xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้านักปั่น “วดี ปฐมกาญจนา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นอกเหนือจากรางวัลที่สะสมมาเรื่อยๆ จากสนามแข่ง ผลลัพธ์ที่เกิดกับสาวงามคนนี้ยังหมายถึงสุขภาพดีๆ ที่หาซื้อไม่ได้ เป็นไมเกรนก็หาย เป็นภูมิแพ้ก็ลด เพียงเพราะบดสองล้อจักรยานไปบนพื้นถนน แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เธอกับจักรยานเคยห่างหายกันไปนานถึง 15 ปี!

อยู่ในเส้นทางการปั่นจักรยานมาตั้งแต่วัยเพียง 12 ปี เพราะมีครอบครัวเป็นผู้คอยสนับสนุน แต่เนื่องด้วยการปั่นจักรยานนั้นอาจจะมีล้ม มีอุบัติเหตุบ้าง ทำให้พอโตขึ้นและเริ่มรู้จักรักสวยรักงาม เธอจึงเลือกที่จะไม่จับพาหนะสองล้ออีกเลยเป็นระยะเวลา 15 ปี

“ยุ้ย-วดี ปฐมกาญจนา” สาวสวยอดีตสมาชิกคนหนึ่งในทีม “ดับเบิ้ลยู ทู” (W2) ทีมจักรยานหญิงล้วนทีมแรกของประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งโดย ม.ล.กัลยกร เกษมศรี ที่เริ่มต้นด้วยแนวคิดรักสุขภาพ ก่อนจะขยับพาทีมลงแข่งชิงรางวัลมาแล้วหลายสนาม

อย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับ “ยุ้ย-วดี” เธอมีใจรักในการปั่นจักรยานมานานแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เธอห่างหายจากอานสองล้อไปนานถึง 15 ปี แต่เมื่อโอกาสยังมี เธอก็ไม่รีอรอที่จะขอใช้โอกาสนั้น และทำมันจนเห็นผล ทั้งในแง่การแข่งขันและสุขภาพ...

ก้าวขาแล้วคร่อมอาน จับแฮนด์ให้มั่น
แล้วทรงตัวออกแรงปั่น ไปพร้อมกันกับเธอ...


 • ย้อนเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการมาปั่นจักรยานจนถึงทุกวันนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ

อันนี้ต้องบอกว่าเริ่มมาจากครอบครัวค่ะ ครอบครัวของยุ้ยจะรักการปั่นอยู่แล้ว เราเลยเริ่มปั่นได้ก็เพราะครอบครัว (ยิ้ม) ซึ่งคุณพ่อยุ้ยท่านได้เริ่มปั่นจักรยานอย่างจริงจังทีนี้ก็เลยมาชวนลูกๆ หลานๆ พี่น้องทุกคนไปปั่นบ้าง เลยได้มาตั้งเป็นกลุ่มเล็กๆ กันในครอบครัวชื่อว่า Pexx Cycling ก่อตั้งมา 3 ปีแล้วค่ะ ส่วนตัวยุ้ยก็เริ่มปั่นมาตั้งแต่อายุ 12 ปีค่ะ

ตอนนี้การปั่นจักรยานก็กลายเป็นกิจกรรมยามว่างของครอบครัวเลยค่ะ พอเลิกงาน ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปปั่นจักรยาน

 • ได้ข่าวมาว่ามีช่วงหนึ่งที่ทำให้ยุ้ยต้องหยุดปั่นจักรยานไปเลย นี่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรคะ

เกิดอุบัติเหตุค่ะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ยุ้ยจะแข่งเป็นคอร์ส จะเป็นประมาณว่าจักรยานในป่า ซึ่งเป็นทางที่ไม่ใช่ทางเรียบค่ะ ส่วนใหญ่พอแข่งก็จะมีล้มบ้าง พอล้มก็จะมีแผล ตอนนั้นเราเริ่มเป็นสาวอยู่ในช่วงเข้ามัธยมปลายก็เริ่มรักสวยรักงามเลยทำให้หยุดปั่นไป หยุดยาวเลยนะคะ หยุดไปได้สักประมาณ 15 ปี แล้วก็กลับมาปั่นใหม่ มาเริ่มเมื่อมิถุนายนปีที่แล้วเองค่ะ

 • หยุดไป 15 ปี ?? แล้วทำไมถึงได้กลับมาปั่นใหม่ในวัยเลข 3 ล่ะคะ

ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่ามันคือการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลย 15 ปีที่แล้วไม่มีผลอะไร ทุกอย่างคือเริ่มจากศูนย์

ที่ยุ้ยกลับมาปั่นอีกครั้งก็เป็นเพราะครอบครัวค่ะ พอเราหยุดไปคุณพ่อก็ยังคงปั่นอยู่ แต่พวกน้องๆ พอโตกันก็เริ่มหยุดกันแล้วบ้าง บวกกับเมื่อปีที่แล้วเราได้ไปจับกลุ่มที่บ้านกันใหม่ ก็มีคนสนใจเยอะ เข้ามาร่วมกันเยอะขึ้น

เราจะใช้เวลาหลังเลิกงานมารวมตัวกันค่ะ พอเลิกงานปุ๊บ พี่ๆ ที่ทำงานที่บ้านอยู่ใกล้กันเขาก็จะมารวมกลุ่มกันกับที่บ้านยุ้ย ตรงนี้พอเราเห็นว่าคนสนใจเยอะ ท่าจะสนุกอีกอย่างเราก็เริ่มอายุเยอะขึ้นแล้วด้วยเลยอยากออกกำลังกาย อยากรักษาสุขภาพตัวเองด้วย

จริงๆ พอเริ่มกลับมาปั่นใหม่ตอนนั้นจำได้ว่าจะอยู่เดือนกุมภาพันธ์ ตอนนั้นเราเกิดอุบัติเหตุจักรยานล้มอีกครั้ง ตอนนั้นในช่วงกีฬานักศึกษา จำได้ว่าล้มที่สนามเขียว หน้าเละไปฝั่งหนึ่งเลยค่ะ เจ็บมากๆ (หัวเราะ)



 • แสดงว่าตอนนี้เราจริงจังกับการปั่นจักรยานแล้วใช่ไหมคะ

จริงจังแล้วค่ะ (ตอบเร็ว) พอปั่นเรื่อยๆ เราก็เลยจริงจังกับมันมากขึ้น

 • แล้วแบบนี้กลับมาปั่นใหม่ก็เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เราเจ็บตัวหนักมากขนาดนั้นเราไม่กลัวหรือหลอนๆ กับการต้องมานั่งบนอาน จับแฮนด์จักรยานอีกครั้งเหรอคะ

ช่วงแรกยอมรับว่าก็มีบ้างนะคะเพราะมันเจ็บแบบหนักมาก หน้าถลอกไปข้างหนึ่ง จนต้องหยุดไปไปอีกเดือนหนึ่งเลยค่ะ พอต้องมาปั่นออกถนนอีกครั้งช่วงแรกๆ ก็จะมีหลอนๆ เสียวๆ กลัวๆ กลัวคนรอบข้าง กลัวล้ม กลัวทุกอย่าง เพราะภาพตอนเราล้มมันยังติดตาเราอยู่ คิดว่าถ้าเราล้มอีกครั้งหนึ่งเราคงไม่ไหว เราคงไม่เอาอีกแล้ว แต่พอปั่นไปเรื่อยๆ ก็จะสนุกมากกว่าแล้วเราก็ลืมมันไป ตอนนั้นเราต้องรักษาแผล แต่เราก็กลับมาปั่นใหม่ทั้งๆ ที่แผลยังไม่แห้งดีเลยค่ะ เพราะจักรยานถ้าเราหยุดปุ๊บแรงมันจะไม่เหมือนเดิม ความเร็วที่เราปั่นมันจะลดลงถ้าเราไม่ได้ซ้อม เราก็ต้องรีบกลับมาซ้อม รีบฟื้นตัวเองให้เร็วที่สุดค่ะ (ยิ้ม)

 • ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเราจะไปปั่นจักรยานที่ไหนบ้างคะ

ปกติเราจะปั่นกันระยะใกล้ๆ ระยะทาง 50 กิโลเมตร แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์เราจะออกทริปปั่นไกลหน่อยค่ะ 100-150 กิโลเมตร ส่วนตัวยุ้ยอยู่นครปฐม ทางปั่นมันจะหาง่ายหน่อยค่ะเพราะแค่อออกจากบ้านก็จะมีทางที่จะไปทุ่งนา มีถนนซึ่งถนนจะไม่มีรถวิ่ง อีกอย่างก็จะมีวิวสวยๆ ข้างทางให้เราได้ปั่นไป ชมไปค่ะ แต่ก็มีไปทริปที่อื่นบ้างนะคะเพราะที่นครปฐมไม่มีเขา ถ้าสมมติว่าช่วงไหนที่เราอยากซ้อมที่เป็นในลักษณะที่เป็นเขา เราก็จะไปราชบุรี ไปสวนผึ้งอะไรทำนองนี้ค่ะ (ยิ้ม)

 • แล้วจากที่เราปั่นมามีความตื่นเต้นหรือท้าทายอะไรบ้างไหมคะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

มีนะคะ ยุ้ยจะตื่นเต้น ประทับใจวิวทิวทัศน์ข้างทางตลอดเลย คือถ้าเราขับรถไป เราก็ไม่เห็นวิวสวยๆ เพราะ รถจะวิ่งเร็วจนเราไม่สามารถสัมผัสธรรมชาติข้างทางได้ อย่างทริปที่ยุ้ยไปเขาใหญ่ เราก็จะเห็นต้นไม้สวยๆ ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ยิ่งขึ้นไปยิ่งเย็น มีบ่อน้ำ มีทุ่งหญ้า ยิ่งถ้าที่นครปฐมเส้นทางที่เราปั่นจะมีทุ่งนา ปั่นตอนเย็นก็จะมีพระอาทิตย์ตกดิน สิ่งที่เราชอบเวลาปั่นจักรยานก็คือวิวสวยๆ นี่แหละค่ะ (ยิ้ม)


 • ชีวิตการปั่นจักรยานหลายคนอาจมองว่าเราอยู่บนความเสี่ยงหรือเปล่าเพราะเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วด้วย คิดว่าการปั่นจักรยานมันอันตรายมากน้อยแค่ไหนอย่างไรบ้างคะ

ยุ้ยคิดว่าเล่นกีฬาอะไรมันก็มีความเสี่ยงทั้งนั้นนะคะ แต่มันอาจจะเสี่ยงกันคนละแบบ แต่ความอันตรายมันเท่ากันอยู่แล้วทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ยุ้ยว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเรามากกว่านะคะ ถ้าเราเซพตัวเอง เรามีอุปกรณ์ป้องกัน ใส่ถุงมือ ใส่หมวก ใส่ทุกอย่างที่เซพเรา เรามีสติในการปั่น มันก็จะช่วยเราได้ มันไม่ได้เป็นสิ่งน่ากลัวค่ะ แล้วอย่างอันตรายจากคนอื่น อย่างพวกรถ เราก็ต้องเลือกเส้นทางที่รถวิ่งน้อยๆ ถ้าปั่นตอนกลางคืนเราก็ต้องติดไฟ ซึ่งการปั่นเป็นกลุ่มก็จะช่วยเราอีกทางเพราะจะทำให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น อันตรายก็จะน้อยกว่าค่ะ

 • แล้วเราเคยลงแข่งขันอะไรบ้างหรือเปล่าคะ

มีค่ะ ก็จะแข่งเรื่อยๆ ถ้าช่วงไหนว่างก็จะลงแข่งเพราะเราเคยอยู่ทีมแข่ง W2 มีไปแข่งนู่นนี่นั่นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในทีมแล้วนะคะ ซึ่งของยุ้ยจะเป็นการแข่งจักรยานเสือหมอบทางเรียบ ทางภูเขาก็จะมีบ้าง หรือในกรุงเทพฯ ก็เคยมีนะคะ ยุ้ยตั้งเป้ากับตัวเองไว้ว่าจะแข่งเดือนละครั้งค่ะ แต่จะไม่ใช่อยู่ในสายแข่งเต็มตัวนะคะเพราะหลักๆ เราจะเอาเป็นสายสุขภาพมากกว่า ว่างก็แข่ง ถ้ามีโอกาสก็จะแข่งค่ะ

 • เคยได้รับรางวัลไหมคะ มีรางวัลไหนที่เราภูมิใจที่สุดหรือเปล่า

ได้ค่ะ ยุ้ยจะได้รางวัลเรื่อยๆ อยู่แล้วค่ะ ถ้าถามว่าอันไหนประทับใจน่าจะเป็นงานแรกที่กลับมาปั่นอีกครั้งได้แค่ 2-3 เดือนแล้วต้องลงแข่ง ตอนนั้นเหมือนกับว่าเราก็ยังฟิตสู้คนอื่นไม่ได้ เราก็ต้องสู้กับตัวเอง สู้กับหัวใจตัวเอง ซึ่งเราก็ได้รางวัลมามันทำให้เราภูมิใจกับรางวัลชิ้นนั้นมากๆ เลยนะคะเพราะเราได้สู้กับตัวเองเต็มที่แล้ว มันทำให้เรามีกำลังใจ ทำให้เรารู้ว่ากีฬานี้มันสนุกนะ

 • เราเริ่มปั่นจักรยานมาตั้งแต่ 12 ขวบ ตรงนี้เรามีความใฝ่ฝันมาก่อนไหมคะว่าเราต้องแข่งขัน

จริงๆ อารมณ์ตอนนั้นไม่ได้คิดนะคะว่าเราจะปั่นไปถึงเมื่อไหร่ จะเป็นประมาณว่ากลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านพ่อก็จะไล่ไปปั่น ไปซ้อม เสาร์อาทิตย์ก็ต้องตื่นไปซ้อม เราก็ทำตามที่พ่อบอก พ่อบอกให้ปั่น เราก็ปั่น พอไปแข่งได้รางวัลเราก็เริ่มมีใจที่จะอยากปั่นต่อไป

 • เห็นว่ายุ้ยมีครอบครัวแล้วด้วย ตรงนี้เราสนับสนุนเรื่องการปั่นให้กับแฟนและลูกด้วยไหมคะ

จริงๆ แฟนยุ้ยก็ปั่นอยู่ด้วยนะคะ เลยไปไหนก็จะไปด้วยกันได้ค่ะ ส่วนลูกสาวตอนนี้น้องอายุสองขวบแล้วยุ้ยว่าโตขึ้นเขาก็น่าจะชอบทางนี้นะคะเพราะเขาได้เห็นเราปั่นตั้งแต่ยังเด็กๆ ตอนนี้เขาก็จะมีจักรยานของเขา เป็นแบบจักรยานการทรงตัว เขาก็ชอบเล่น ตอนงานปั่นเพื่อแม่ คุณตาก็เอาเขาขึ้นซ้อนท้ายแล้วปั่นไปด้วยเขาก็ชอบค่ะ (ยิ้ม)

 • แล้วไม่ทราบว่ายุ้ยทำงานอะไรคะ เราแบ่งเวลาทั้งเรื่องงานและงานอดิเรกที่เรารักอย่างไร

ยุ้ยทำงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคค่ะซึ่งเวลาทำงานเราก็ทำเต็มที่ พอหลังเลิกงานเราก็ให้เวลากับสิ่งที่เราชอบ เสาร์อาทิตย์เราก็ให้เวลากับจักรยานได้เต็มที่ คือบางทีเราทำบัญชีเลิกงานดึก เราก็ต้องมาปั่นจักรยานแบบเทรนเนอร์เอา สักนิดก็ยังดี จริงๆ มันก็แบ่งได้อยู่ ไม่มีปัญหากระทบอะไรต่อการทำงานเลยค่ะ

 • เราหลงเสน่ห์อะไรในตัวของจักรยานคะ จะว่าไปแล้วเราเป็นกูรูในเรื่องจักรยานแล้วหรือยัง

เอาจริงๆ ถ้าเทียบกับคนอื่นยุ้ยก็เป็นมือใหม่นะคะ ตอนนี้ก็ศึกษาไปเรื่อยๆ ต้องซ้อมมากขึ้น ยุ้ยมองว่าเสน่ห์ของมันจะอยู่ที่เวลาเราปั่นมันคือการสู้กับใจของตัวเอง สู้กับร่างกายตัวเองแม้ร่างกายไม่ไหวแต่ใจบอกว่าไปต่อ แล้วมันทำให้เรามีวินัยว่าวันนี้เราต้องซ้อมนะ อีกอย่างปั่นไปก็ได้มิตรภาพดีๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ ได้บรรยากาศสองข้างทาง มันมีเสน่ห์เยอะมาก ที่สำคัญได้สุขภาพที่ดีด้วยค่ะ (ยิ้ม)

 • เราอยู่ในสายปั่นจนมีหลายคนยกให้เราเป็นนักปั่นสาวสวยไปแล้ว ตรงนี้รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

ดีใจค่ะ (ตอบเร็ว) เพราะว่าเดี๋ยวนี่ผู้หญิงสวยๆ ออกมาปั่นกันเยอะมากเลยนะคะ แต่ก็ชอบและปลื้มนะคะที่เขามาชมเรา เรารู้สึกดีใจอย่างน้อยเราก็ได้สร้างแรงกระตุ้นให้กับผู้หญิงคนอื่นที่ยังไม่ได้มาปั่นหันมาปั่นกัน ไม่ต้องกลัวว่าปั่นจักรยานแล้วจะไม่สวย ปั่นแล้วก็ยังสวยได้ (หัวเราะ)

จริงๆ แล้วยุ้ยเป็นคนที่รักสวยรักงามมากนะคะ ไม่ใช่ว่าปั่นจักรยานต้องเป็นผู้หญิงถึกไม่ใช่เลย ความจริงมันตรงกันข้ามมาก (หัวเราะ) แต่เวลาปั่นจักรยานเราก็มีวิธีป้องกันของเรานะคะที่จะไม่ให้ผิวเสีย ถ้าเราปั่นกลางแดด เราก็ต้องใส่ปลอกแขน ใส่กางเกงขายาว ใส่แว่น ซึ่งครีมกันแดดสำคัญมากในการปั่นจักรยานเพราะแดดมันแรงมาก

 • มีช่วงหนึ่งที่มีข่าวออกมาว่ามีคนเมาขับรถชนจักรยานเสียชีวิต ตรงนี้เรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ

ช่วงนั้นยุ้ยจำได้ว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับจักรยานติดกันเยอะมาก ซึ่งเพื่อนยุ้ยหลายคนก็กลัว เปลี่ยนไปปั่นจักรยานในฟิตเนส ไม่ปั่นออกถนนกันก็หลายคน แต่จริงๆ ยุ้ยมองว่าตรงนี้ขึ้นอยู่กับทางที่เราเลือกด้วยนะคะ ถ้าเราเลือกทางที่เป็นชานเมืองหน่อย รถก็จะไม่ค่อยเยอะ อีกอย่างเราต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน มีไฟมีอะไรให้เขาเห็น แล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเองด้วยว่าเราต้องรู้ว่าเราเป็นรถเล็ก เราต้องขับชิดริมถนน คอยดูข้างทาง หูต้องฟังเวลาเลี้ยวก็ต้องดูสองข้างทางดีๆ

ยุ้ยอยากฝากถึงรถใหญ่ อยากให้เขาเห็นว่าเราก็คือยานพาหนะคันหนึ่ง ไม่อยากให้เห็นว่าเราคือส่วนเกิน อยากให้เอื้ออาทรต่อเราบ้าง

 • แล้วอยากฝากอะไรถึงทางภาครัฐหรือภาคอื่นๆ ไหมคะ เพราะตอนนี้เริ่มเห็นว่าเขาเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น เช่น เริ่มสร้างเลนจักรยานในพื้นที่ต่างๆ

ยุ้ยอยากฝากว่าอยากให้เขาทำเป็นเลนจักรยานที่เราสามารถใช้ได้จริงๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างเลนจักรยานที่อยู่ซ้ายสุดตอนนี้มันจะมีพวกท่อน้ำ ซึ่งเราปั่นกันไม่ได้ บางทีมีคนมาจอดรถขายของ หรือมีมอเตอร์ไซด์เข้ามาขับ รถใหญ่เข้ามาจอด เราไม่สามารถใช้ได้ก็ต้องไปขับอีกเลนซึ่งมันอันตราย บางทีมีรถวิ่งสวนมาชนเราก็มี

จริงๆ เราก็รู้สึกน้อยใจนะคะ เวลาที่มีข่าวแล้วเราไปอ่านคอมเม้นต์ คนมักจะบอกว่าเราออกมาปั่นบนถนนทำไม ทำไมไม่ไปปั่นสวนสาธารณะ คือความจริงเวลาเราซ้อมเราต้องซ้อมบนถนนเพราะเวลาแข่งจริงนั้นเขาก็แข่งบนถนน อยากให้เขามองว่าเราคือผู้ใช้ท้องถนนคนหนึ่ง ผู้ร่วมถนนคนหนึ่ง

อย่างมีเหตุการณ์หนึ่งเราปั่นๆ อยู่ก็มีรถบีบแตรใส่ แล้วก็มีรถสวนเลนมาชน แต่ไม่ได้เจ็บมากแต่รถเสียหาย อย่างของคุณพ่อก็เคยมีรถมอไซด์มาชน เจ็บแขนขาถลอกต้องเข้าโรงพยาบาลเลยก็มี ยุ้ยมองว่าบางทีเราระวังแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ระวังมันก็เกิดขึ้นได้ แล้วทุกครั้งที่เราปั่นเราก็จะเตือนๆ กันว่าให้อยู่ในเลน เพราะเรารู้ว่าเราเกะกะ

 • สมัยนี้มีคนนิยมปั่นจักรยานกันมากขึ้น เรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ

ยุ้ยชอบนะคะ รู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็จะได้ออกกำลังกายซึ่งมันดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว ที่สำคัญอย่างน้อยเราก็จะได้มีเพื่อนร่วมทาง เวลาเราปั่นเจอเพื่อนร่วมทางเราก็จะดีใจ ทักทายกันแม้ไม่เคยรู้จักมาก่อน (ยิ้ม)

 • จะว่าไปแล้วการปั่นจักรยานช่วยในเรื่องอะไรบ้างคะ หรือเราได้อะไรจากการปั่นบ้าง

หลักๆ เลยช่วยเรื่องสุขภาพก็เยอะนะคะ เพราะเดิมเราเป็นโรคภูมิแพ้ แต่จะเป็นที่ผิวหนัง เวลาแพ้อะไรผื่นก็จะขึ้น พอกลับมาปั่นจักรยานโรคภูมิแพ้ก็ลดลง ไมเกรนก็หาย แต่ก่อนที่ไม่ได้ปั่นจักรยานพออากาศเย็นนิดหน่อยเราจะปวดหัวแล้ว แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ เพราะเหมือนกับว่าเวลาเราปั่นจักรยานเราไม่เครียด เราได้ปลดปล่อย เราลืมคิดเรื่องต่างๆ เพราะเวลาปั่นมันไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้ เราต้องอยู่กับทางอยู่กับคนข้างหน้า อยู่กับพื้นถนน ทำให้เราไม่เครียด ทำให้จิตใจเราเข้มแข็งเพราะเราสู้กับใจตัวเองเวลาปั่นไป เลยทำให้ไม่กลับมาเป็นไมเกรนอีกเลยค่ะ จิตใจเราก็ลดความเครียดลงด้วย

มันเป็นการออกกำลังกายไปในตัวนะคะ พอเราปั่น เราได้ออกกำลังกายทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ได้ทำจะหงุดหงิด อยู่ไม่ได้ แต่ว่าช่วงไหนเราปั่นไม่ได้จริงๆ อย่างช่วงหน้าฝน เราจะมีเครื่องปั่นแบบเทรนเนอร์ ซึ่งยุ้ยจะปั่นอย่างน้อยวันละชั่วโมงค่ะ (ยิ้ม)

 • ถ้าอยากจะเริ่มปั่นจักรยานแบบยุ้ยบ้าง ต้องเริ่มอย่างไรดีคะ

เริ่มที่จักรยานก่อนค่ะ หนึ่งเลยเราต้องมีจักรยาน แต่ก่อนที่จะซื้อ ยุ้ยอยากให้ลองศึกษาก่อน เพราะมันมีหลายประเภท มีทั้งเสือหมอบ เสือภูเขา และอีกมากมาย ดูว่าตัวเราชอบแบบไหน ชอบสไตล์ไหน หรือมีจักรยานอยู่แล้วลองปั่นดูก่อน ถ้าเราชอบจริงจังก็ค่อยเพิ่มสเต๊ปจักรยานขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะตรงนี้กลัวว่าถ้าเราซื้อไปแล้วปั่นไม่นาน รู้สึกไม่ชอบ ก็จะเสียดายเงิน เพราะราคาค่อนข้างสูง

สอง เตรียมอุปกรณ์การปั่นอย่างเสื้อผ้า ถ้าเป็นชุดปั่นมันจะช่วยได้ดีกว่า กางเกงก็จะต้องเป็นกางเกงปั่นจักรยานเพราะมันจะมีเบาะที่ก้นเพื่อไม่ให้เราเจ็บเวลาปั่น เสื้อจักรยานก็จะมีแบบไม่ทำให้ลู่ลม ไม่โต้ลมเวลาที่เราปั่น ระบายเหงื่อได้ดี

สาม เตรียมใจให้พร้อมค่ะ ถ้าใจพร้อม ใจชอบก็ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค ถ้าใจชอบอะไรเราก็สามารถทำได้หมดค่ะ (ยิ้ม)

จริงๆ การปั่นจักรยานมันไม่ยากนะคะแต่มันต้องอาศัยทักษะการปั่นหลายๆ อย่าง จะมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่เราต้องเรียนรู้ ประมาณว่าแบบนี้จะเหนื่อยน้อยลง ถ้าขั้นสูงขึ้นเราก็จะต้องมีจับหัวใจเราว่า หัวใจเท่านี้ มันก็จะมีตารางให้เราว่าวันนี้เราซ้อมเท่านี้หัวใจเราเท่านี้ ถ้าปั่นห้ามเกินหัวใจเท่านี้ มันจะมีเทคนิคที่จะทำให้เราพัฒนาเร็วมากขึ้น

 • เร็วๆ นี้จะมีงานปั่นเพื่อพ่อด้วยตรงนี้ยุ้ยได้ร่วมด้วยไหมคะ ส่วนตัวคิดอย่างไรกับการจัดงานดังกล่าวบ้างคะ

ลงค่ะ ยุ้ยไปลงทะเบียนที่นครปฐมเพื่อจะปั่นที่จังหวัดของตัวเองแล้วค่ะ ส่วนตัวยุ้ยชอบนะคะ เหมือนเป็นการปลุกกระแสให้คนหันมาปั่นจักรยานแล้วก็สนใจจักรยานมากขึ้น ตอนปั่นเพื่อแม่ ร้านจักรยานนี่ยอดซื้อเยอะมาก หลายคนหันมาอยากปั่นจักรยาน อย่างน้องๆ ที่ทำงานไม่เคยปั่นจักรยาน พอมีกระแสนี้ขึ้นมาเขาก็มาถามว่าจะปั่นจักรยานจะต้องซื้อแบบไหน ซื้ออะไรดี

 • ท้ายนี้เคยคิดที่จะหยุดปั่นจักรยานอีกครั้งไหมคะ

ตอนนี้ก็คงจะปั่นไปเรื่อยๆ ก่อนค่ะ เพราะมันเข้าสายเลือดไปแล้วค่ะ เพราะเวลาว่างเราจะให้กับการปั่นตลอด มันหยุดไม่ได้แล้ว แต่อนาคตก็จะเอาเท่าที่ตัวเองยังไหว ถ้าเริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ เราก็คงปั่นแค่รักษาสุขภาพอย่างเดียวค่ะ

*** 3 สิ่งที่ต้องเตรียมตัวในการปั่นจักรยาน ***

1.ระยะทางนั้นสำคัญ เราจะต้องรู้ว่าเราปั่นไกลหรือใกล้แค่ไหน ควรหลับให้เพียงพอ
2.เช็คสภาพร่างกาย โหลดคาร์โบไฮเดรต โหลดอาหารให้เต็มที่
3.เช็คสภาพรถ อุปกรณ์ต่างๆ ก่อนออกปั่น
__________________________________________________________________________________



Profile

ชื่อ : วดี ปฐมกาญจนา
ชื่อเล่น : ยุ้ย
อายุ : 30 ปี
วันเกิด : 19 ตุลาคม 2528
อาชีพ : พนักงานบัญชีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
รางวัลที่ได้รับ
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภททั่วไปหญิง "เจ็ดเสมียนคัพ" จ.ราชบุรี วันที่ 14 กันยายน 2557
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 ประเภทเสือภูเขาหญิง งาน "สานฝัน ปั่นด้วยใจ" โรงเรียนการบินกำแพงแสน จ.นครปฐม วันที่ 19 ตุลาคม 2557
-รางวัลชนะเลิศอันดับ 4 Centara Bangkok Cycling Championships 2015 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2015
-รางวัลชนะเลิศอันดับ 4 งาน Bangkok Bike Thailand Challenge in Cha-am วันที่ 5 เมษายน 2558
-รางวัลชนะเลิศอันดับ 5 งาน Chaiyaphum Cycling Championships วันที่19 กรกฎาคม 2558
ชื่อทีมสังกัด
- อดีตสมาชิกทีม W2 ทีมจักรยานหญิงทีมแรกของประเทศไทย
- Pexx Cycling ก่อตั้งมา 3 ปี (ของครอบครัว)
- ชมรมจักรยานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ที่ทำงาน)
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : วชิร สายจำปา และ Facebook Yuii Wadee Pathomkanjana

กำลังโหลดความคิดเห็น