รู้หรือไม่ ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ พระที่นั่งนี้สร้างอยู่บนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เป็นสถาปัตยกรรมนีโอเรอเนสซองส์และนีโอคลาสสิกอันโดดเด่นซึ่งตกแต่งด้วยหินอ่อนสั่งตรงจากประเทศอิตาลี และเป็นหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์อันทรงคุณค่าของประเทศไทยที่มีความงามคลาสสิคเหนือกาลเวลา ซึ่งรัชกาลที่ ๕ ท่านทรงสร้างไว้ให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยที่ควรค่าแก่ความภาคภูมิใจและระลึกถึงตลอดไป
เนื่องในโอกาสครบ 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่งดงามของกรุงรัตนโกสินทร์ นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด พร้อมด้วย นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง โดยความร่วมมือระหว่าง ไปรษณีย์ไทยและสถาบันสิริกิติ์ โดยมี ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต รองเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดตัวตราไปรษณียากรที่ระลึก 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ และ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ร่วมเป็นวิทยากรนำชมและบรรยายเกี่ยวกับประวัติของ ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความงดงามทั้งทางด้านของสถาปัตยกรรมอันคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลาและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมานี้ ไปรษณีย์ไทยและสถาบันสิริกิติ์ ฉลองครบรอบ 100 ปี ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดตัวตราไปรษณียากรที่ระลึก 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ จัดทำแสตมป์ที่ระลึกถ่ายทอดความงดงามทรงคุณค่าของสถาปัตยกรรม ผ่านตราไปรษณียากรให้ชาวไทยได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึก
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “แสตมป์ชุดนี้เป็นชุดพิเศษ จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ในปี พ.ศ. 2559 เพื่อเฉลิมฉลองและเผยแพร่ความงดงามของสถาปัตยกรรมของไทยอันทรงคุณค่าสู่สายตาประชาชนทั่วโลก โดยแสตมป์ชุดนี้ได้รับความอนุเคราะห์ภาพพระที่นั่งอนันตสมาคมจากสถาบันสิริกิติ์ เพื่อใช้เป็นภาพต้นแบบในการจัดทำ และใช้เทคนิคพิเศษพิมพ์และให้ความสำคัญกับทุกๆ รายละเอียด โดยเฉพาะสีของหลังคาซึ่งเกิดจากสนิมสีเขียว ต้องเป็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับภาพต้นฉบับมากที่สุด อีกทั้งใช้เทคนิคพิเศษพิมพ์สปอตยูวีบริเวณองค์พระที่นั่งฯ เพื่อสร้างความโดดเด่นเพื่อให้แสตมป์ชุดนี้ มีลักษณะออกมาอย่างถูกต้องครบสมบูรณ์ทุกรายละเอียดของพระที่นั่งมากที่สุด
โดยสแตมป์ที่ระลึกครบรอบ 100 ปี พระที่นั่งอนันตสมาคม จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 เป็นวันแรกพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะมีวางจำหน่ายเพียง 500,000 ดวงเท่านั้น ในราคาดวงละ 5 บาท ส่วนแบบซองจะอยู่ที่ 14 บาท นอกจากนี้ยังมีการผลิตรูปแบบบล็อก 4 (หรือแสตมป์ 4 ดวงต่อแผ่น) บรรจุในแพ็กเกจพิเศษพิมพ์ออฟเซท 4 สีเป็นอย่างดี ได้แก่ เงิน ทอง นาก และฟ้าให้กับสถาบันสิริกิติ์โดยเฉพาะ และแสตมป์ชุดพิเศษ บล็อก 4 นี้จะวางจำหน่ายที่พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินเท่านั้น”
นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า เดือนมกราคมที่ผ่านมาครบรอบ 100 ปี พระที่นั่งอนันตสมาคม จึงร่วมกับไปรษณีย์ไทยเพื่อสื่อสารให้ประชาชนทราบในวาระดังกล่าว ปัจจุบันพระที่นั่งอนันตสมาคมได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และมีผู้เข้าชม 1 หมื่นกว่าคนในแต่ละวัน ขณะที่เราพยายามรักษาพระราชสมบัติแห่งนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของชาติ ก่อสร้างด้วยพระราชทรัพย์รวม 15 ล้านบาท ซึ่งถ้านับวันนี้เงิน 1-2 หมื่นล้านบาทก็สร้างไม่ได้ ให้ลูกหลานได้ภูมิใจต่อไป
ภายหลังการเปิดตัวแสตมป์ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชียวชาญด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมไทยให้เกียรติเป็นวิทยากรกิติมศักดิ์นำชมความงดงามของสถาปัตยกรรมภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมบรรยายว่า “พระที่นั่งอนันตสมาคมมีอายุครบ 100 ปี ในปี พ.ศ.2550 ของการวางศิลาฤกษ์ แต่พระที่นั่งองค์นี้ใช้เวลาสร้าง 8 ปี คือเปิดใช้เมื่อปี พ.ศ. 2458 นับถึงปีนี้ก็ครบ 100 ปีของการเปิดใช้”
พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นพระที่นั่งหินอ่อนเพียงองค์เดียวที่มีในประเทศไทย ที่ถูกสร้างขึ้นแบบตะวันตกและผสมผสานกับแบบไทย ที่สำคัญคือรวมช่างเกือบทุกแขนงของตะวันตก ทั้งสถาปัตยกรรม การแกะสลักหินอ่อน ประติมากรรม จิตรกรรมฝาผนัง-เพดาน ลวดลายเหล็กดัด-เหล็กหล่อ รวมทั้ง ‘พื้น’ ขององค์พระที่นั่งก็ปูด้วยหินอ่อนสีขาว จากเหมืองในเมือง คาราร่า (Carrara) ประเทศอิตาลี เช่นเดียวกับองค์พระที่นั่ง
“หินอ่อนจากเหมืองคาราร่ามหัศจรรย์ตรงเป็นเหมืองหินอ่อนแห่งเดียวในโลกที่มีหินอ่อนครบทุกสี คือหลายร้อยสี เหมืองหินอ่อนที่อื่นอาจมีสีเดียว สองสี สามสี ห้าสีหรือสิบสี แต่ที่นี่มีทุกสี ประการที่สองคือ เหมืองหินอ่อนคาราร่าขุดต่อเนื่องกันมาจนถึงนาทีนี้เป็นเวลา 400 ปี ไม่เคยหยุดขุด และไม่เคยหมด นาทีที่พวกเรานั่งคุยกันตรงนี้ หินอ่อนคาราร่าก็ยังขุดอยู่ ที่สำคัญ หินอ่อนที่นำมาสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม เนื้อหินอ่อนสีขาวเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างที่เราเห็นกันแบบนี้ เหมืองอื่นจะไม่มีสีขาวเท่านี้ เนื้อลายมากกว่านี้”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้าง ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เพื่อเป็นท้องพระโรงในรัชสมัยของพระองค์ ถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดที่แสดงถึงความเป็นอารยะของประเทศไทยในขณะนั้น ซึ่งอยู่ในช่วงเวลารอยต่อของการล่าอาณานิคมของตะวันตกที่ทวีกำลังสูงสุด และประเทศเพื่อนบ้านเราได้ตกเป็นเมืองขึ้นจนหมดยกเว้นประเทศไทย ที่สำคัญคือ ทรงสร้างอาคารเหล่านี้เพื่อต่อสู้การเข้ามาของโลกตะวันตก เพื่อให้อารยประเทศยอมรับว่าเราเจริญแล้ว ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน
‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เป็นพระราชดำริอันล้ำค่าของรัชกาลที่ห้าทรงสร้างเอาไว้ให้ลูกหลานได้เก็บกินจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับ ‘วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)’ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้สร้างขึ้น เรามีนักท่องเที่ยววันละหลายหมื่นคนไปวัดพระแก้ว เรามีนักท่องเที่ยวมาที่ ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ วันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน ค่าบัตรผ่านประตู 150 บาท ถือเป็นมรดกที่เราเก็บกินไปชั่วนาตาปี
‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศไทย เพราะนอกจากความสวยงามอันล้ำเลอค่าแล้วยังมีสิ่งมหัศจรรย์ซุกซ่อนอยู่ภายใต้พระที่นั่ง ซึ่งขุดเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีน้ำอยู่ พระที่นั่งตอกเสาเข็ม แต่ใต้นั้นเป็นอ่างน้ำทั้งอัน น้ำเสมอฐานพระที่นั่ง ดันพยุงพระที่นั่งอยู่ ซึ่งเราไม่เคยรู้เลย เขาเอาทฤษฎีเรือเอี้ยมจุ๊นในแม่น้ำเจ้าพระยามาสร้างพระที่นั่งองค์นี้ มันมหัศจรรย์ลั่นฟ้าที่สุด เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในเอเชียไม่มีใครนึกออก จนถึงวันนี้ไม่เคยทรุด ไม่เคยร้าว ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
รัชกาลที่ห้าทรงคุมงานสร้าง ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ได้ 3 ปี ได้งานฐานราก ก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เวลาสร้างต่ออีก 5 ปีเต็มก็เสร็จสมบูรณ์ วิธีการก่อสร้างคือ วัสดุทุกอย่าง หลังคาโดม งานประติมากรรมทุกชิ้น ล้วนแกะสลักทำสำเร็จรูปในอิตาลี แล้วส่งมาประกอบในเมืองไทย ใช้เงินไปทั้งหมด 15 ล้านบาท เทียบได้ประมาณ 15,000 ล้านบาทในปัจจุบัน”
พระที่นั่งอนันตสมาคม เดิมคือท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต ใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 8 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2449 ในรัชกาลที่ 5 จนเสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2458 พระที่นั่งอนันตสมาคม เดิมคือท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระที่นั่งแห่งนี้ได้ใช้เป็นที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะย้ายมาอยู่ ณ อาคารรัฐสภาปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีและรัฐพิธีสำคัญๆ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระราชพิธีประจำปีและโอกาสพิเศษต่างๆ ในภาพแสตมป์แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมนีโอเรอเนซองส์ และนีโอคลาสสิกอันโดดเด่นของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งตกแต่งด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้วยจุดเด่นหลังคาโดมคลาสสิกของโรมอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยโดมเล็กๆอีก 6 โดม ทั้งหมดทำขึ้นจากทองแดง ซึ่งต่อมาเกิดสนิมสีเขียวตามกาลเวลา
เรื่อง / ภาพ : โดย อรวรรณ เหม่นแหลม
(ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก internet)
เนื่องในโอกาสครบ 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่งดงามของกรุงรัตนโกสินทร์ นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด พร้อมด้วย นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง โดยความร่วมมือระหว่าง ไปรษณีย์ไทยและสถาบันสิริกิติ์ โดยมี ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต รองเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดตัวตราไปรษณียากรที่ระลึก 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ และ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ร่วมเป็นวิทยากรนำชมและบรรยายเกี่ยวกับประวัติของ ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความงดงามทั้งทางด้านของสถาปัตยกรรมอันคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลาและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมานี้ ไปรษณีย์ไทยและสถาบันสิริกิติ์ ฉลองครบรอบ 100 ปี ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดตัวตราไปรษณียากรที่ระลึก 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ จัดทำแสตมป์ที่ระลึกถ่ายทอดความงดงามทรงคุณค่าของสถาปัตยกรรม ผ่านตราไปรษณียากรให้ชาวไทยได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึก
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “แสตมป์ชุดนี้เป็นชุดพิเศษ จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ในปี พ.ศ. 2559 เพื่อเฉลิมฉลองและเผยแพร่ความงดงามของสถาปัตยกรรมของไทยอันทรงคุณค่าสู่สายตาประชาชนทั่วโลก โดยแสตมป์ชุดนี้ได้รับความอนุเคราะห์ภาพพระที่นั่งอนันตสมาคมจากสถาบันสิริกิติ์ เพื่อใช้เป็นภาพต้นแบบในการจัดทำ และใช้เทคนิคพิเศษพิมพ์และให้ความสำคัญกับทุกๆ รายละเอียด โดยเฉพาะสีของหลังคาซึ่งเกิดจากสนิมสีเขียว ต้องเป็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับภาพต้นฉบับมากที่สุด อีกทั้งใช้เทคนิคพิเศษพิมพ์สปอตยูวีบริเวณองค์พระที่นั่งฯ เพื่อสร้างความโดดเด่นเพื่อให้แสตมป์ชุดนี้ มีลักษณะออกมาอย่างถูกต้องครบสมบูรณ์ทุกรายละเอียดของพระที่นั่งมากที่สุด
โดยสแตมป์ที่ระลึกครบรอบ 100 ปี พระที่นั่งอนันตสมาคม จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559 เป็นวันแรกพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะมีวางจำหน่ายเพียง 500,000 ดวงเท่านั้น ในราคาดวงละ 5 บาท ส่วนแบบซองจะอยู่ที่ 14 บาท นอกจากนี้ยังมีการผลิตรูปแบบบล็อก 4 (หรือแสตมป์ 4 ดวงต่อแผ่น) บรรจุในแพ็กเกจพิเศษพิมพ์ออฟเซท 4 สีเป็นอย่างดี ได้แก่ เงิน ทอง นาก และฟ้าให้กับสถาบันสิริกิติ์โดยเฉพาะ และแสตมป์ชุดพิเศษ บล็อก 4 นี้จะวางจำหน่ายที่พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินเท่านั้น”
นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า เดือนมกราคมที่ผ่านมาครบรอบ 100 ปี พระที่นั่งอนันตสมาคม จึงร่วมกับไปรษณีย์ไทยเพื่อสื่อสารให้ประชาชนทราบในวาระดังกล่าว ปัจจุบันพระที่นั่งอนันตสมาคมได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และมีผู้เข้าชม 1 หมื่นกว่าคนในแต่ละวัน ขณะที่เราพยายามรักษาพระราชสมบัติแห่งนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของชาติ ก่อสร้างด้วยพระราชทรัพย์รวม 15 ล้านบาท ซึ่งถ้านับวันนี้เงิน 1-2 หมื่นล้านบาทก็สร้างไม่ได้ ให้ลูกหลานได้ภูมิใจต่อไป
ภายหลังการเปิดตัวแสตมป์ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชียวชาญด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมไทยให้เกียรติเป็นวิทยากรกิติมศักดิ์นำชมความงดงามของสถาปัตยกรรมภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมบรรยายว่า “พระที่นั่งอนันตสมาคมมีอายุครบ 100 ปี ในปี พ.ศ.2550 ของการวางศิลาฤกษ์ แต่พระที่นั่งองค์นี้ใช้เวลาสร้าง 8 ปี คือเปิดใช้เมื่อปี พ.ศ. 2458 นับถึงปีนี้ก็ครบ 100 ปีของการเปิดใช้”
พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นพระที่นั่งหินอ่อนเพียงองค์เดียวที่มีในประเทศไทย ที่ถูกสร้างขึ้นแบบตะวันตกและผสมผสานกับแบบไทย ที่สำคัญคือรวมช่างเกือบทุกแขนงของตะวันตก ทั้งสถาปัตยกรรม การแกะสลักหินอ่อน ประติมากรรม จิตรกรรมฝาผนัง-เพดาน ลวดลายเหล็กดัด-เหล็กหล่อ รวมทั้ง ‘พื้น’ ขององค์พระที่นั่งก็ปูด้วยหินอ่อนสีขาว จากเหมืองในเมือง คาราร่า (Carrara) ประเทศอิตาลี เช่นเดียวกับองค์พระที่นั่ง
“หินอ่อนจากเหมืองคาราร่ามหัศจรรย์ตรงเป็นเหมืองหินอ่อนแห่งเดียวในโลกที่มีหินอ่อนครบทุกสี คือหลายร้อยสี เหมืองหินอ่อนที่อื่นอาจมีสีเดียว สองสี สามสี ห้าสีหรือสิบสี แต่ที่นี่มีทุกสี ประการที่สองคือ เหมืองหินอ่อนคาราร่าขุดต่อเนื่องกันมาจนถึงนาทีนี้เป็นเวลา 400 ปี ไม่เคยหยุดขุด และไม่เคยหมด นาทีที่พวกเรานั่งคุยกันตรงนี้ หินอ่อนคาราร่าก็ยังขุดอยู่ ที่สำคัญ หินอ่อนที่นำมาสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม เนื้อหินอ่อนสีขาวเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างที่เราเห็นกันแบบนี้ เหมืองอื่นจะไม่มีสีขาวเท่านี้ เนื้อลายมากกว่านี้”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้าง ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เพื่อเป็นท้องพระโรงในรัชสมัยของพระองค์ ถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดที่แสดงถึงความเป็นอารยะของประเทศไทยในขณะนั้น ซึ่งอยู่ในช่วงเวลารอยต่อของการล่าอาณานิคมของตะวันตกที่ทวีกำลังสูงสุด และประเทศเพื่อนบ้านเราได้ตกเป็นเมืองขึ้นจนหมดยกเว้นประเทศไทย ที่สำคัญคือ ทรงสร้างอาคารเหล่านี้เพื่อต่อสู้การเข้ามาของโลกตะวันตก เพื่อให้อารยประเทศยอมรับว่าเราเจริญแล้ว ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน
‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เป็นพระราชดำริอันล้ำค่าของรัชกาลที่ห้าทรงสร้างเอาไว้ให้ลูกหลานได้เก็บกินจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับ ‘วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)’ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้สร้างขึ้น เรามีนักท่องเที่ยววันละหลายหมื่นคนไปวัดพระแก้ว เรามีนักท่องเที่ยวมาที่ ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ วันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน ค่าบัตรผ่านประตู 150 บาท ถือเป็นมรดกที่เราเก็บกินไปชั่วนาตาปี
‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศไทย เพราะนอกจากความสวยงามอันล้ำเลอค่าแล้วยังมีสิ่งมหัศจรรย์ซุกซ่อนอยู่ภายใต้พระที่นั่ง ซึ่งขุดเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีน้ำอยู่ พระที่นั่งตอกเสาเข็ม แต่ใต้นั้นเป็นอ่างน้ำทั้งอัน น้ำเสมอฐานพระที่นั่ง ดันพยุงพระที่นั่งอยู่ ซึ่งเราไม่เคยรู้เลย เขาเอาทฤษฎีเรือเอี้ยมจุ๊นในแม่น้ำเจ้าพระยามาสร้างพระที่นั่งองค์นี้ มันมหัศจรรย์ลั่นฟ้าที่สุด เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในเอเชียไม่มีใครนึกออก จนถึงวันนี้ไม่เคยทรุด ไม่เคยร้าว ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
รัชกาลที่ห้าทรงคุมงานสร้าง ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ได้ 3 ปี ได้งานฐานราก ก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เวลาสร้างต่ออีก 5 ปีเต็มก็เสร็จสมบูรณ์ วิธีการก่อสร้างคือ วัสดุทุกอย่าง หลังคาโดม งานประติมากรรมทุกชิ้น ล้วนแกะสลักทำสำเร็จรูปในอิตาลี แล้วส่งมาประกอบในเมืองไทย ใช้เงินไปทั้งหมด 15 ล้านบาท เทียบได้ประมาณ 15,000 ล้านบาทในปัจจุบัน”
พระที่นั่งอนันตสมาคม เดิมคือท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต ใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 8 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2449 ในรัชกาลที่ 5 จนเสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2458 พระที่นั่งอนันตสมาคม เดิมคือท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระที่นั่งแห่งนี้ได้ใช้เป็นที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะย้ายมาอยู่ ณ อาคารรัฐสภาปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีและรัฐพิธีสำคัญๆ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระราชพิธีประจำปีและโอกาสพิเศษต่างๆ ในภาพแสตมป์แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมนีโอเรอเนซองส์ และนีโอคลาสสิกอันโดดเด่นของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งตกแต่งด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้วยจุดเด่นหลังคาโดมคลาสสิกของโรมอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยโดมเล็กๆอีก 6 โดม ทั้งหมดทำขึ้นจากทองแดง ซึ่งต่อมาเกิดสนิมสีเขียวตามกาลเวลา
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถหาซื้อมาครอบครองได้แล้ววันนี้ที่ไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ หรือ โทร.0 2283 0411 , 0 2283 9185 |
เรื่อง / ภาพ : โดย อรวรรณ เหม่นแหลม
(ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก internet)