หัวหอกแห่งเฟรชแอร์ เปิดใจเล่า เรื่องราวบันดาลใจ จากพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่หนังแอนิเมชั่นทุนสร้าง 150 ล้าน “คุณทองแดง The Inspirations” สานฝันอันยิ่งใหญ่ น้อมนำคำสอนในหลวง ถ่ายทอดสู่ปวงชนชาวไทย
“วินิจ เลิศรัตนชัย” ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกว้างขวางในฐานะดีเจซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเดอะคนหนึ่งบนหน้าปัดวิทยุตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะผันตัวเองไปเป็นคนทำงานเบื้องหลังและได้ให้กำเนิด “การแสดง” (Show) อลังการงานสร้างมาแล้วหลายงาน ภายใต้คอนเซปต์ว่าทุกงานจะต้องเป็น “ปรากฏการณ์” (The Phenomenon) ภายใต้ชายคา Fresh Air Festival ที่เขาเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง
และตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ประชาชนชาวไทยจะได้เดินทางร่วมกันใน “ปรากฏารณ์ครั้งล่าสุด” จากผู้ชายคนนี้ กับการนำแรงบันดาลใจจากพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เรื่องทองแดง” มาสร้างเป็นแอนิเมชั่นที่เปี่ยมด้วยแก่นสารคำสอนของในหลวง...
เริ่มต้นบนหน้าปัด
สู่ผู้จัดระดับปรากฏการณ์
“คือผมฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ ก็พยายามที่จะไม่คิดอย่างเดียวแล้วฝันเฉยๆ แต่มีการหัดคิดหัดทดลอง ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน ตามจังหวะที่มีโอกาส ก็เลยทำให้ทุกครั้งที่ผมฝันเป็นทุกครั้งที่ผมต้องพยายามฝึกเพื่อจะทำให้ฝันเป็นจริง เพราะว่าชีวิตผมฝันเกินเสมอ แล้วค่อยๆ ตามล่าฝันให้กลายเป็นจริง”
อดีตดีเจชื่อดังระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยุมานานกว่า 25 ปี เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้น
“ตั้งแต่เรียนจบ...จริงๆ ก่อนเรียนด้วยซ้ำ คือตอนนั้นช่วงปี พ.ศ.2525 ก็เริ่มทำงานครั้งแรกในวงการบันเทิงโดยใช้เสียง”
ประเดิมงานครั้งแรกเป็นผู้ประกาศข่าว ซึ่งทำให้ได้มีโอกาสชิมลางในทักษะการใช้เสียง ก่อนจะได้เลื่อนมาเป็นนักจัดการรายการวิทยุและเริ่มจัดรายการเป็นของตัวเองครั้งแรก Sunday Gap รายการวิทยุน้องใหม่ที่มาแรงในยุคนั้น
“ระหว่างที่ทำวิทยุ ผมก็มีโอกาสทำโชว์เล็กๆ ในรายการบ้าง จากนั้นก็ค้นพบว่าเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์อย่างมาก เพราะว่ามันเปิดให้เราสามารถที่จะสร้างจินตนาการเพิ่มเติมได้มากยิ่งขึ้น สามารถจับต้องได้ รวมไปถึงได้ใช้แนวคิดใหม่ๆ ผุดโผล่ขึ้นมาอยู่ในงานของเราได้ตลอดเวลา”
รายการวิทยุสมัยก่อน แขกรับเชิญก็จะมาเพียงร่วมสนุก นักดนตรีจะมีกีตาร์มาตัวเดียว แต่ในที่สุด วินิจก็ทำให้มันดูมีพลังมากขึ้น ด้วยการทำ Acoustic Live ครั้งแรก
“ตอนนั้น เราเชิญวงดนตรีคาราวานมาในสตูดิโอ แล้วก็เล่นสดในสตูดิโอ บันทึกเสียงเก็บมา จนกระทั่งในที่สุดกลายเป็นเทป cassette เป็นแผ่นเสียง ซึ่งก็บังเอิญอีกว่าโชว์ในรายการวิทยุครั้งนั้นเป็นงานบันทึกเสียงการแสดงสดซึ่งเป็น Live On Air มีคุณภาพที่สมบูรณ์แบบมากๆ และกลายมาเป็นอัลบัมบันทึก 12 ปี คาราวาน ที่ขายดีมาก”
จำเนียรกาลผ่านไปแบบคลุกคลีอยู่ในทางสายดนตรี ชีวิตของดีเจรุ่นเดอะคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนทิศพลิกทางอย่างสำคัญอีกครั้งเมื่อเขาขยับจากงานเบื้องหน้าสู่งานเบื้องหลัง ร่วมก่อตั้งบริษัท Fresh Air ที่สุดท้ายกลายมาเป็น Fresh Air Festival ภายใต้ปรัชญา The Phenomenon คือมุ่งหมายในการสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ จนกลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
“ที่ตัดสินใจอย่างนั้น เพราะคิดว่าการที่อยู่เบื้องหลังสามารถที่จะขยายงาน ขยายคน ขยายความได้เยอะขึ้น อีกอย่าง เราไม่ชอบทำเรื่องซ้ำๆ เราชอบพยายามคิดค้นหาเรื่องใหม่ๆ โจทย์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาหรือว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องตรงนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ทีมงานเองก็เช่นกัน ฉะนั้น พอคิดว่าทำไมต้องเป็นปรากฏการณ์ เราก็เลยเริ่มจากการทดลองทำเทศกาลดนตรีฤดูหนาว เทศกาลดนตรีฤดูร้อน แล้วเมืองไทยเป็นหน้าฝน เราก็ทำเทศกาลดนตรีฤดูฝนซะเลย ทั้งๆ ที่ฝนเป็นของแสลงกับเรื่องไฟฟ้า เราก็ทำสำเร็จที่เขื่อนขุนด่านปราการชล แม้ว่าวันนั้นฝนไม่ตก (หัวเราะ) แต่เราต้องทำฝนเทียมเพื่อให้มีฝนมีน้ำ แล้วคนดูก็ต้องเปียกไปกับเราด้วย โดยที่เราก็ยังแสดงได้อยู่ นั่นก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเราได้ทดลองทำสิ่งที่เป็น “ปรากฏการณ์” หรือ Phenomenon
“จนกระทั่งเมื่อปี 2552 เป็น Phenomenon ครั้งสำคัญในชีวิตของผมและทีมงานเลยก็คือ 4D Visual Light & Sound คือการทำเรื่องราวพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยใช้เทคนิคและทีมงานจากหลายประเทศร่วมกัน วงซิมโฟนีออร์เคสตร้าซึ่งเดินทางมาจากทั่วโลก ก็เป็นปรากฏการณ์ซึ่งยังเป็นที่จดจำมาจนทุกวันนี้ เพราะว่าเวลา 9 วัน 18 รอบ ผู้ชมเกือบ 3 ล้านคน จากที่พระที่นั่งอนันตสมาคมไปจนถึงหน้าอาคารสหประชาชาติ แน่นทุกวัน
“จากจุดนั้นเอง ผลงาน 4D Visual Light & Sound ที่ชื่อว่า “พ่อ” ก็มีโอกาสทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงหน้าโรงพยาบาลศิริราชในวันเฉลิมพระชนมพรรษา แสดงงานกลางแม่น้ำเจ้าพระยาให้พระองค์ท่านทอดพระเนตรจากชั้น 16 หลังจากนั้นอีก ก็ได้รับโอกาสให้ทำงานรับเสด็จที่ทุ่งมะขามหย่องที่อยุธยา เรามีเวลาเตรียมงานเพื่อสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่งก่อนที่ท่านจะเสด็จภายใน 10 วัน เราเนรมิตทุ่งมะขามหย่องที่พระนครศรีอยุธยาให้เป็นที่จดจำในหัวใจของคนไทย
“ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง คราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งอังสนาครั้งที่ 2 พระองค์ทรงเปิดโครงการชลประทาน 5 แห่ง ณ กรมชลประทานสามเสน โดยที่เรือพระที่นั่งได้แล่นผ่านไปที่เกาะเกร็ดจังหวัดนนทบุรี อ้อมเกาะเกร็ดแล้วก็กลับมาทรงทำพิธีเปิดเขื่อน นั่นก็เป็นผลงานของทีมงาน Fresh Air Festival นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม
จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ปี 2557 เดือนธันวาคม ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่งโดยพระราชทานพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกมาเป็นแสดงสดกลางแจ้งครั้งแรก ซึ่งเป็นการแสดงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะว่าขนาดของเวทีพื้นที่เกือบ 20,000 ตารางเมตร บนเวที 3 ชั้น กลางทะเลสาบในศูนย์สิริกิติ์ต่อหน้าผู้ชมรอบละ 10,000 คน รวมทั้งสิ้น 20 รอบ
“ผมฝันทุกเรื่องในชีวิต ผมจะฝันไกลนิดหนึ่งแล้วฝันเกินไปอีกหน่อยหนึ่ง และผมก็ค่อยๆ ตามแต่ละเรื่องมา แต่ผมอาจจะโชคดีที่ว่าผมฝันเกินและผมทำได้มาตลอด อาจะเป็นเรื่องทีมงาน อาจจะเรื่องความพร้อมและจากประสบการณ์หลายๆ เรื่อง และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนมากมาย”
จากพระราชนิพนธ์ สู่แผ่นฟิล์ม
แอนิเมชั่นไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย
เพราะความเป็นนักคิด นักฝัน นักสร้างปรากฏการณ์ จากสายงานศิลปะ ดนตรีที่คลุกคลีมาทั้งชีวิต ทำให้ก้าวข้ามสู่งานภาพยนตร์เป็นครั้งแรก
“จริงๆ ตัวผมเองบอกเสมอว่า ผมเองไม่ถนัดรายการโทรทัศน์ มีหลายคนชวนทำรายการโทรทัศน์ ทำเกี่ยวกับภาพยนตร์ ผมบอกว่าไม่ถนัดจริงๆ เพราะว่าผมถนัดกับเรื่องของเสียง การแสดง live show แต่เพราะความท้าทายเป็น Phenomenon ในใจของผมส่วนตัว ถึงมาทำภาพยนตร์ครั้งแรก นั่นก็คือเรื่องพระมหาชก คือตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ช่วงเดือนมกราคมปี 2557 ผมและทีมงานได้ร่วมกันคิดว่าอยากจะทำงานอยู่ 2 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นแรก คือการแสดงสดพระมหาชนก The Phenomenon Live Show ซึ่งเสร็จสิ้นและก็ผ่านพ้นการแสดงไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 57
“ขณะเดียวกัน ย้อนกลับไปในช่วงเดือนมกราคมปี 57 ที่เราคิดโครงการขึ้นมาพร้อมๆ กัน คือเราอยากจะนำเรื่องราวของคุณทองแดงซึ่งเป็นความประทับใจโดยส่วนตัวของผมเองด้วย และก็เชื่อว่าน่าจะเป็นความประทับใจของคนไทยทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวของคุณทองแดงว่าเป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่มีความกตัญญู มีเรื่องราวต่างๆ ของคุณทองแดงมากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบจากพระราชนิพนธ์เล่มนี้
“แต่เดิม ผมไม่รู้จักคุณทองแดงโดยละเอียด ทราบแต่ว่าเป็นสุนัขทรงเลี้ยง สุนัขที่ซื่อสัตย์ สุนัขที่เป็นสุนัขจรจัดที่ท่านนำมาชุบเลี้ยงจนเป็นสุนัขซึ่งเป็นที่รักของคนไทยทุกคน พอทีมงานบอกว่าจะทำให้ทองแดงมีชีวิตทำอย่างไร ผมก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้าจะทำก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่ สำคัญมาก
“จากนั้นมีโอกาสได้ปรึกษาท่านประธานที่ปรึกษาโครงการ ดร.ดิสธร วัชรโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ที่ให้คำแนะนำกับผมตั้งแต่เรื่องการแสดงสดพระมหาชนก เลยได้เรียนปรึกษาท่านว่า ถ้าผมจะนำเรื่องราวที่มาจากแรงบันดาลใจจากคุณทองแดงมาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น โดยมีความตั้งใจว่าอยากจะสร้างปรากฏการณ์ให้ผลงานชิ้นนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือคนไทย100 เปอร์เซ็นต์ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานแอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้ไปปักหมุดอยู่ในเวทีโลก จะสามารถทำได้อย่างไร
“ท่านก็ได้ให้คำแนะนำจนกระทั่งกลายเป็นที่มาของการนำเอาแรงบันดาลใจที่เกิดจากคุณงามความดีของคุณทองแดงในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกตัญญู การปกป้องดูแลเจ้านาย การเป็นองครักษ์ที่ดี และการรู้จักตอบแทนบุญคุณ มาเป็นแรงบันดาลใจโดยเล่าผ่านตัวละครเกิดเป็นแอนิเมชั่นสั้น 3 เรื่องด้วยกัน พร้อมกับชื่อโปรเจ็กต์ว่า คุณทองแดง The Inspirations
“จำได้ว่าพอได้อ่านตอนแรก ก็พบว่าเป็นเรื่องที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นคำสอนที่มีประโยชน์ อ่านไปก็น้ำตาไหลไป รู้สึกชื่นใจว่าสุนัขจรจัดตัวหนึ่งสามารถมีชีวิตอย่างนี้ได้เชียวหรือ แล้วก็เป็นสุนัขที่มีความกตัญญูรู้คุณ มีการแสดงออกซึ่งความรักหวงแหนเจ้านาย แล้วก็มีการแสดงออกในสิ่งซึ่งเราอาจจะไม่เคยได้ยินจากสุนัขธรรมดา อย่างเช่นมีโทรจิต มีความสนใจในเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วก็อย่างเช่น มีงอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยนะ คิดดูว่าท่านยังต้องทรงไปง้อคุณทองแดงด้วยวิธีการที่อ่านแล้วน่ารักมากเลย ก็เลยเกิดเป็นแรงบันดาลใจ และเชื่อว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่
“พวกเราทุกคนได้รู้ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ไม่เคยมองข้ามสิ่งเล็กๆ เลย พระองค์ได้ทรงนำเรื่องราวเล็กๆ ที่คนมักมองข้ามแล้วนำมาถ่ายทอด มาสอนมาบอกเรา มาให้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตในหลายๆ เรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นโครงการสำคัญต่างๆ กว่าสี่พันโครงการ หรือแม้กระทั่งเรื่องสิ่งมีชีวิตอย่างคุณทองแดง แต่นำมาเล่าแบบสนุกและมีสาระ
“ผมอยากจะบอกว่าการนำเรื่องต่างๆ ของคุณทองแดงมาเล่าให้คนไทยฟัง แต่ก็ตระหนักอยู่ว่า ถ้าเราจะเล่าเรื่องคุณทองแดงให้คนอื่นเข้าใจ จะทำอย่างไร โดยที่ไม่ทำให้การเล่าออกมาเป็นภาพยนตร์สารคดี ถ้าเราจะเล่าโดยที่ใช้ตัวคุณทองแดงเลยเราอาจจะต้องเดินตามแนวพระราชนิพนธ์ทั้งหมด แต่วิธีการของเราก็คือ เรานำคติธรรมจากพระราชนิพนธ์นี้ มาเล่าผ่านตัวละคร 3 ตัว ได้แก่ “ทองหล่อ” “จร” และ “คอปเปอร์”
“เป็นธรรมชาติของหนังแอนิเมชั่นที่จำเป็นจะต้องเหาะเหินเดินอากาศได้ ตีลังกาได้ เกินจริงได้ แต่ต้องไม่ทิ้งความเป็นเนื้อแท้แก่นสารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้น นั่นก็คือความรัก ความกตัญญู ความเมตตา การมองสิ่งเล็กๆ ให้มีคุณค่า การรู้จักพอเพียง สิ่งนี้คือคำสอนของพระเจ้าแผ่นดินของเราที่ทรงให้กับคนไทยมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าคนที่ชม “คุณทองแดง The Inspirations” จบ จะได้ซาบซึ้งในสิ่งซึ่งเป็นอัจฉริยะ และหลายสิ่งหลายอย่างที่พระองค์ทรงให้แง่คิด แง่มุมต่างๆ แล้วถ้าเรารู้จักนำสิ่งเหล่านั้นมาคิดมาใช้ดำรงชีวิต
“ในส่วนกระบวนการทำงาน เราทุ่มเทเป็นเวลาเกือบ 2 ปีเต็ม โดยร่วมมือกับ 4 สตูดิโอหลัก ไม่ว่าจะเป็น Dr.Head ที่เริ่มตั้งแต่คิดแนวทาง คิดเนื้อหาคิดวิธีที่จะเล่าเรื่อง และโปรดิวซ์ร่วมกับอีก 3 สตูดิโอ ได้แก่ Imagimax ซึ่งเป็นสตูดิโอแอนิเมชั่นที่แข็งแรงมากที่สุดอีกสตูดิโอหนึ่งในเมืองไทย The Monk Studios เป็นสตูดิโอซึ่งเคยมีผลงานมากมาย ถ้าเราจำได้ในระดับโลกก็คือทำงานร่วมกับ Pixar Studio และอีกหลายผลงานที่ปรากฏตามสายตาของพวกเรา และ Workpoint Pictures สตูดิโอซึ่งเคยทำแอนิเมชั่นเรื่อง “ยักษ์” มาแล้ว”
.......................................................................................................................................................
“คุณทองแดง The Inspiration”
3 เรื่อง 3 รส แรงบันดาลใจสี่ขา
• อยากให้คุณวินิจเล่าถึง 3 ตัวละครเอกที่เป็นสุนัข 3 ว่าประกอบด้วยเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องแรกชื่อว่า “หมาวัด” (Mid-Road) มีตัวเอกเป็นหมาวัดชื่อว่า “จร” ซึ่งมาจากชื่อเต็มๆ ว่า “จรจัด” เจ้าจรเป็นสุนัขจรจัดตัวหนึ่งซึ่งถูกหลวงตานำมาชุบเลี้ยงหลังจากถูกทิ้ง ชีวิตดำเนินคล้ายคุณทองแดงเลย แล้วก็เป็นเรื่องราวที่พูดถึงเรื่องความกตัญญูรู้คุณและทดแทนบุญคุณของเจ้าของอย่างสุดชีวิตเลย ปกป้องรักษาหลวงตาจากโจรร้าย จรเป็นสุนัขที่ลุกขึ้นมาบอกสุนัขในวัดทั้งหมดให้ต้องร่วมมือกันเพื่อจะช่วยกันปกปักรักษา จรก็มาจากแรงบันดาลใจ ความประทับใจที่คล้ายๆ กับคุณทองแดงที่เป็นสุนัขจรจัดซึ่งถูกนำมาชุบเลี้ยง แล้วก็ทดแทนบุญคุณ รัก นอบน้อมและปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แทบจะบอกว่ายอมเอาชีวิตเข้าแลกในหลายๆ เหตุการณ์
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าก็คือว่าคุณทองแดง หลังจากที่เข้าไปถวายตัวเป็นสุนัขทรงเลี้ยงแล้ว ตัวอย่างหนึ่งก็คือการทดแทนบุญคุณ แล้วก็ไม่ลืมบุญคุณของผู้มีพระคุณ ก็คือ “แม่แดง” ซึ่งเป็นแม่จริง และ “แม่มะลิ” ที่เป็นแม่นม เพราะว่าตอนเล็กๆ คุณทองแดงต้องไปให้แม่มะลิเลี้ยง ก็อาศัยนมของแม่มะลิ ซึ่งคุณทองแดงมีความรักและความกตัญญูต่อทั้งแม่แดงและแม่มะลิ นั่นหมายถึงต่อผู้มีพระคุณ
เรื่องที่สองมีชื่อว่า “ทองหล่อ” (Tonglor) ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องความจงรักภักดี การปกปักรักษาเจ้านายคล้ายๆ กับเป็นองครักษ์ เป็นบอดี้การ์ดแล้วก็ต้องต่อสู้กับตัวเอง เพราะในฉบับจริง คุณทองแดงจะเป็นสุนัขที่กลัวเสียงฟ้าผ่า เช่นเดียวกันกับในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ เจ้าทองหล่อก็จะเป็นสุนัขที่จะต้องต่อสู้กับความกลัวของตัวเองเหมือนคุณทองแดง โดยพล็อตเรื่องก็จะเล่าถึงคุณยายกับหลานสาวตาบอดแล้วก็มีสุนัขซึ่งก็คือทองหล่อเป็นสุนัขคู่กายที่เลี้ยงมาเพื่อฝึกให้คอยปกปักรักษาเด็กน้อยตาบอดในโลกมืด คุณยายก็พยายามที่จะเล่านิทานโดยเป็นการเล่านิทานผ่านทางหนังสือเรื่องคุณทองแดงนี่แหละครับให้หลานสาวฟัง ขณะเดียวกันทองหล่อก็จะซึมซับเรื่องราวเหล่านี้ไปด้วยว่าชีวิตจริงของคุณทองแดงเป็นอย่างไร เป็นองครักษ์แบบไหน ชอบกินลูกพลับ ชอบปอกมะพร้าว แล้วก็มีความหวาดกลัวในเสียงฟ้าผ่าเสียงฟ้าร้องเหล่านี้
ไฮไลท์ของทองหล่อ ก็คือทองหล่อต้องฟันฝ่าความกลัวเพื่อไปปกปักรักษาปกป้องชีวิตเจ้านายตัวน้อย ก็คือเด็กน้อยตาบอดนั่นเอง โดยตัวเรื่องราวก็จะถูกขมวดแล้วก็จะมีการเล่าและสรุปเรื่องราวต่างๆ ให้รู้ว่าเหตุใดทองหล่อถึงได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือฉบับนี้ แล้วก็ได้นำเสนอเรื่องราวซึ่งสามารถที่จะทำให้พวกเราได้เข้าใจความหมายได้ดีขึ้น เราจะได้เห็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ถ่ายทอดจินตนาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหาะเหินเดินอากาศ ตีลังกา สร้างความสนุกสนานให้กับเรื่องราวของทองหล่อเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องที่ 3 เป็นตัวเอกอีกหนึ่งตัวที่มองเผินๆ เหมือนเศษวัสดุเหลือใช้ที่เขาทิ้งแล้ว ดูเป็นกระป๋องๆ นี่แหละครับเป็นประเด็นสำคัญมากๆ ก็คือว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้เห็นรายละเอียดหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะดูไร้ค่า ไม่มีความหมายในสายตาคนอื่น แต่ท่านนำมาทำให้เราได้เห็นและรู้ซึ้งถึงคุณค่าหรือมีความหมายได้ อย่างเช่นชีวิตของคุณทองแดงเป็นสุนัขจรจัดที่เป็นหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งอยู่ข้างถนน ใครเห็นก็ไม่อยากได้ ไม่อยากจะเอามาเลี้ยง แต่พระองค์ทรงมีพระเมตตานำมาชุบเลี้ยงและกลายมาเป็นสุนัขที่มีคุณค่ามากมาย เป็นสุนัขที่พิเศษมากที่คนทุกๆ คนต้องหันมามอง เป็นสุนัขไทยตัวหนึ่งแต่มีความกตัญญูรู้คุณ มีความฉลาด
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านได้ทรงค้นคว้าว่าคุณทองแดงมีลักษณะบางประการคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ มีถิ่นกำเนิดบริเวณแอฟริกากลาง ประเทศคองโก มีหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีรูปสลักในพีรามิดที่ประเทศอียิปต์เป็นสุนัขพันธุ์บาเซนจิ แล้วก็ตกผลึกมาเป็นสุนัขพันธุ์ไทย ในที่สุด จากสุนัขที่ไม่มีค่ากลายเป็นสุนัขที่มีค่า เช่นเดียวกันกับ “คอปเปอร์” เหมือนกัน เศษวัสดุ เศษน็อต เศษสปริงที่ไม่มีค่าไม่มีความหมายแล้ว สามารถนำมาชุบชีวิตใหม่ให้เกิดแนวความคิดใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ทำให้ผมเลยไปนึกถึงเรื่องๆ หนึ่งที่สมเด็จย่าเคยสอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ถ้าอยากจะทำอะไร อยากได้อะไร ก็ต้องค้นคว้าต้องหาเอง ต้องฝึกเองอะไรเอง
สิ่งเหล่านี้แหละครับที่เป็นคำสอนที่ผมเองและพวกเราก็จดจำเสมอว่าอยากทำอะไร ถ้าเราพยายามเอง เราคิดเอง เราสร้างเอง วันหนึ่งก็จะมีความหมายและก็มีประโยชน์ต่อเรามากๆ เช่นเดียวกับเรื่อง คอปเปอร์เพื่อนรัก (Little Copper) ก็มาจากเรื่องราวเหล่านี้แหละครับ จากสิ่งเล็กๆ ที่ไม่มีความหมาย ถ้าเราใส่ใจก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความหมาย มีประโยชน์
• นอกจาก เรื่องที่สร้างจากแรงบันดาลใจของคุณทองแดงสุนัขทรงเลี้ยงแล้ว เราจะได้มีโอกาสเห็นเรื่องราวของคุณทองแดงตัวจริงๆ ในภาพยนตร์ด้วยหรือไม่
แน่นอนครับเราจะได้เห็นคุณทองแดงแน่ๆ ครับเพราะว่าจะมีอีกหนึ่งเรื่องราวที่จะถูกถ่ายทอดโดยมีอีกสตูดิโอหนึ่งที่จะมาทำหน้าที่ร้อยเรื่องราวทั้งหลายผ่านเทคนิคแอนิเมชั่นอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ เป็นเทคนิคกราฟิคป็อปอัพที่จะเล่าเรื่องราวและก็รายละเอียดต่างๆ ซึ่งจะค่อยๆ ทะลุเข้าไปในเหตุการณ์จริงที่เป็นที่มาของแอนิเมชั่นสามเรื่องนี้ครับ
• ทราบมาว่านอกจากแอนิเมชั่นเรื่องนี้ ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมดำเนินไปควบคู่กันด้วย
ใช่ครับ คือจะมีกิจกรรมพิเศษหลากหลายเกิดขึ้น ทั้งกิจกรรม School Tour ที่จะไปตามโรงเรียน ตั้งแต่ประถมต้นจนถึงเด็กโตและห้างสรรพสินค้าประมาณ 50 แห่ง เพื่อไปเชิญชวน ไปบอกกล่าวเล่าขาน ไปรื้อฟื้น ไปนำเอาสิ่งซึ่งเด็กๆ ชอบอยู่แล้วอย่างการ์ตูนไปสอนให้เด็กๆ ได้รู้ถึงเรื่องความกตัญญูรู้คุณ รู้ที่ต่ำที่สูง การมีสัมมาคาราวะ การมีเมตตา
ที่สำคัญก็คือ เราจะมีกิจกรรมตลอดในช่วงของการฉายภาพยนตร์ กิจกรรมร่วมกันที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของความหวังใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ ที่ทำให้สุนัขจรจัดลืมตาอ้าปากได้ เราเตรียมที่จะไปร่วมกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงิน ทำให้ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รักษ์สุนัขจริงๆ ทำให้สุนัขจรจัดมีความหมาย ทำให้เราได้รับรู้ว่าสายพันธุ์ต่างๆ นั้นเป็นยังไง เป็นที่วิเคราะห์วิจัย และเป็นที่ฟื้นฟูให้กับสุนัขจรจัด
และเหนืออื่นใด เพราะเรื่องราวคุณงามความดีของคุณทองแดงนี่เอง ที่ทำให้สุนัขจรจัดเหล่านี้มีพื้นที่ที่ลืมตาอ้าปากได้บ้าง ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเรารู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า Mid-Road หรือว่า “สุนัขข้างถนน” ตัวหนึ่ง ถ้าเรามองว่ามันไม่มีความหมาย มันก็เป็นขยะ มันก็เป็นเรื่องเกะกะ แต่ถ้าเรารู้ว่านั่นคือสิ่งที่มันมีความหมาย ถ้าเรารู้จักนำมาชุบเลี้ยงให้ถูกวิธี มาดูในรายละเอียด ค่อยๆ สอน ค่อยๆ ให้ความรัก ค่อยๆ ให้ความอบอุ่น สิ่งเหล่านี้มันก็จะตอบแทนกลับมาหาพวกเรานั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Dog Day ที่จะเกิดขึ้นประมาณ 7 วัน ที่ดิ เอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่วันที่ 2 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2558 มีกิจกรรมจากผู้สนับสนุนหลายฝ่าย มีเกม มีสุนัขแสนรู้ แล้วก็มีเรื่องราวของคุณทองแดงที่เราจะได้เรียนรู้กันมากยิ่งขึ้นด้วย มีของที่ระลึกต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้บรรยากาศน่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นตลอด 7 วัน
• ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับคนไทยและผู้ที่รอสัมผัสกับโปรเจ็กต์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแห่งแรงบันดาลใจ “คุณทองแดง The Inspirations”
เดือนธันวาคมของทุกปี เป็นเดือนที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อคนไทย ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ตามนะครับ และที่พิเศษคือตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ยาวไปตลอดทั้งเดือนจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า เราจะมีภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจจากสุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ชื่อ “คุณทองแดง The Inspirations” แอนิเมชั่นจากฝีมือของคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์จากสตูดิโอไทย
สุนัขที่ไม่มีความหมาย จะกลายเป็นสุนัขที่มีความหมาย คุณจะต้องหลงรักหมาขี้เหร่ที่คุณไม่เคยรักมันครับ
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ข้อมูลและภาพ : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
“วินิจ เลิศรัตนชัย” ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกว้างขวางในฐานะดีเจซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเดอะคนหนึ่งบนหน้าปัดวิทยุตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะผันตัวเองไปเป็นคนทำงานเบื้องหลังและได้ให้กำเนิด “การแสดง” (Show) อลังการงานสร้างมาแล้วหลายงาน ภายใต้คอนเซปต์ว่าทุกงานจะต้องเป็น “ปรากฏการณ์” (The Phenomenon) ภายใต้ชายคา Fresh Air Festival ที่เขาเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง
และตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ประชาชนชาวไทยจะได้เดินทางร่วมกันใน “ปรากฏารณ์ครั้งล่าสุด” จากผู้ชายคนนี้ กับการนำแรงบันดาลใจจากพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เรื่องทองแดง” มาสร้างเป็นแอนิเมชั่นที่เปี่ยมด้วยแก่นสารคำสอนของในหลวง...
เริ่มต้นบนหน้าปัด
สู่ผู้จัดระดับปรากฏการณ์
“คือผมฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ ก็พยายามที่จะไม่คิดอย่างเดียวแล้วฝันเฉยๆ แต่มีการหัดคิดหัดทดลอง ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน ตามจังหวะที่มีโอกาส ก็เลยทำให้ทุกครั้งที่ผมฝันเป็นทุกครั้งที่ผมต้องพยายามฝึกเพื่อจะทำให้ฝันเป็นจริง เพราะว่าชีวิตผมฝันเกินเสมอ แล้วค่อยๆ ตามล่าฝันให้กลายเป็นจริง”
อดีตดีเจชื่อดังระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยุมานานกว่า 25 ปี เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้น
“ตั้งแต่เรียนจบ...จริงๆ ก่อนเรียนด้วยซ้ำ คือตอนนั้นช่วงปี พ.ศ.2525 ก็เริ่มทำงานครั้งแรกในวงการบันเทิงโดยใช้เสียง”
ประเดิมงานครั้งแรกเป็นผู้ประกาศข่าว ซึ่งทำให้ได้มีโอกาสชิมลางในทักษะการใช้เสียง ก่อนจะได้เลื่อนมาเป็นนักจัดการรายการวิทยุและเริ่มจัดรายการเป็นของตัวเองครั้งแรก Sunday Gap รายการวิทยุน้องใหม่ที่มาแรงในยุคนั้น
“ระหว่างที่ทำวิทยุ ผมก็มีโอกาสทำโชว์เล็กๆ ในรายการบ้าง จากนั้นก็ค้นพบว่าเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์อย่างมาก เพราะว่ามันเปิดให้เราสามารถที่จะสร้างจินตนาการเพิ่มเติมได้มากยิ่งขึ้น สามารถจับต้องได้ รวมไปถึงได้ใช้แนวคิดใหม่ๆ ผุดโผล่ขึ้นมาอยู่ในงานของเราได้ตลอดเวลา”
รายการวิทยุสมัยก่อน แขกรับเชิญก็จะมาเพียงร่วมสนุก นักดนตรีจะมีกีตาร์มาตัวเดียว แต่ในที่สุด วินิจก็ทำให้มันดูมีพลังมากขึ้น ด้วยการทำ Acoustic Live ครั้งแรก
“ตอนนั้น เราเชิญวงดนตรีคาราวานมาในสตูดิโอ แล้วก็เล่นสดในสตูดิโอ บันทึกเสียงเก็บมา จนกระทั่งในที่สุดกลายเป็นเทป cassette เป็นแผ่นเสียง ซึ่งก็บังเอิญอีกว่าโชว์ในรายการวิทยุครั้งนั้นเป็นงานบันทึกเสียงการแสดงสดซึ่งเป็น Live On Air มีคุณภาพที่สมบูรณ์แบบมากๆ และกลายมาเป็นอัลบัมบันทึก 12 ปี คาราวาน ที่ขายดีมาก”
จำเนียรกาลผ่านไปแบบคลุกคลีอยู่ในทางสายดนตรี ชีวิตของดีเจรุ่นเดอะคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนทิศพลิกทางอย่างสำคัญอีกครั้งเมื่อเขาขยับจากงานเบื้องหน้าสู่งานเบื้องหลัง ร่วมก่อตั้งบริษัท Fresh Air ที่สุดท้ายกลายมาเป็น Fresh Air Festival ภายใต้ปรัชญา The Phenomenon คือมุ่งหมายในการสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ จนกลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
“ที่ตัดสินใจอย่างนั้น เพราะคิดว่าการที่อยู่เบื้องหลังสามารถที่จะขยายงาน ขยายคน ขยายความได้เยอะขึ้น อีกอย่าง เราไม่ชอบทำเรื่องซ้ำๆ เราชอบพยายามคิดค้นหาเรื่องใหม่ๆ โจทย์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาหรือว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องตรงนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ทีมงานเองก็เช่นกัน ฉะนั้น พอคิดว่าทำไมต้องเป็นปรากฏการณ์ เราก็เลยเริ่มจากการทดลองทำเทศกาลดนตรีฤดูหนาว เทศกาลดนตรีฤดูร้อน แล้วเมืองไทยเป็นหน้าฝน เราก็ทำเทศกาลดนตรีฤดูฝนซะเลย ทั้งๆ ที่ฝนเป็นของแสลงกับเรื่องไฟฟ้า เราก็ทำสำเร็จที่เขื่อนขุนด่านปราการชล แม้ว่าวันนั้นฝนไม่ตก (หัวเราะ) แต่เราต้องทำฝนเทียมเพื่อให้มีฝนมีน้ำ แล้วคนดูก็ต้องเปียกไปกับเราด้วย โดยที่เราก็ยังแสดงได้อยู่ นั่นก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเราได้ทดลองทำสิ่งที่เป็น “ปรากฏการณ์” หรือ Phenomenon
“จนกระทั่งเมื่อปี 2552 เป็น Phenomenon ครั้งสำคัญในชีวิตของผมและทีมงานเลยก็คือ 4D Visual Light & Sound คือการทำเรื่องราวพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยใช้เทคนิคและทีมงานจากหลายประเทศร่วมกัน วงซิมโฟนีออร์เคสตร้าซึ่งเดินทางมาจากทั่วโลก ก็เป็นปรากฏการณ์ซึ่งยังเป็นที่จดจำมาจนทุกวันนี้ เพราะว่าเวลา 9 วัน 18 รอบ ผู้ชมเกือบ 3 ล้านคน จากที่พระที่นั่งอนันตสมาคมไปจนถึงหน้าอาคารสหประชาชาติ แน่นทุกวัน
“จากจุดนั้นเอง ผลงาน 4D Visual Light & Sound ที่ชื่อว่า “พ่อ” ก็มีโอกาสทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงหน้าโรงพยาบาลศิริราชในวันเฉลิมพระชนมพรรษา แสดงงานกลางแม่น้ำเจ้าพระยาให้พระองค์ท่านทอดพระเนตรจากชั้น 16 หลังจากนั้นอีก ก็ได้รับโอกาสให้ทำงานรับเสด็จที่ทุ่งมะขามหย่องที่อยุธยา เรามีเวลาเตรียมงานเพื่อสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่งก่อนที่ท่านจะเสด็จภายใน 10 วัน เราเนรมิตทุ่งมะขามหย่องที่พระนครศรีอยุธยาให้เป็นที่จดจำในหัวใจของคนไทย
“ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง คราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งอังสนาครั้งที่ 2 พระองค์ทรงเปิดโครงการชลประทาน 5 แห่ง ณ กรมชลประทานสามเสน โดยที่เรือพระที่นั่งได้แล่นผ่านไปที่เกาะเกร็ดจังหวัดนนทบุรี อ้อมเกาะเกร็ดแล้วก็กลับมาทรงทำพิธีเปิดเขื่อน นั่นก็เป็นผลงานของทีมงาน Fresh Air Festival นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม
จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ปี 2557 เดือนธันวาคม ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่งโดยพระราชทานพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกมาเป็นแสดงสดกลางแจ้งครั้งแรก ซึ่งเป็นการแสดงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะว่าขนาดของเวทีพื้นที่เกือบ 20,000 ตารางเมตร บนเวที 3 ชั้น กลางทะเลสาบในศูนย์สิริกิติ์ต่อหน้าผู้ชมรอบละ 10,000 คน รวมทั้งสิ้น 20 รอบ
“ผมฝันทุกเรื่องในชีวิต ผมจะฝันไกลนิดหนึ่งแล้วฝันเกินไปอีกหน่อยหนึ่ง และผมก็ค่อยๆ ตามแต่ละเรื่องมา แต่ผมอาจจะโชคดีที่ว่าผมฝันเกินและผมทำได้มาตลอด อาจะเป็นเรื่องทีมงาน อาจจะเรื่องความพร้อมและจากประสบการณ์หลายๆ เรื่อง และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนมากมาย”
จากพระราชนิพนธ์ สู่แผ่นฟิล์ม
แอนิเมชั่นไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย
เพราะความเป็นนักคิด นักฝัน นักสร้างปรากฏการณ์ จากสายงานศิลปะ ดนตรีที่คลุกคลีมาทั้งชีวิต ทำให้ก้าวข้ามสู่งานภาพยนตร์เป็นครั้งแรก
“จริงๆ ตัวผมเองบอกเสมอว่า ผมเองไม่ถนัดรายการโทรทัศน์ มีหลายคนชวนทำรายการโทรทัศน์ ทำเกี่ยวกับภาพยนตร์ ผมบอกว่าไม่ถนัดจริงๆ เพราะว่าผมถนัดกับเรื่องของเสียง การแสดง live show แต่เพราะความท้าทายเป็น Phenomenon ในใจของผมส่วนตัว ถึงมาทำภาพยนตร์ครั้งแรก นั่นก็คือเรื่องพระมหาชก คือตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ช่วงเดือนมกราคมปี 2557 ผมและทีมงานได้ร่วมกันคิดว่าอยากจะทำงานอยู่ 2 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นแรก คือการแสดงสดพระมหาชนก The Phenomenon Live Show ซึ่งเสร็จสิ้นและก็ผ่านพ้นการแสดงไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 57
“ขณะเดียวกัน ย้อนกลับไปในช่วงเดือนมกราคมปี 57 ที่เราคิดโครงการขึ้นมาพร้อมๆ กัน คือเราอยากจะนำเรื่องราวของคุณทองแดงซึ่งเป็นความประทับใจโดยส่วนตัวของผมเองด้วย และก็เชื่อว่าน่าจะเป็นความประทับใจของคนไทยทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวของคุณทองแดงว่าเป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่มีความกตัญญู มีเรื่องราวต่างๆ ของคุณทองแดงมากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบจากพระราชนิพนธ์เล่มนี้
“แต่เดิม ผมไม่รู้จักคุณทองแดงโดยละเอียด ทราบแต่ว่าเป็นสุนัขทรงเลี้ยง สุนัขที่ซื่อสัตย์ สุนัขที่เป็นสุนัขจรจัดที่ท่านนำมาชุบเลี้ยงจนเป็นสุนัขซึ่งเป็นที่รักของคนไทยทุกคน พอทีมงานบอกว่าจะทำให้ทองแดงมีชีวิตทำอย่างไร ผมก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้าจะทำก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่ สำคัญมาก
“จากนั้นมีโอกาสได้ปรึกษาท่านประธานที่ปรึกษาโครงการ ดร.ดิสธร วัชรโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ที่ให้คำแนะนำกับผมตั้งแต่เรื่องการแสดงสดพระมหาชนก เลยได้เรียนปรึกษาท่านว่า ถ้าผมจะนำเรื่องราวที่มาจากแรงบันดาลใจจากคุณทองแดงมาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น โดยมีความตั้งใจว่าอยากจะสร้างปรากฏการณ์ให้ผลงานชิ้นนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือคนไทย100 เปอร์เซ็นต์ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานแอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้ไปปักหมุดอยู่ในเวทีโลก จะสามารถทำได้อย่างไร
“ท่านก็ได้ให้คำแนะนำจนกระทั่งกลายเป็นที่มาของการนำเอาแรงบันดาลใจที่เกิดจากคุณงามความดีของคุณทองแดงในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกตัญญู การปกป้องดูแลเจ้านาย การเป็นองครักษ์ที่ดี และการรู้จักตอบแทนบุญคุณ มาเป็นแรงบันดาลใจโดยเล่าผ่านตัวละครเกิดเป็นแอนิเมชั่นสั้น 3 เรื่องด้วยกัน พร้อมกับชื่อโปรเจ็กต์ว่า คุณทองแดง The Inspirations
“จำได้ว่าพอได้อ่านตอนแรก ก็พบว่าเป็นเรื่องที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นคำสอนที่มีประโยชน์ อ่านไปก็น้ำตาไหลไป รู้สึกชื่นใจว่าสุนัขจรจัดตัวหนึ่งสามารถมีชีวิตอย่างนี้ได้เชียวหรือ แล้วก็เป็นสุนัขที่มีความกตัญญูรู้คุณ มีการแสดงออกซึ่งความรักหวงแหนเจ้านาย แล้วก็มีการแสดงออกในสิ่งซึ่งเราอาจจะไม่เคยได้ยินจากสุนัขธรรมดา อย่างเช่นมีโทรจิต มีความสนใจในเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วก็อย่างเช่น มีงอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยนะ คิดดูว่าท่านยังต้องทรงไปง้อคุณทองแดงด้วยวิธีการที่อ่านแล้วน่ารักมากเลย ก็เลยเกิดเป็นแรงบันดาลใจ และเชื่อว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่
“พวกเราทุกคนได้รู้ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ไม่เคยมองข้ามสิ่งเล็กๆ เลย พระองค์ได้ทรงนำเรื่องราวเล็กๆ ที่คนมักมองข้ามแล้วนำมาถ่ายทอด มาสอนมาบอกเรา มาให้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตในหลายๆ เรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นโครงการสำคัญต่างๆ กว่าสี่พันโครงการ หรือแม้กระทั่งเรื่องสิ่งมีชีวิตอย่างคุณทองแดง แต่นำมาเล่าแบบสนุกและมีสาระ
“ผมอยากจะบอกว่าการนำเรื่องต่างๆ ของคุณทองแดงมาเล่าให้คนไทยฟัง แต่ก็ตระหนักอยู่ว่า ถ้าเราจะเล่าเรื่องคุณทองแดงให้คนอื่นเข้าใจ จะทำอย่างไร โดยที่ไม่ทำให้การเล่าออกมาเป็นภาพยนตร์สารคดี ถ้าเราจะเล่าโดยที่ใช้ตัวคุณทองแดงเลยเราอาจจะต้องเดินตามแนวพระราชนิพนธ์ทั้งหมด แต่วิธีการของเราก็คือ เรานำคติธรรมจากพระราชนิพนธ์นี้ มาเล่าผ่านตัวละคร 3 ตัว ได้แก่ “ทองหล่อ” “จร” และ “คอปเปอร์”
“เป็นธรรมชาติของหนังแอนิเมชั่นที่จำเป็นจะต้องเหาะเหินเดินอากาศได้ ตีลังกาได้ เกินจริงได้ แต่ต้องไม่ทิ้งความเป็นเนื้อแท้แก่นสารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้น นั่นก็คือความรัก ความกตัญญู ความเมตตา การมองสิ่งเล็กๆ ให้มีคุณค่า การรู้จักพอเพียง สิ่งนี้คือคำสอนของพระเจ้าแผ่นดินของเราที่ทรงให้กับคนไทยมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าคนที่ชม “คุณทองแดง The Inspirations” จบ จะได้ซาบซึ้งในสิ่งซึ่งเป็นอัจฉริยะ และหลายสิ่งหลายอย่างที่พระองค์ทรงให้แง่คิด แง่มุมต่างๆ แล้วถ้าเรารู้จักนำสิ่งเหล่านั้นมาคิดมาใช้ดำรงชีวิต
“ในส่วนกระบวนการทำงาน เราทุ่มเทเป็นเวลาเกือบ 2 ปีเต็ม โดยร่วมมือกับ 4 สตูดิโอหลัก ไม่ว่าจะเป็น Dr.Head ที่เริ่มตั้งแต่คิดแนวทาง คิดเนื้อหาคิดวิธีที่จะเล่าเรื่อง และโปรดิวซ์ร่วมกับอีก 3 สตูดิโอ ได้แก่ Imagimax ซึ่งเป็นสตูดิโอแอนิเมชั่นที่แข็งแรงมากที่สุดอีกสตูดิโอหนึ่งในเมืองไทย The Monk Studios เป็นสตูดิโอซึ่งเคยมีผลงานมากมาย ถ้าเราจำได้ในระดับโลกก็คือทำงานร่วมกับ Pixar Studio และอีกหลายผลงานที่ปรากฏตามสายตาของพวกเรา และ Workpoint Pictures สตูดิโอซึ่งเคยทำแอนิเมชั่นเรื่อง “ยักษ์” มาแล้ว”
.......................................................................................................................................................
“คุณทองแดง The Inspiration”
3 เรื่อง 3 รส แรงบันดาลใจสี่ขา
• อยากให้คุณวินิจเล่าถึง 3 ตัวละครเอกที่เป็นสุนัข 3 ว่าประกอบด้วยเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องแรกชื่อว่า “หมาวัด” (Mid-Road) มีตัวเอกเป็นหมาวัดชื่อว่า “จร” ซึ่งมาจากชื่อเต็มๆ ว่า “จรจัด” เจ้าจรเป็นสุนัขจรจัดตัวหนึ่งซึ่งถูกหลวงตานำมาชุบเลี้ยงหลังจากถูกทิ้ง ชีวิตดำเนินคล้ายคุณทองแดงเลย แล้วก็เป็นเรื่องราวที่พูดถึงเรื่องความกตัญญูรู้คุณและทดแทนบุญคุณของเจ้าของอย่างสุดชีวิตเลย ปกป้องรักษาหลวงตาจากโจรร้าย จรเป็นสุนัขที่ลุกขึ้นมาบอกสุนัขในวัดทั้งหมดให้ต้องร่วมมือกันเพื่อจะช่วยกันปกปักรักษา จรก็มาจากแรงบันดาลใจ ความประทับใจที่คล้ายๆ กับคุณทองแดงที่เป็นสุนัขจรจัดซึ่งถูกนำมาชุบเลี้ยง แล้วก็ทดแทนบุญคุณ รัก นอบน้อมและปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แทบจะบอกว่ายอมเอาชีวิตเข้าแลกในหลายๆ เหตุการณ์
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าก็คือว่าคุณทองแดง หลังจากที่เข้าไปถวายตัวเป็นสุนัขทรงเลี้ยงแล้ว ตัวอย่างหนึ่งก็คือการทดแทนบุญคุณ แล้วก็ไม่ลืมบุญคุณของผู้มีพระคุณ ก็คือ “แม่แดง” ซึ่งเป็นแม่จริง และ “แม่มะลิ” ที่เป็นแม่นม เพราะว่าตอนเล็กๆ คุณทองแดงต้องไปให้แม่มะลิเลี้ยง ก็อาศัยนมของแม่มะลิ ซึ่งคุณทองแดงมีความรักและความกตัญญูต่อทั้งแม่แดงและแม่มะลิ นั่นหมายถึงต่อผู้มีพระคุณ
เรื่องที่สองมีชื่อว่า “ทองหล่อ” (Tonglor) ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องความจงรักภักดี การปกปักรักษาเจ้านายคล้ายๆ กับเป็นองครักษ์ เป็นบอดี้การ์ดแล้วก็ต้องต่อสู้กับตัวเอง เพราะในฉบับจริง คุณทองแดงจะเป็นสุนัขที่กลัวเสียงฟ้าผ่า เช่นเดียวกันกับในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ เจ้าทองหล่อก็จะเป็นสุนัขที่จะต้องต่อสู้กับความกลัวของตัวเองเหมือนคุณทองแดง โดยพล็อตเรื่องก็จะเล่าถึงคุณยายกับหลานสาวตาบอดแล้วก็มีสุนัขซึ่งก็คือทองหล่อเป็นสุนัขคู่กายที่เลี้ยงมาเพื่อฝึกให้คอยปกปักรักษาเด็กน้อยตาบอดในโลกมืด คุณยายก็พยายามที่จะเล่านิทานโดยเป็นการเล่านิทานผ่านทางหนังสือเรื่องคุณทองแดงนี่แหละครับให้หลานสาวฟัง ขณะเดียวกันทองหล่อก็จะซึมซับเรื่องราวเหล่านี้ไปด้วยว่าชีวิตจริงของคุณทองแดงเป็นอย่างไร เป็นองครักษ์แบบไหน ชอบกินลูกพลับ ชอบปอกมะพร้าว แล้วก็มีความหวาดกลัวในเสียงฟ้าผ่าเสียงฟ้าร้องเหล่านี้
ไฮไลท์ของทองหล่อ ก็คือทองหล่อต้องฟันฝ่าความกลัวเพื่อไปปกปักรักษาปกป้องชีวิตเจ้านายตัวน้อย ก็คือเด็กน้อยตาบอดนั่นเอง โดยตัวเรื่องราวก็จะถูกขมวดแล้วก็จะมีการเล่าและสรุปเรื่องราวต่างๆ ให้รู้ว่าเหตุใดทองหล่อถึงได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือฉบับนี้ แล้วก็ได้นำเสนอเรื่องราวซึ่งสามารถที่จะทำให้พวกเราได้เข้าใจความหมายได้ดีขึ้น เราจะได้เห็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ถ่ายทอดจินตนาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหาะเหินเดินอากาศ ตีลังกา สร้างความสนุกสนานให้กับเรื่องราวของทองหล่อเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องที่ 3 เป็นตัวเอกอีกหนึ่งตัวที่มองเผินๆ เหมือนเศษวัสดุเหลือใช้ที่เขาทิ้งแล้ว ดูเป็นกระป๋องๆ นี่แหละครับเป็นประเด็นสำคัญมากๆ ก็คือว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้เห็นรายละเอียดหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะดูไร้ค่า ไม่มีความหมายในสายตาคนอื่น แต่ท่านนำมาทำให้เราได้เห็นและรู้ซึ้งถึงคุณค่าหรือมีความหมายได้ อย่างเช่นชีวิตของคุณทองแดงเป็นสุนัขจรจัดที่เป็นหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งอยู่ข้างถนน ใครเห็นก็ไม่อยากได้ ไม่อยากจะเอามาเลี้ยง แต่พระองค์ทรงมีพระเมตตานำมาชุบเลี้ยงและกลายมาเป็นสุนัขที่มีคุณค่ามากมาย เป็นสุนัขที่พิเศษมากที่คนทุกๆ คนต้องหันมามอง เป็นสุนัขไทยตัวหนึ่งแต่มีความกตัญญูรู้คุณ มีความฉลาด
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านได้ทรงค้นคว้าว่าคุณทองแดงมีลักษณะบางประการคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ มีถิ่นกำเนิดบริเวณแอฟริกากลาง ประเทศคองโก มีหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีรูปสลักในพีรามิดที่ประเทศอียิปต์เป็นสุนัขพันธุ์บาเซนจิ แล้วก็ตกผลึกมาเป็นสุนัขพันธุ์ไทย ในที่สุด จากสุนัขที่ไม่มีค่ากลายเป็นสุนัขที่มีค่า เช่นเดียวกันกับ “คอปเปอร์” เหมือนกัน เศษวัสดุ เศษน็อต เศษสปริงที่ไม่มีค่าไม่มีความหมายแล้ว สามารถนำมาชุบชีวิตใหม่ให้เกิดแนวความคิดใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ทำให้ผมเลยไปนึกถึงเรื่องๆ หนึ่งที่สมเด็จย่าเคยสอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ถ้าอยากจะทำอะไร อยากได้อะไร ก็ต้องค้นคว้าต้องหาเอง ต้องฝึกเองอะไรเอง
สิ่งเหล่านี้แหละครับที่เป็นคำสอนที่ผมเองและพวกเราก็จดจำเสมอว่าอยากทำอะไร ถ้าเราพยายามเอง เราคิดเอง เราสร้างเอง วันหนึ่งก็จะมีความหมายและก็มีประโยชน์ต่อเรามากๆ เช่นเดียวกับเรื่อง คอปเปอร์เพื่อนรัก (Little Copper) ก็มาจากเรื่องราวเหล่านี้แหละครับ จากสิ่งเล็กๆ ที่ไม่มีความหมาย ถ้าเราใส่ใจก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความหมาย มีประโยชน์
• นอกจาก เรื่องที่สร้างจากแรงบันดาลใจของคุณทองแดงสุนัขทรงเลี้ยงแล้ว เราจะได้มีโอกาสเห็นเรื่องราวของคุณทองแดงตัวจริงๆ ในภาพยนตร์ด้วยหรือไม่
แน่นอนครับเราจะได้เห็นคุณทองแดงแน่ๆ ครับเพราะว่าจะมีอีกหนึ่งเรื่องราวที่จะถูกถ่ายทอดโดยมีอีกสตูดิโอหนึ่งที่จะมาทำหน้าที่ร้อยเรื่องราวทั้งหลายผ่านเทคนิคแอนิเมชั่นอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ เป็นเทคนิคกราฟิคป็อปอัพที่จะเล่าเรื่องราวและก็รายละเอียดต่างๆ ซึ่งจะค่อยๆ ทะลุเข้าไปในเหตุการณ์จริงที่เป็นที่มาของแอนิเมชั่นสามเรื่องนี้ครับ
• ทราบมาว่านอกจากแอนิเมชั่นเรื่องนี้ ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมดำเนินไปควบคู่กันด้วย
ใช่ครับ คือจะมีกิจกรรมพิเศษหลากหลายเกิดขึ้น ทั้งกิจกรรม School Tour ที่จะไปตามโรงเรียน ตั้งแต่ประถมต้นจนถึงเด็กโตและห้างสรรพสินค้าประมาณ 50 แห่ง เพื่อไปเชิญชวน ไปบอกกล่าวเล่าขาน ไปรื้อฟื้น ไปนำเอาสิ่งซึ่งเด็กๆ ชอบอยู่แล้วอย่างการ์ตูนไปสอนให้เด็กๆ ได้รู้ถึงเรื่องความกตัญญูรู้คุณ รู้ที่ต่ำที่สูง การมีสัมมาคาราวะ การมีเมตตา
ที่สำคัญก็คือ เราจะมีกิจกรรมตลอดในช่วงของการฉายภาพยนตร์ กิจกรรมร่วมกันที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของความหวังใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ ที่ทำให้สุนัขจรจัดลืมตาอ้าปากได้ เราเตรียมที่จะไปร่วมกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงิน ทำให้ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รักษ์สุนัขจริงๆ ทำให้สุนัขจรจัดมีความหมาย ทำให้เราได้รับรู้ว่าสายพันธุ์ต่างๆ นั้นเป็นยังไง เป็นที่วิเคราะห์วิจัย และเป็นที่ฟื้นฟูให้กับสุนัขจรจัด
และเหนืออื่นใด เพราะเรื่องราวคุณงามความดีของคุณทองแดงนี่เอง ที่ทำให้สุนัขจรจัดเหล่านี้มีพื้นที่ที่ลืมตาอ้าปากได้บ้าง ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเรารู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า Mid-Road หรือว่า “สุนัขข้างถนน” ตัวหนึ่ง ถ้าเรามองว่ามันไม่มีความหมาย มันก็เป็นขยะ มันก็เป็นเรื่องเกะกะ แต่ถ้าเรารู้ว่านั่นคือสิ่งที่มันมีความหมาย ถ้าเรารู้จักนำมาชุบเลี้ยงให้ถูกวิธี มาดูในรายละเอียด ค่อยๆ สอน ค่อยๆ ให้ความรัก ค่อยๆ ให้ความอบอุ่น สิ่งเหล่านี้มันก็จะตอบแทนกลับมาหาพวกเรานั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Dog Day ที่จะเกิดขึ้นประมาณ 7 วัน ที่ดิ เอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่วันที่ 2 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2558 มีกิจกรรมจากผู้สนับสนุนหลายฝ่าย มีเกม มีสุนัขแสนรู้ แล้วก็มีเรื่องราวของคุณทองแดงที่เราจะได้เรียนรู้กันมากยิ่งขึ้นด้วย มีของที่ระลึกต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้บรรยากาศน่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นตลอด 7 วัน
• ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับคนไทยและผู้ที่รอสัมผัสกับโปรเจ็กต์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแห่งแรงบันดาลใจ “คุณทองแดง The Inspirations”
เดือนธันวาคมของทุกปี เป็นเดือนที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อคนไทย ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ตามนะครับ และที่พิเศษคือตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ยาวไปตลอดทั้งเดือนจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า เราจะมีภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจจากสุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ชื่อ “คุณทองแดง The Inspirations” แอนิเมชั่นจากฝีมือของคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์จากสตูดิโอไทย
สุนัขที่ไม่มีความหมาย จะกลายเป็นสุนัขที่มีความหมาย คุณจะต้องหลงรักหมาขี้เหร่ที่คุณไม่เคยรักมันครับ
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ข้อมูลและภาพ : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล