ภายหลังจากที่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงพระกรุณาโปรดให้รวบรวมพระดำรัสภาพและความหมายของภาพที่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบตราสัญลักษณ์ ภายใต้โครงการประกวดออกแบบภาพสัญลักษณ์ (โลโก้) โครงการกำลังใจในพระดำริ จากผู้ที่ส่งผลงานเข้าประกวดและผ่านเข้ารอบสุดท้าย นำมาจัดพิมพ์ลงใน สมุดบันทึก “กำลังใจ” 2553 จึงเป็นที่มาของไดอารี่ในรูปเล่มสวยงาม ขนาดกระทัดรัดที่ฉายชัดถึงพระปณิธานของพระองค์ภาฯ ที่ทรงต้องการให้คนในสังคมร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ที่เคยหลงผิดได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในสังคม
สำหรับผลงานการออกแบบโลโก้ ที่นำมาบรรจุไว้ในไดอารี่ปีนี้ ไม่เพียงเฉพาะผลงานที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเท่านั้น แต่ยังรวบรวมจากผลงานทั้งหมดกว่า 1,000 โลโก้ที่ส่งเข้าประกวด ตามที่ทรงมีพระดำริให้เปิดกว้างในการรับผลงานการออกแบบจากทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ต้องขังที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวด ก็ทรงพระกรุณาจัดวิทยากรเข้าไปอบรมให้ความรู้ในการสร้างสรรค์งานออกแบบด้วย
สำหรับไดอารี่ประจำปี 2553 ทรงพระกรุณาให้เผยแพร่ตามสัญลักษณ์ของโครงการกำลังใจขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโครงการ ที่ถูกดัดแปลงรูปแบบจากผลงานลายเส้นที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกของ มนัสวี หินสุวรรณ ที่สามารถสื่อความหมายได้ตรงกับที่พระองค์ภาฯ ทรงมีรับสั่งไว้ว่า
“กำลังใจเป็นสิ่งที่ต้องมีให้แก่คนรอบข้าง และกำลังใจจากสังคมรอบข้างนี้เอง ที่จะช่วยลดการกระทำผิดซ้ำซ้อนและเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้กลับมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพ ที่เอื้อให้สังคมส่วนรวมได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข”
นอกจากนี้ ภายในเล่มยังจัดพิมพ์เป็น 4 สีสวยงามทั้งเล่ม ประกอบด้วย พระฉายาลักษณ์ และพระดำรัสของพระองค์ภาฯ ที่ประทานคำขวัญและกำลังใจในโอกาสต่างๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการส่งกำลังใจไปยังผู้อื่น ไดอารี่ถูกจัดทำขึ้นในรูปแบบ 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ โดยผลงานแต่ละภาพนั้น จะบรรยายถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบไว้อย่างละเอียด
ด้าน มนัสวี เมื่อรู้ว่าโลโก้ที่ตนส่งเข้าประกวดได้รับพระกรุณา เลือกให้เป็นแบบตั้งต้นของตราสัญลักษณ์ของโครงการกำลังใจ ก็รู้สึกปลาบปลื้มและดีใจอย่างมาก จากลายเส้นง่ายๆ ที่ร่างขึ้นด้วยการวาดโดยไม่ยกปากกาให้ออกมาเป็น รูปหัวใจ เพื่อแทนน้ำใจ ความเข้าใจและการเปิดใจให้กับผู้ที่ทำผิดพลาด และ รูปดอกไม้ แทนความหวังและอนาคต จนกลายเป็น โลโก้รูปหัวใจและดอกไม้ ที่เกี่ยวพันกันอยู่ เพื่อแสดงถึงการหยิบยื่นโอกาสและให้กำลังใจแก่กันในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
ส่วนผลงานของ อนุชิต ทะนงค์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต เจ้าของรางวัลชมเชย ผู้ออกแบบโลโก้รูปหัวใจแบ่งครึ่งเป็น 2 สีคือ สีเทาและสีส้ม ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ถ่ายทอดการทำงานของโครงการได้ชัดเจนเช่นกัน เจ้าของผลงาน เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบว่า มาจากความรู้สึกและประสบการณ์ตรงของตัวเองที่เมื่อรู้สึกหมดหวัง ก็อยากจะได้กำลังใจจากคนรอบๆ ข้าง ไม่เพียงแต่ การพูดให้กำลังใจสั้นๆ ว่า “สู้ๆ นะ” แต่ยังหมายรวมถึงภาษากาย เช่น การกอด การลูบหัว หรือ การนั่งอยู่ข้างๆ เวลาที่เป็นทุกข์และไม่สบายใจ
“ผลงานที่เห็นนี้ เริ่มจากการสเก็ตซ์ภาพด้วยมือ จากนั้นก็นำไปออกแบบอีกครั้งด้วยคอมพิวเตอร์ให้มองโดยรวมแล้วออกมาเป็น เหมือนคนยิ้มกอดกัน แต่ถ้าสังเกตให้ดี รูปหัวใจจะแบ่งออกเป็นฝั่งที่มีรอยยิ้มสีส้ม กำลังโอบกอดและคอยเป็นกำลังใจให้ฝั่งสีเทา ซึ่งสีส้มเป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นสีประจำพระองค์ภาฯ ส่วนสีเทาเป็นสีที่ให้ความรู้สึกตรงข้ามและเป็นรูปปากของคนเศร้า ที่ต้องการกำลังใจจากคนรอบข้าง”
