นักแสดงกำลังโชว์การแสดงนาฏศิลป์ ชุด “พะงางามรามเกียรติ์” ในพิธีบวงสรวงครบรอบ 79 ปีของศาลาเฉลิมกรุง ที่เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย ซึ่งดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะการแสดงแขนงต่างๆ เพื่อร่วมสนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว การแสดงโขนที่จัดขึ้นที่ศาลาเฉลิมกรุง เปิดทำการแสดง ทุกวัน พฤหัสบดี และวันศุกร์ โดยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เปิดให้เข้าชมฟรี
วันนี้ (2 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง เป็นประธานในพิธีบวงสรวง เนื่องในโอกาสครบรอบการดำเนินการ 79 ปี โรงมหรสพศาลาเฉลิมกรุง และครบรอบ 7 ปีการก่อตั้งมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง ที่บริเวณด้านหน้าศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งมีหลายหน่วยงานร่วมแสดงความยินดี ขณะเดียวกัน ได้มีการแสดงนาฏศิลป์ไทย ชุดพิเศษ ในพิธีบวงสรวง ในชุด “พะงางามรามเกียรติ์” กล่าวถึงลักษณะเฉพาะของตัวนางในละคร เรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งแสดงโดยนักแสดงโขน ของศาลาเฉลิมกรุง ต่อจากนั้นในเวลา 10 นาฬิกา จะมีพิธีทางสงฆ์
ภายในงาน มีพิธีมอบทุน กองทุนนาฏดุริยางคศิลป์ไทย ประจำปี 2555 โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย เป็นผู้มอบทุนค่ารักษาพยาบาลให้แก่ศิลปิน วงการนาฏศิลป์ไทย และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จำนวน 6 ทุน และทุนการศึกษา ศาลาเฉลิมกรุง 1 ทุน และพิธีมอบเงินช่วยเหลือนักแสดงอาวุโส โดยมีคุณสุประวัติ ปัทมสูต ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะประธานมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส เป็นผู้มอบทุนให้แก่ คุณจรัล เพ็ชรเจริญ (อาสีเทา) คุณชาลี อินทวิจิตร คุณสมสุข ประณต รตต.จำนง บำเพ็ญทรัพย์ คุณมารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา คุณมีศักดิ์ นาครัตน์ คุณนภาพร หงสกุล คุณลือชัย นฤนาท คุณกานดา นามแย้มแป้น คุณอโนเชาว์ ยอดบุตร (คุณเอื้องพร แทน) คุณพิศมัย ภักดีวิจิตร เป็นต้น พร้อมรับชมการแสดงชุดพิเศษ ชื่อชุด “รำฉุยฉายบุเรงนอง” แสดงโดย คุณปกรณ์ พรพิสุทธิ์ สุดยอดศิลปินนาฏศิลป์ไทย และการแสดงชุด ระบำสี่ภาค จากผู้ได้รับทุนกองทุนนาฏดุริยางคศิลป์ไทย ต่อด้วย การแสดง ครอบครัวศาลาเฉลิมกรุง พร้อมการบรรเลงบทเพลงดังอมตะ โดยวงเฉลิมราชย์ และวงปีพาทย์ โรหิตาจล
ศาลาเฉลิมกรุง โรงมหรสพหลวงพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 9 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงมหสพที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของ เอเชียในยุคสมัยนั้น และพระราชทานนามว่า “ศาลาเฉลิมกรุง” และเมื่อปี 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้อนุรักษ์ศาลาเฉลิมกรุง ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
ให้เป็นสถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ ด้วยความบันเทิงครบทุกอรรถรส ซึ่งเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวที่ยังคงยืนหยัดเป็นศรีสง่าอยู่คู่กับบ้านเมืองไทย มายาวนาน ถึง 79 ปี
