูก จึงช่วยกันหักร้างถางพงปักหลักอาศัย และปลูกแตงโมเป็นอันดับแรก พร้อมปลูกข้าวไว้กินด้วย ปรากฏว่างอกงามได้ผลดีทั้ง ๒ อย่าง มีพ่อค้าจากเขาตะเกียบมาซื้อแตง ทำให้มีรายได้ดี มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อส่งข่าวไปถึงญาติพี่น้องทางเพชรบุรี ก็มีคนอพยพมาอยู่ด้วยอีก ทำให้เป็นชุมชนขึ้น ต่อมากิตติศัพท์แพร่ไปถึง
ตำบลใกล้เคียง มีคนจากตำบลหนองแก ตะเกียบ บ่อฝ้าย อพยพเข้ามาอยู่ทำให้อบอุ่นขึ้นมาก
ในระยะแรกๆที่มาบุกเบิกนั้น มีโจรสลัดหากินอยู่ในย่านนี้ คอยดักปล้นเรือพ่อค้าวาณิช ตอนปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ ข้าหลวงเมืองนครศรีธรรมราช นำภาษีอากรที่เก็บได้จะไปส่งกรุงเทพฯ พอมาถึงย่านนี้ถูกโจรปล้นเอาเบี้ยไปหมด ตัวข้าหลวงเองต้องโดดน้ำหนี ลอยคอไปขึ้นบกแถวเขาตะเกียบ ชาวบ้านที่มาบุกเบิกก็ถูกโจรปล้นเป็นประจำ ต้องพาลูกเมียหลบหนีไปอยู่ในป่า พอโจรสลัดออกเรือไปแล้วจึงกลับเข้าบ้านได้ ต่อมาเมื่อมีคนมาอยู่ด้วยมาก จึงจัดวางกำลังหาอาวุธเข้าต่อสู้ จนโจรสลัดหายไป ต่อมาก็มีการตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นตำบลขึ้นกับจังหวัดปราณบุรี ต่อมาจังหวัดปราณบุรีก็ถูกยุบเป็นอำเภอ ขึ้นกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ตอนที่ชาวเพชรบุรีมาบุกเบิกนั้น ย่านนี้เรียกกันว่า “สมอเรียง” ซึ่งเพี้ยนมาจาก “ถมอเรียง”ในภาษาเขมร ที่แปลว่าก้อนหินเรียงกัน บ้างก็เรียกว่า “แหลมหิน” ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวกับกลุ่มก้อนหินริมหาดทั้งนั้น
หัวหินมารุ่งเรืองเป็นสถานตากอากาศแห่งแรกของไทย และเป็นที่นิยมของชนชั้นสูง ก็เมื่อกรมรถไฟหลวงเปิดเดินรถจากสถานีบางกอกน้อย มาถึงสถานีหัวหินในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๕๔ การเดินทางไปมาสะดวก พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่สร้างตำหนักตากอากาศขึ้นที่บริเวณริมหาดติดกับโรงแรมโซฟิเทลในปัจจุบัน ประทานชื่อว่า “แสนสำราญสุขนิเวศน์” ทรงชักชวนเจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่ให้มาตากอากาศ จนต้องสร้างตำหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายหลังไว้รับรองแขก และทรงขนานนามชายหาดหน้าตำหนักว่า “หัวหิน” ต่อมาชื่อนี้ก็ครอบคลุมทั้งหาดและตำบลทั้งหมด จนกลายเป็น “อำเภอหัวหิน”
นอกจากเจ้านายหลายพระองค์โปรดมาสร้างตำหนักตากอากาศที่หัวหินแล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ขึ้นครองราชย์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้าง “พระราชวังไกลกังวล” ขึ้นที่หัวหิน แล้วแปรพระราชฐานมาประทับเป็นประจำ ทำให้ข้าราชบริพาร ขุนนาง ตลอดจนพ่อค้าคหบดี นิยมมาสร้างบ้านตากอากาศที่หัวหินด้วย
พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงเป็นเจ้านายที่สร้างความเจริญให้หัวหินอย่างมาก เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟหลวง ได้ทรงสร้างโฮเตลรถไฟและสนามกอล์ฟขึ้นที่หัวหิน ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของสยามด้วย
หัวหินเป็นสถานตากอากาศที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคหนึ่ง จนเมื่อมีพัทยาเกิดขึ้นก็ทำให้คนหันไปตื่นแสงสีของพัทยาอยู่พัก จนวันนี้จึงหันกลับมาสู่ความบริสุทธิ์และหาดทรายขาวของหัวหินอีก มีโรงแรม ๕ ดาวและรีสอร์ทผุดขึ้นรองรับความนิยมมากมาย ข่มเสน่ห์ของกลุ่มหินริมหาดลงไปมาก