อำแดงคำใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยหญิงที่โด่งดังที่สุดของเมืองอุบลฯ ฝีมือฉกาจฉกรรจ์นักทั้งในเชิงชกและเชิงปล้ำ อย่าว่าแต่นักมวยหญิงด้วยกันเลย แม้แต่ผู้ชายก็เคยถูกอำแดงคำใหญ่ต่อยคว่ำคาเวทีมาแล้วหลายต่อหลายราย จนเข็ดขยาดไปตามๆกัน
แต่แล้ววันหนึ่ง หลังงานบุญบั้งไฟประจำปี อำแดงคำใหญ่ก็พาร่างอันแข็งแกร่งขึ้นร้องขอความยุติธรรมต่อศาล กล่าวหาว่า ทิดใบ หนุ่มนักเซิ้งบั้งไฟ ได้ปลุกปล้ำทำอนาจารจับต้องของสงวน แล้วยังบังอาจข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ขอให้ศาลนำตัวทิดใบมาลงโทษด้วย
เมื่อศาลให้เจ้าหน้าที่ไปตามทิดใบมาแก้ข้อกล่าวหา ทิดใบก็ปฏิเสธทุกข้อหา ทั้งสองจึงเกิดการโต้เถียงกันลั่นศาล เพราะเหตุเกิดในที่มืดลับตา ต่างคนต่างก็ไม่มีพยานมายืนยัน ตระลาการจึงลังเลไม่อาจหาเหตุผลใดมาตัดสินคดีได้
เรื่องนี้ทรงทราบถึงพระกรรณพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลอีสาน ซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือว่าทรงมีกุศโลบายใช้วิธีแปลกๆในการตัดสินคดีที่ยากต่อการพิสูจน์มาแล้ว ดังเช่นคดี “ไอ้ด้วนลักกระทะ” เสด็จในกรมฯได้เสด็จไปศาล เมื่อนั่งฟังการพิจารณาคดีอยู่ครู่หนึ่ง จึงรับสั่งให้ตระลาการแจ้งกับโจทก์และจำเลยว่า วันนี้หมดเวลาของศาลแล้วให้กลับไปก่อน และนัดคู่ความมาพร้อมกันอีกในวันรุ่งขึ้น ทำเอาอำแดงคำใหญ่รู้สึกผิดหวังที่จะเอาทิดใบเข้าคุกให้สมใจยังไม่สำเร็จ
เมื่ออำแดงคำใหญ่ออกจากห้องพิจารณาคดีไป เสด็จในกรมฯก็รับสั่งให้ทิดใบตามไปกอดปล้ำได้ตามใจชอบ ทำเอาทิดใบยืนเซ่อ เพราะถูกฟ้องข้อหาปลุกปล้ำอยู่หยกๆ ไม่กล้าทำตามรับสั่ง เสด็จในกรมฯจึงสำทับอีกว่า
“ไม่ต้องลังเล ข้าสั่งแกแล้ว ไปทำตามนั้น”
ทิดใบแน่ใจว่าหูฟังไม่ผิด จึงรีบวิ่งตามอำแดงคำใหญ่คู่อริไปทันตรงบันไดศาล พอถึงก็ไม่รอช้า โดดเข้าปล้ำทันทีเพราะมั่นใจในไฟเขียวที่ได้มา
อำแดงคำใหญ่ถูกคู่อริโจมตีแบบสายฟ้าแลบก็ตกใจ คิดว่าทิดใบคงโกรธที่มาฟ้องศาลจึงตามมาแก้แค้น และเมื่อเหลียวมองรอบด้านก็เห็นผู้คนยืนดูอยู่มากมาย อำแดงคำใหญ่เกรงว่าจะเสียเหลี่ยมนักมวยมีชื่อ จึงฮึดสู้โดยไม่ยอมให้เพลี่ยงพล้ำแก่ทิดใบได้ ฝ่ายที่โดนเหวี่ยงจนลงไปนอนหงายกับพื้นจึงเป็นทิดใบที่ร่างบางกว่า ส่วนอำแดงคำใหญ่ได้แสดงศักดิ์ศรีนักมวยปล้ำหญิงคนดัง โดดขึ้นคร่อมทับร่างทิดใบไว้
เสด็จในกรมฯเห็นเช่นนั้นจึงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ศาลไปห้ามไว้ แล้วนำตัวทั้งโจทก์กับจำเลยกลับมาเข้าห้องพิจารณาคดีอีก รับสั่งให้ตระลาการบันทึกเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่ไว้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี จากนั้นก็มีโองการดำรัสว่า
“ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย เพราะเหตุมาร้องต่อศาลว่า ทิดใบกอดกุมข่มขืนสู้กำลังไม่ได้ แต่ตามข้อพิสูจน์เห็นว่า ทิดใบสู้กำลังอำแดงคำใหญ่ไม่ได้ ต้องล้มหงายไปหลายครั้ง ประจักษ์ต่อหน้าตระลาการเช่นนี้อยู่แล้ว หากโจทก์ซึ่งเป็นหญิงไม่ยินยอมเป็นใจด้วย จำเลยจะทำสำเร็จได้อย่างไร จึงฟังข้อกล่าวหาของโจทก์ไม่ขึ้น ให้ปล่อยทิดใบจำเลยพ้นข้อหาไป...”
เบื้องหลังเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ศาลฝ่ายสอดรู้สอดเห็นได้ไปติดตามมารายงานเสด็จในกรมฯภายหลังว่า ความจริงทิดใบกับอำแดงคำใหญ่ก็มีอะไรๆกันอยู่ แต่เมื่อคืนก่อนทิดใบไปคว้าเอาสาวอื่นมาควงไปงานบุญบั้งไฟ อำแดงคำใหญ่เห็นเข้าเลยทำให้นอนไม่หลับตลอดคืน
พอรุ่งเช้าก็มาฟ้องศาล หวังจะเอาทิดใบติดคุกเสียให้เข็ด แต่มาเจอ “ทีเด็ด” เสด็จในกรมฯ สรรพสิทธิ์ประสงค์ เลยทำเอาอำแดงคำใหญ่เป็นฝ่ายเข็ดเสียเอง