พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท กับ “ครม.สมัคร 1” โดยทรงย้ำให้ยึดหลักตามคำปฏิญาณที่ให้ไว้ และให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม อย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 17.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี
จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท ความว่า
“ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ยินท่านทั้งหลายเปล่งวาจา เพื่อจะเป็นการแสดงความสัตย์ ความสัตย์ที่จะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งความจริงก็ไม่จำเป็นที่จะพูด แต่ว่าเมื่อพูด ก็ต้องถือว่าคำพูดนี้เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านก็ต้องเก็บเอาไว้เป็นคำที่จะปฏิบัติ ปฏิบัติในการกระทำทุกอย่างในอนาคต เพราะว่าถ้าพูดไปแล้ว และไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านได้ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
ที่ท่านมาเป็นรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าประเทศต้องมีผู้ใหญ่ และถ้าท่านเป็นผู้ใหญ่ ประเทศก็จะอยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุข ก็หมายความว่า ประชาชนมีที่พึ่ง ก็ถ้าประชาชนมีที่พึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะมีชีวิตที่มีประกันว่าจะสามารถอยู่ได้ ซึ่งหลายประเทศในละแวกนี้ก็มีความเดือดร้อน ไม่ใช่ในละแวกนี้ ทั่วโลก มีความเดือดร้อน เพราะว่าไม่มีคนที่มีหลัก ท่านต้องถือว่าท่านเป็นคนที่มีหลัก มีหลักที่จะปฏิบัติงาน มีหลักที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม
น่าจะแปลก ท่านอาจจะนึกว่าแปลก ทำไมคน 35 คน จะต้องเสียสละเพื่อคน 63 ล้าน ก็เพราะว่าคน 63 ล้านนั้น เขาหวังว่า คณะรัฐมนตรีจะทำงานเพื่อเขา ถ้าไม่ทำงานเพื่อประชาชน ก็จะทำงานเพื่ออะไร ทั้งนี้ ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะทำ อาจจะทำยาก แต่ว่าเชื่อว่าท่านจะต้องทำได้ เพื่อให้ประเทศชาติไม่ผิดหวังในงานที่ท่านกำลังทำอยู่ ถ้าเขาไม่ผิดหวัง ท่านก็เป็นผู้ที่เรียกว่ามีความดี และถ้าทำด้วยความดีนั้น ก็ ที่จริงก็โก้ไม่หยอก รู้สึกโก้ดีที่ทำเพื่อให้ประชาชนได้หวัง แล้วก็มองเห็นว่า คณะนี้เป็นรัฐมนตรีจะทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และส่วนรวมก็บอกได้แล้วว่า ในประเทศที่อยู่ใกล้เคียงประเทศไทย และประเทศอื่นๆ เขาไม่ค่อยได้เห็นคนที่พยายามทำเพื่อส่วนรวม ท่านจะต้องทำเพื่อส่วนรวม ถ้าทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว ท่านก็โก้ไม่หยอก ท่านก็มีความดีอยู่กับตัวอยู่แล้ว เพราะเมื่อท่านได้ปฏิญาณว่าท่านจะทำเพื่อส่วนรวม ท่านก็มีเกียรติไม่น้อย
ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านพยายามทำตามที่ท่านได้ปฏิญาณตน เพื่อให้เป็นผลสำเร็จที่ดี ถ้าทำได้แม้จะนิดเดียวก็ยังดี ถ้าทำได้มากก็ยิ่งดี ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านรักษาความซื่อตรง และตามที่ แม้แต่ที่ท่านนายกฯ ก็ได้มาพูดว่า ท่านนายกฯ เอง และรัฐมนตรีต่างๆ ได้มีความตั้งใจที่จะทำ ก็เป็นเกียรติไม่ใช่น้อย และถ้าทำให้เป็นเกียรติอย่างที่ท่านได้พูดเมื่อตะกี้ ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก และประเทศก็จะอยู่ได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้ ท่านก็จะได้บุญ ท่านได้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีมาก ในโลกนี้หายาก ถ้าท่านทำดี ในโลกนี้หายาก คนที่ตั้งอกตั้งใจอย่างที่ท่านได้ตั้งใจที่จะทำ
ในเมืองไทยนี้ท่านเป็นผู้ใหญ่ ในประเทศหนึ่งต้องมีผู้ใหญ่ รัฐมนตรีก็คือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ถ้าทำสำเร็จ ท่านมีความสามารถที่จะทำด้วยความรู้ ด้วยความสามารถ ทำเพื่อให้คนจำนวนมาก ทั้ง 35 คน บวกกับนายกฯ เป็น 36 คน ทำเพื่อคนเป็นจำนวนล้าน เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุด แล้วก็ท่านเองเมื่อรักษาความ ดี ความตั้งใจที่จะให้คณะของท่านอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติก็อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ถ้าทำได้ดีท่านก็มีเกียรติ แล้วก็คณะท่านก็มีเกียรติ ก็ขอให้ท่านได้ทำสำเร็จ เพื่อเกียรติของคณะรัฐบาลได้ แล้วก็ของประเทศชาติ
ก็ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในการกระทำ ที่ท่านเองได้ตั้งใจ ที่จะทำ แล้วก็ขอให้ท่านและนายกฯ มีความสำเร็จในการงาน เสร็จแล้วก็ขอให้พรว่า จะว่าให้พร ไม่ใช่ให้พร ขอให้ท่านได้พร ที่จะปฏิบัติงานสำเร็จเรียบร้อยในงานที่ท่านตั้งใจจะทำ ก็ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานทุกอย่างที่ได้ตั้งใจจะทำ”