xs
xsm
sm
md
lg

“เราทำเพลงโง่ๆ มาหลอกคนไม่ได้แล้วยุคนี้” บอย โลโมโซนิก ความหวังใหม่สายดนตรีที่ขาใหญ่ยังซูฮก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากที่เราได้สนทนากับผู้คนจากแวดวงดนตรีมากหน้าหลายตา ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ และในการสนทนาเหล่านั้น อย่างน้อยหนึ่งครั้ง...เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตสมาชิกวงบอดี้สแลม ได้ให้ความเห็นไว้น่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยถ้อยคำทำนองว่า “โลโมโซนิก” (Lomosonic) เปรียบเสมือนความหวังใหม่อีกหนึ่งความหวังของวงการดนตรี
ภาพประกอบจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ Lomosonic
...กว่าสี่ขวบปีที่ผ่านพ้น วงดนตรีจากสังกัดสมอลล์รูมวงนี้ ได้ถือกำเนิดขึ้นและผลิตงานที่ถูกขานรับจากคนฟัง กระทั่งนำไปสู่การมีแฟนคลับมากที่สุดอีกวงหนึ่ง ประวัติการณ์อันน่าจดจำเกี่ยวกับผองเพื่อนแห่งวงโลโมโซนิก คือความโด่งดังโดดเด่นที่กลายเป็นกระแสฮิตติดชาร์ตอย่างเพลง “ขอ” (Warm Eyes)

ความรักและกำลังใจจากคนฟัง คงเริ่มออกสตาร์ทอย่างจริงจังมาจากบทเพลงนี้...ต่อจากนั้นก็มี “ดอกไม้ไฟ”, “ถึงเวลา...(Wake)”, “ความรู้สึกของวันนี้”, “ใครจะหยุดความเหงา” และอีกหลากหลายบทเพลงที่ทำให้โลโมโซนิกเข้าไปอยู่ในใจของแฟนานุแฟน

วันนี้ อาจมาไม่เต็มวง แต่ก็ยังคงจัดเต็ม เฉกเช่นที่เป็นมา
"บอย-อริย์ธัช พลตาล" ผู้รับบทบาทนักร้องนำ นั่งลงเบื้องหน้าเรา
และอย่างไม่ยอมให้เสียเวลา เราเริ่มต้นบทสนทนาที่คิดมามากกว่าห้าหกวัน...

• จากการที่นักดนตรีรุ่นพี่อย่างเภา รัฐพล มองเราว่าเป็น “ความหวังใหม่” ของวงการดนตรี ตรงนี้รู้สึกนึกคิดอย่างไรบ้าง

โอ้โห...ผมรู้สึกว่ามันใหญ่เกินไปนะ (หัวเราะ) แต่ก็ขอบพระคุณพี่ๆ ที่มองอย่างนั้น ขอบพระคุณมากๆ ครับ คือถ้ามองในมุมนั้น พวกผมก็คงต้องตั้งใจทำงานชุดที่ 3 ชุดใหม่ที่กำลังจะออกให้ดีที่สุด แต่จริงๆ ผมคิดว่าคงไม่ใช่ (ยิ้ม) เพราะผมมองว่าความหวังของวงการคือการช่วยกันถางมิติให้มันกว้างออกไป มันไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่ายิ่งช่วยกัน มันยิ่งไปไกล และเด็กบ้านเราจะได้ฟังเพลงดีๆ ยิ่งขึ้น

ก็คงเป็นเช่นเดียวกับตอนที่พวกพี่ๆ รุ่นก่อน ลายกีตาร์พี่เภา บอดี้สแลม แนวดนตรีพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก หรืออัลบัม Candyman, Mint, Iq 108 วงซิลลี่ฟูลส์ อัลบัม XL พี่วง Big Ass ผลิตผลงานไอเดียดีๆ สร้างความคิดสร้างสรรค์กันมา ผมก็คนหนึ่งที่เติบโตมากับยุคนั้น ที่พวกพี่ช่วยกันทำขึ้นมาตอนเด็กๆ มันทำให้เราเป็นแบบนี้ ผมถึงได้เขียนถึงงานคอนเสิร์ตล่าสุดไว้ในอินสตาแกรมว่า “มันใหญ่เกิน มันยิ่งใหญ่มากๆ กับการที่เด็กคนหนึ่งจะได้เล่นกับ Big Ass กับ Moderndog” คือผมยังฟังเพลงพวกพี่เขาอยู่เลย ผมจึงคิดว่า คำว่าความหวังใหม่ของวงการ น่าจะใหญ่เกินไปสำหรับเรา ความหวังมันอยู่ที่ทุกคน เพราะยิ่งวงพี่ๆ น้องๆ หรือเราทำงานดีเท่าไหร่ มันก็เป็นความหวังได้เหมือนกัน

• คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุใด ที่ทำให้พี่ๆ เขามองเราแบบนั้น

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอบไม่ได้ชัดเจน เพราะเด็กๆ สมัยนี้ วงดนตรีน้องใหม่อายุ 17-18 ฝีมือธรรมดาที่ไหน มีวงดีๆ ฝีมือดีๆ ขึ้นเวทีเยอะแยะ น่ากลัวจะตาย (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าพวกนั้นคือความหวังมากกว่า เรายังต้อง “เฮ้ย! นายเก่งเหรอ กูไม่ยอมหรอก” ก็พูดตลกๆ ไปในใจ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันคือการแข่งขันนะ ไม่ได้หมายความอย่างที่บางคนชอบเสี้ยมกันว่า 'วงนี้เกิดมาเพื่อฆ่าวงนั้น' 'วงนี้เกิดมาเพื่อฆ่าวงนี้' 'วงนี้โดนสยบแล้ว' ไม่ใช่

ก็อย่างที่บอก ผมรู้สึกว่าความหวังมันอยู่ที่พวกเราทุกคน ยิ่งถางทางกว้างเท่าไหร่ มากเท่าไหร่ เด็กที่จะขึ้นมา ก็ยิ่งได้รับ แต่ถ้าจะมองอย่างนั้น ก็ต้องขอบคุณที่เห็น แสดงว่าเขาต้องเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่ผู้ใหญ่เขาบอกเราว่า นี่คือรางวัลที่เราทำงานหนัก และยิ่งขอบคุณแฟนเพลง คือถ้ายิ่งบอกว่าเราเจ๋งมากเท่าไหร่ ผมยิ่งต้องมอบเครดิตเหล่านั้นให้แก่คนที่รักผม เพราะพวกเขามีส่วนร้อยสองร้อยสามร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ช่วยให้ผมเป็นอย่างทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็มีคนหัวเราะตลกขบขันในสิ่งที่เราคิดที่เราเป็น

แต่ผมคิดเสมอในทุกครั้งที่เล่นหรือทำงาน ก็คือ ต้องเต็มที่ ใครเคยดูพวกผมเล่นคอนเสิร์ต จะรู้สึกเหมือนผมบ้า (หัวเราะ) ผมจะชอบกระโดดเล่นบอดี้เซิร์ฟ (การกระโดดจากเวทีลงมาหาแฟนเพลง) ให้คนดูรับ แสดงท่าทีเกรี้ยวกราด พูดพร่ำถึงความเท่าเทียม (เป็นที่มาของเครื่องหมายรอยสักที่หลังข้อมือด้านซ้าย) ก็มีแต่ตลก บอกเราบ้า แต่ภาพที่เกิดขึ้นคือคนเกือบห้าพันคนที่ไม่รู้จักกันเลย กอดคอกันเป็นวงกลมใหญ่ๆ ในงานเฟตเฟสติวัลครั้งสุดท้าย หรือล่าสุด ผมทำลายกฎลานเบียร์หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ผมไม่ได้บอกว่าทำอย่างนี้มันดีนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันสนุก ทำไมเราไม่ทำให้มันสุดทางล่ะ
ภาพประกอบจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ Lomosonic และ BOY Lomosonic
• ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าถึงทำให้เขายอมรับ

เป็นไปได้ครับ เพราะผมรู้สึกว่าเวลาสามสิบนาทีหรือหนึ่งชั่วโมงที่เราอยู่ด้วยกัน ผมอยากให้มันเป็นมากกว่าการที่มาฟังเพลงมาดูศิลปินนักร้อง คือถ้าดูแล้วไม่มีประโยชน์ก็ไปดูละครที่บ้านดีกว่า จะออกมาทำไม เราก็เลยคิดว่าเราพอจะทำอะไรได้หรือให้อะไรเขากลับไปบ้านได้บ้าง ทั้งความสนุกและสาระความคิด ผมก็จะทำ

ผมชอบพูดติดตลกเสมอว่า "กลับไปขอให้ตั้งใจเรียน อย่าให้ใครมาบอกนะว่าแฟนเพลง Lomosonic ไม่ตั้งใจเรียน กูจะตามไปฆ่ามึง" หรือที่ผมบอกอยู่ช่วงหนึ่ง เรื่องความเท่าเทียมว่า "มึงจะนั่งรถเมล์มาดู มึงจะนั่งเครื่องบินมาดูกูก็ได้ มึงจะรวยจนแค่ไหน หรือนามสกุลอะไร ในเวลานี้มึงคือคนที่รักดนตรีเหมือนกัน...มึงเท่ากัน" ก็ติดตลกไป แต่ผมรู้สึกอยากให้พวกเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ภาพประกอบจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ Lomosonic และ BOY Lomosonic
อย่างเรื่องวิ่งที่วงผมตอนนี้มีคลับ 'Lomosonic running' มันก็เกิดจากความคิดว่า ถ้าเราจะพบเจอแฟนคลับ เราไม่อยากแค่นั่งทานอาหาร มันไม่เกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยผุดไอเดียนี้ขึ้นมา แล้วสิ่งที่ผมได้รับกลับมาในวันนี้ คือมีเด็กค่อยๆ เพิ่มจากร้อยคนเป็นพันคน หรือคุณแม่ซิงเกิลมัม มาบอกว่าวิ่งเพราะเรา ได้กำลังใจจากเรา มันก็เป็นจุดเล็กๆ ในใจ เรามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เรารักและได้เงินด้วย ทำไมเราไม่แบ่งคนอื่นบ้าง

แต่ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นไอดอลหรือกล้าที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอย่างที่บอกนะ ผมแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เหมือนเวลาเราจีบสาวคนหนึ่ง บ้านเขาอยู่รังสิต ขณะที่บ้านเราอยู่สาทร แต่เราก็จะไปหาเขา ผมทำทุกอย่างในชีวิตด้วยความรู้สึกนั้น เพราะผมรู้สึกว่ายิ่งทำเท่าไหร่ มันยิ่งได้กับตัวเอง คือมันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น ผมไม่ได้กล้าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหรอก คนเหมือนกัน มีห้านิ้วเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นนักดนตรี พี่ยาม แม่บ้าน เด็กนักเรียน หรือนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างในประเทศต้องการสิ่งนี้ทั้งนั้น และแม้ว่าคำพูดนั้นมันจะไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่มากกว่าการพูดคือทำให้เห็น ผมทำให้เห็น ถ้าคุณคิดว่าดีก็รับมันให้มันเป็นพลังกลับไป

• ในฐานะที่ถูกมองว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเพลง ส่วนตัวเรามองวงการเพลงยุคนี้อย่างไร

ผมว่าดีนะ แต่บางคนเขาอาจจะมองว่าถอยหลังใช่ไหม ก็ต้องบอกก่อนว่ามันไม่มีถูกมีผิด แต่ถ้าถามผม คือมีเด็กอายุต่ำๆ เก่งขึ้น มันไม่ดีอย่างไร อย่างวง Part Time Musicians, Polycat, Jelly Rocket ผมว่าเพลงดีขึ้นออก ดูทุกวันนี้ที่เด็กสามารถหัดเรียนหัดฝึกฝีมือได้ในยูทูป เด็กอายุ 16 มีวงดนตรีเจ๋งๆ ทำเพลงเท่ๆ ออกมาเป็นของตัวเอง ไหนจะคนฟังเก่งขึ้น รู้ว่าลอกมาหรือไม่ลอกมา เราทำเพลงโง่ๆ มาหลอกคนไม่ได้แล้วตอนนี้ ผมรู้ว่าน่าสนใจ คือโอ้โห... แทบยอม (ยิ้ม)

แม้มันอาจจะมีข้อเสียของอินเทอร์เน็ตหรือว่าสื่อที่มันเข้าถึงมาก มันไม่ได้กลั่นกรองวัยวุฒิคุณวุฒิให้ถูกต้องเท่าที่ควร แต่คนที่ฉลาดก็จะฉลาดขึ้น คือผมไม่ได้มองในแง่ธุรกิจที่ว่าผมจะทำออกมาแล้วจน ขายไม่ได้ ผมมองในแง่ความคิดสร้างสรรค์ โลกกว้างขึ้น แล้วผมรู้สึกว่าตอนนี้เทรนด์ทางดนตรีมันไม่มีไปกองอยู่แนวใดแนวหนึ่งแบบเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้แบ่งๆ เท่ากันหมด ตรงนี้มันน่าสนใจ นี่คือสีสัน นี่คือมิติที่มันกว้างมากขึ้น

• ในแง่ฝีไม้ลายมือ คือมีความหลากหลาย แต่ในแง่ธุรกิจล่ะ เป็นอย่างไร

ย่ำแย่ไม่ต่างจากวงการอื่น ก็ต้องยอมรับว่าเงินเป็นสิ่งจำเป็น ตราบใดที่สังคมยังไม่ใช้ใบไม้ในการอยู่อาศัย ก็เป็นอย่างนั้น คือคนก็ชอบของฟรี ใครเขาโหลดเพลง ระบบเพลงมันไหลอออกไปสวนทางกัน แต่ผมรู้สึกว่าผมชอบที่จะได้ฟังเพลงของน้องๆ ใหม่ๆ เกิดก๊กเล็กก๊กน้อย

ผมก็อยากรวยนะ มันก็คงจะมาตามสเต็ปและกาลเวลาของมัน คือถ้าเป็นยุคก่อนๆ ป่านนี้ผมอาจจะมีรถสปอร์ตขับแล้วก็ได้ ไม่ต้องมานั่งรถเมล์อย่างทุกวันนี้ แต่ผมไม่ได้มองตรงนั้น ผมรู้สึกอย่างที่บอกไป ไม่ได้เอาเงินมาเป็นตัวแปรให้ความสวยงามของชีวิตมันเห็นแก่เงินอย่างเดียว มันคืองานศิลปะเชิงพาณิชย์ที่สามารถให้อะไรกับคนดูแล้วส่งกลับมาให้เราเป็นที่รู้จัก ให้เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก และสิ่งที่เรารักก็ได้เงิน คือบาลานซ์ในชีวิตตรงนั้นก็พอ

• สรุปคือดีหรือไม่ดี

ดี ผมว่ามันจะพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้อาจจะไม่ดีในแง่ธุรกิจนะ แต่ว่าสำหรับในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ มันไม่ถูกจำกัดว่า เราต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น ไม่งั้นจะไม่ถูกปล่อยออกสู่สายตาสาธารณชน

• เมื่อธุรกิจกับศิลปะสวนทางกัน คิดว่ามันมีปัญหาต่อการทำเพลงแนวใหม่ๆ หรือความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ บ้างหรือเปล่า

อืมมม...ก็อาจมีส่วน แต่สำหรับพวกเราไม่เกี่ยวครับ เราเป็นของเรามาอย่างนี้ตั้งแต่แรกๆ เราไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ แต่ถ้าให้พูดในภาพรวม ด้วยเหตุนี้ วงดนตรีจึงทำเพลงป็อปป้อนตลาด คือผมเคยคุยกับคนที่สร้างงานระดับตำนานหลายท่าน เขาก็ไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดอย่างเดียวกัน เพราะเพลงดังๆ ไม่ใช่ว่าเป็นเพลงง่าย อย่างเพลงยาพิษวงบอดี้สแลม เป็นเพลงยากนะ เล่นยากจะตาย หรือเพลงของวง Tattoo colour ไม่ง่ายนะ แต่ก็ดัง

สิ่งที่ง่ายก็ไม่ได้ดังเสมอไปแล้วตอนนี้ มันส่งผลเป็นระบบตามกันหมด ทั้งเรื่องคนฟังฉลาดขึ้น โลกกว้างขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบงานยากมากกว่างานง่าย มันก็มีคนที่หมุนไปตามเวลา แต่งานง่ายก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องดังเสมอไป คือมันไม่ได้มีจุดตายตัว มีสูตรสำเร็จอีกต่อไป ความง่ายที่เราทำออกมา มันอาจจะออกมาจากความซับซ้อนทางความคิดที่ยาก เพื่อจะสื่อให้เข้าถึงคน ตอบยากครับ ผมรู้สึกแค่ว่า อยู่ที่ว่าใครจะสามารถดึงมันออกมาได้มากกว่ากัน

• มีคนบอกว่าตอนนี้ การสร้างสรรค์ของวงการดนตรีไม่ได้ขึ้นอยู่กับศิลปินสายอินดี้เช่นสมัยก่อนแล้ว แต่มาจากสายกระแสหลัก

ก็อาจจะมีส่วน แต่ผมมองในแง่ของเวลาที่มันเปลี่ยนไปกับเทคโนโลยีมากกว่า ด้วยเหตุที่ว่า คนไทยติดเฟซบุ๊ก ติดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผมว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คลิป 'เหนียวไก่' ก็คงจะไม่ดังอะไรขนาดนี้ ถ้าไม่มีโลกออนไลน์ ก็คือใดๆ ก็ตาม ผมไม่รู้จะเรียกว่าโชคชะตาหรือไม่ที่มันทำให้ชอบแล้วมีผลต่อจิตใจ ก็จะส่งผลให้คนส่งต่อกันง่ายขึ้น ค่ายเพลงก็ไม่ได้นอนมาอีกต่อไปแล้ว วงหลายๆ วงไม่มีค่าย ก็ดัง มาแรง เรื่องนี้ผมว่าเป็นเรื่องของกาลเวลาและเทคโนโลยีมากกว่า

• พูดถึงเรื่องกาลเวลา ขอแทรกประเด็นที่เกี่ยวกับเพลงเก่าที่ผู้คนมักบอกว่า 'ดี' 'ไพเราะ' หรือ 'มีคุณค่า' กว่าเพลงในยุคสมัยนี้หน่อยว่าส่วนตัวเรารู้สึกอย่างไร

ก็ต้องย้อนกลับไปเรื่องเทคโนโลยี แต่คราวนี้เราเพิ่มจังหวะและเวลาเข้าไปอีก คือเป็นเพลงที่คนรู้จักของศิลปินนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนั้นยังไม่มีคนเห็นเท่านั้นเอง แล้วพอเวลาเทคโนโลยีวันนั้นที่ศิลปินเขาเอากลับมาร้อง อยู่ในเวลาที่คนดูคนฟังได้รับพร้อมกันมากที่สุด ผับบาร์นักดนตรีเล่นมากที่สุด ก็เลยทำให้กลับมาเป็นเพลงฮิต อย่างเพลง 'รักเดียว' (ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์) ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาดังทั่วประเทศ เพลงตั้ง 33 ปีแล้วนะ ส่วนตัวผมไม่มองเรื่องว่า “เก่าดีกว่าใหม่” หรือ “ใหม่ดีกว่าเก่า” แต่มันคือเรื่องของจังหวะ เวลา และเทคโนโลยี และอีกส่วนหนึ่งคือเพลงดีมันย่อมคงทนต่อกาลเวลา ถ้าไม่ดีจริง สิ่งเหล่านั้นมันก็จะถูกลืมไปเอง

• คิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการพัฒนาในการทำงานของนักดนตรี

In-put ครับ ผมถึงได้บอกไงว่าเด็กสมัยนี้โชคดี เพราะว่าโลกเปิดมากขึ้น มันทำให้เรากว้าง คือ In-put มันไม่ได้หมายความว่าแค่ทำให้เราฟังเพลงเยอะขึ้น ฟังเพลงวงแปลกๆ ในโลกมากขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าแล้วบ้านเรามองเรื่องนี้อย่างไร แต่ฝรั่งผมก็ไม่ได้บอกว่าเขาดีกว่าเราเสมอ เขาก็ยังถกเถียงกันเลยว่าเพลงนี้เหมือนเพลงนั้น แต่ในแง่ของคนทำงาน การสร้างสรรค์งานออกมา ถ้าเราเข้าเว็บไซต์ Allmusic.com เราจะเห็นเขาเขียนถึงที่มาของวงดนตรีตั้งแต่ที่มาเป็นอย่างไร ได้รับแรงบันดาลใจจากใคร คล้ายวงดนตรีแบบไหน มันเลยทำให้เราไปต่อถึงราก ผมไม่รู้นะว่าความคิดที่บอกไปดีหรือเปล่า แต่ที่ผมไม่สนับสนุนคือเราฟังอะไร เราควรที่จะรู้รากรู้ความหมายที่มาของมัน ยกตัวอย่างเพลง “กาโว” คืออะไร กาโวมาจากเพลงอะคูสติก-โปรตุเกส อย่างนี้ผมก็รู้แหละ

• แล้วอย่างนี้คำว่า 'ทำหมดแล้ว' หรือ 'ไม่มีอะไรใหม่แล้ว' มันเป็นปัญหาไหมกับการที่จะต้องทำให้แตกต่างออกไป

ใช่...(ครุ่นคิด) ทุกคนบอกว่าสิ่งใหม่หมดแล้ว แต่สิ่งใหม่อาจจะเกิดขึ้นได้ คือเทรนด์มันก็หมุนไปเรื่อยๆ เพราะมันคือการออกแบบ เอาสิ่งนั้นมาผสมกับสิ่งนี้ แต่ต้องแยกให้ออกด้วยว่าแรงบันดาลใจกับเลียนแบบก็ต่างกัน คนดูเขารู้ เราจะกล้าทำงานที่ไม่ดีออกมาเหรอ เพราะถ้าเราทำอย่างนั้นมันก็หมดศรัทธา มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ อันนี้คือรูปแบบการทำงานของเราเลย เพราะว่าเรากลัว กลัวเขาไม่รัก (หัวเราะ) เพราะเราทำเพลงที่เราอยากฟัง แล้วเขาอาจจะรักเราที่เราเป็นอย่างนี้ แล้วถ้าเกิดเราทำไม่ดี เราก็กลัวเขาจะไม่รักเราอ่ะ (ยิ้ม) มันเป็นสมการหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง

• มองว่าทุกวันนี้ วงการเพลงบ้านเรายังมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ

มีครับ เพียงแต่ว่ามันอาจจะยากสักหน่อยหนึ่ง เพราะการเกิดแนวทางใหม่ ถ้ามันดีคนก็จะชอบ ถ้าไม่ดีก็คงไม่มีใครอยากฟัง สักพักมันก็หายไปเองไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ดีแล้วมันมีผลต่อจิตใจ มันก็คงอยู่อย่างนั้น

แล้วยุคนี้ ผมว่าเด็กเก่งขึ้นในอายุที่ต่ำลงนะ คือเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนในสมัยที่ผมได้ออกอัลบัมแรกนะ ช่วงนั้นก็อายุ 23 เข้าไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ดิ โหยยย...เด็กเก่งขึ้นอย่างที่บอก คือไม่มีอะไรผิดอะไรถูก ในข้อดีก็มีข้อเสียของมัน ผมไม่กล้าใช้คำว่าขยะ ผมขอใช้คำว่าสิ่งที่คนไม่เห็นคุณค่ามากกว่า มันก็จะหายไป สิ่งที่จะทำให้เราหลุดออกมาได้ และเข้าถึงจิตใจคนก็จะอยู่

เปรียบให้อินเทรนด์หน่อย มันเหมือนที่มีคำถามว่า กด 'Like' คืออะไร คือถ้าสมมติว่าเราโพสต์ว่า "หมาเราตาย" อ้าว...มีคนมากดไลค์ คุณชอบเหรอ (หัวเราะ) มันไม่ใช่ แต่มันอาจจะเป็นในแง่ของไลค์ที่แปลว่าเหมือนกัน ฉันเสียใจเหมือนคุณ คืออันนี้เป็นโมเดลง่ายๆ ที่แปลว่าเราจะสร้างอะไรใหม่ๆ ได้หรือเปล่า เพราะว่าฉันคิดเหมือนเขา

• แต่ถ้าถามแบบโง่ๆ คนเราคิดเหมือนกันมันก็ไม่มีอะไรใหม่

(หัวเราะ) ไม่ได้หมายความว่าเราคิดเหมือนกันในแง่นั้น คือสมมติว่ากลุ่มนี้ ก๊กนี้คิดอย่างนี้ เราก็จะชอบเขา เราก็จะไม่ชอบก๊กนี้ อะไรอย่างนี้ แต่ในขณะที่คนในก๊กนั้นๆ ก็จะสร้างงานสร้างทุกอย่างขึ้นมาเพื่อดันทุกอย่างให้มันถ่างออกไป มีมิติมากออกไป

• แล้วอะไรที่จะทำให้เราสร้างแนวหรือเป็นเบอร์หนึ่งในแต่ละทาง

ความแน่วแน่ของเขา อย่างที่บอกไปตอนต้น ผมโดนหัวเราะเยาะมาก่อนกับการที่เราถางทางในเส้นทางของตัวเอง แต่ผมไม่กลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ แต่คือบ้านเรายังกลัว ยังไม่กล้า ทั้งๆ ที่มันอาจจะเจ๋งก็ได้ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาของมัน มันก็อาจจะเป็นการเบรกจินตนาการการพัฒนา ส่วนที่ถามว่าอะไรที่ทำให้เป็นเบอร์หนึ่งหัวแถว ก็ต้องความดัง แต่อะไรที่จะทำให้เขาดังได้ ก็งานของเขา เขาทุ่มเททำในสิ่งที่รักมากน้อยแค่ไหน

• สำหรับโลโมโซนิก ก็เดินในแนวทางนั้น?

คือสำหรับใครที่ไม่ใช่แฟนเพลงหรือไม่เคยดูผมเล่นคอนเสิร์ต ต้องเท้าความก่อน เพราะจะเห็นว่าผมเหมือนอย่างที่บอกว่าบ้าไปเลย บางทีไม่สบาย เจ็บหลัง นั่งวีลแชร์ร้องเพลงก็มี 2 ครั้ง แต่ผมจะรู้สึกกลัวว่าจะทำให้เขาได้ไม่เต็มที่ ก็เลยต้องจัดเต็มให้ทุกครั้ง

• นี่จึงทำให้ต้องเต็มที่ทั้งความสนุกอย่างที่เห็น และสาระอย่างที่ได้ยิน?

บางคนอาจจะมองว่าทำไมผมจึงต้องเกรี้ยวกราดบนเวที หรือบางทีดูจะหยาบคายไปบ้าง ในบางครั้งที่เล่นในผับแล้วคนดูเมา มีกิริยาไม่เหมาะสม คือกินแล้วรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ มาเต้นเบียดแฟนเพลงผู้หญิงตัวเล็กๆ เราก็รู้สึกว่าลบหลู่ในสิ่งที่เรารักและศรัทธา ก็เลยเคยโดนปาน้ำแข็งขึ้นเวทีบ้างอะไรบ้าง ไม่ต้องไปลึกถึงทฤษฏีซิกมันด์ ฟรอยด์ หรือวรรณกรรมชั้นเลิศของ ฌ็อง ปอล ซาทร์ ผมอ่านหมดนะ แต่เพราะเรารู้สึกว่าการกระทำของเขามันไม่เหมาะสมที่จะมาทำกับคนที่เรารัก เราก็ต้องปกป้อง มันอาจจะดูรุนแรงก็เข้าใจ

แล้วผมไม่ได้คิดว่ามันดูเท่ หรืออยากจะดังแต่อย่างใด ผมถึงบอกว่าทำสิ่งไหนก็ได้สิ่งนั้น แล้วสิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือแฟนเพลง คือเด็กๆ ที่ถ่ายรูปบอกว่า "หนูตั้งใจเรียนนะคะ/ครับ" ได้เห็นสิ่งดีๆ ที่เราตอบแทนให้เขา แล้วเขาก็ตอบแทนให้เรา

• ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเป็นความฝัน แต่สำหรับคุณ อยากเห็นอนาคตวงการเพลงบ้านเราเป็นอย่างไร

ก็อยากให้มันพอดีๆ กัน ถ้ารักถ้าชอบ ถ้ารู้สึกกับเพลงเพลงนี้ รู้สึกกับศิลปินคนนี้ ก็ควรจะสนับสนุนเขาให้เต็มที่ ซึมซับความคิดความเป็นตัวตน ผมอยากให้เป็นอย่างนั้น เขาจะได้มีกำลังใจในการทำงาน แล้ววงจรมันจะบรรจบ วงกลมมันจะถ่างขึ้น ความคิดสร้างสรรค์มันจะกว้างขึ้น เราอยู่ในสังคมอย่างนี้ไม่ดีกว่าหรือ

ผมไม่ใช่ศิลปิน คำว่านักดนตรีที่ดี ก็ยังห่างไกลสำหรับผม ผมไม่กล้าเรียกตัวเองขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าร็อกสตาร์มันเกินเอื้อมห่างไกลกับคนอย่างผม สิ่งที่ผมทำได้อย่างเดียวคือรับใช้แฟนเพลง เพราะพวกเขาทำให้ผมยังเล่นได้อยู่ทุกวันนี้ ทำให้ผมมีคอนเสิร์ตใหญ่ ทำให้เห็นภาพกอดคอกัน คือชีวิตนี้ดีขนาดไหนแล้ว ผมก็อยากให้วงการเพลงบ้านเราเป็นอย่างนั้น










เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร

กำลังโหลดความคิดเห็น