พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ออกจาก รพ.ศิริราช ประทับวังไกลกังวล โดยทั้งสองพระองค์มีพระพักตร์แจ่มใส โบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้แก่ผู้มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จ จนบางรายถึงกับร่ำไห้ด้วยความดีใจ
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลงจากที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ประทับรถตู้พระที่นั่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตสีแดง มีพระพักตร์แจ่มใส แย้มพระสรวล และโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จ เช่นเดียวกับ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับรถตู้พระที่นั่งอีกคัน ฉลองพระองค์ผ้าไหมสีม่วง มีพระพักตร์แจ่มใส แย้มพระสรวล และโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จ
จากนั้นขบวนรถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่านหน้าตึกกายวิภาค เลี้ยวขวาสู่ถนนบวรสถานพิมุข ผ่านตึกเทคนิคการแพทย์ ตึกอำนวยการ แล้วออกจากโรงพยาบาลศิริราชทางประตู 8 (ประตูท่าน้ำ) เลี้ยวขวาที่สี่แยกโรงพยาบาลศิริราช โดยขบวนรถยนต์พระที่นั่งแล่นไปอย่างช้าๆ ทำให้พสกนิกรสามารถชื่นชมพระบารมีของล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับโบกธงชาติไทยและธงตราสัญลักษณ์ ภ.ป.ร. และเปล่งคำว่า “ทรงพระเจริญ” อย่างต่อเนื่องจนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
ทั้งนี้ ผู้มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จบางรายถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปีติที่ได้เห็นล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งขึ้น จากนั้นขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ ก่อนขึ้นทางยกระดับลอยฟ้าบรมราชชนนี ลงแยกฉิมพลีไปทางถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่ถนนเพชรเกษม ก่อนเข้าสู่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตามแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 1 ว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานพระอาการว่า เมื่อเย็นวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ทรงมีพระปรอท (ไข้) สูง 38.2 องศาเซลเซียส ผลการตรวจพระโลหิตแสดงว่ามีภาวะติดเชื้อ มีการเปลี่ยนแปลงในความดันพระโลหิตและอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ถวายการตรวจพระโลหิตด้วยวิธีพิเศษเพิ่มเติม และถวายการรักษาต่อไป
โดยคณะแพทย์ฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิตความดันพระโลหิตคงที่ พระปรอท (ไข้) ลดลง สภาวะทางโภชนาการดีขึ้นเป็นลำดับ คณะแพทย์ฯ จะได้ถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อและถวายการรักษาต่อไป
กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 พ.ค. สำนักพระราชวังโดย ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ วังไกลกังวล ในวันอาทิตย์ที่ 10 พ.ค.
โดยตั้งแต่ช่วงเช้าพสกนิกรจำนวนมาก ส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลือง นำผ้าพลาสติกมาปูพื้นจับจองพื้นที่บริเวณถนนภายในโรงพยาบาลศิริราชที่ขบวนจะเสด็จผ่าน เพื่อจะได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ทำให้สองฝั่งถนนเนืองแน่นไปด้วยผู้คน แม้ว่าอากาศจะร้อนจัดแต่ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของพสกนิกรที่มารอรับเสด็จเพื่อชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ลดน้อยถอยลงแต่ประการใด กลับกัน ยิ่งใกล้เวลาเสด็จฯ ประชาชนยิ่งแห่มาจับจองพื้นที่สองฟากถนนข้าง รพ.ศิริราช และตามเส้นทางเสด็จฯ เพื่อรอรับเสด็จกันอย่างคึกคัก แต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
ด้าน นางชลอม เมืองบุญ อายุ 78 ปี ชาวปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รู้สึกดีใจมาก พระองค์ดูพระพักตร์แจ่มใส พระพลานามัยแข็งแรง ทำให้รู้สึกสบายใจ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ส่วน นางมานิตย์ เลี่ยมงาม อายุ 54 ปี ประธานชมรมคนรักในหลวง ต.หัวดง จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จฯ ไปประทับที่หัวหิน ก็ได้รวมตัวคนในชมรม 10 คนเพื่อเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์ท่าน โดยเดินทางมาตั้งแต่ตี 4 เมื่อมาถึงก็ได้นั่งรอตั้งแต่เช้า แม้จะร้อนแต่ได้เห็นพระองค์ท่านก็หายร้อนไปทันที พระองค์ทรงเป็นเหมือนร่มโพธิ์ร่มไทรที่ให้ประชาชนได้ร่มเย็น และพวกเราอยากให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพวกเราและทรงรับทราบว่าเรายังรักและหวงแหนในแผ่นดินของพระองค์ท่าน
ต่อมา เมื่อเวลา 15.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินถึงวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พสกนิกรจำนวนมากเฝ้ารอรับเสด็จฯ พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญ