เมื่อเวลา 09.09 นาที นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการถวายความเคารพพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในพิธี "๙ ในดวงใจ" เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พร้อมทำการถ่ายทอดสด เพื่อประกอบพิธีดังกล่าวไปพร้อมกันทั่วประเทศ
วันนี้ (9 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.09น. นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ในกิจกรรม “9 ในดวงใจ” วันเวลามหามงคลวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เวลา 09.09 น. พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและ เพลงสดุดีมหาราชาพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีข้าราชการระดับปลัดกระทรวงต่างๆ ผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมงาน อาทิ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ นาย อิสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นาย ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร. และผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆเข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้ถวายความเคารพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดกรวยกระทงดอกไม้ แล้วถวายความเคารพ จุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ใจความสำคัญสรุปได้ว่า เนื่อง ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เวลา 09.09 น. อันมีเลข 9 เป็นเลขมงคล มาบรรจบในวาระนี้ ในนามของรัฐบาล ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน พร้อมด้วยปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปลื้มปีติปราโมทย์ เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ได้เสด็จสถิตเสถียรในสิริราชไอยสวรรย์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นปีที่ 63 และได้เป็นที่ประจักษ์แซ่ซ้องในพระเกียรติคุณบุญญาบารมีทั้งในประเทศและนานา ประเทศ ประกอบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา ถือเป็นมงคลยิ่งแก่ประเทศชาติและปวงชนชาวไทย รัฐบาลและปวงชนชาวไทยจึงจัดกิจกรรม “9 ในดวงใจ” ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ความร่วมใจสมัครสมานสามัคคีในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อประกาศให้เป็นที่ประจักษ์ในพระบรมเดชานุภาพ และพระบรมกฤษฎีกาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ซึ่งได้ทรงแผ่พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ในสยามรัฐสีมา อาณาจักร ให้ร่มเย็นผาสุกทั่วกัน พร้อมทั้งแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระวิริยอุตสาหะ ประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ทั้งยังทรงเอื้ออาทรในทุกข์สุขของปวงชนชาวไทย ตลอดจนประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบปัญหา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 ตราบจนปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มากกว่า 3,000 โครงการ เพื่อขจัดปัญหาในการดำรงชีวิตของทวยราษฎร์ และทรงเสริมสร้างความสุขร่มเย็น ความยั่งยืนมั่นคงแก่อาณาประชาราษฎร์ในทุกภูมิภาคของประเทศ ทรงพระวิริยอุตสาหะคิดค้นวิธีการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาของชาติ เช่น ปัญหาเรื่องดิน น้ำ ปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาน้ำเสีย ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการจราจร ปัญหาด้านพลังงานของชาติ และอื่น ๆ อีกมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ทุกโครงการล้วนมุ่งขจัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม บางปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที ก็ได้พระราชทานหลักการและทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อนำไปปฏิบัติสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เช่น “ทฤษฎีใหม่” และ “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งปรากฏว่าในปัจจุบันผลของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ นั้น ล้วนสัมฤทธิผลเป็นรูปธรรม ทั้งชาวไร่ ชาวนา ชาวไทยภูเขา ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ต่างประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีในสภาวการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า หลักการที่ทรงพระราชดำริหรือทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นด้วยพระวิริยอุตสาหะและ พระราชทานแก่พสกนิกรนั้น เป็นหลักการที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง อำนวยประโยชน์อย่างยั่งยืนและเป็นคุณูปการ สามารถช่วยให้ประชาชนชาวไทยและประเทศไทยดำรงอยู่ได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข แม้ว่าจะมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ ก็สามารถคลี่คลายและขจัดลงได้”
พร้อมกันนี้ นายกฯได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพไททุกพิมานสถาน รวมทั้งพระมหากุศลที่ทรงบำเพ็ญเป็นเอกอดุลย์ โปรดอภิบาลบำรุงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระเจริญสมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงพระเกษมสุขทุกสมัย ทรงไพบูลย์ด้วยพระบุญญาธิการ ทรงเจริญพระชนมายุสิริ สวัสดิ์ เสด็จดำรงในมไหสูรย์สมบัติสืบสถาวร พระเกียรติคุณเจิดจำรัสขจรจบภูมิภพไตร มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา ทรงแผ่พระบรมเดชานุภาพและพระบุญญาบารมีคุ้มเศียรเกล้า เหล่าพสกนิกรตราบจิรัฐิติกาล เทอญ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวเชิญชวนผู้เข้าร่วมพิธีทั้งที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามในงานนี้พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และนาย ชวรัตน์ ชาญวีระกุล รมว.มหาดไทย ไม่ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส.ของพรรค และเจ้าหน้าที่พรรค อาทิ นายนิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเมธี อมรวุฒิกุล สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ในกิจกรรม “9 ในดวงใจ” ในวันเวลามหามงคลวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เวลา 09.09 น. โดยร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบามีและเพลงสดุดีมหาราช เพื่อเป็นการร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว