เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วันนี้ (5 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในนามรัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพจัดงานสโมสรสันนิบาตเนื่องในวันฉัตรมงคลและเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2553 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา คณะรัฐมนตรี คู่สมรส คณะทูตานุทูต ข้าราชการทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมในพิธี
เมื่อได้เวลา นายกรัฐมนตรีเดินขึ้นบนเวที ถวายคำนับพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดกรวยกระทงดอกไม้ แล้วจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล แล้วถวายคำนับอีก 1 ครั้ง จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ดังนี้
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี คู่สมรส คณะทูตานุทูต ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ล้วนมีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้นที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดี ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสอันเป็นอภิลักขิตมหามงคล วันฉัตรมงคล ที่เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 5 พฤษภาคม ศกนี้
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 อันเป็นวันที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งพระราชวงศ์จักรี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
ซึ่งตลอดระยะเวลาอันยาวนานนับแต่บัดนั้นจนถึงปัจจุบัน ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่มวลพสกนิกรว่า ได้ทรงยึดมั่นในพระราชปณิธานดังกล่าวอย่างมั่นคง แน่วแน่
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงครองแผ่นดินโดยยึดหลักทศพิธราชธรรม ทรงพระกรุณาพระราชทานความรัก ความห่วงใย และความเอื้ออาทรแก่พสกนิกรทุกหย่อมหญ้า ทรงแสดงให้เห็นว่า ความผาสุกของราษฎรคือความสุขของพระองค์ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระวิริยะอุตสาหะ ปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ด้วยพระราชปณิธานที่จะพัฒนาประเทศ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
ทรงแก้ไขปัญหาทุกด้านของอาณาประชาราษฎร์ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาและพระกรุณา ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงทรงเป็นประดุจดวงประทีปส่องทางสว่างแก่ชีวิตของพสกนิกรทั้งปวง ทรงจรรโลงชีวิตราษฎรให้มีความผาสุกและเป็นพลังในการพัฒนาบ้านเมืองให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองตลอดมา
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท ให้คนไทยรู้รักสามัคคี ยึดถือวิถีชีวิตพอเพียง มีความเพียร และความเสียสละ บำเพ็ญประโยชน์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการปิดทองหลังพระได้อย่างมีความสุขใจ พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ล้วนก่อให้เกิดหิตานุหิตประโยชน์เอื้ออำนวยคุณูปการแก่ราษฎร และบ้านเมือง พระเกียรติคุณจึงปรากฏเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ ทั้งในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก
ปวงข้าพระพุทธเจ้า เหล่าพสกนิกร ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ และประจักษ์แจ้งในพระเมตตาคุณ เทิดทูนใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดมา
ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะยึดมั่นในแนวทางแห่งความสัตย์ สุจริต ความสามัคคี ความเสียสละ ความเพียร และความพอเพียง เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุขและจะยึดมั่นประพฤติปฏิบัติตนสร้างสรรค์ความดีงาม นำความก้าวหน้ารุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาททุกวิถีทางตลอดไป
ณ ศุภวารดิถีเป็นมิ่งมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอตั้งจิตพร้อมน้อมอธิษฐาน ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ สถิตเสถียรสถาพรจำรูญในไอศวรรย์สิริราชสมบัติ เป็นฉัตรแก้วคุ้มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า ตราบกาลนิรันดร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในมหามงคลสมัยคล้ายวันบรมราชาภิเษกของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เข้าสู่ปีที่ 60 ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่ออำนวยประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์โดยต่อเนื่องเกือบ 6 ทศวรรษที่ผ่านมา
ข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติภารกิจทั้งปวงโดยยึดมั่นในความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อชาติและแผ่นดินไทย อันเป็นถิ่นกำเนิดที่อาศัยอันผาสุกร่มเย็น จักยึดมั่นและปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอนของศาสนา อันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้ดำรงมั่นอยู่ในคุณธรรมความดี ทั้งกาย วาจา และใจ จักเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงสร้างสรรค์ชาติ ศาสนา และทรงนำความเจริญเป็นปึกแผ่น มาสู่บ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ และจะยึดถือความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอดทน และเสียสละ เพื่อจรรโลงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างเต็มความสามารถ ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
จบแล้ว ดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ลำดับต่อมานายกรัฐมนตรีกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ดังนี้
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในมหามงคลสมัยคล้ายวันบรมราชาภิเษกของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เข้าสู่ปีที่ 60 ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่ออำนวยประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์โดยต่อเนื่องเกือบ 6 ทศวรรษที่ผ่านมา
ข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติภารกิจทั้งปวงโดยยึดมั่นในความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อชาติและแผ่นดินไทย อันเป็นถิ่นกำเนิดที่อาศัยอันผาสุกร่มเย็น จักยึดมั่นและปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอนของศาสนา อันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้ดำรงมั่นอยู่ในคุณธรรมความดี ทั้งกาย วาจา และใจ จักเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงสร้างสรรค์ชาติ ศาสนา และทรงนำความเจริญเป็นปึกแผ่น มาสู่บ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ และจะยึดถือความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอดทน และเสียสละ เพื่อจรรโลงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างเต็มความสามารถ ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
จบแล้ว นายกรัฐมนตรีและภริยานำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ดนตรีบรรเลงเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ระหว่างนั้นมีการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติ 10 ชุด 350 นัด และมีตราสัญลักษณ์ ภปร อักษรสวรรค์ทรงพระเจริญ ประกอบสายธารา ด้วย