เด็กสาว ม.ปลาย ผู้อัดคลิปผ่านทางโปรแกรม Vine เพื่อระบายความรู้สึกนึกคิดจากเรื่องราวในชีวิตที่พบเจอ บางคนว่าคลิปเธอแรง ผู้ใหญ่บางคนถึงกับมองด้วยสายตาหวาดระแวง แต่ถ้าแจ้งแก่ใจในเจตนาของเธอนั้น เธอก็หวังให้มันเป็นเพียงความบันเทิงชนิดหนึ่ง แต่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึงความจริงทางสังคมมุมไหนบ้าง ก็สุดแท้แต่เธอจะเฟล
จากยอดผู้ติดตามไดอารีชีวิตบนคลิปวิดีโอกว่า 50,000 ยูสเซอร์ รวมทั้งยอดไลค์บนแฟนเพจกว่า 5 แสนราย คงปฏิเสธได้ยากถึงความฮอตฮิตของสาวน้อยคนนี้ ที่ใช้ชื่อง่ายๆ ว่า “มะเฟือง” หรือนามจริงว่า ณัฐชยา นิ่มสมุทร ที่เสมือนกลายเป็นตัวแทนแห่งความเฟลในสังคมออนไลน์ไปแล้วเรียบร้อย
เพราะมีความเฟลเป็นเครื่องหมายการค้า เรามาดูกันดีกว่าว่าเรื่องเฟลๆ ของสาวมะเฟือง มีอะไรบ้าง บางที ความเฟลของเธออาจกระตุกกระตุ้นความคิดความอ่านของคนในบ้านในเมืองเราก็เป็นได้
• จุดเริ่มต้นที่เริ่มทำคลิปลักษณะนี้ขึ้นมา
เพราะโดยส่วนตัว ไม่ชอบเขียนหรือพิมพ์อะไรที่เป็นข้อความหยาบคายลงไปในโลกออนไลน์น่ะค่ะ แล้วพิมพ์ไป ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวอยู่ดี ลงไปปุ๊บ ทุกคนก็อ่าน มันก็ไม่จบ เรื่องราวก็สานต่อ เลยคิดว่าถ้าทำเป็นคลิปจากความเครียดที่เรามี แล้วมาจากสิ่งที่คนอื่นเขาก็เครียดเหมือนกัน อาจจะรู้สึกเข้าใจและขำไปกับมันได้ ซึ่งมันก็ยังดีกว่าพิมพ์คำหยาบคายลงในสังคมออนไลน์
อีกอย่าง เราก็มีการไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยค่ะ เพราะส่วนมาก เห็นเพื่อนเขาพิมพ์คำหยาบอะไรแล้วมักจะมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นตามมา ซึ่งเฟืองเองก็พูดคำหยาบบ้าง แต่ถ้าเราไปด่ากันแบบไม่ด่าตรงตัว แต่ด่าอ้อมๆ แสดงว่าตัวเราก็ไม่กล้าจริงนี่หว่า ก็เลยไม่ทำอย่างนั้นดีกว่า โอเค ไม่พิมพ์ด่านะ แต่ขอทำเป็นคลิปแทน เพราะเฟืองก็ชอบตัดต่อวิดีโอ และชอบเล่นกับอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว
และพอเฟืองมารู้จักกับ Vine (แอปพลิเคชันถ่ายวิดีโอที่สามารถถ่ายได้ภายใน 6 วินาที) คือมันจะมีแต่ฝรั่งเขาทำ เราก็คิดว่าถ้าลองทำจะเป็นไง ก็เลยลองทำดู ส่วนรูปแบบในการนำเสนอ ก็ต้องร่างก่อนค่ะว่าวันนี้จะทำแบบนี้นะ เจอเหตุการณ์แบบนี้มานะ เราก็ต้องมาร่างมาเขียนว่าจะนำเสนออย่างไรบ้าง แต่ละวินาที ควรจะพูด หรือใส่เอฟเฟกต์อะไรให้มันน่าสนใจ ซึ่งในแต่ละคลิป จะมีแม่เป็นผู้ช่วยในการพิจารณา คือทำเสร็จแล้วจะถามแม่เลยว่าได้หรือเปล่า ถ้าผู้ใหญ่เห็น เขาจะรู้สึกยังไง บางคอมเมนต์ของแม่ก็มีบ้าง เช่น คลิปนี้อาจจะแรงไป แต่ถ้าจะลงก็ลงได้นะ หรือก็มีถามเพื่อนว่าโอเคหรือเปล่า
หรือบางอันก็เข้าใจว่ามันดูรุนแรงมาก ถ้าเกิดคุณครูมาเห็น มันก็อาจจะไม่เหมาะสม ก็มีการไปขอโทษครูนะ คนมาดูคลิปอาจจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้มันยังไง มันไม่เคารพครูหรือเปล่า แต่เฟืองเป็นนักเรียน เขาเป็นครู มันมีแก๊กอยู่แล้วว่าเราเคารพเขา เวลาทำอะไรเสร็จ เราก็จะไปขอโทษครูว่าครูเห็นแล้วใช่มั้ยคะ หนูไม่ได้หมายถึงครูนะ อธิบาย พ่อแม่ก็ด้วย โดยเฉพาะกับแม่ เราค่อนข้างสนิทกัน
• เรื่องราวที่เรานำมาถ่ายเล่าในคลิป ส่วนใหญ่มาจากอะไร
เรื่องในโรงเรียนค่ะ เพราะชีวิตประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ เฟืองจะอยู่ในโรงเรียน เรื่องที่เอามาพูดก็อย่างเช่นเรื่องคะแนนสอบ อ่านหนังสือไม่ทัน หรือบางทีอาจจะมีเรื่องส่วนตัว เช่น คนที่เราแอบชอบแอบคุย แต่เขาดันไปมีแฟน ก็เลยขอทำคลิปหน่อย แต่เฟืองก็ไม่คาดคิดว่าคนจะมาดูนะคะ เพราะตอนแรก เฟืองทำเพราะเล่นทวิตเตอร์ คือทำมาก็แค่เผยแพร่ในทวิตเตอร์ ก็แค่นั้น และบังเอิญว่ามีคนรู้สึกเหมือนเราด้วย ก็เกิดการรีทวีตกันไปเรื่อยๆ ก็ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นค่ะ
นอกนั้นก็อาจจะมีเรื่องครู เรื่องพ่อแม่ ส่วนมากไม่ใช่แก๊กนะ จะเป็นเรื่องจริงแล้วเราจะนำมาเล่าเป็นวิดีโอมากกว่า ส่วนมากก็มีถามเข้ามาว่าไปหามุกจากไหน เราก็บอกว่ามันไม่ใช่มุก มันเป็นสิ่งที่เราเจอมา เฟืองเลยทำอย่างนี้มากกว่า เป็นประสบการณ์ส่วนตัวผ่านทางวิดีโอ เพราะเราเล่นมุกไม่เป็น เล่นมุกไม่เก่ง
• เรื่องแบบไหนที่เราจะไม่มีวันเล่นเด็ดขาด
(นิ่งคิด) เรื่องใต้สะดือ เพราะว่ามันมีคนเล่นแล้ว และเฟืองคิดว่าเฟืองเล่นไม่ได้ เฟืองไม่สามารถเล่นอย่างนั้นได้ ถ้าเล่นก็คงออกมาไม่ดีต่อเฟืองด้วย แม่ก็คงไม่ชอบ และเรื่องการเมือง ศาสนา เรื่องเพศ แม่บอกว่าอย่านะ ทำอะไรก็ได้ แต่ 3 เรื่องนี้ห้ามนะ คือก็เข้าใจว่าพูดไป มันก็ไม่ใช่ เฟืองเลยคิดว่าเอาแค่เรื่องของตัวฉันเองดีกว่า
• ตอนนี้หลายคนติดป้ายประทับว่าเฟืองเป็นเน็ตไอดอลอีกคนไปแล้ว ตรงนี้คิดเห็นอย่างไร
เฟืองไม่เรียกตัวเองว่าเน็ตไอดอลนะคะ แต่เฟืองเรียกตัวเองว่าเอนเตอร์เทนเนอร์มากกว่า อาจจะดีบ้างไม่ดีบ้าง เพราะไม่รู้จะเป็นไอดอลในด้านอะไร หน้าตาก็ไม่ใช่ หรือความสามารถก็ไม่ใช่ขนาดนั้น ไม่เหมือนกับพลอยชมพู (ญานนีน ภารวี ไวเกล) ที่ร้องเพลงเก่งและสวยด้วย แต่เฟืองไม่ใช่อ่ะ ไม่รู้จะพูดว่าอะไร ก็ขอเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่มีดีบ้างไม่ดีบ้าง และให้ทุกคนชมผลงานเองว่าเป็นยังไงบ้าง โดยรวมก็มีคนรู้จักมากขึ้น และอึดอัดมากขึ้น เฟืองเลยตัดปัญหาโดยการไม่อ่านคอมเมนต์แล้วกัน เพราะเครียด คือเคยอ่านอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วหายไปเลย ไม่นอยด์นะ ก็เข้าใจว่าลงไปแล้ว มันก็ไม่ใช่พื้นที่ของเฟืองแล้ว
แต่เราก็ไม่ได้หลีกหนีโลกแห่งความจริงนะ เฟืองรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง แต่เราไม่ชอบ เวลาคนอื่นพูดก็รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ว่าทำไมต้องพูดอ่ะ มันไม่ถูกกาลเทศะ คือถ้าเราคลายเครียดให้เขาได้ เฟืองก็ดีใจตรงนั้นด้วย คือเราก็ไม่ได้ทำมาเพื่อตอบโจทย์ทุกคน
• พูดอย่างถึงที่สุด เป้าหมายของเราในการทำคลิปพวกนี้ขึ้นมา
ส่วนหนึ่งมันคือการวิพากษ์การเป็นวัยรุ่น เช่นเรื่องที่ว่าวัยรุ่นไทยเรียนหนัก จากที่เฟืองเจอมา รู้สึกว่าประเทศไทยเรียนหนักไป และเขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกันแน่ แบบสอนนั่นสอนนี่ มันเหนื่อยมาก คือยุคเฟืองเปลี่ยนจาก 7 วิชา มาเป็น 9 วิชา และยื่นสอบได้แค่ครั้งเดียว แล้วปีที่แล้วก็เปลี่ยนอีกแล้ว คือมันเหนื่อยมาก เรียนก็เรียนทั้งวัน เฟืองเรียนในโรงเรียน ก็ต้องไปเรียนพิเศษข้างนอกต่อ ถึงวันหยุดก็ต้องอ่านหนังสือต่อ ซึ่งมันเสียเวลาในการใช้ชีวิตวัยรุ่นมากเลย มันเหนื่อย และเขาก็เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ เดาใจไม่ได้
แต่ชีวิตเฟืองจริงๆ ไม่เครียดนะ นอกจากเรื่องการศึกษา ส่วนมากก็จะเครียดเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่เรื่องรอบข้าง ก็จะเป็นเรื่องๆ ไป เช่น เรื่องรถไฟฟ้า คือเป็นแบบมันเป็นแถวยาวๆ มาก แล้วเขาเอาของใหญ่มากๆ มาตั้ง แล้วเขานั่งเฉยๆ แล้วเฟืองแบบ (ทำหน้าเอือม) แต่เขาก็ยังดูแฮปปี้ นั่งแบบเอียงตัว คือปกติสามารถนั่งได้ 4 คน แต่เขานั่งได้คนเดียว ก็รู้สึกแบบว่า เออเนอะ สบายจังเนอะ อะไรแบบนี้
• นอกจากเรื่องตลกโปกฮา คิดว่าการทำคลิปพวกนี้ให้อะไรอีกบ้าง
เฟืองว่ามันไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่นะ (หัวเราะเบาๆ) แต่จะมีคนมาถามว่าใช้โปรแกรมอะไร ซึ่งเราก็จะอธิบายว่าใช่โปรแกรมนี้นะคะ ก็เป็นทางเลือกให้น้องๆ ที่อยากจะมีความรู้ในเรื่องการตัดต่อวิดีโอหรือหนังสั้น คือช่วยเรื่องเทคนิคและเอนเตอร์เทน อีกอย่าง เฟืองเล่นเพราะอยากเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าเล่นใน vine มันได้ภาษามากในบทสนทนา ถ้าเราฟังรู้เรื่องหมด มันโอเคเลย แต่คือ vine มันเล่นยาก 7 วินาทีที่ทำมา คือกว่าจะได้มา มันก็ไม่ง่ายนะ ตัดนู่นนั่นนี่ 1 วินาที ก็มีค่านะคะ
5 เรื่องสุดเฟล
ของสาวมะเฟือง
1.คอมเมนต์ออนไลน์
คือเป็นคนที่ไม่ค่อยดูข่าวนะคะ แต่จะเป็นเรื่องคอมเมนต์ของที่เฟืองเจอ เพราะมันแรงมาก จนเฟืองหยุดไปเลยเดือนหนึ่ง ไม่ได้เฟลหรอก มันรู้สึกไม่ดี เพราะเขาเขียนประมาณว่า ‘อยากเห็นน้องเฟืองถ่ายคลิปมีอะไรกับคนอื่นจังเลยค่ะ’ นั่นแหละ ทำให้เฟืองรู้สึกว่า เฟืองไม่ได้ทำอะไรให้เลย เฟืองไม่ได้ด่าใคร ในโซเชียลเลย แล้วไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็หายไปเลย แล้วก็มีคนมาบอกอีกคนว่า เฟืองไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ แล้วก็กลับมา ค่อนข้างแรงมาก จนบอกแม่เลยว่า หยุดก่อน
2.การศึกษาพามึน
เป็นเรื่องเรียนแหละค่ะ อย่างสอบ gat pat ที่ผ่านมา คือเฟืองอ่านหนังสือเยอะ แบบไม่ไปเรียนเลย เพื่ออ่านหนังสือกับเพื่อนๆ คือติวนั่นนี่ แต่มันก็เปลี่ยนไปอีก คือเฟืองทำข้อสอบเก่าทุกปี แล้วปีนี้ เขาก็ปรับให้มันยากไปเลย เพื่อเตรียมรับปีของเฟือง งงๆ คือเขาให้เราสอบแบบยากขึ้น แล้วรับนักเรียนน้อยลง แล้วเกณฑ์คือยื่นตรงกันไม่ได้อีก ก็มีเข้าใจตรงที่กลัวเด็กไปแย่งที่กัน แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปยากขนาดนั้น มันเตรียมตัวไม่ทัน อ่านเยอะไปก็ไม่ช่วย แล้วมันก็มีแบบว่า ทำไมไม่อ่านมาตั้งแต่แรกล่ะ คือไม่รู้เหรอว่า อ่านเยอะไปก็ไม่ช่วยอยู่ดี
3.สังคมนิยมที่ 1-2-3
ต่อจากข้อที่สอง ดูจากโรงเรียนก็ได้ ไม่ต้องไปเรื่องทั่วโลกหรอก คือยังไงการศึกษาไทยก็เน้นคนที่เก่งแต่เลข เก่งแต่วิทย์ ซึ่งจากที่เคยเห็นๆ ตามโรงเรียนต่างๆ จะมีการขึ้นบอร์ดเลยว่า ที่หนึ่งนะ โอลิมปิกนะ เขาจะให้ความสำคัญกับ ที่ 1 - ที่ 2 - ที่ 3 ซึ่งอันดับหลังจากนั้น เฟืองว่าเขาก็มีหัวใจนะ อย่างโอลิมปิก สอบได้แต่ละลำดับ แต่ 1-2-3 จะได้ขึ้น แล้วเวลาไปแข่ง แข่งเมื่อวานแล้วจะได้ขึ้นเลย แต่พวกที่แข่งดนตรี ได้ที่ 1 ระดับประเทศ เป็นเดือนเลย กว่าจะได้ขึ้น คือเขาจะไม่ใส่ใจเลยกับเด็กพวกนี้ เขาจะเน้นวิชาการจนลืมไปว่า ความสามารถด้านอื่นก็มีคุณค่าพอที่จะสู้กับประเทศอื่นได้ ซึ่งเหมือนเขาเป็นมานานแล้ว
ค่านิยมในการเป็นหมอกับวิศวะ ก็ยังคงอยู่ เหมือนกับคนติดล้อในความเป็นเสมียน คืออย่างเฟืองอยากเป็นอาชีพอื่นที่ไม่ใช่วิศวะกับหมอ แล้วพอญาติๆ มาถามเราว่า ไม่เข้าหมอเหรอ คือถ้าทุกคนเป็นหมอ เราจะมีอาชีพอื่นไว้ทำไม เฟืองก็คิดว่ามันไม่สมควรรึเปล่า ประมาณนั้น คือมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเห็นได้ง่ายค่ะ มันไม่จำเป็นที่เน้นเรื่องวิชาการ โรงเรียนอื่นๆ ก็เป็น เน้นเรื่องนี้อย่างเดียว อย่างเมื่อเช้าก็เจอแบบ เกรด 4 โรงเรียนเรา มีกี่เปอร์เซ็นต์นะ ครูอยากจะให้เกรดอื่นปัดมาเป็น 4 ให้หมด ซึ่งเราคิดว่า เกรดอื่นก็คุยกันได้นะ บางคนก็ขยันแล้ว แต่ได้เท่านี้
4.ค่านิยมของผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่มองเด็กแบบว่าต้องเรียบร้อยอยู่เสมอ ซึ่งโรงเรียนเฟืองจะเน้นแบบมารยาทมากๆ และเฟืองจะถูกจับตามอง เพราะเราก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียบร้อยขนาดนั้น แล้วยิ่งมาทำอะไรแบบนี้ ก็ยิ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษว่าทำไมทำอย่างงี้ล่ะ หรือมีว่าทำแบบนี้ไม่รักโรงเรียนเหรอ ซึ่งเราก็คิดว่าไม่ใช่ไง ยังรักโรงเรียนอยู่ ถึงจะไม่เรียบร้อยก็เหอะ แต่เฟืองก็รักษากฎนะ แม้จะไม่ได้เรียบร้อยแบบกระโปรงยาวถึงตาตุ่ม และเฟืองก็ไม่ได้ก้าวร้าวอะไรขนาดนั้นนะ แต่เขาก็คงมองเพราะว่าเรามีคลิปอะไรออกไปด้วย เขาบอกว่าเด็กต้องเรียบร้อย เรียนเก่ง แต่เราไม่ใช่เด็กที่เรียบร้อยแบบทรงที่ผ้าพับไว้ คือเรียบร้อยได้ แต่จะให้ตลอดเวลาก็เป็นไปไม่ได้ ทัศนคติเขายังเหมือนเดิม
5.พฤติกรรมไทยๆ
เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า คือต่อให้เขียนป้ายเขียนกฎหมายไว้ แล้วยังไง เขาก็ขึ้นอยู่ดี แม้แต่ทางด่วนช่วงรีบๆ เขาก็ขึ้นกันไป แล้วพอรถชน จะโทษใคร ก็ต้องโทษเขาเอง คือแม่ก็เห็น เฟืองนั่งรถกับเขาด้วย จะแบบขึ้นมาทำไม ไฟแดงก็ปาด เฟืองก็คิดว่า ถ้าเราอยากจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เรื่องแบบนี้มันควรจะแก้ได้หรือเปล่า ถ้าเราบ่นอยากจะได้นั่นนี่ อยากได้อย่างอเมริกา คือคนไทยแค่อยากจะได้บางอย่างของเขา แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง คือเฟืองว่าเรายังไม่พร้อมหรอก แค่นี้ยังทำไม่ได้เลย
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
จากยอดผู้ติดตามไดอารีชีวิตบนคลิปวิดีโอกว่า 50,000 ยูสเซอร์ รวมทั้งยอดไลค์บนแฟนเพจกว่า 5 แสนราย คงปฏิเสธได้ยากถึงความฮอตฮิตของสาวน้อยคนนี้ ที่ใช้ชื่อง่ายๆ ว่า “มะเฟือง” หรือนามจริงว่า ณัฐชยา นิ่มสมุทร ที่เสมือนกลายเป็นตัวแทนแห่งความเฟลในสังคมออนไลน์ไปแล้วเรียบร้อย
เพราะมีความเฟลเป็นเครื่องหมายการค้า เรามาดูกันดีกว่าว่าเรื่องเฟลๆ ของสาวมะเฟือง มีอะไรบ้าง บางที ความเฟลของเธออาจกระตุกกระตุ้นความคิดความอ่านของคนในบ้านในเมืองเราก็เป็นได้
• จุดเริ่มต้นที่เริ่มทำคลิปลักษณะนี้ขึ้นมา
เพราะโดยส่วนตัว ไม่ชอบเขียนหรือพิมพ์อะไรที่เป็นข้อความหยาบคายลงไปในโลกออนไลน์น่ะค่ะ แล้วพิมพ์ไป ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวอยู่ดี ลงไปปุ๊บ ทุกคนก็อ่าน มันก็ไม่จบ เรื่องราวก็สานต่อ เลยคิดว่าถ้าทำเป็นคลิปจากความเครียดที่เรามี แล้วมาจากสิ่งที่คนอื่นเขาก็เครียดเหมือนกัน อาจจะรู้สึกเข้าใจและขำไปกับมันได้ ซึ่งมันก็ยังดีกว่าพิมพ์คำหยาบคายลงในสังคมออนไลน์
อีกอย่าง เราก็มีการไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยค่ะ เพราะส่วนมาก เห็นเพื่อนเขาพิมพ์คำหยาบอะไรแล้วมักจะมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นตามมา ซึ่งเฟืองเองก็พูดคำหยาบบ้าง แต่ถ้าเราไปด่ากันแบบไม่ด่าตรงตัว แต่ด่าอ้อมๆ แสดงว่าตัวเราก็ไม่กล้าจริงนี่หว่า ก็เลยไม่ทำอย่างนั้นดีกว่า โอเค ไม่พิมพ์ด่านะ แต่ขอทำเป็นคลิปแทน เพราะเฟืองก็ชอบตัดต่อวิดีโอ และชอบเล่นกับอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว
และพอเฟืองมารู้จักกับ Vine (แอปพลิเคชันถ่ายวิดีโอที่สามารถถ่ายได้ภายใน 6 วินาที) คือมันจะมีแต่ฝรั่งเขาทำ เราก็คิดว่าถ้าลองทำจะเป็นไง ก็เลยลองทำดู ส่วนรูปแบบในการนำเสนอ ก็ต้องร่างก่อนค่ะว่าวันนี้จะทำแบบนี้นะ เจอเหตุการณ์แบบนี้มานะ เราก็ต้องมาร่างมาเขียนว่าจะนำเสนออย่างไรบ้าง แต่ละวินาที ควรจะพูด หรือใส่เอฟเฟกต์อะไรให้มันน่าสนใจ ซึ่งในแต่ละคลิป จะมีแม่เป็นผู้ช่วยในการพิจารณา คือทำเสร็จแล้วจะถามแม่เลยว่าได้หรือเปล่า ถ้าผู้ใหญ่เห็น เขาจะรู้สึกยังไง บางคอมเมนต์ของแม่ก็มีบ้าง เช่น คลิปนี้อาจจะแรงไป แต่ถ้าจะลงก็ลงได้นะ หรือก็มีถามเพื่อนว่าโอเคหรือเปล่า
หรือบางอันก็เข้าใจว่ามันดูรุนแรงมาก ถ้าเกิดคุณครูมาเห็น มันก็อาจจะไม่เหมาะสม ก็มีการไปขอโทษครูนะ คนมาดูคลิปอาจจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้มันยังไง มันไม่เคารพครูหรือเปล่า แต่เฟืองเป็นนักเรียน เขาเป็นครู มันมีแก๊กอยู่แล้วว่าเราเคารพเขา เวลาทำอะไรเสร็จ เราก็จะไปขอโทษครูว่าครูเห็นแล้วใช่มั้ยคะ หนูไม่ได้หมายถึงครูนะ อธิบาย พ่อแม่ก็ด้วย โดยเฉพาะกับแม่ เราค่อนข้างสนิทกัน
• เรื่องราวที่เรานำมาถ่ายเล่าในคลิป ส่วนใหญ่มาจากอะไร
เรื่องในโรงเรียนค่ะ เพราะชีวิตประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ เฟืองจะอยู่ในโรงเรียน เรื่องที่เอามาพูดก็อย่างเช่นเรื่องคะแนนสอบ อ่านหนังสือไม่ทัน หรือบางทีอาจจะมีเรื่องส่วนตัว เช่น คนที่เราแอบชอบแอบคุย แต่เขาดันไปมีแฟน ก็เลยขอทำคลิปหน่อย แต่เฟืองก็ไม่คาดคิดว่าคนจะมาดูนะคะ เพราะตอนแรก เฟืองทำเพราะเล่นทวิตเตอร์ คือทำมาก็แค่เผยแพร่ในทวิตเตอร์ ก็แค่นั้น และบังเอิญว่ามีคนรู้สึกเหมือนเราด้วย ก็เกิดการรีทวีตกันไปเรื่อยๆ ก็ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นค่ะ
นอกนั้นก็อาจจะมีเรื่องครู เรื่องพ่อแม่ ส่วนมากไม่ใช่แก๊กนะ จะเป็นเรื่องจริงแล้วเราจะนำมาเล่าเป็นวิดีโอมากกว่า ส่วนมากก็มีถามเข้ามาว่าไปหามุกจากไหน เราก็บอกว่ามันไม่ใช่มุก มันเป็นสิ่งที่เราเจอมา เฟืองเลยทำอย่างนี้มากกว่า เป็นประสบการณ์ส่วนตัวผ่านทางวิดีโอ เพราะเราเล่นมุกไม่เป็น เล่นมุกไม่เก่ง
• เรื่องแบบไหนที่เราจะไม่มีวันเล่นเด็ดขาด
(นิ่งคิด) เรื่องใต้สะดือ เพราะว่ามันมีคนเล่นแล้ว และเฟืองคิดว่าเฟืองเล่นไม่ได้ เฟืองไม่สามารถเล่นอย่างนั้นได้ ถ้าเล่นก็คงออกมาไม่ดีต่อเฟืองด้วย แม่ก็คงไม่ชอบ และเรื่องการเมือง ศาสนา เรื่องเพศ แม่บอกว่าอย่านะ ทำอะไรก็ได้ แต่ 3 เรื่องนี้ห้ามนะ คือก็เข้าใจว่าพูดไป มันก็ไม่ใช่ เฟืองเลยคิดว่าเอาแค่เรื่องของตัวฉันเองดีกว่า
• ตอนนี้หลายคนติดป้ายประทับว่าเฟืองเป็นเน็ตไอดอลอีกคนไปแล้ว ตรงนี้คิดเห็นอย่างไร
เฟืองไม่เรียกตัวเองว่าเน็ตไอดอลนะคะ แต่เฟืองเรียกตัวเองว่าเอนเตอร์เทนเนอร์มากกว่า อาจจะดีบ้างไม่ดีบ้าง เพราะไม่รู้จะเป็นไอดอลในด้านอะไร หน้าตาก็ไม่ใช่ หรือความสามารถก็ไม่ใช่ขนาดนั้น ไม่เหมือนกับพลอยชมพู (ญานนีน ภารวี ไวเกล) ที่ร้องเพลงเก่งและสวยด้วย แต่เฟืองไม่ใช่อ่ะ ไม่รู้จะพูดว่าอะไร ก็ขอเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่มีดีบ้างไม่ดีบ้าง และให้ทุกคนชมผลงานเองว่าเป็นยังไงบ้าง โดยรวมก็มีคนรู้จักมากขึ้น และอึดอัดมากขึ้น เฟืองเลยตัดปัญหาโดยการไม่อ่านคอมเมนต์แล้วกัน เพราะเครียด คือเคยอ่านอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วหายไปเลย ไม่นอยด์นะ ก็เข้าใจว่าลงไปแล้ว มันก็ไม่ใช่พื้นที่ของเฟืองแล้ว
แต่เราก็ไม่ได้หลีกหนีโลกแห่งความจริงนะ เฟืองรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง แต่เราไม่ชอบ เวลาคนอื่นพูดก็รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ว่าทำไมต้องพูดอ่ะ มันไม่ถูกกาลเทศะ คือถ้าเราคลายเครียดให้เขาได้ เฟืองก็ดีใจตรงนั้นด้วย คือเราก็ไม่ได้ทำมาเพื่อตอบโจทย์ทุกคน
• พูดอย่างถึงที่สุด เป้าหมายของเราในการทำคลิปพวกนี้ขึ้นมา
ส่วนหนึ่งมันคือการวิพากษ์การเป็นวัยรุ่น เช่นเรื่องที่ว่าวัยรุ่นไทยเรียนหนัก จากที่เฟืองเจอมา รู้สึกว่าประเทศไทยเรียนหนักไป และเขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกันแน่ แบบสอนนั่นสอนนี่ มันเหนื่อยมาก คือยุคเฟืองเปลี่ยนจาก 7 วิชา มาเป็น 9 วิชา และยื่นสอบได้แค่ครั้งเดียว แล้วปีที่แล้วก็เปลี่ยนอีกแล้ว คือมันเหนื่อยมาก เรียนก็เรียนทั้งวัน เฟืองเรียนในโรงเรียน ก็ต้องไปเรียนพิเศษข้างนอกต่อ ถึงวันหยุดก็ต้องอ่านหนังสือต่อ ซึ่งมันเสียเวลาในการใช้ชีวิตวัยรุ่นมากเลย มันเหนื่อย และเขาก็เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ เดาใจไม่ได้
แต่ชีวิตเฟืองจริงๆ ไม่เครียดนะ นอกจากเรื่องการศึกษา ส่วนมากก็จะเครียดเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่เรื่องรอบข้าง ก็จะเป็นเรื่องๆ ไป เช่น เรื่องรถไฟฟ้า คือเป็นแบบมันเป็นแถวยาวๆ มาก แล้วเขาเอาของใหญ่มากๆ มาตั้ง แล้วเขานั่งเฉยๆ แล้วเฟืองแบบ (ทำหน้าเอือม) แต่เขาก็ยังดูแฮปปี้ นั่งแบบเอียงตัว คือปกติสามารถนั่งได้ 4 คน แต่เขานั่งได้คนเดียว ก็รู้สึกแบบว่า เออเนอะ สบายจังเนอะ อะไรแบบนี้
• นอกจากเรื่องตลกโปกฮา คิดว่าการทำคลิปพวกนี้ให้อะไรอีกบ้าง
เฟืองว่ามันไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่นะ (หัวเราะเบาๆ) แต่จะมีคนมาถามว่าใช้โปรแกรมอะไร ซึ่งเราก็จะอธิบายว่าใช่โปรแกรมนี้นะคะ ก็เป็นทางเลือกให้น้องๆ ที่อยากจะมีความรู้ในเรื่องการตัดต่อวิดีโอหรือหนังสั้น คือช่วยเรื่องเทคนิคและเอนเตอร์เทน อีกอย่าง เฟืองเล่นเพราะอยากเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าเล่นใน vine มันได้ภาษามากในบทสนทนา ถ้าเราฟังรู้เรื่องหมด มันโอเคเลย แต่คือ vine มันเล่นยาก 7 วินาทีที่ทำมา คือกว่าจะได้มา มันก็ไม่ง่ายนะ ตัดนู่นนั่นนี่ 1 วินาที ก็มีค่านะคะ
5 เรื่องสุดเฟล
ของสาวมะเฟือง
1.คอมเมนต์ออนไลน์
คือเป็นคนที่ไม่ค่อยดูข่าวนะคะ แต่จะเป็นเรื่องคอมเมนต์ของที่เฟืองเจอ เพราะมันแรงมาก จนเฟืองหยุดไปเลยเดือนหนึ่ง ไม่ได้เฟลหรอก มันรู้สึกไม่ดี เพราะเขาเขียนประมาณว่า ‘อยากเห็นน้องเฟืองถ่ายคลิปมีอะไรกับคนอื่นจังเลยค่ะ’ นั่นแหละ ทำให้เฟืองรู้สึกว่า เฟืองไม่ได้ทำอะไรให้เลย เฟืองไม่ได้ด่าใคร ในโซเชียลเลย แล้วไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็หายไปเลย แล้วก็มีคนมาบอกอีกคนว่า เฟืองไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ แล้วก็กลับมา ค่อนข้างแรงมาก จนบอกแม่เลยว่า หยุดก่อน
2.การศึกษาพามึน
เป็นเรื่องเรียนแหละค่ะ อย่างสอบ gat pat ที่ผ่านมา คือเฟืองอ่านหนังสือเยอะ แบบไม่ไปเรียนเลย เพื่ออ่านหนังสือกับเพื่อนๆ คือติวนั่นนี่ แต่มันก็เปลี่ยนไปอีก คือเฟืองทำข้อสอบเก่าทุกปี แล้วปีนี้ เขาก็ปรับให้มันยากไปเลย เพื่อเตรียมรับปีของเฟือง งงๆ คือเขาให้เราสอบแบบยากขึ้น แล้วรับนักเรียนน้อยลง แล้วเกณฑ์คือยื่นตรงกันไม่ได้อีก ก็มีเข้าใจตรงที่กลัวเด็กไปแย่งที่กัน แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปยากขนาดนั้น มันเตรียมตัวไม่ทัน อ่านเยอะไปก็ไม่ช่วย แล้วมันก็มีแบบว่า ทำไมไม่อ่านมาตั้งแต่แรกล่ะ คือไม่รู้เหรอว่า อ่านเยอะไปก็ไม่ช่วยอยู่ดี
3.สังคมนิยมที่ 1-2-3
ต่อจากข้อที่สอง ดูจากโรงเรียนก็ได้ ไม่ต้องไปเรื่องทั่วโลกหรอก คือยังไงการศึกษาไทยก็เน้นคนที่เก่งแต่เลข เก่งแต่วิทย์ ซึ่งจากที่เคยเห็นๆ ตามโรงเรียนต่างๆ จะมีการขึ้นบอร์ดเลยว่า ที่หนึ่งนะ โอลิมปิกนะ เขาจะให้ความสำคัญกับ ที่ 1 - ที่ 2 - ที่ 3 ซึ่งอันดับหลังจากนั้น เฟืองว่าเขาก็มีหัวใจนะ อย่างโอลิมปิก สอบได้แต่ละลำดับ แต่ 1-2-3 จะได้ขึ้น แล้วเวลาไปแข่ง แข่งเมื่อวานแล้วจะได้ขึ้นเลย แต่พวกที่แข่งดนตรี ได้ที่ 1 ระดับประเทศ เป็นเดือนเลย กว่าจะได้ขึ้น คือเขาจะไม่ใส่ใจเลยกับเด็กพวกนี้ เขาจะเน้นวิชาการจนลืมไปว่า ความสามารถด้านอื่นก็มีคุณค่าพอที่จะสู้กับประเทศอื่นได้ ซึ่งเหมือนเขาเป็นมานานแล้ว
ค่านิยมในการเป็นหมอกับวิศวะ ก็ยังคงอยู่ เหมือนกับคนติดล้อในความเป็นเสมียน คืออย่างเฟืองอยากเป็นอาชีพอื่นที่ไม่ใช่วิศวะกับหมอ แล้วพอญาติๆ มาถามเราว่า ไม่เข้าหมอเหรอ คือถ้าทุกคนเป็นหมอ เราจะมีอาชีพอื่นไว้ทำไม เฟืองก็คิดว่ามันไม่สมควรรึเปล่า ประมาณนั้น คือมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเห็นได้ง่ายค่ะ มันไม่จำเป็นที่เน้นเรื่องวิชาการ โรงเรียนอื่นๆ ก็เป็น เน้นเรื่องนี้อย่างเดียว อย่างเมื่อเช้าก็เจอแบบ เกรด 4 โรงเรียนเรา มีกี่เปอร์เซ็นต์นะ ครูอยากจะให้เกรดอื่นปัดมาเป็น 4 ให้หมด ซึ่งเราคิดว่า เกรดอื่นก็คุยกันได้นะ บางคนก็ขยันแล้ว แต่ได้เท่านี้
4.ค่านิยมของผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่มองเด็กแบบว่าต้องเรียบร้อยอยู่เสมอ ซึ่งโรงเรียนเฟืองจะเน้นแบบมารยาทมากๆ และเฟืองจะถูกจับตามอง เพราะเราก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียบร้อยขนาดนั้น แล้วยิ่งมาทำอะไรแบบนี้ ก็ยิ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษว่าทำไมทำอย่างงี้ล่ะ หรือมีว่าทำแบบนี้ไม่รักโรงเรียนเหรอ ซึ่งเราก็คิดว่าไม่ใช่ไง ยังรักโรงเรียนอยู่ ถึงจะไม่เรียบร้อยก็เหอะ แต่เฟืองก็รักษากฎนะ แม้จะไม่ได้เรียบร้อยแบบกระโปรงยาวถึงตาตุ่ม และเฟืองก็ไม่ได้ก้าวร้าวอะไรขนาดนั้นนะ แต่เขาก็คงมองเพราะว่าเรามีคลิปอะไรออกไปด้วย เขาบอกว่าเด็กต้องเรียบร้อย เรียนเก่ง แต่เราไม่ใช่เด็กที่เรียบร้อยแบบทรงที่ผ้าพับไว้ คือเรียบร้อยได้ แต่จะให้ตลอดเวลาก็เป็นไปไม่ได้ ทัศนคติเขายังเหมือนเดิม
5.พฤติกรรมไทยๆ
เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า คือต่อให้เขียนป้ายเขียนกฎหมายไว้ แล้วยังไง เขาก็ขึ้นอยู่ดี แม้แต่ทางด่วนช่วงรีบๆ เขาก็ขึ้นกันไป แล้วพอรถชน จะโทษใคร ก็ต้องโทษเขาเอง คือแม่ก็เห็น เฟืองนั่งรถกับเขาด้วย จะแบบขึ้นมาทำไม ไฟแดงก็ปาด เฟืองก็คิดว่า ถ้าเราอยากจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เรื่องแบบนี้มันควรจะแก้ได้หรือเปล่า ถ้าเราบ่นอยากจะได้นั่นนี่ อยากได้อย่างอเมริกา คือคนไทยแค่อยากจะได้บางอย่างของเขา แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง คือเฟืองว่าเรายังไม่พร้อมหรอก แค่นี้ยังทำไม่ได้เลย
Profile ชื่อ : ณัฐชยา นิ่มสมุทร ชื่อเล่น : มะเฟือง วันเกิด : 25 ธันวาคม 2540 ส่วนสูง : 159 น้ำหนัก : 53 การศึกษา : มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า งานอดิเรก : ดูหนัง, ทำคลิปวิดีโอ Vine ผลงาน : Fanpage มะเฟืองเอง |
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร