xs
xsm
sm
md
lg

‘รัชดา ธนาดิเรก’ ดอกไม้ในพงหนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การที่หญิงสาวสักคนจะก้าวเข้าสู่สนามการเมืองดูจะไม่ใช่เรื่องง่าย นักเนื่องจากงานการเมืองเป็นงานที่มีแรงเสียดทานสูง ต้องใช้ทั้งความรู้ความสามารถ ปฏิภาณไหวพริบ และความอดทน ดังนั้นเมื่อ ‘ดร.รัชดา ธนาดิเรก’ อาจารย์สาวสวยจากรั้วมหิดลตัดสินใจเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนในสภาหินอ่อนจึงเป็นที่จับตาว่าดอกไม้กลีบบางดอกนี้จะเติบโตและงอกงามท่ามกลางพงหนามได้หรือไม่อย่างไร

ปัจจุบัน ดร.รัชดา เป็น ส.ส.เขต 12 ของกรุงเทพมหานคร ภายใต้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเหตุผลที่เธอเลือกเข้าเป็นสมาชิกพรรคนี้ก็เพราะมองว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีคุณภาพที่สุดในสภาขณะนี้

ได้รับโอกาสจากคุณชวน

ด้วยความที่เติบโตมากับครอบครัวที่สนใจเหตุบ้านการเมือง ดร.รัชดาจึงติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมืองมาตลอด และมักเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชน ในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองซึ่งประชาชนออกมาเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจการทำงานที่เต็มไปด้วยปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดร.รัชดาก็เป็นหนึ่งใน 50 คณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดลที่ร่วมลงชื่อคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2549 นอกจากนั้นครอบครัวของเธอยังได้ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการทำหน้าที่อาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับการบริหารจัดการบริหารจัดการภาครัฐในระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งต้องสอนให้นักศึกษาเข้าใจถึงความสำคัญทางการเมืองทำให้ ดร.รัชดา รู้สึกว่าการเข้าไปทำงานในสภาน่าจะเป็นหนทางหนึ่งซึ่งทำให้เธอมีโอกาสทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน

ซึ่งพรรคการเมืองที่เธอจะเข้าไปสังกัดก็ต้องเป็นพรรคที่มีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนและเน้นคุณภาพของบุคลากรมากกว่าการสร้างเครือข่ายฐานเสียงในท้องถิ่น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ดูจะเป็นพรรคที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมากที่สุด แต่เนื่องจากเธอไม่รู้จักใครในพรรคนี้เธอจึงทำใจกล้าขอเข้าพบคุณชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแนะนำตัวโดยตรง

“ตอนสอนหนังสือเนี่ยดิฉันสอนหลักสูตรปริญญาโทที่เกี่ยวกับการบริหารงานภาครัฐ และสอนวิชาสังคมทั่วไป ซึ่งต้องสอนให้นักศึกษาเข้าใจการเมืองว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างไร อีกทั้งโดยส่วนตัวเป็นคนที่สนใจการเมืองอยู่แล้ว ในช่วงปี 2548 ซึ่งมีวิกฤตทางการเมืองเกิดขึ้นดิฉันก็ติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯอยู่ และส่วนหนึ่งก็เคยไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯด้วย ตอนนั้นมีการตัดสินว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 เป็นโมฆะ ดิฉันก็รู้สึกว่าถ้ามีการเลือกตั้งใหม่แล้วไม่มี ส.ส.เลือดใหม่เข้ามาเลย การเมืองก็จะเวียนว่ายอยู่เหมือนเดิม และเราก็ไม่อยากเป็นคนที่นั่งอยู่วงนอกซึ่งคอยวิพากษ์วิจารณ์แล้วคอยหงุดหงิดกับสภาพการเมืองที่เกิดขึ้น ก็คิดว่าเรามีความพร้อมก็น่าจะอาสาเข้ามาเป็นนักการเมือง เลยสนใจอยากจะลงเลือกตั้ง เราเพราะรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งช่วงปลายปี

พอคิดว่าจะทำงานการเมือง ก็มองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ว่าเราไม่รู้จักใครในพรรคประชาธิปัตย์เลย ดิฉันก็เลยเดินเข้าไปที่พรรคเอง พอดีคุณพ่อของเพื่อนเคยทำงานกับท่านชวน หลีกภัย ก็เลยประสานให้ ท่านชวนก็ให้โอกาส ก็นัดไปคุย ท่านชวนเป็นคนสัมภาษณ์เองเลย ท่านก็ถามถึงเจตนารมณ์ว่าทำไมถึงอยากมาทำงานการเมือง แล้วท่านก็บอกว่าดี อายุเหมาะสม ประวัติการทำงานดี ก็อยากให้มาช่วยกันทำงาน หลังจากนั้นเราก็ต้องผ่านขั้นตอนการคัดกรองของพรรคเหมือน ส.ส.ทั่วไป คือเริ่มจากการสมัครเป็นสมาชิกพรรค ผ่านการสัมภาษณ์ของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งในช่วงนั้นมี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งของพรรค ก็ต้องเข้าไปคุยกับท่านด้วย” ดร.รัชดาย้อนความให้ฟังถึงการเข้าสู่เส้นทางการเมืองของเธอ

ทำงานเพื่อชาวบ้าน

หลังจากได้รับเลือกตั้งในปี 2550 ดร.รัชดาก็เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนของการดูแลประชาชนในพื้นที่ และการทำงานในสภา ไม่ว่าจะเป็นการยกร่างกฎหมาย หรือการอภิปรายในวาระต่างๆ และแม้จะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นสมัยแรกแต่เธอก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในพรรคให้เป็นผู้อภิปรายนโยบายของรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และอภิปรายเรื่องการทำงานด้านต่างประเทศของรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์

อีกทั้งในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านและประกาศจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเงาเพื่อติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดร.รัชดา ก็ได้รับเลือกจากทางพรรคให้ทำหน้าที่ ‘รองโฆษกรัฐบาลเงา’ ซึ่งเท่ากับว่าเธอต้องทำงานประกบกับรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ทั้งนี้สำหรับผลงานที่ ดร.รัชดา ภูมิใจนั้นกลับเป็นการทำงานช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้ เช่น การติดตามทวงถามความเป็นธรรมให้แก่ ‘นางดลพร ล้อเสริมวัฒนา’ ซึ่งลูกชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกของเธอต้องพิการหลังจากที่ไปคลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง, ผลักดันโครงการการแก้ไขหนี้ภาคประชาชน โดยให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาการผ่อนชำระค่าบ้านและกำลังจะถูกแบงก์ยึด, ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย

“ผลงานที่ภูมิใจมากคือการช่วยเหลือชาวบ้านในโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งเป็นโครงการที่ผู้มีรายได้น้อยไปรวมตัวกัน เอาเงินมาลงขันเพื่อจัดหาซื้อที่ดินเพื่อนำมาสร้างที่อยู่อาศัยของตัวเอง คือโครงการนี้เป็นโครงการที่ขึ้นกับกระทรวงพัฒนาสังคม แต่ปัญหาคือชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงเนี่ยจัดซื้อที่ดินได้แล้วแต่ไม่สามารถสร้างบ้านได้ เนื่องจากมีเนื้อที่น้อยจึงต้องพยายามซอยแบ่งให้ได้จำนวนบ้านมากที่สุด แบบแปลนของบ้านจึงไม่ถูกต้องตามระเบียบของกรมโยธาธิการ คือชาวบ้านรวมตัวกัน 30 หลังคาเรือน ซื้อที่ได้แปลงหนึ่งก็นำมาซอยแบ่ง แต่สร้างบ้านไม่ได้เพราะตามระเบียบกำหนดชัดเจนว่าบ้านต้องอยู่ห่างจากถนนเท่าไร ระยะเลี้ยวของแต่ละซอยต้องหักมุมกี่องศา มันก็ทำไม่ได้เพราะที่ดินเขาเล็กนิดเดียว

เพราะฉะนั้นถ้ากระทรวงมหาดไทยไม่แก้ไขกฎกระทรวง ชาวบ้านก็ไม่สามารถสร้างบ้านได้ ขณะที่ทุกวันนี้ชาวบ้านก็ต้องผ่อนเงินค่าซื้อที่ดินซึ่งกู้มาจากสหกรณ์ ซึ่งต้องเสียดอกเบี้ยด้วย เรื่องนี้ก็ค้างมาเป็นปี บ้านที่ชาวบ้านอยู่ปัจจุบันก็เป็นบ้านเช่า เขาต้องเสียค่าเช่าทุกเดือน ถ้าหากโดนไล่ที่ก็ไม่รู้จะอยู่ที่ไหน พอรับทราบปัญหาปุ๊บเราก็เดินเรื่อง โดยยื่นอภิปรายในสภา ไปพบกับท่านถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ให้ช่วยแก้ไขกฎกระทรวงมหาดไทย ท่านก็รับไปดูแล ซึ่งตามขั้นตอนก็ต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ต่อไป ก็เท่ากับว่าการที่เราลงพื้นที่ติดตามงานและผลักดันอย่างเต็มที่มันก็เกิดผลขึ้นมา โดยที่ไม่ต้องใช้เงินเลย แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะตกอยู่กับคนจนทั่ว กทม.” ดร.รัชดา กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

เป็น ส.ส.ต้องมีสมอง

ในส่วนของบทบาทการอภิปรายในสภาของ ดร.รัชดานั้นก็นับว่าเป็นที่น่าจับตาเช่นกัน เพราะลีลาการอภิปรายที่หนักแน่น ชัดเจน และเปี่ยมไปด้วยข้อมูลที่มีน้ำหนักทำให้เธอได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็น ส.ส.หญิงที่มีสมองและฝีมือคนหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้นั้น ดร.รัชดาบอกว่าในการอภิปรายแต่ละครั้งนั้นเธอต้องค้นคว้าหาข้อมูลอย่างหนัก และสิ่งที่เธอจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นในการอภิปรายก็คือการมั่วข้อมูล การกล่าวเท็จ และการแสดงท่าที่ที่ก้าวร้าวรุนแรง ซึ่งทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะนำการอภิปรายของเธอไปเปรียบเทียบกับ ‘น.ส.วิสารดี เตชะธีราวัฒน์’ ส.ส.น้องใหม่ ดีกรีนักเรียนนอกจากพรรคเพื่อไทย ที่มีสไตล์การอภิปรายที่กราดเกรี้ยวรุนแรง แต่กลับอ่อนด้อยในเรื่องข้อมูลชนิดที่เรียกว่า ‘อ่านตามโพย’ กันเลยทีเดียว

“ดิฉันว่า ส.ส.เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศดังนั้นคุณภาพในการทำงานของ ส.ส.จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก การปฏิรูปการเมืองใหม่มันคงไม่ใช่แค่แก้รัฐธรรมนูญแล้วจะสร้างการเมืองใหม่ได้หรอก แต่นักการเมืองต้องปฏิรูปตัวเองให้มีคุณภาพและคุณธรรมซึ่งจะส่งผลให้การเมืองไทยดีขึ้น เราต้องยกระดับคุณภาพมาตรฐานในการทำงาน อย่างเช่น การจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใด ผู้อภิปรายก็ต้องมีความรู้และมีข้อมูลในเรื่องนั้น อย่างกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าท่านกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งบุกยึดสนามบินนั้นเป็น ‘ผู้ก่อการร้ายสากล’ แต่จากที่ฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านตลอด 2 วันแล้วสรุปได้ชัดเจนว่าเขาไม่เข้าใจคำว่าผู้ก่อการร้ายสากล จะมาบอกว่าเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ไม่ได้ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะบอกว่ารัฐมนตรีคนนี้ ผู้บริหารคณะนี้หมดความชอบธรรม คุณจะมาอภิปรายโดยอาศัยความเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้ มันแสดงออกว่าคุณพูดบนพื้นฐานของความไม่รู้ แล้วถ้าคุณรู้ว่าอะไรคือความจริงแต่คุณยังยัดเยียด ใส่ร้าย ก็แสดงว่ามาตรฐานด้านจริยธรรมคุณธรรมของคุณต่ำมาก

ส่วนกรณีของน้องยิ้ม (น.ส.วิสารดี เตชะธีราวัฒน์) นั้น ดร.รัชดา ให้ความเห็นว่า "จริงๆ แล้วเขาก็เป็น ส.ส.ที่น่ารัก และเป็น ส.ส.รุ่นใหม่ แต่ในสังคมและวัฒนธรรมไทยเรามักไม่ชอบการแสดงออกในลักษณะก้าวร้าว ส่วนที่เขาอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 นั้นจะพูดด้วยความไม่รู้หรือไม่ตั้งใจหรือไม่นั้น เราก็ไม่ทราบ เชื่อว่าก่อนอภิปรายเนี่ยเขาทำการบ้านมาก่อนนะแต่เราตอบแทนไม่ได้ว่าถูกหลอกให้อ่านตามโพยหรือเปล่า แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สอนหรือส่งเสริมให้ ส.ส.รุ่นใหม่อภิปรายในลักษณะนี้เพราะไม่ใช่แนวทางการทำงานของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ การที่จะมาพูดโดยไม่รู้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง การจะด่าว่าโดยใช้ความรู้สึกส่วนตัวหรือยึดเอาข้อมูลจากที่คนอื่นเล่าให้ฟังนั้นมันแสดงออกถึงคุณภาพของบุคคลคนนั้น ซึ่งดิฉันเองถือว่าการที่เราเป็น ส.ส.รุ่นใหม่ อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนตัวแทนของประชาชนเราต้องทำให้ตัวเราเป็นคนที่มีคุณภาพ

"สำหรับมาตรฐานของพรรคอื่นดิฉันไปตัดสินแทนไม่ได้ แต่มาตรฐานของพรคคประชาธิปัตย์เราไม่ใช่แบบนั้น เราไม่ได้กำลังไปยืนด่าใครข้างถนน เราเป็นผู้แทนของประชาชน ส่วนตัวแล้วดิฉันว่าจบอะไรมาก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีคุณภาพคนนะคะ ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตาม ถ้าเป็นคนดี มีจุดยืน และตั้งใจพัฒนาแม้ไม่จบอะไรเลยก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าคนจบปริญญาเอกเสียอีก” ดร.รัชดา แสดงทัศนคติถึงการทำงานในฐานะ ส.ส.

สุขใจได้ทำงานให้ประชาชน

สำหรับเป้าหมายในการทำงานทางการเมืองของ ดร.รัชดานั้น เธอบอกว่า ‘คำว่าประสบความสำเร็จบนถนนการเมือง’ ในความหมายของเธอไม่ได้หมายถึงการได้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรี หากแต่คือการได้มีโอกาสในการทำงานช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทำให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีรอยยิ้มในแววตาทุกครั้งที่มองเธอเท่านั้น

“การได้เป็น ส.ส. ก็ถือว่าสูงสุดของอาชีพนักการเมืองแล้วนะคะ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นรัฐมนตรี เป้าหมายของดิฉันก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด อยากคิดโครงการดีๆแล้วก็นำเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอยากให้เขารับไปทำ นี่คือเป้าหมายสูงสุด เพราะเราลงพื้นที่ เราทำงานตรงนี้ เรารู้ว่าคนต้องการอะไร เรามีไอเดีย เรามีเครือข่ายที่เป็นนักวิชาการ เราสามารถมาเชื่อมโยงกันได้ โครงการในใจเนี่ยมีเยอะแยะ ถ้าเราได้คิด ได้เสนอ และผู้ที่มีอำนาจ ผู้บริหารรับไปทำ ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ

ส่วนที่คนส่วนใหญ่มักมองว่า คนที่เข้ามาทำงานการเมืองก็คือคนซึ่งมีเป้าหมายในการแสวงอำนาจ คนดีๆเอย่าเข้าไปเล่นการเมืองเลย เข้าไปก็เสียคนเปล่าๆ อย่าไปตั้งพรรค อย่าไปเป็น ส.ส. นั้นดิฉันมองว่าถ้าเราไม่อยากเจ็บตัวก็นอนอยู่กับบ้าน ขนาดนอนอยู่บ้านยังโดนด่าเลย มันเป็นสัจธรรมนะ มีคนสรรเสริญก็มีคนนินทา ถ้าเราทำในสิ่งที่ดีตัวเราก็มีความสุข ถ้าทำในสิ่งที่มีคุณค่าตัวเราก็ภาคภูมิใจ ส่วนความคิดคนอื่นที่เขาจะเกลียดเรา จะด่าว่าเราเนี่ยเราห้ามไม่ได้ คือท่านพุทธทาสท่านพูดไว้ว่าการเมืองเป็นเรื่องของคนในสังคมที่ร่วมกันแก้ปัญหา เราก็ต้องช่วยกันมองว่าจะแก้อย่างไร แล้วทุกอาชีพ ทุกตำแหน่ง เมื่อเติบโตขึ้นมันก็ต้องมีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเราเป็นคนดีเราก็จะใช้อำนาจไปในทางที่ดี แต่ถ้าเราเป็นคนเลวเราก็จะใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ซึ่งมันอยู่ที่เรา ไม่ได้อยู่ที่ระบบการเมือง” ดร.รัชดา กล่าวตบท้ายไว้อย่างน่าสนใจ

* * * * * * * * * * * *

เรื่อง – จินดาวรรณ สิ่งคงสิน
ภาพ - สันติ เต๊ะเปีย

ดร.รัชดา ธนาดิเรก
ดร.รัชดาเมื่อครั้งทำโครงการ ‘ปิดเทอม..เติมโลกสร้างสรรค์ ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม’


กำลังโหลดความคิดเห็น