เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง รวมตัวประท้วงและยื่นหนังสือที่ศาลปกครอง เรียกร้องขอให้มีคำสั่งให้รัฐบาลไทย ฟ้อง 5 หน่วยงาน สนับสนุนสร้างเขื่อนไซยะบุรีของลาวในแม่น้ำโขง อ้างเป็นการทำลายระบบนิเวศ รวมถึงกระทบวิถีชีวิตชุมชน ขอให้สั่งเลิกสัญญา
วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ น.ส.รัตนมณี พลเกล้า พร้อมด้วยชาวบ้าน 37 คน จาก 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง เป็นตัวแทนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนไซยะบุรี จำนวน 1,019 ราย เดินทางมายื่นฟ้อง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้ถูกฟ้องที่ 1-5 เพื่อขอให้มีคำสั่งให้ กฟผ.ยกเลิกสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรี ในแม่น้ำโขง จังหวัดไซยะบุรี ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
คำฟ้องได้ระบุว่า เขื่อนไซยะบุรีที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็น 1 ใน 11 โครงการก่อสร้างเขื่อนขั้นบันไดในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,285 เมกะวัตต์ กฟผ.รับซื้อ 1,220 เมกะวัตต์ คิดเป็น 95% ของไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด แต่การก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ที่ประกอบด้วยผู้แทนของประเทศสมาชิก 4 ประเทศ คือ ไทย, ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก็ไม่ครอบคลุมการประเมินผลกระทบข้ามพรมแดน
รวมถึงผลกระทบของโครงการเขื่อนขั้นบันได หากปล่อยให้โครงการเสร็จสมบูรณ์จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านใน 8 จังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง พันธุ์ปลาจะลดน้อยลง และมีปัญหาตะกอนทรายในแม่น้ำโขง ส่งผลกระทบทั้งการทำประมงและเกษตรกรรม และหาก กฟผ.ยกเลิกสัญญารับซื้อไฟฟ้า ชาวบ้านเชื่อว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนจะยุติไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะลาวไม่มีความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น 1,285 เมกะวัตต์ ซึ่งในการไปยื่นฟ้องศาลปกครองครั้งนี้ ชาวบ้านได้ไปทำกิจกรรมสาธิตการทอดแหจับปลาที่หน้าศาลด้วย