MGR Online - แหล่งข่าวเผยตรวจสอบทางลับ การัณทีป สิงห์ ไม่แน่ชัดว่าเป็นเจ้าชายอินเดียจริงหรือไม่ มีเพียงแค่กงสุลอินเดียประจำเชียงใหม่ แนะนำตัว เคยสัญญาจะนำแรดตัวผู้ผสมพันธุ์ไร้ความคืบหน้า แถมถามประวัติกลับอึดอัด ขณะที่บุตรชายที่สืบมาจากพระราชกุมารีของเจ้าชายเมืองโธละปุระ ตัวจริงอายุ 43 ปี เป็นนักการเมืองสภาล่าง เจ้าของโรงแรมดัดแปลงจากพระราชวัง
วันนี้ (21 เม.ย.) จากกรณีที่ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการจัดงาน “สมโภช 60 รอบนักษัตร 720 ปี เมืองเชียงใหม่” แล้วพบว่าในการฟ้อนเล็บถวายบูรพกษัตริย์เจ้า ได้มีมหาราชกุมาร ราณา ศรีการัณทีป สิงห์ ซาหิบ วัย 21 ปี ที่ระบุว่า เป็นเจ้าชายแห่งเมืองโธละปุระ (DHLOPUR) รัฐราชสถาน (RAJASTHAN) ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของสาธารณรัฐอินเดีย ร่วมฟ้อนถวายด้วย ในฐานะที่เป็นทูตวัฒนธรรมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเป็นที่ฮือฮาในโซเชียลมีเดีย เกิดคำถามว่าเป็นเจ้าชายจริงหรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าชายดังกล่าว เคยเปิดเผยกับ หนังสือโพสต์ทูเดย์ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558 เมื่อครั้งเพิ่งมาอยู่ประเทศไทยได้เพียง 6 เดือน เพื่อมาเรียนโขนและศิลปกรรมที่มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่า มารดาเป็นลูกสาวคนเดียวของตาที่เป็นเจ้าครองรัฐราชสถาน ต่อมาไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แล้วไปเจอบิดาที่เป็นชาวเยอรมันในมหาวิทยาลัย เมื่อแต่งงานกับคนต่างชาติเลยไม่ได้ครองรัฐต่อจากตา แต่ยังคงสถานะยศทางเจ้าไว้เช่นเดิม ตนเองเกิดและเติบโตที่สหรัฐอเมริกา กลับมาอยู่อินเดียไม่นาน จนอายุ 8 ขวบ ก็ย้ายไปเรียนที่ประเทศสกอตแลนด์ มีพี่เลี้ยงเป็นสาวสูงวัยชาวไทย เป็นแม่นมให้เจ้าชายนานกว่า 10 ปี กระทั่งมารดาก็กลับมาอยู่ที่ประเทศอินเดีย
แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับทาง “MGR Online” ว่า จากการตรวจสอบในทางลับ ระบุว่า ที่ การัณทีป สิงห์ ระบุว่า เป็นบุตรพระราชกุมารี ของมหาราชาเจ้าครองรัฐราชสถานนั้น ตามกฎมณเฑียรบาล การสืบสันตติวงศ์เป็นมหาราชา จะต้องเป็นพระราชโอรสเท่านั้นที่จะได้สืบพระราชสมบัติ ไม่ได้มาจากพระราชธิดา ขณะที่จากการสังเกตพฤติกรรมที่ผ่านมาพบว่าได้ใช้ความเป็นเจ้าชายในการสัญญาว่าจะให้ อาทิ สัญญาว่าจะนำแรดตัวผู้จากอินเดีย มาผสมพันธุ์กับแรดตัวเมียที่สวนสัตว์เชียงใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า (แก้ไขข้อความ - กองบรรณาธิการ)
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบที่สาธารณรัฐอินเดีย พบว่า มีพระราชกุมารีที่มาจากมหาราชาเจ้าครองรัฐราชสถาน นั่นก็คือ เหมันต์ สิงห์ (Hemant Singha) พระราชินีองค์ที่สองของมหาราชาแห่งเมืองโธละปุระ แต่ทรงเสกสมรสกับบุคคลชั้นสูงชาวซิกข์ของรัฐปัญจาบ (Punjab) ทางภาคเหนือของสาธารณรัฐอินเดีย ไม่ได้ทรงเสกสมรสกับชาวต่างชาติ โดยได้ให้กำเนิดบุตรชาย คือ ดัชยานท์ สิงห์ (Dushyant Singh) เมื่อปี 1973 ปัจจุบันมีอายุ 43 ปี เป็นนักธุรกิจ และนักการเมืองสภาล่างสังกัดพรรคภารติยะ ชนตะ หรือ บีเจพี มีธุรกิจโรงแรมไนยานท์ เฮอริเทจ โฮเทล (Niyant Heritage Hotels) ระดับ 5 ดาวที่ดัดแปลงมาจากพระราชวัง ข้อมูลดังกล่าวทำให้เป็นที่จับตามองว่า การัณทีป สิงห์ เป็นเจ้าชายแห่งเมืองโธละปุระ รัฐราชสถานจริงหรือไม่ จึงขอให้มีการตรวจสอบอย่างแน่ชัดอีกครั้ง
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 เม.ย. สำนักข่าวเนชั่น รายงานโดยระบุว่า นายชิรีช เจน กงสุลอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า การัณทีป สิงห์ ต้องการจัดคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อหารายได้ให้กับผู้ประสบอัคคีภัยที่บ้านจะนะ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งกรณีที่มีการพูดถึงสถานะของ การัณทีป สิงห์ ทางสถานกงสุลอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า การัณทีป สิงห์ จะเดินทางมาอยู่ที่เชียงใหม่ประมาณ 10 วัน และเพื่อเข้าร่วมการฉลอง 720 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในจดหมายได้ระบุชัดเจนว่า การจะให้เกียรติ การัณทีป สิงห์ นั้นเป็นสิทธิ์ของจังหวัดเชียงใหม่ที่จะดำเนินการ จะมีการอารักขาหรือไม่ขึ้น อยู่กับทางจังหวัดจะพิจารณา
“ปัจจุบันอินเดียไม่มีระบอบกษัตริย์แล้ว แต่ การัณทีป สิงห์ มีเชื้อสายมาจากกษัตริย์ในอดีตของเมืองโธละปุระ อยู่ในรัฐราชสถาน ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ในอินเดีย ปัจจุบันวังที่ท่านเคยพักอาศัยได้ถูกปรับปรุงให้เป็นโรงแรม เมื่อระบอบกษัตริย์ในอินเดียถูกยกเลิก คำนำหน้านามต่าง ๆ ของราชวงศ์ จึงไม่มีไปด้วย การที่จะเรียกชื่อให้ถูกต้องจึงต้องเรียกว่า ท่านการัณทีป สิงห์ และขณะนี้ทางสถานกงสุลอินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออธิบายเรื่องสถานภาพ ของท่านการัณทีป สิงห์ ให้ทราบและเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งที่สถานกงสุลรู้สึกยินดีและภูมิใจ คือ การที่ ท่านการัณทีป สิงห์ ได้เข้าร่วมฟ้อนเล็บฉลองเชียงใหม่ครบ 720 ปี เป็นการสานสัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับอินเดียได้เป็นอย่างดี” นายชิรีช กล่าว
ขณะที่ สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ได้สัมภาษณ์ การัณทีป สิงห์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ประวัติของตนนั้น ไม่อยากเปิดเผยแต่ขอเป็นเรื่องส่วนตัว อยากจะบอกเพียงว่า ในอดีตอินเดียปกครองด้วยระบบกษัตริย์ พระอัยกาเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐพระองค์สุดท้ายก่อนระบบกษัตริย์จะหมดไป มีพระธิดาพระองค์เดียว คือ พระมารดาของพระองค์ ทำให้พระองค์เป็นรัชทายาทแห่งรัฐราชสถานโธละปุระ ประเทศอินเดีย ปัจจุบันครอบครัวของพระองค์ใช้ชีวิตอย่างสามัญชน ยังคงต้องทำงานและทำธุรกิจ สมบัติบางส่วนได้คืนให้กับรัฐบาลอินเดียเป็นผู้ดูแล และบางส่วนได้เก็บไว้เพื่อต้องการอนุรักษ์ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ สถานะที่ดำรงอยู่ ณ ปัจจุบันจึงถือเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ติดตัวมาเท่านั้น สำหรับเหตุการณ์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเซียล เชื่อว่าอีกไม่เกิน 15 วัน คนก็จะลืมและกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ
ขณะที่ปัจจุบันตนได้กลายเป็นที่กล่าวขานถึงจากประชาชนชาวไทยนั้น บอกตามตรงว่า มีความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เพราะโดยนิสัยส่วนตัวเป็นคนสบาย สามารถนั่งรถ ลงเรือ ขึ้นเครื่อง ขี่มอเตอร์ไซค์ ได้ดังคนปกติทั่วไป และการที่กลายเป็นกระแสในสังคมคนไทยนั้น รู้สึกว่า ประชาชนชาวไทยน่ารักและให้เกียรติกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งการเป็นบุคคลที่ประชาชนอยากรับรู้นั้น มองว่า อึดอัดเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วคนไทยน่ารักมาก