จากการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรกของ 'ชินโนะสุเกะ' ซึ่งอาจจะเหมือนว่าเป็นแค่การเดินทางมาเที่ยวของชาวญี่ปุ่นธรรมดาๆ ถ้าเขาไม่สะดุดกับเพลงป็อป-ร็อกไทยเข้า และแน่นอนว่า “ชินจัง” หลงเสน่ห์ของเพลงไทยเข้าแล้วอย่างจัง และเดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกับโปรเจกต์ “คัฟเวอร์เพลงไทย” ที่เริ่มต้นจากที่แห่งนั้น
ต่อมา “ชินจัง” รวบรวมเพื่อนร่วมงานทั้งหลาย ให้มาสานต่อถึงโปรเจกต์ดังกล่าว ด้วยผลงานชิ้นแรกสุด คือ “กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม” ของ เดอะ ริชแมน ทอย ผลลัพธ์ที่ได้กลับมา คือข้อความที่ว่า ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า แค่คำคำนี้เอง ที่ทำให้พวกเขาเดินหน้าคัฟเวอร์เพลงร็อกสัญชาติไทย กลิ่นอายสำเนียงปลาดิบ ต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
นับจนปัจจุบันนี้ กว่า 5 ปีแล้วที่พวกเขาได้เริ่มโปรเจกต์นี้ขึ้นมา และในขณะเดียวกัน หนุมาน ก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากนักฟังเพลงไทยไปทีละนิด จะเห็นได้จากยามที่ได้รับเชิญให้มาเล่นในเมืองไทยคราใด มักจะได้เสียงตอบรับจากผู้ชมอยู่เสมอ
ทำไมถึงชื่อวงว่าหนุมาน
คือที่ญี่ปุ่นจะมีลิงที่ชื่อว่า “ซารูมาน” เป็นลิงที่มีลักษณะซุกซน ชอบเลียนแบบคน แต่ไม่ใช่ลักษณะแบบหนุมานในเรื่องรามายณะ หรือ เห้งเจีย ในฉบับไซอิ๋ว ลิงซารูมานจะมีความสนุกสนานเฮฮา เราก็เลยคิดว่ามันเข้ากับคาแรกเตอร์ของหนุมานดี เพราะพวกเราจะมีบุคลิกซุกซนเฮฮา แล้วบวกกับคัฟเวอร์เพลงไทยด้วย ก็เลยคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับชื่อนี้
เพราะอะไรถึงต้องมาคัฟเวอร์เพลงไทย ทั้งๆ ที่ถ้าคัฟเวอร์เพลงสากล มันอาจจะวงกว้างมากกว่า
ตอนที่ผมมาเมืองไทยครั้งแรก แล้วได้ฟังเพลงไทย พอได้ฟังแล้วมันรู้สึกอิน เลยมีความคิดที่จะคัฟเวอร์เพลงไทยขึ้นมา อันที่จริง ผมก็มีเพลงคัฟเวอร์เพลงสากลอยู่นะ แต่รู้สึกว่าเพลงไทยที่ประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีขาย แต่ตอนนี้มีแล้ว (ยิ้ม) คือเพลงไทยกับเพลงญี่ปุ่น มันแตกต่างกันมากนะ ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์หรือดนตรี ซึ่งอาจจะถือว่าเป็นความท้าทายก็ได้ครับ
นอกจากคัฟเวอร์เพลงไทย เห็นว่าเคยมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยด้วย
ใช่ครับ ครั้งแรกที่ได้ขึ้นเวที ก็คืองานแฟต เฟสติวัล ครั้งที่ 10 รู้สึกตื่นเต้นมาก (เน้นเสียง) เพราะเป็นการขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของพวกเรา แถมคนดูเยอะจริงๆ คือมันอลังการงานสร้างมากสำหรับพวกเรา แต่ก็รู้สึกว่าทั้งทีมงาน การตอบรับ และก็แฟนคลับที่มาดูพวกเรา ทำให้เรารู้สึกดีใจที่มีคนรู้จักพวกเรา ส่วนปฎิกิริยาคนดู เท่าที่จับอาการได้ น่าจะชอบมากนะครับ เพราะคนดูสนุกสนานตาม ซึ่งแม้ว่าพวกเราจะเป็นคนญี่ปุ่นที่ร้องเพลงไทยไม่ชัด แต่การแสดงของพวกเรา คนดูจะรู้สึกว่าเป็นมืออาชีพมาก เพราะจริงๆ พวกเราเป็นพนักงานบริษัท แต่คนดูทึ่งมาก นึกว่ามืออาชีพมาเล่นเองเลย และก็เห็นความพยายามของพวกเราที่ทำเพลง ทำให้ทุกคนรู้สึกชอบ และก็มีอารมณ์ร่วมกับพวกเรา แถมมีคนมาดูเยอะอีก ทำให้เรารู้สึกประทับใจ (ยิ้ม) ถึงแม้ว่าปัจจุบันอาจมีความเคยชินบ้าง แต่ยังมีอาการตื่นเต้นอยู่เหมือนกันครับ (หัวเราะเบาๆ)
คิดจะทำอัลบัมไทยในเมืองไทยบ้างไหม
จริงๆ ก็มีอัลบัมภาษาไทยแล้วชุดหนึ่ง และตอนนี้กำลังจะมีงานใหม่ออกมา เป็นโปรเจกต์ที่รวมศิลปินของ วีเร็คคอร์ด ของคุณฟองเบียร์ น่ะครับ เป็นเพลงที่คุณฟองเบียร์แต่งให้ เป็นภาษาญี่ปุ่น คือแต่งเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้อัด คาดว่าน่าจะบันทึกเสียงประมาณต้นปีหน้า วางแผงประมาณเดือนมีนาคม เนื้อร้องเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เป็นทำนองไทยครับ
คิดว่าการคัฟเวอร์ของทางวง เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทยกับญี่ปุ่นหรือเปล่า
จริงๆ พวกเราไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะครับ ว่าจะเป็นทูตวัฒนธรรมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น คือคิดแค่ว่าคัฟเวอร์เพื่อความสนุก และอยากที่จะคัฟเวอร์แค่นั้นจริงๆ เพราะเราชอบในเสียงดนตรีและท่วงทำนองของเพลงร็อกของไทย ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นจริงๆ
อนาคตข้างหน้า จะได้เห็นการคัฟเวอร์เพลงไทยแนวอื่นไหม
ตอนนี้มีแล้วครับ คือเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” (หญิงลี ศรีจุมพล) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำคลิปลงยูทูปปกติ ปรากฎว่าทุกคนชอบ อยากฟังๆ ทางวงก็เคยคิดนะว่าจะร้องแนวลูกทุ่งแบบนี้บ้าง แต่แนวทางของวงก็ยังเป็นป็อปร็อกอยู่ ซี่งถ้าเป็นการคัฟเวอร์แนวเพลงอื่นก็อาจจะมีแต่จะเป็นแบบนานๆ ครั้ง