กปปส.โคราชประชุมใหญ่ รวมพลังคนโคราชปกป้องเมืองย่าโม ยื่นหนังสือถึงแม่ทัพภาค 2 เอาผิด นปช.จัดชุมนุม “ลั่นกลองรบ” ในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ ปลุกระดมความรุนแรง หลัง “วินัย” ผู้ว่าฯ โคราช ละเลยหน้าที่ ล่าสุดเตรียมให้ใช้สนามหน้าศาลากลางเปิดรับ “อาสาสมัครแดง” ด้าน “พล.ท.ชาญชัย” ยืนยันรวบรวมหลักฐานดำเนินการ ขณะลูกหลานย่าโมขึ้นป้ายต้านแยกแผ่นดินทั่วเมือง
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557 เวลา 16.00 น.ณ ห้องพรภัทรา ชั้น 8 โรงแรมศรีพัฒนา ถนนสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กปปส.นครราชสีมา กว่า 300 คน นำโดยเภสัชกร จักริน เชิดฉาย ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธาน กปปส.นครราชสีมา, นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ ที่ปรึกษาหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นายประจักษ์ สง่าปทุม และนายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ประธานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดนครราชสีมา เปิดประชุมหารือกลุ่ม กปปส.นครราชสีมาครั้งใหญ่ ภายใต้หัวข้อ “รวมพลังคนโคราช ปกป้องเมืองย่าโม ร่วมปฏิรูปประเทศไทย” โดยมีแนวร่วมจากหลากหลายสาขาอาชีพ อาทิ นายวิชชุ ชุปวา แกนนำต่อต้านมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ, นายประชา ฉัตรวงศ์วาน ประธานผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา และอดีต ส.อบจ.นครราชสีมา, นายกำปั่น นิธิวรไพบูลย์ ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมา, นายจีระศักดิ์ คาระวิวัฒนา กรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น
โดยก่อนเริ่มประชุมหารือ ดร.คำนาย อภิปรัชญาสกุล ผู้เชี่ยวชาญโลจิสติกส์ การจัดการคลังสินค้า และการจัดการขนส่ง ซึ่งเป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา และอดีตเป็นที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดประเด็นถึงโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ที่ล้มเหลว และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวาง รวมไปถึงนโยบายจากโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยเสียหายมหาศาล หากปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้กลับมามีอำนาจบริหารประเทศและราชการแผ่นดินอีกครั้ง
หวั่น! ใช้ศาลากลางเปิดรับอาสาสมัครเสื้อแดง
ต่อมามีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง หลังจากมีจุดเริ่มต้นจากการรวมตัวกันของมวลชนหลากหลายสาขาอาชีพในพื้นที่ ภายใต้ชื่อว่า “กลุ่มคนโคราชต้านคนโกง” เคลื่อนไหวกิจกรรมต่างๆ ต่อต้านการทุจริต และแสดงพลังโค่นล้มระบอบ “ทักษิณ” โดยเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรักษาการคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยโดยประชาชนอย่างแท้จริง กระทั่งจัดตั้งเป็นกลุ่ม กปปส.นครราชสีมา และร่วมชุมครั้งใหญ่ไปสู่การปฏิรูปประเทศ ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศยกระดับการชุมนุม เพื่อดำเนินการ Shut Down Bangkok หรือปิดกรุงเทพมหานคร และสถานที่ราชการต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา โดยกลุ่ม กปปส.นครราชสีมา ได้ร่วมกับเครือข่าย กปปส.ภาคอีสาน นำโดยนายอิสสระ สมชัย อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้งเวทีชุมนุมที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว กรุงเทพฯ พร้อมเปิดหมู่บ้านโคราช และครัวโคราชไว้บริการอาหารและน้ำดื่ม และเคลื่อนมวลชนไปร่วมชุมนุมที่เวทีปทุมวัน ก่อนที่เวทีทั้งสองแห่งจะปิดลงเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมชุมนุม แต่กลุ่ม กปปส.นครราชสีมา ก็ยังคงเคลื่อนไหวเพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยให้สำเร็จ ร่วมกับเลขาธิการ กปปส.และคณะฯ ซึ่งขณะนี้ปักหลักชุมนุมเปิดเวทีใหญ่อยู่ที่สวนลุมพินี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ศาลรัฐธรรมนูญ และการข่มขู่ศาลยุติธรรมต่างๆ ข้าราชการทหารและเจ้าหน้าที่รัฐของกลุ่ม นปช. รวมไปถึงการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ และล่าสุดกรณี นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งเป็นประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตย (อพปช.) และผู้รับผิดชอบโครงการ อพปช.ทั่วประเทศ ประกาศเปิดรับสมัครกองกำลัง อพปช.หรือนักรบประชาชนทั่วประเทศ โดยในวันที่ 8 มีนาคมนี้ นายสุภรณ์ จะเป็นประธานเปิดการรับสมัครอย่างเป็นทางการ ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยตั้งเป้าทั่วทั้งจังหวัด 32 อำเภอให้ได้กว่า 20,000 คน และขณะนี้ นายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายก อบจ.นครราชสีมา มอบหมายให้แกนนำ นปช. แกนนำคนเสื้อแดง แต่ละอำเภอทำการรับสมัคร แล้วส่งมาให้รวบรวมทั้งจังหวัด
ให้นายก อบจ.พิจารณา “อนุวัฒน์” ปล่อยเสื้อแดงใช้สนามกีฬา
จากนั้นที่ประชุม กปปส.นครราชสีมา เสนอความเห็นว่าควรมีหนังสือถึง ว่าที่ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ให้พิจารณาการทำหน้าที่ของ นายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายก อบจ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นแกนนำ นปช.จังหวัดนครราชสีมา และตรวจสอบพฤติการณ์ใช้อาคารลิปตพัลลภฮอลล์ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ซึ่งให้แกนนำ นปช.จากทั่วประเทศ เปิดการชุมนุมปลุกระดมให้ก่อความรุนแรง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยื่นหนังสือถึงนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่ละเลยเมินเฉยต่อหน้าที่ของตน เพื่อปกป้องเมืองย่าโม แต่ในท้ายสุดมติที่ประชุมให้ส่งหนังสือถึงพลโท ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาคที่ 2 โดยด่วนแห่งเดียว เพราะไม่เชื่อมั่นในผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายก อบจ.นครราชสีมา
ยื่น มทภ.2 ดูแลความมั่นคง
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.47 น. วันที่ 5 มีนาคม 2557 ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา กลุ่ม กปปส.นครราชสีมา นำโดยเภสัชกรจักริน เชิดฉาย ประธาน กปปส.นครราชสีมา, นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ ที่ปรึกษาหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ประธานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดนครราชสีมา, นายสุนทร จันทร์รังสี สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และนางพรศรี วราธิป อดีตรองประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และผู้ประนีประนอมประจำศาลจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมายื่นหนังสือ เรื่อง พฤติการณ์การทำลายความมั่นคงของชาติ ถึงพลโท ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาคที่ 2 พร้อมสำเนาสรุปผลการประชุมกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557, สำเนาและที่อยู่ของประชาชน และคลิปการประชุมของ กปปส.นครราชสีมา โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ออกมารับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมด้วย พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2
โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า “ตามที่มีการประชุมแกนนำ นปช.จากทั่วประเทศ ที่อาคารลิปพัลลภฮอลล์ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ในชื่อ “นปช.ลั่นกลองรบ” โดยมีการปลุกระดมให้ก่อความรุนแรง รวมทั้งแสดงออกถึงความไม่จงรักภักดีและรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงภายในประเทศ และประกาศแบ่งแยกประเทศ ซึ่งเป็นความผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 1 และเป็นความผิดฐานกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113-114 แต่หลังจากการกระทำดังกล่าวแพร่หลายในสื่อต่างๆ เป็นเวลาร่วม 10 วัน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาก็ละเลยเมินเฉยต่อหน้าที่ของตน จึงเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกด้วยนั้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด (กอ.รมน.จว.) ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เฝ้าติดตามพฤติกรรมของกลุ่ม นปช.อย่างใกล้ชิด แล้วให้รายงานต่อท่านนั้น กปปส.นครราชสีมาจึงขอทราบรายละเอียดดังนี้ 1.กองกำลังรักษาความมั่นคงภายใน ภาคที่ 2 ได้ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างไรบ้าง 2.มี กอ.รมน.จว.ใดมารายงานความเคลื่อนไหวต่อท่านบ้าง อย่างไร 3.ทางกองทัพภาคที่ 2 พิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อความผิดเหล่านี้อย่างไร 4.ขอให้ท่านได้โปรดดูแลความปลอดภัยของบุคคลที่ นปช.ได้ข่มขู่ไว้ เช่น กปปส.นครราชสีมา อนึ่ง ขอเรียนให้ทราบว่า ขณะนี้ภาคประชาชนได้เคลื่อนไหวต่อต้านเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งในการเคลื่อนไหวของกองทัพภาคที่ 2” ลงนามโดย เภสัชกรจักริน เชิดฉาย ประธาน กปปส.นครราชสีมา”
“พลโท ชาญชัย” ยืนยันไม่วางเฉย
ภายหลังการยื่นหนังสือดังกล่าว พลโทชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาคที่ 2 ชี้แจงว่า “เรื่องนี้ ผบ.ทบ.สั่งการไว้ชัดเจนอยู่แล้ว กลุ่มบุคคลใดที่หมิ่นสถาบันเบื้องสูง แสดงออกถึงความไม่จงรักภักดีและรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงภายในประเทศ รวมไปถึงการจัดตั้งกองกำลังต่างๆ ให้ กอ.รมน.จว.เฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ซึ่งผมได้เชิญผู้ว่าฯ มาแล้ว และรายงานไปยัง กอ.รมน.ส่วนกลางอีกด้วย เพื่อให้ฝ่ายกฎหมายของ กอ.รมน.คือสำนักงานเลขาธิการพระธรรมนูญศาลทหาร ได้พิจารณาจากการถอดเทป และเอกสารต่างๆ เพื่อให้มีหลักฐานถูกต้อง รัดกุม ตามระเบียบกฎหมาย ที่จะดำเนินการทางคดีต่อไป”
“ขอยืนยันว่า กองทัพมิได้นิ่งนอนใจกับความมั่นคงของชาติ และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารบก ที่มุ่งจะให้ประชาชนทุกฝ่ายปลอดภัย และประเทศชาติมั่นคง” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวยืนยัน
อนึ่ง ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (5 มี.ค.) มีป้ายผ้าขนาดใหญ่ ระบุว่าข้อความว่า “อย่าหมายมาแยกแผ่นดินถิ่นย่าโม” และ “แยกประเทศ” ให้โคราชเป็นเมืองหลวงแดง “ถามกูหรือยัง” ติดบริเวณสะพานลอย 5-6 แห่ง ทั้งในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และห้าแยกประตูไชยณรงค์ (ประตูผี) ภายหลังเกิดแรงต่อต้านกลุ่ม นปช.ที่มาใช้จังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช เป็นเมืองหลวงในการ “ลั่นกลองรบ” ปลุกระดมให้ก่อความรุนแรง ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเผยแพร่ในสื่อต่างๆ