ASTVผู้จัดการ – สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยยืนยันไม่เคยทำรายงานวิพากษ์การศึกษาไทยว่าห่วยสุดๆ อย่างที่เผยแพร่กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย ระบุไม่อยากให้เข้าใจผิด ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับบทความชิ้นดังกล่าวก็ตาม
จากกรณีตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์จำนวนหนึ่งได้เผยแพร่ บทความเรื่อง “การศึกษาไทย ในมุมมองของจีน อ่านจบพูดไม่ออก ทำผมนี้อึ้งไปเลย” ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สังคมและระบบการศึกษาของไทยอย่างรุนแรง โดยอ้างว่าเป็นรายงานของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และความเห็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยท่านหนึ่ง ทำให้มีผู้ส่งต่อบทความชิ้นดังกล่าวไปในวงกว้าง โดยบทความชิ้นดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
การศึกษาไทย ในมุมมองของจีน อ่านจบพูดไม่ออก ทำผมนี้อึ้งไปเลย
จันทร์ 3 พฤศจิกายน 2557
การศึกษาไทย ในมุมมองของจีน
ห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยม จนถึงระดับ มหาวิทยาลัย
1. สถานทูตจีน เขียนรายงาน (เป็นภาษาจีน) ระบุการศึกษาบ้านเรา เน้นแต่ด้าน ศิลปศาสตร์ นิติฯ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การตลาด บริหารธุรกิจ ซึ่งจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ ความรู้กระจอก สักแต่ให้มีปริญญา ไม่ได้สร้าง value-added ใดๆ นักวิทยาศาสตร์ การวิจัย แทบจะเป็นศูนย์
Guanmu อดีตเอกอัครราชทูตจีน บอกว่า 25 ปีที่ผ่านมา ไทยผลิตยาง ยังไงก็ยังทำแบบนั้น ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเป็นยางรถยนต์ หรือสิ่งประดิษฐ์ อะไรเองไม่เป็น สร้างคิดห่าเหวไรไม่ได้
2. มหาวิทยาลัยไทย รวมไปถึง ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ กิจกรรมเน้นเต้น หลีดโชว์หล่อสวย แต่โง่ ไม่มีการฝึกงานอะไร ที่เป็นประโยชน์ ขอเงินพ่อแม่ เที่ยวกลางคืน เย่อกันไปวันๆ โชว์วัตถุนิยม ว่ารถกูขับรถไร สังคมมันวัดกันแค่นี้ (เห็นมากับตา) พวกดีๆ ก็มีแต่มันน้อย เอาจริงๆนะ ผมว่ามีแค่ 10% ในขณะที่เด็กสหรัฐฯ พวก MIT Stanford หรือเด็กจีนชิงหัว ปิดเทอม พยายามหางานทำ ฝึกงาน UN World Bank JP Morgan หรือมาค่ายผู้ลี้ภัย ชาวโรฮิงญาในไทย
3. จ่ายครบจบแน่ ปริญญาขยะ เต็มบ้าน คือ หางานไรทำไม่ได้ มีแต่อยากจะรวย “ผมจะทำธุรกิจ” คือมันคิดไรไม่ออก นอกจากขายของ นอกจากนี้ ยังทุจริต ผันงบกระทรวงศึกษา ให้ทุนกู้ยืม มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีนักการเมือง เป็นเจ้าของ สุดท้ายหนี้สูญ เพราะเด็กบ้านนอก ได้มาเข้ากรุง สักว่าจบปริญญา ประดับบ้าน แต่มันหางานทำไม่ได้ ปีหนี่งหมดเงิน ภาษีประเทศชาติไปหลายหมื่นล้าน เรื่องเลวๆ นี้ ไม่เคยถูกตรวจสอบ
4. ภาษาอังกฤษ ห่วยแตกขั้นเทพ จริงๆ อจ.จุฬาฯส่วนใหญ่ ก็ลอกบทความฝรั่ง มาแปลๆ ไม่มีความคิด อะไรใหม่ หาน้อยคน ที่จบระดับโลก ไปดู CV เอาเอง ได้จบมหาลัยห้องแถว B-class ทั้งนั้น งานวิจัยขยะ copy/paste เด็มไปหมด ครูมัธยม เอาแค่โรงเรียน ในกรุงเทพฯ ผมเคยถูกเชิญไปพูด ยังออกเสียง สะกดศัพท์ไม่ถูกเลย จะสอนเด็กให้ถูก อย่างไร แล้วโรงเรียน ใน อ.ปัว จังหวัดน่าน มันจะห่วยแตก ขนาดไหน
5. ความรู้ใหม่ๆ หรือเทคโนโลยี มันหมุนเวียน เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนไทยรู้แต่ ภาษาไทยตัวเอง ไม่มีความสามารถ แข่งขันอะไร ในระดับโลก โลกทรรศน์สุดจะแคบ สำนักข่าวไทย รายงานแต่เรื่องเส็งเคร็ง ไม่ได้สร้างคุณค่า ความรู้อะไร คนนั้นท้องกับคนนี้ ตำรวจตั้งด่านไถตังค์ ไปวันๆ ไปทำงานมา หลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บอกได้เลย นักเรียนไทย โคตรจะขี้เกียจ ไม่รู้ปีหนึ่งๆ อ่านหนังสือกัน กี่เล่ม?
มีเงิน จ่ายครบ จบแน่ นี่คือความจริงอันน่าหดหู่ของประเทศไทย !
ทั้งนี้ไม่ว่าเนื้อหาในบทความชิ้นข้างต้นจะเป็นข้อจริงหรือข้อเท็จเกี่ยวกับสังคมและระบบการศึกษาไทยอย่างไร ทว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้ยืนยันกับทีมข่าว ASTVผู้จัดการว่า สถานทูตจีน และอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยไม่เคยให้ความเห็น ทำรายงาน หรือวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาไทยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
“ทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทยขอยืนยันว่า สิ่งที่กล่าวหาในบทความนี้ ไม่มีมูลเป็นจริง สถานทูตจีนมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือฉันมิตรด้านวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างจีนกับไทยมาตลอด ไม่เคยเขียนรายงานวิพากษ์วิจารณ์การศึกษาไทย ขอให้เพื่อนมิตรคนไทยทั้งหลายจงอย่าหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิด” เจ้าหน้าที่จากสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเผย