สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก.บุกทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการแปรรูป รวมทั้งการให้สัมปทานเดินรถ 155 สายกับเอกชน ส่งผลให้ช่วงโมงเร่งด่วนเช้านี้หลายเส้นทางไม่มีรถเมล์ บางเส้นทางมีรถให้บริการน้อย
วันนี้ (29 ก.ย.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก.เกือบพันคนนำโดย นายสนาน บุญงอก ประธานสหภาพแรงงานขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เดินทางมาชุมนุมปิดถนนบริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามสำนักงาน ก.พ. เพื่อคัดค้านแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริหารระบบขนส่งมวลชน รวมทั้งเรียกร้องคณะรัฐมนตรีให้ยกเลิกการแปรรูป ขสมก. และการให้สัมปทานเส้นทางการเดินรถ 155 เส้นทางกับเอกชนเป็นผู้ดำเนินกิจการแทน ขสมก. ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ซึ่งจะทำให้พนักงานต้องตกงานจำนวนมาก โดยทางกลุ่มยืนยันว่าจะไม่ขัดขวางเส้นทางการจราจร และจะไม่หยุดงานเพื่อประท้วง เพราะสมาชิกที่เดินทางมาร่วมชุมนุมเป็นเพียงบางส่วน ประมาณ 30% เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อติดตามการอนุมัติให้สัมปทานแก่เอกชนในการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะมีนอกมีในอะไรที่ไม่โปร่งใส โดยรถที่นำพนักงานมาประท้วงเป็นรถที่ว่างจากการวิ่งรับ-ส่งประชาชนแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 70% คงเดินรถวิ่งรับ-ส่งประชาชนตามปกติ ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนที่ต้องสัญจรด้วยรถ ขสมก.แต่อย่างใด ส่วนรถที่ขนพนักงานมาก็ให้ส่งที่ทำเนียบฯ และนำไปจอดรอที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจาก สน.ดุสิต มาประสานให้จอดรถประจำทางที่ขนพนักงาน ขสมก.อย่างเป็นระเบียบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีประชาชนแจ้งว่าหลายเส้นทางไม่มีรถโดยสารประจำทางของ ขสมก.วิ่งรับส่ง หรือบางเส้นมีน้อยลงจากเดิม ทั้งนี้ เนื่องจาก ขสมก.ได้หยุดวิ่งรถบางส่วน เพื่อไปยื่นหนังสือคัดค้านการยกสัมปทานเส้นทางที่อาจมีการให้เอกชนเข้ามาดำเนินการที่ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับการประชุม ครม.วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เตรียมเสนอรายละเอียดผลการศึกษาโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4,000 คัน ให้ที่ประชุมตัดสินใจ โดยเสนอทางเลือก 3 แนวทาง คือ การซื้อ, การเช่า และแนวทางอื่นที่เหมาะสม ซึ่งการเช่าจะดีกว่าการซื้อเพราะลดปัญหาเรื่องการจัดเตรียมความพร้อมของรถและลดความเสี่ยงด้านต้นทุนทางการเงินและภาระดอกเบี้ย แต่หาก ครม.ไม่เลือกทั้งการเช่าและการซื้อก็อาจใช้วิธีการอื่น เช่น การให้สัมปทานการเดินรถแก่เอกชนที่มีความเสี่ยงต่ำสุด