ประมวลภาพบรรยากาศพิธีรดน้ำศพน้องเค้ก-น้องเคน เหยื่อระเบิดหน้าบิ๊กซีราชดำริ ที่วัดพรหมวงศาราม (วัดหลวงพ่อเณร)
วันนี้ (24 ก.พ.) บรรยากาศงานรดน้ำศพ ด.ญ.พัชรากร ยศอุบล (น้องเค้ก) อายุ 6 ขวบ และ ด.ช.กรวิชญ์ ยศอุบล (น้องเคน) อายุ 5 ขวบ ที่วัดพรหมวงศาราม (วัดหลวงพ่อเณร) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอยประชาสงเคราะห์ 27 ดินแดง บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของผู้เป็นพ่อและแม่ เนื่องจากต้องมาเสียลูกทั้งสองคนไป
ก่อนหน้านี้ นายทยากร ยศอุบล บิดาของน้องเคน และน้องเค้ก กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นความสูญเสียอย่างที่สุด และไม่สามารถประเมินได้ ครอบครัวตนไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเพียงใดที่จะสามารถทำใจได้ แค่เด็กต้องบาดเจ็บก็เสียใจมากแล้ว แต่ครั้งนี้ลูกเสียชีวิตทั้งคู่ ครอบครัวของตนเเป็นครอบครัวเล็กๆ ไม่ได้รวย แต่ใช้ชีวิตด้วยความสุข ตลอดเวลา 12 ชั่วโมงที่ต้องเฝ้าลูกอีกคนที่ยังสาหัส เห็นว่าลูกต้องเจ็บปวดมาก แม้จะหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้เหลือลูกสักคนแม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่มี
“ให้ผมเดินต่อไปข้างหน้าตนพยายาม แต่ผมก็พยายามไม่ไหว ผมไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่แบบว่าเกิดกับเด็ก 5-6 ขวบ เด็กที่เขาไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าลูกผมจะมีความรู้สึกอยู่แห่งหนไหน อะไรยังไง ไม่รู้ เขาไม่รู้เลย ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว” นายทยากร กล่าว
เมื่อถามว่า จะถามหาความรับผิดชอบในครั้งนี้อย่างไร นายทยากร กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นยังไง ใครจะมารับผิดชอบ ตนก็ไม่ทราบ แต่ตนก็ควรจะต้องดูแลลูกตนก่อนเบื้องต้น ไปประกอบพิธีทางศาสนาก่อน ตามกำลังของตน ที่ตนมีหรือไม่มีก็คือตามกำลังของตน ตนไม่รู้ว่าเขาจะมาช่วยตนหรืออย่างไร ตนยังไม่ทราบ
นายทยากร กล่าวว่า ครอบครัวโดยรวมตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากตน ภรรยาของตนทุกคนก็เสียใจหมด เพราะนี่คือหลานของเขา ทุกคนเสียใจมากๆ คุยอะไรกันไม่ได้เลย มีแต่ร้องไห้ ตนร้องไห้จนไม่รู้จะร้องไห้ยังไง
“อโหสิกรรมละกัน แค่นี้แหละ ผมคงไม่พูดอะไรมากมาย เพราะผมก็ไม่รู้จะพูดให้ใครฟัง คนร้าย เพราะเหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นวัน สองวัน สามวัน ก็ยังไม่จบใช่ไหม ทุกคนก็รู้กันอยู่ เราไม่อยากปกปิดกัน ไม่จบใช่ไหม มันต้องมีอะไรอีกเยอะบนโลกใบนี้ มันต้องเจออะไรอีกเยอะ แต่ลูกผมเจอก่อน และเป็นเด็ก ผมอยากจะวิงวอนทุกฝ่ายเลยละกัน อยากให้มันจบไวที่สุด และก็ให้ลูกผมสองคน ให้เป็นอุทาหรณ์ เพราะเขาไม่รู้เรื่องเลย เขาต้องมารับผิดชอบหรือเปล่า ทำไมเขาต้องมาโดนกับเหตุการณ์แบบนี้” นายทยากร กล่าว
บิดาของน้องเคน และน้องเค้ก กล่าวว่า ครอบครัวของตนเคยมีความสุข ตนอยู่กับลูกตนกลับมาบ้าน ตนไปทำงาน กลับมาบ้านเห็นลูกตนนอนอยู่ อาจจะมีกินไม่มีกิน อาจจะมีความสุขตามประสาของครอบครัวตน ตนก็มีความสุข
“แต่เมื่อคืนผมกลับไปบ้าน เชื่อไหม กระเป๋านักเรียนสองใบ เสื้อนักเรียนที่เตรียมกันมาโรงเรียนวันจันทร์วันนี้ ถ้าทุกคนเห็นสภาพของมันในห้องที่ผมเคยไปส่งลูกตนตอนเช้า ตั้งแต่รุ่งสาง ทุกคนจะมีความรู้สึกว่า มันรุนแรงมากกับครอบครัวผมจริงๆ ผมไม่ได้วาดฝันอะไรให้ลูกทั้งสองคนจะต้องเป็นเด็กที่เก่ง ขอให้เป็นคนดี อยู่กับสังคมได้ ส่วนลูกชายมักชอบดูและอยากเป็นทหาร แต่วันนี้รู้สึกว่า ฝันทุกอย่างมันสลายไปทั้งหมด เป็นเรื่องที่เจ็บมากที่สุด แต่คงไม่โทษใคร” นายทยากร กล่าว
นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษา จำนวน 6 ราย โดยคณะแพทย์ได้พยายามช่วยเหลือ ด.ช.กรวิชญ์ อย่างสุดความสามารถ โดย ด.ช.กรวิชญ์ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่หลังด้านซ้าย ทะลุช่องท้อง เข้าไต และหัวใจ ทำให้เสียเลือดมาก โดยผู้บาดเจ็บไม่หายใจตั้งแต่ก่อนมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้พยายามปั๊มหัวใจกว่า 1 ชั่วโมง และเสียชีวิตในเวลา 18.28 น. ส่วน ด.ญ.พัชรากร โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศรีษะ สมองช้ำ และโดนที่ช่องท้อง ทำให้ตับแตก ศัลยแพทย์ได้ผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือ แต่เลือดเด็กไหลไม่หยุด ทำให้เสียชีวิตในเวลา 06.25 น. ของวันที่ 24 ก.พ.
ส่วนรายที่ 3 ด.ช.โยธิน ชะแอมรำ อายุ 9 ปี ขณะนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู โดยอาการเบื้องต้น สมองบวมและปอดช้ำจากแรงกระแทก แต่โดยรวมมีสัญญาณที่ดีขึ้นสามารถขยับนิ้วมือ นิ้วเท้าได้แล้ว แต่ยังถือว่าต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย มีชายชาวเวียดนาม 1 ราย บาดเจ็บจากอาการตกเลือดในช่องปอด ส่วนอีก 2 ราย เป็นผู้หญิง กระดูกขาแตก 1 ราย และอีกรายถูกสะเก็ดที่ช่องท้อง
“เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่น้องเคนและน้องเค้ก ต้องเสียชีวิตลง ซึ่งเด็กทั้งสองคน คลอดที่ รพ.รามาฯ โดยทุกคนต่างหวังว่าเด็กจะได้เติบโตเป็นอนาคตของชาติต่อไป และไม่น่าต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์แบบนี้” นพ.สุรศักดิ์ กล่าว
ด้าน ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปรี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขานิติเวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา กล่าวว่า ตามกฎหมายการเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติ แพทย์ต้องร่วมชันสูตรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว โดยได้เก็บเศษวัตถุทั้งหมดที่ได้จากผู้เสียชีวิต ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว
ผศ.ยุวเรศมคฐ์ สิทธิชาญบัญชา หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคณะแพทย์ ได้เห็นเหตุการณ์ความสูญเสียหลายครั้งแล้ว โดยทีมแพทย์ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทุกครั้ง โดยอยากวิงวอนผู้ปกครองในการนำเด็กไปพื้นที่ชุมนุมหรือสถานที่โดยรอบว่า หากไม่จำเป็นให้หลีกเลี่ยง เนื่องจาก เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเกิดเหตุชุลมุน เด็กจะเสี่ยงถูกเหยียบหรือได้รับอันตรายมากกว่า และเมื่อเกิดการบาดเจ็บ ในความรุนแรงเท่ากัน เสียเลือดในอัตราที่เท่ากันระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เด็กเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายมากกว่า
ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อยากขอประณามการกระทำความรุนแรงในทุกรูปแบบ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ได้ต้องใช้เวลา ทรัพยากรจำนวนมาก เพื่อรักษาชีวิตผู้บาดเจ็บทุกราย ซึ่งทำให้ผู้ป่วยอื่นๆ ต้องเสียโอกาสในการรักษา การผ่าตัด ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายหาทางพูดคุยกันให้จบเรื่องดังกล่าวลง