xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เฉ่งวิชามาร “โพสต์ทูเดย์” - “ยามฯ” กระตุกศาลจี้ “2 คอลัมนิสต์”แจงบทความส่อหมิ่นฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” เฉ่ง “โพสต์ทูเดย์” เล่นวิชามาร ปล่อยข่าวเท็จ โทร.ขอขมา “ทักษิณ” ลั่นเคยสู้ “ตายเป็นตาย” ไม่มีทางขอขมาเด็ดขาด ขณะที่ “ยามฯ” แนะอธิบดีศาล เชิญ 2 คอลัมนิสต์ “ไทยรัฐ” เขียนบทความส่อหมิ่นฯ กล่าวหาตุลาการจ้องทำลายนักการเมือง “สนธิ” อัดซ้ำภูมิปัญญาตื้นเขิน-หวังแขวะศาลฝ่ายต่อต้าน “ทักษิณ”

จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชมคะ รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ค่ะ วันนี้ วันจันทร์ เรา 3 คนมารับหน้าที่เช่นเคย คุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ และดิฉัน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ค่ะวันนี้ประเด็นข่าวเรื่องของการเลือกตั้งก็ยังร้อนอยู่นะคะ แต่ว่าเรื่องที่ร้อนยิ่งไปกว่า โดยเฉพาะคุณคำนูณ กับคุณปานเทพนั้น รับโทรศัพท์กันไม่หวัดไม่ไหว เนื่องด้วย คอลัมน์ที่ 7 หน้า 1 ของโพสต์ทูเดย์ วันนี้ ถ้าคุณผู้ชมได้อ่าน ด้านซ้ายมือของดิฉัน เดี๋ยวดิฉันจะอ่านให้ฟัง

ถ้าคุณผู้ชมท่านไหนไม่ได้อ่านวันนี้ เขาใช้หัวข้อของคอลัมน์นี้ก็คือ คำว่า "ขอขมา" เอาล่ะค่ะมาอ่านกันดูว่าในเนื้อหานี้ว่าอย่างไร เขาบอก "กระซิบกระซาบและป้องปากพูดคุยกันเป็นหมู่คณะในพรรคพลังประชาชน ย่านถนนเพชรบุรี เมื่อผู้ใหญ่ที่ไปเยี่ยมเยียน ทักษิณ ชินวัตร ผู้กลายเป็นละอ่อน ตุหลัดตุเหล่ แจ้งว่าขาใหญ่ในพันธมิตรกู้ชาติ ผู้ซึ่งมีฝีปากเป็นเลิศ ได้โทรศัพท์ตะแลบแก๊ปไปหาทักษิณ ขณะกินอาหารกับคุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร และเฮียเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล บ่ไจ๋ ท้าสู้ หรือว่า เชื้อเชิญมาให้กลับเมืองไทยนะขอรับ แต่เป็นการตอละสับ เพื่อขอขมาในสิ่งที่ได้กระทำไป อิอิ

ขอขมาที่ได้ชักจูงฝูงชนออกมาตั้งป้อมขับไล่จนทักษิณ และครอบครัวกลายเป็นคนไร้แผ่นดิน อโหสิกรรมในสิ่งที่เฮาได้ทำลงไป หลายคนที่ฟังต่างสะดุ้งโหยง ถามซ้ำอยากม่เชื้อหูตัวเองว่าจริงหรือ คำยืนยันจากปากทักษิณ และพลพรรคที่เดินทางไปหา คือ จริงสิ แต่เมื่อทักษิณ ยอมให้อภัย และไม่ได้ตอบกลับ ทว่าโยนโทรศัพท์ไปให้คุณหญิงอ้อ ลองทายสิว่าคุณหญิงอ้อ จะอโหสิกรรมให้ หรือว่าอย่างไร นี้คือเรื่องเล่าใน พปช.จริงเท็จแค่ไหน ถามไถ่กันเอาเองเน้อ อิอิ"

คำนูณ - ก็คือวันนี้ก็มีโทรศัพท์เข้ามาจนผมไม่เป็นอันทำการทำงาน

ปานเทพ - ทั้งวันเลยนะครับ

คำนูณ - ทั้งวันครับอยู่ 2 เรื่อง

ปานเทพ - เรื่องนี้เรื่องที่ 1

คำนูณ - เรื่องนี้เรื่องที่ 1 เดี๋ยวเรื่องที่ 2 จะพูดต่อไป ในเรื่องนี้นะครับมันเป็นวิชามาร คือ ใครจะทำผมไม่ทราบ แต่ว่าคนอ่านร้อยละ 90 เข้าใจว่า คือคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะว่าใช้คำว่า ขาใหญ่ในพันธมิตรฯ ผู้มีฝีปากเป็นเลิศ ก็คงไม่พ้นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และที่ชักจูงมวลชนออกมาไล่คุณทักษิณ ชินวัตรนั้น ก็คือคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพียงแต่ว่า มันเป็นวิชามารที่ วิธีการเขียนของเขา ไม่ว่าเขาจะโดยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็คือว่า เขาบอกเขาไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

สอง เขาบอกว่า เป็นเรื่องที่พูดกันในพรรคพลังประชาชน แต่ว่าเขียนแบบนี้บนหน้า 1 หนังสือพิมพ์ มันก่อให้เกิดความกังขา ก่อให้เกิดความเสียหาย พูดตรงๆ ก็คือ เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งบังเอิญคุณสนธิหายไปบวชอยู่ 1 เดือน แล้วคุณสนธิก็มีทิศทาง มีนโยบาย มีการตกผลึกทางความคิดอยู่ในระดับสำคัญ ซึ่งยังไม่ได้พูดให้พี่น้องประชาชนฟัง ก็เลยเงียบไป คุณสนธิมีความเห็นว่า ต่อหน้าสถานการณ์ขณะนี้ สิ่งที่ควรพูด สิ่งที่ควรต่อสู้ก็ได้แสดงมาหมดแล้ว

ปานเทพ - ครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว

คำนูณ - ครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว แล้วสิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะว่าใน 1 ปีที่ผ่านมานั้น ผู้มีอำนาจที่ควรจะกระทำอะไรบางอย่าง ต้องกระทำอะไรบางอย่าง ได้ละเว้นไม่กระทำในสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งนี้มีก็เกิดขึ้น มันเป็นไปตามหลักปฏิจสมุปบาท มันไม่ใช่อยู่ดีๆ เกิดจะมากลัวพลังประชาชนชนะขึ้นมาตอนนี้ แล้วก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะไปเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง อะไรต่อมิอะไร ทำตอนนี้ทำยังไงมันก็

ปานเทพ - มันปลายเหตุแล้ว

คำนูณ - มันปลายเหตุ อันนี้คือจุดยืนของคุณสนธิ เพราะฉะนั้นคุณสนธิจึงไม่มีความเห็นเรื่องที่มีข้อขัดแย้งกันในตอนนี้ หรือแม้กระทั่งใคร เพื่อนพันธมิตรฯ ที่เคยต่อสู้ จะชักชวนมวลชนออกมาว่า พรรคพลังประชาชนชนะ พูดในทำนองนั้น จะไม่ยอมนะ คุณสนธิก็สุดแท้แต่ประชาชนจะตัดสินใจ แต่โดยส่วนตัวคุณสนธินั้นมีความเห็นที่ไปไกลเกินกว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน

จินดารัตน์ - จริงๆ คุณสนธิเคยพูดเกริ่นๆ ก่อนที่ท่านจะบวชด้วยซ้ำ จำได้ไหมคะ ที่หลายคนก็ยังรู้สึกหงุดหงิด บางคนบอก เอ๊ะจะหยุดแล้วหรอ ยอมแพ้แล้วหรอ

ปานเทพ - โดยเฉพาะ เรียกว่า การพูดครั้งสุดท้ายในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ครั้งสุดท้ายที่พูดออกอากาศสด ต้องถือว่าเป็นการตกผลึกทางความคิดอย่างชัดเจน แล้วก็ทำให้เกิดการสร้างกระแสขึ้นมา

คำนูณ - แต่คราวนี้พอคุณสนธิ คนที่ไม่ได้ติดตามคุณสนธิก็อาจจะไม่เข้าใจว่า เอ๊ะหายไปไหน เอ๊ะไปบวชมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า โดยเฉพาะสังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบตั้งข้อสงสัยคน

ปานเทพ - ชอบระแวง

คำนูณ - และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีหนังสือพิมพ์มาเขียนแบบนี้ จึงไม่ได้เป็นอะไรอื่นนอกจากเป็นแผนทำลาย และเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เกิดความเข้าใจผิดในตัวคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์หนังสือพิมพ์ แต่ว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่ามีปัญหากับคุณสนธิมาโดยตลอด เพราะว่าคุณสนธิเองก็วิจารณ์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ว่า ก็คือเครื่องมือของตระกูลจิราธิวัฒน์ พูดกันตรงๆ เพราะว่าเจ้าของก็คือ คุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจกำหนดทิศทาง แล้วคุณสนธิก็ได้พูดถึง

ปานเทพ - กรณีเซ็นทรัล

คำนูณ - กรณีเซ็นทรัล

ปานเทพ - ที่รถไฟ

คำนูณ - กรณีที่รถไฟ กรณีโชห่วย ใครจะผิดใครจะถูกนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง

ปานเทพ - แต่ว่าได้สะเทือนต่อผู้ถือหุ้น

คำนูณ - มันมีกรณีที่เกิดขึ้นมาแล้วหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ในคอลัมน์ประมาณนี้ และก็อาจเป็นคอลัมน์อื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยวิพากษ์วิจารณ์คุณสนธิในเชิงลบ

ปานเทพ - ยามกล้ามโต

คำนูณ - เมื่อก่อนจะใช้คำว่ายามกล้ามโต เที่ยวนี้คงจะเกรงๆ และคิดว่าไม่แน่ใจ หรือไม่อยากให้ชัดเจนในการเขียนนัก เพราะว่าถ้าเขียนยามกล้ามโต หรือยามใหญ่มันชัดเจน แต่ว่าการเขียนขาใหญ่พันธมิตร ผู้มีฝีปากเป็นเลิศ ผู้ชักชวนคนออกมาขับไล่คุณทักษิณ ชินวัตร มันก็ทำให้ประชาชนที่ได้อ่านกว่าร้อยละ 90 คิดว่าเป็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็เลยโทรศัพท์มา ผมก็ได้ปฏิเสธไปว่าคนอย่างคุณสนธิ นั้น ไม่มีทางหรอกที่ทำอย่างนี้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ทราบ และก็ไม่ได้ถามไถ่คุณสนธิ เลย เพราะไปอยู่สภา เข้ามาก็ตอนเย็น จนถึงนาทีก็ยังไม่ได้คุยกัน ก็คุยกันครับแต่เรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องนี้
 
แต่เห็นว่าในเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาอย่างนี้จำเป็นจะต้องพูด จำเป็นจะต้องขอเวลาพูดถึงเรื่องของตัวเอง เรื่องของคนกันเองว่านี้มันก็คือแผนทำลายตื้นๆ ธรรมดา นอกจากจะเป็นแผนทำลายแล้ว ยังเป็นแผนที่ทำให้อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ด้วยกันแตกคอกัน หวาดระแวงต่อกัน เพราะว่าในวันนี้เห็นได้ชัดว่าคุณพิภพ ธงไชย คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณสุริยะใส กตะศิลา ออกมาแถลงในเชิงต้านคุณทักษิณ ชินวัตร ในนามอดีตแกนนำพันธมิตรฯ แต่ในอีกทางหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไม่ว่าจะด้วยเจตนาอะไร คงไม่ใช่เจตนาดีหรอก เป็นเจตนาร้ายแน่นอน 100 %

จินดารัตน์ - ลองฟังยามใหญ่ของเราดูไม่คะว่า อ่านคอลัมน์นี้แล้ว คุณสนธิ รู้สึกอย่างไร แล้วจะบอกพี่น้องอดีตพันธมิตรอย่างไร คุณสนธิ คะสวัสดีคะ

สนธิ - สวัสดีครับคุณแอน คุณคำนูณ คุณปานเทพ ครับ ผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้หรอกครับ เพราะว่าไม่มีคุณค่าให้ผมอ่านมานานแล้ว และเป็นหนังสือพิมพ์ที่จำนวนยอดพิมพ์ก็น้อย ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นเป้าหมายวัตถุประสงค์ทางการเมือง จริงๆ ผมไม่หวั่นไหวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ผมเงียบไปก็อย่างที่คุณคำนูณ คุณแอน คุณปานเทพ เข้าใจ คือ ผม ไม่อยากใช้คำว่าตกผลึกทางความคิด เอาเป็นว่าผมมีความรู้สึกว่าผมเบื่อหน่ายกับลักษณะความขัดแย้งทุกวันนี้ คือ ถ้าคุณปานเทพ จำได้ผมเป็นคนที่ประกาศกับพี่น้องประชาชนว่าผมถอยแล้วนะ

ที่ผมถอยเพราะว่าผมไม่อยากเป็นกันชนระหว่างคุณทักษิณ กับทาง คมช.และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ถ้าหลายคนได้ฟังผมเทศน์ที่ตอนที่ผมบวชอยู่ที่จังหวัดเพชรบุร หรือชลบุรี ผมพูดออกมาชัดว่าการบวชครั้งนี้ทำให้ผมได้สติมามาก ทำให้ผมรู้ว่าวันที่ 19 กันยายน ผมพลาดไปตรงที่ว่าเมื่อเขายึดอำนาจแล้ว ขอโทษนะครับ ผมยังเสือกเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งๆ ที่ ภารกิจวันนั้นถ้ามีสติจะเข้าใจว่าเมื่อคุณทักษิณ ออกไปแล้วจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ภารกิจของผมควรจะหมดแล้ว แต่การที่ผมเข้าไปยุ่มย่ามเลยกลายเป้นเครื่องมือของ คมช. และเป็นเครื่องมือของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในการที่หลอกใช้พวกผม ออกมานำประชาชนเพื่อมาป้องกันพวกทักษิณ และทะเลาะกับคุณทักษิณ

ผมคิดว่าถ้าวันที่ 19 ช่วงนั้นผมถอยออกมา และไม่ยุ่งแน่นอนที่สุด ก็จะมีพ่อแม่พี่น้องที่แรงหลายๆ ท่านไม่พอใจผม แต่เชื่อว่าถ้าผมถอยจากวันนั้นมาวันนี้ทุกคนก็จะเข้าใจว่าทำไมผมถอย และถ้าผมถอยวันนั้นก็จะเป็นการปะทะกันซึ่งหน้าระหว่างคุณทักษิณ กับ คมช.กับกองทัพ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งการเมืองอาจไม่ใช่แบบนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วผมมารู้มาได้สติเอาตอนหลังเมื่อตอนช่วงสัก 2 -3 เดือนเมื่อผมประกาศถอย และผมไปบวชผมมาทบทวนบทเรียน

ผมมีความรู้สึกว่าแม้กระทั่งการถอยเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ก็ยังถอยช้าไปควรจะถอยตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ 19 กันยา และผมก็เห็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน มันไม่ได้ไปที่ไหนเลย ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าผมต้องการให้มีการสมานฉันท์ โดยที่ให้ลืมความผิดคุณทักษิณ ไป ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ที่ผมพูดเช่นนี้คำว่าสมานฉันท์ ผมมองว่าถ้าจะสมานฉันท์ได้ผมยังยืนอยู่จุดเดิมก็คือคุณทักษิณ จะต้องกลับมารับโทษทัณฑ์ และวันนี้ก็ถูกต้องไม่มีใครเข้าห้ามคุณทักษิณ กลับมา คุณทักษิณ ไม่กลับมาเอง

เหตุผลเพราะว่าโดนคดีต่างๆ ด้วยเหตุนี้คุณทักษิณ ต้องใช้วิชามารทางการเมือง เพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกตั้งเข้ามา เพื่อจะยกเลิก คตส.ยุบป.ป.ช.ตลอดจนนิรโทษกรรมพวกตัวเอง 111 คน ผมก็เห็นว่าการเมืองมันมีแค่นี้เอง พล.อ.สรุยุทธ์ ก็หน่อมแน้ม เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเมืองต้องเป็นเช่นนี้ ถ้าวันข้างหน้าประเทศไทยต้องเป็นอะไรไป คนแรกที่จะต้องรับผิดชอบ คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คนที่ 2 คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เพราะฉะนั้นผมพูดตรงๆ การบวชครั้งนี้ทำให้ผมเบื่อ ในความขัดแย้ง ความโลภของคน เบื่อความมีโมหะ คือ ความหลงในตัวเอง

ผมก็เลยถอยออกมา และนั่งเงียบ แต่ผมกำหนดชีวิตไว้เรียบร้อยแล้ว ผมรู้ว่าทิศทางผมจะไปอย่างไร อนาคตปีหน้าของเมืองไทยควรเป็นอย่างไร ผมเตรียมตัวที่จะมาแถลงให้พ่อแม่พี่น้องฟังประมาณเดือนมกราคม อีกประการหนึ่งผมเพิ่งบวชเสร็จใหม่ สึกมาประมาณอาทิตย์หนึ่ง แล้วผมสึกออกมาผมจะมากระโดดโลดแล่น ฟาดฟันคนโน้นคนนี้มันก็ใช่อยู่ เพรา ผมได้สติมาจากการบวชมาจากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงตามหาบัว เยอะมาก ถ้าผมออกมาแล้วผมมาทำตัวเป็นคนสติแตกอีก คือทุกคนจะหวังว่าผมจะออกมาแล้วมาด่าคนโน้นด่าคนนี้ มันไม่ใช่ มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

ผมเชื่อในหลักกรรมนะครับ คุณทักษิณในที่สุดจะต้องรับกรรม คือผม ถ้าผมพูดไป คือผมไม่อยากจะพูดว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ผมจะโทรไปหาคุณทักษิณ นะครับ มันมีแต่คุณทักษิณ โดยผ่านคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นะครับ แล้วก็ผ่านคุณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์ศานต์ แล้วก็ส่งมาทางคุณคนหนึ่งชื่อ คุณพันเทพ จำรัสโรมรัน มาติดต่อผมตลอดเวลา บอกว่า คุณทักษิณอยากจะเจอผมที่เมืองนอก ที่ประเทศไหนก็ได้ ไปเจอกันตัวตัวเพื่อปรับความเข้าใจกัน ผมก็บอกผ่านคุณพันเทพ จำรัสโรมรัน ให้ไปบอกคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และคุณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์ศานต์ ว่าขอบพระคุณมาก แต่ว่าไม่ต้องมาแนะนำหรอก ผมไม่ไปหรอกครับ นะครับ
 
ที่ผมไม่ไปไม่ใช่ผมรังเกียจอะไรคุณทักษิณ ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องไป อันนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนะครับ แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็รู้ว่านี่คือความจริง ฉะนั้นการที่คุณคำนูณพูดว่าเป็นวิชามารนั้นมันก็เป็นจริงครับ แล้วก็ ผมเพียงแต่เสียดายคนที่ทำหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ไม่ใช่ไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ เป็นคนที่ ผมให้อภัยเขานะ และผมอโหสิกรรมให้เขาด้วยเพราะว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสารมา คือ อย่าเอาในเรื่องหลักธรรมที่ เขาไม่เข้าใจหรอกครับ คนประเภทนี้เวลาลงนรกยังไม่รู้ว่าตัวเองทำไมถึงต้องลงนรก เพราะฉะนั้นแล้วคนประเภทนี้ทำได้อย่างเดียวคือ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้

ทีนี้ที่ผมอยากจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องนิดหนึ่งว่า จริงๆ แล้วท่านผู้ชม และพ่อแม่พี่น้องที่ติดตามผมมาตลอด จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้แทบไม่ต้องโทรมาถามคุณคำนูณเลยแม้แต่นิดเดียว คือถ้าเชื่อในตัวผม เชื่อในจุดยืนที่ผมสู้มา แล้วเชื่อว่า สนธิ ลิ้มทองกุล วันนี้ไม่มีวันที่จะขายจิตวิญญาณ ถ้าผมสู้กับคุณทักษิณถึงขั้นตายเป็นตายเจ๋งเป็นเจ๋ง ทำไมคนอย่างผมจะต้องโทรไปขอขมาคุณทักษิณ ผมโทรไปไถเงินคุณทักษิณไม่ดีกว่าหรือ ถูกไหมครับ คือถ้ามีตรรกะ ถ้าเข้าใจตรรกะตรงนี้ ดูการต่อสู้ของผมมาแล้ว เพื่อนฝูงพี่น้อง ตลอดจนประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯ แทบจะไม่ต้องโทรศัพท์มาหาคุณคำนูณเลย

ปานเทพ - ไม่ต้องสงสัยเลย

สนธิ - ไม่ต้องสงสัยเลยนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วด้วยเหตุนี้ผมถึงบอกว่า ถ้ารักผมจริงแล้วเข้าใจผม แล้วเชื่อในตัวผม ต้องหนักแน่น แล้วถ้าหมั่นสังเกตข่าวให้ดีๆ แล้วก็เอาเหตุการณ์เก่าๆ มาเป็นองค์ประกอบ ว่าถ้าคุณสนธิเขายอมสู้ถึงขั้นตายเป็นตายเจ๋งเป็นเจ๋ง ทำไมเขาต้องโทรไปขอขมาคุณทักษิณ เพื่ออะไร แล้วถ้าสมมุติว่าเขามีแนวโน้มจะขอขมาคุณทักษิณ วันที่คนของคุณทักษิณสัญญาว่าจะเอาเงินมาให้เขา 500 ล้าน เพื่อให้เขาหยุดต่อต้านคุณทักษิณ ทำไมเขาไม่รับไปตอนนั้นให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวล่ะ เพราะทุกวันนี้สถานภาพเราก็ไม่ใช่เป็นคนซึ่งดีไปกว่าสมัยสู้กับทักษิณ เพราะเราต่อสู้มาเป็นบันได ทำอาหารมาเพื่อให้ คมช.ได้รับประทาน เสร็จแล้ว

เมื่อรับประทานเสร็จก็ให้คุณสุรยุทธ์ได้เป็นนายกฯ วันนี้เราก็ไม่ได้อะไร ASTV ก็ยังลำบากอยู่เหมือนเดิม ลำบากเหมือนสมัยที่ต่อสู้กับคุณทักษิณ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าผมจะโทรไปผมโทรไปไถเงินคุณทักษิณไม่ดีหรอ ผมโทรไปแล้วผมบอกคุณทักษิณ คุณจะให้ผมหยุดไหม ถ้าหยุดเอาเงินมาให้ผมเท่านี้ๆ มันไม่ดีกว่าหรอคุณคำนูณ ใช่ไหมครับ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ASTV แล้วโดยพื้นฐาน ผู้จัดการ ก็ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืนไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งเว็บไซต์ผู้จัดการ ถ้าคนอย่างผมซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของเครือผู้จัดการ ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งเว็บไซต์ แล้วทั้ง ASTV ถ้าผมจะโทรไปขอขมาคุณทักษิณ

แล้วทำไม ASTV ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณอยู่ หนังสือพิมพ์ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณอยู่ เว็บไซต์ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณอยู่ มัน ตรรกะมันไม่ให้เข้าใจไหมครับ ถูกไหมละครับ เพราะฉะนั้นที่แล้ว ผมถึงบอกว่า ที่ผมจะเสียใจ ผมจะเสียใจเรื่องเดียว คือกับหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ผมไม่ได้เสียใจหรอกครับ ผมทำความเข้าใจเขามานานแล้ว แล้วผมอโหสิกรรมให้เขา แล้วผมให้อภัยเขา คือผมจะเสียใจว่า เพื่อนฝูงพี่น้องประชาชนทั้งหลายน่าจะหนักแน่นกว่านี้ น่าจะหนักแน่นกว่านี้มากๆ จริงๆ แล้วถ้าผมเสียใจ ผมเสียใจเพียงแค่ ผมเข้าใจความรักความเป็นห่วงใยผม แต่เหมือนกับพี่น้องประชาชนเป็นคนซึ่งจิตใจโลเล และอ่อนแอมากจนเกินไป

ปานเทพ - แต่ส่วนใหญ่เขาเชื่อคุณสนธิ อยู่แล้วครับ ที่โทรมาหาผม

สนธิ - นั่นนะสิครับ ผมเลยต้องอธิบาย แต่ผมก็ต้องขอโทษพ่อแม่พี่น้องประชาชนไปด้วย ไม่ต้องกังวลอะไรเรื่องนี้แล้วครับ คือหนังสือพิมพ์ที่มันไม่ใช่หนังสือพิมพ์แล้วตั้งขึ้นมาโดยนายทุน ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่กำลังมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับทางผมกับทาง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ในเรื่องของการต่ออายุสัญญาเซ็นทรัลพลาซ่า ก็แน่นอนที่สุด เซ็นทรัลเป็นเจ้าของบิ๊กซี ผมก็เป็นตัวแทนโชห่วยต่อสู้กับพวกบิ๊กซี เทสโกโลตัส แมคโคร ก็เป็นธรรมดาครับ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมีหนังสือพิมพ์อยู่ในมือก็ใช้วิธีที่เต็มไปด้วยอวิชชามากลั่นแกล้งผม

ผมว่าเวรกรรมมีจริง คุณคำนูณ คุณแอน คุณปานเทพ พวกนี้คงต้องโดนไปด้วยะไรบางสิ่งบางอย่าง เวรกรรมในอดีตก็เคยมี เซ็นทรัลชิดลม เคยถูกเผาไปครั้งหนึ่ง เพราะว่าคนในเซ็นทรัลไปติดกล้องถ่ายรูปถ่ายภาพอดีตภรรยาตัวเองกำลังเริงร่าทางกามรมย์กับทหารคนหนึ่ง แล้วเอาภาพนั้นไปเผยแพร่ เพื่อทำร้ายภรรยาตัวเอง ซึ่งกลายเป็นอดีตไปแล้ว ก็เลยโดนทหารคนัน้นส่งคนไปเผาห้างเซ็นทรัลชิดลม เวรกรรมมันมี ผมถึงบอกว่าอยากทำอะไรทำไปเลยครับ ถ้าไม่เชื่อว่าเวรกรรมมี ก็รอดูต่อไป และจะมาโกงที่ดินของหลวง โดยที่คิดราคาถูกๆ ร่วมมือกับผู้มีอำนาจบางคน เพื่อที่จะให้ได้ที่มาในราคาถูก

มันก็เวรกรรมก็มีอีก คนพวกนี้อีกไม่กี่ปีก็ตาย พี่ชายคนใหญ่ของเขาคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ก็ตายไปแล้ว พ่อเขานายเตียง จิราธิวัฒน์ ก็ตายไปแล้วเอาอะไรไปได้หรือเปล่า อีกหน่อยคุณสุทธิเกียรติ ก็ตาย เอาอะไรไปไม่ได้เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ผมสงสาร สงสารคนพวกนี้ กิเลสหนามาก ปรุงแต่งเต็มไปหมด ชีวิตไม่เห็นอะไรนอกจากเงิน และทอง คุณงามความดีสังคมมีความสำคัญต่อชาติบ้านเมืองอย่างไรไม่เคยคิด คิดอย่างเดียวขอให้เครือตัวเองร่ำรวยไปเรื่อยๆ ขอให้ขยายกิจการใหญ่โตเรื่อยๆ และผมก็อยากดูเหมือนกัน เพราะผมค่อนข้างเชื่อว่าผมตายหลังพวกนี้

ผมอยากดูวันที่เขาตาย เขาอะไรไปได้แม้แต่ชิ้นเดียวหรือเปล่า ก็อยากให้พ่อแม่พี่น้อง ประชาชนสบายใจได้ครับ ไม่ต้องกังวลครับ ที่ผมเงียบเพราะว่าผมเบื่อกับบทบาทเก่าๆ เบื่อ คมช.เบื่อคุณสุรยุทธ์ ผมกำลังใช้ความคิดของผมซึ่งผมได้มาจากตกผลึก ตลอดจนการปฏิบัติธรรม ผมจะประกาศเจตนารมณ์ของผมต้นปีหน้าแน่นอน พ่อแม่พี่น้องถ้าเชื่อว่าผมสู้มาแล้วตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง เรื่องพวกนี้อย่าไปหวั่นไหวครับ ขอบคุณครับ

จินดารัตน์ - มีเหล่าพันธมิตรจากหลายจังหวัดโทรศัพท์เข้ามาให้กำลังใจคุณสนธิ และรอฟังจุดยืนคุณสนธิ ในช่วงต้นปีที่จะแถลงกันอีกครั้งว่าจะอย่างไรต่อไป แต่วันนี้บางคนเขาบอกว่าเขาหายคิดถึง

คำนูณ - โพสต์ทูเดย์ ก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง

จินดารัตน์ - ให้คุณสนธิ ได้ออกมาพูดก่อนกำหนด

ปานเทพ - เดิมที่ตั้งใจว่าจะไม่พูดเลย จนกระทั่งเดือนมกราคม และหลังเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยมาพูดถึงทิศทางในปี 2551 ว่าจะเดินหน้าอย่างไรกับการเมือง และสังคมทั้งประเทศ คือมีของใหม่ ไม่ใช่บทบาทเท่าที่เราเคยเห็นผ่านๆ มา

จินดารัตน์ - เมื่อช่วงต้นรายการคุณคำนูณ บอกมี 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งโพสต์ทูเดย์ และอีกเรื่อง

คำนูณ - ก็หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไม่อยากเอยชื่อ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากพูดถึง เพราะมีคดีความต่อกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นธรรม แต่ว่าผมตะหงิดๆ ตั้งแต่อ่านตอนเช้าแล้ว ในคอลัมน์ข่าวสังคมหน้า 4 ไทยรัฐ พูดถึงอะไรที่เกี่ยวเนื่องไปถึงศาล และในคอลัมน์คาบลูกคาบดอก พูดเกี่ยวเนื่องไปถึงศาล ซึ่งผมอ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจ พอดีมีพี่น้องเพื่อนฝูงโทรฯ มาถามไถ่ว่ามีความเห็นอย่างไร อย่างในหน้า 4 คอลัมน์บุคคลในข่าว คือ ท่านผู้เขียนท่านนี้นามปากกาว่าอินทรีย์เหล็ก เป็นที่เข้าใจได้ว่าทิศทางการเขียนของท่านออกจะเมตตากรุณาต่อคุณทักษิณ ชินวัตร และไม่คอยเมตตากรุณาต่อพวกเรา

ปานเทพ - เป็นอย่างนี้เสมอต้นเสมอปลาย

จินดารัตน์ - แต่ไหนแต่ไร

คำนูณ - เป็นอย่างนี้ ผมก็ไม่แปลกใจ แต่บางทีเขาคิด เขาฝัน เขาจินตนาการไปไกล แล้วผมว่าการเขียนบางอย่างมันไม่ค่อยเหมาะ เขาบอกว่า ทุกวันนี้อำนาจตามระบอบประชาธิปไตยบิดเบือน ระบบยุติธรรมถูกบีบจนงอ ระบบราชการ สถาบันการเมือง อ่อนปลวกเปียกง่ายต่อการครอบงำ เข้าแผนของชนกลุ่มน้อยพอดี คือ เขาคงมองว่า ชนกลุ่มน้อยในที่นี้คือกลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ ที่น่าสนใจก็คือว่า ระบบยุติธรรมถูกบีบขนงอ

ปานเทพ - คำนี้นะครับ

คำนูณ - วรรคต่อมาเขาบอกว่า เป็นที่น่าสังเกต วันดีคืนดีก็หลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีเอาดื้อๆ

ปานเทพ - อันนี้คงจะหมายถึง คุณสมหมาย ภาษี

คำนูณ - วันดีคืนดี เจ้าหน้าที่องค์กรอิสระก็เจอปัญหาย้อนหลังขึ้นเงินเดือนตัวเอง

ปานเทพ - อันนี้คงหมายถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมานะครับ

คำนูณ - แล้วอีกวรรคหนึ่งเขาบอกว่า ส่งสัญญาณจะเกิดตุลาการภิวัตน์อีกรอบ ให้จับตาโค้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ มีการใช้กำลังภายในจากคนที่โดดข้ามห้วยมาจากฝ่ายตุลาการเป็นฝ่ายบริหาร จะโดดกลับไปฝ่ายตุลาการเพื่อสานงาน เล่นเกมชิงอำนาจต่อให้จบ ว้าเหว่ คือผมว่าในประเด็นนี้นะครับ อำนาจตุลาการก็คือ อำนาจตุลาการ ศาลยุติธรรมท่านดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีก็เป็นไปตามหลักกฎหมาย แล้วถือว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ท่านไม่ได้ทำเพื่อไปเล่นงานใคร แล้วท่านก็ไม่ได้ถูกใครบีบจนงอ การที่คดีหลายต่อหลายคดีออกมาในช่วงนี้ก็เพราะว่า มันจบตรงนี้ เอาละ

ปานเทพ - แล้วหน้า 6 ล่ะครับ

คำนูณ - แล้วหน้า 6 จะเป็นไปในทำนองเดียวกัน คาบลูกคาบดอก มันไม่ใช่ คาบลูกคาบดอก แล้วครับ

จินดารัตน์ - คาบอะไรคะ

คำนูณ - มันเต็มลูกเต็มดอกแล้วครับ

ปานเทพ - กลายเป็นอย่างนั้นเลยนะครับ เขาว่าอย่างไร

คำนูณ - เพราะหัวเรื่องเขาบอกว่า บทบาทอำนาจยุติธรรม ก็บอกว่า ระยะนี้กระบวนการยุติธรรมมีบทบาทในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง ล้วนแล้วแต่ทำให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ล่าสุดก็กรณีศาลปกครองการชี้ขาดการแปรรูป ปตท.นั่นประไร ก็ยังไม่เข้าใจว่า การให้ ปตท.ไม่ต้องถอดจากตลาดหลักทรัพย์ แต่โอนทรัพย์สินให้รัฐ จะมีผลอย่างไร
 
ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องของตัวบุคคลในกระทรวงการคลังถูกกล่าวหาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอธิบดีย้ายไม่ถูกต้อง ถูกปรับตำแหน่งมาเป็น ซี 9 เรื่องยังคาอยู่ที่ ก.พ. อันนี้ไม่เป็นไร เช่นเดียวกับศาลอาญา มีคำวินิจฉัยกรณีคุณสมหมาย ภาษี ต้องตกเก้าอี้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะไปเซ็นคำสั่งพักงานเจ้าหน้าที่ บดท. สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการอยู่ นี่เรื่องหนึ่งนะครับ

ปานเทพ - มีอีกเรื่องหนึ่งนะครับ

คำนูณ - อีกเรื่องหนึ่งนะครับ ข้ามมาทางฝ่ายการเมืองบ้าง รายของคุณบุญมาก ศิริเนาวกุล ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จ.ราชบุรี มีคำพิพากษาของศาลกรณีซื้อเสียงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เข้ามาในช่วงนี้พอดี ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต้องโทษทางอาญาแล้วตัดสิทธิทางการเมืองถึง 10 ปี แล้วเขายังบอกว่า ยังมีคดีความรอการพิจารณาในกระบวนยุติธรรมอีกหลายเรื่อง แต่ประเด็นที่ผมขีดเส้นตายไว้ บอกว่า ต้องยอมรับว่า การจะชี้ว่าการเมืองบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ จะเข้าข่ายความผิดมาตราไหน กฎหมายฉบับไหน
 
มีทั้งโทษทางอาญา และโทษทางการเมือง มีกฎเหล็กมาคลุมการเมืองไว้ละเอียดยิบ บนข้อสันนิษฐานที่ว่า การเมืองเป็นเรื่องเลวร้าย นักการเมืองเป็นคนขี้โกง เจ้าเล่ห์ ไว้ใจไม่ได้ ถ้าคิดเป็นเรื่องขำ ก็คงจะบอกว่า แล้วจะไปมีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทำพระแสงอะไร แล้วก็มีอะไรต่อมิอะไรอีกเต็มคอลัมน์

ปานเทพ - เอ๊ะ อย่างนี้จะเข้าข่ายการ

คำนูณ - คุณปานเทพฟังแล้วว่าอย่างไร อันนี้เราไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อนนะ

ปานเทพ - เข้าข่ายการหมิ่นศาลนะ เพราะว่าแต่ละคดี แต่ละกรณีศาลก็มีคำพิพากษา ที่เขาหยิบยกขึ้นมา แล้วก็ไปวิพากษ์วิจารณ์ จะเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาลหรือหมิ่นศาลไหมคุณคำนูณ หมิ่นเหม่ไหม

คำนูณ - ผมเห็นว่าคือถ้าเทียบกับกรณีคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ข้อเขียน 2 ชิ้นนี้ ก็อยากที่เขาว่าคาบลูกคาบดอก และผมว่าเฉพาะข้อเขียนในคอลัมน์คาบลูกคาบดอก ผมอ่านนะผมก็ไม่ใช่ศาล ถึงจะเรียนกฎหมายมาแต่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย ผมว่ามันทำให้คนอ่านถ้าเกิดเชื่อ เพราะความเป็นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ เป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ หนังสือที่ขายดีที่สุดจุดขายของเขา คนอ่านเกิดเชื่อขึ้นมาจะเชื่อว่าอย่างไร อำนาจตุลาการถูกครอบงำหรือ อำนาจตุลาการมุ่งที่จะไปทำร้ายนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งหรือ คุณสมหมาย ต้องพ้นจากรัฐมนตรี เพราะความจงใจหรือเปล่า

คุณบุญมาก จะเป็น ส.ส.อยู่แล้วทำไมโดนพิพากษาในตอนนี้ และในคอลัมน์บุคคลในข่าวพูดก็พูดเถอะคงพูดถึงท่านจรัญ ภักดีธนากุล ผมว่าการที่ตุลาการท่านจะมาโยกทำหน้าที่เป็นปลัดกระทรวง ทางบริหารเป้นความจำเป็นของบ้านเมืองในช่วงหนึ่งช่วงเวลาหนึ่ง และไม่ใช่ว่าไม่เคยมี เคยมีมาโดยตลอด เมื่อท่านเห็นว่าท่านทำหน้าที่เสร็จสรรพท่านก็ใช้สิทธิของท่านโอนกลับไปในฐานะเป็นตุลาการ เพราะนั้นคือความสุข วิชาชีพของท่าน นั่นคือความต้องการในชีวิตของท่าน แต่สุดท้ายถูกแปลเจตนาไปว่าท่านต้องการกลับไปเล่นงานคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นจะหมิ่นหรือไม่หมิ่นผมไม่รู้ แต่ด้วยความเคารพ

ผมว่าทางศาลน่าจะเรียกผู้เขียนไปสอบถาม พูดคุยกัน เรียกบรรณาธิการหรือผู้เขียนไปสอบถามว่าท่านมีเจตนาอะไร เขียนแบบนี้ ชี้แจงให้ท่านทราบว่าที่ท่านเขียนไปนั้นท่านมีเจตนาอะไร วัตถุประสงค์ของท่าน ท่านอาจบอกไม่ได้มีเจตนาที่จะหมิ่นอะไร แต่ศาลจะต้องชี้แจงว่าข้อเขียนแบบนี้ทำให้ผู้อ่านอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เพราะฉะนั้นสุดแท้แต่ศาล แต่ว่าในความเห็นของผมเนื่องจากมีผู้โทรศัพท์มาผมบอกว่าคงทำอะไรไม่ได้

จินดารัตน์ - ถ้าอยากกรณีแบบนี้ คุณคำนูณคะ ถ้าหากคอลัมนิสต์ไปพบกับศาลและชี้แจง และกล่าวคำแค่ขอโทษพอไหมคะ

คำนูณ - อันนี้แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล คืออย่างกรณีคุณประชัย ศาลก็เรียกไป หรือในกรณีของหลายคน สื่อมวลชนหลายคนเคยเจอมา คุณชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ เคยเจอตั้งแต่ปี 2518 ศาลท่านก็เรียกไป ถ้าเชื่อว่าไม่ได้มีเจตนาอะไรศาลก็จะเตือน ให้ข้อมูล แล้วแต่เมตตากรุณา

ปานเทพ - จะลงโทษหรือไม่ รอลงอาญา

คำนูณ - หรือว่าดำเนินคดี ก็ถือว่าเป็นดุลยพินิจของศาล แต่ว่าก่อนอื่นจะต้องมีกระบวนการที่ทางอธิบดีศาลท่านจะต้องเชิญไปสนทนา ที่เขียนแบบนี้มีวัตถุประสงค์อะไร เพราะศาลได้รับความคุ้มครอง และการพิพากษาอรรถคดีศาลท่าทำในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ก็ในความเห็นของผมพี่น้องเพื่อนฝูงที่คุยกัน แลกเปลี่ยน

ปานเทพ - อย่างน้อยก็หยิบยกใน 2 กรณีจากหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งไม่ได้พูดชื่อ แต่ทำให้คนคิดว่าเป็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อีกฉบับหนึ่งไม่ได้พูดอะไรให้ชัดเจนแต่สังคมก็คิดได้ทำให้มองไปอีกอย่างหนึ่งกับกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย

จินดารัตน์ - ตอนนี้คุณสนธิ อยู่ไหนสาย ขอกลับมาคุยอีกครั้งหนึ่ง

ปานเทพ - ดีครับ

สนธิ - สวัสดีครับ คุณแอน คุณปานเทพ และคุณคำนูณ วันนี้ทำให้ผมตบะแตกไปเรียบร้อย คือ ผมเสริมนิดหนึ่ง คุณคำนูณคงพลาด ไม่ได้พลาด คือไม่ได้พูดเรื่องนี้ คือผมเห็น เมื่อกี้คุณคำนูณ ผมก็นั่งดูรายการอยู่ ผมจะฝากข้อคิดนิดหนึ่ง คือความเห็นของ 2 คอลัมน์ เป็นความเห็นในลักษณะที่เขียนเพื่อแยงมาทางฝ่ายที่ต่อต้านคุณทักษิณ อย่างเช่นเรื่องศาลปกครอง หรือว่าเรื่องคุณสมหมาย ภาษี ซึ่งคุณคำนูณได้ชี้แจงไปแล้ว คือผมไม่อยากจะพูดว่า วุฒิภาวะของคนเขียนคอลัมน์ทั้ง 2 คน ยังขาดซึ่งภูมิปัญญาอีกมาก ผมคิดว่าเป็นข้อเขียนที่ตื้นเขินมากจนเกินไป แล้วผมคิดว่า คนพวกนี้ถ้ามานั่งสัมมนากันในวงสัมมนาหรือเสวนากับพวกเรา ก็คงจะไม่กล้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะคนพวกนี้ไม่ได้ใช้หลักปฏิจสมุปบาท

แต่ผมฝากนิดหนึ่ง เขาชอบอ้างเรื่อง คุณจรัญ ภักดีธนากุล เขาชอบอ้างว่า ผู้พิพากษาเล่นงาน จะกลับไปเล่นคุณทักษิณหรืออย่างไร ทำไมเขาไม่มองในกรณีผมบ้างล่ะ ทำไมเขาไม่ยกกรณีผมบ้างว่า ขนาดมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ศาลยังลงโทษพิพากษาจำคุกผม 2 ปี ข้อหาหมิ่นประมาท ถ้าเขาจะเขียนเขาควรจะเขียนครบถ้วนกระบวนการซิครับ ทำไมเขาเขียนเฉพาะส่วนที่มันไปกระทบพวกเขาเท่านั้นเอง แล้วผม แล้วเรื่องคุณสมหมายก็เป็นเรื่องที่อยู่ในศาลมาตั้งนานแล้ว คำพิพากษาก็เพิ่งออกมา แล้วเผอิ๊ญเผอิญมันก็ไปตรงกับกติกาของรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็ช่วยไม่ได้ คุณประชัยก็โดนถูกไหมครับ ก็ช่วยไม่ได้

คุณประชัยนี่โดน 2 เด้ง เด้งนึงก็คือเรื่องของคดีปั่นหุ้น อีกเด้งนึงก็คือเรื่องของการหมิ่นศาล ผมก็โดน แล้วทุกวันนี้ผมก็ยังขึ้นศาลอยู่ตลอดเวลา คุณทักษิณมอบอำนาจให้ทนายความมาฟ้องผมแล้วคุณทักษิณก็ไม่มาเบิกความ เพราะว่ามอบอำนาจแล้วก็เฉยๆ ไปเลย ศาลก็ยังรับฟ้องว่ามีมูลทุกคดี ผมก็ยังเดินขึ้นศาล เมื่อเช้าผมก็ไปศาลมาคุณคำนูณ เพราะฉะนั้นแล้วคุณ ชื่ออะไรก็ไม่รู้ คอลัมน์อะไร กับคุณอินทรีย์เหล็ก เขียนไม่ครบถ้วนทุกกระบวนการ ด้วยเหตุนี้ผมถึงบอกว่า ผมจำเป็นจะต้องมาเสริมนิดหนึ่งเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบ

คำนูณ - ได้ครับ เสริมทุกวันเลย ได้เลยครับ

สนธิ - ไม่ๆ ละครับ พอแล้วครับวันนี้

คำนูณ - ครับผมครับ

สนธิ - โอเคครับ สวัสดีครับ

จินดารัตน์ - ขอบพระคุณค่ะ

ปานเทพ - วันนี้คุ้ม

คำนูณ - ได้ผล

ปานเทพ - วันนี้ยั่วได้สำเร็จ

คำนูณ - เขียนอีกนะ

ปานเทพ - เขียนอีกบ่อยๆ แต่อยากจะบอกว่า สังเกตไหมว่าคุณสนธิพูดนิ่ง

จินดารัตน์ - นิ่งนะคะ

ปานเทพ - นิ่ง สงบ ก็ต้องติดตามบทบาทอย่างนี้ ยิ่งน่าติดตามใหญ่ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร

จินดารัตน์ - จากพิจิตร จากระยอง ราชบุรี โคราช เพชรบุรี ส่งข้อความมา ส่วนใหญ่ให้กำลังใจ แล้วบอกว่า เชื่อมั่นในตัวคุณสนธิ แล้วตอนนี้ไม่อยากให้คุณสนธิไปหวั่นไหวกับพวกปากหอยปากปู จะว่าอย่างไรก็ว่ากันไป

คำนูณ - คือ ประเด็นนี้ ตอนนั้น ผมต้องแทรกคุณสนธิ ก็คือว่า ที่พี่น้องเขาโทรมาไม่ใช่ว่าเขาไม่มั่นใจ เขามั่นใจในตัวคุณสนธิ แต่เขาบอกว่า

จินดารัตน์ - ดู๊ดูมันเขียนซิ

คำนูณ - แบบนี้อย่ายอม

ปานเทพ - ต้องทำอะไรซักอย่าง

คำนูณ - จะต้องชี้แจง จะต้องให้สาธารณชนที่เขาอาจจะไม่ใช่พวกเรา เพราะว่าคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อาจจะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณสนธิ

ปานเทพ - ต้องไม่ลืมว่า คุณสนธิถูกกล่าวหามานานมากแล้ว ตั้งแต่สู้กับคุณทักษิณช่วงแรกๆ เลย ตั้งแต่มีการผลิตวีซีดี ไม่รู้กี่โปสเตอร์ ไม่รู้กี่แผ่นพับ โจมตีคุณสนธิไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นบทพิสูจน์เป็นปีๆ มาแล้ว

คำนูณ - สรุปแล้ววันนี้หนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ กินเวลาไปเกือบหมดแล้วนะ

ปานเทพ - เราพักเปลี่ยนเรื่องไหม

คำนูณ - ครับ เปลี่ยนเรื่อง

จินดารัตน์ - เปลี่ยนเรื่องสักนิดหนึ่ง แต่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องนะคะ ดิฉันของนิดหนึ่ง คุณสนธิพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ วันนี้ นักข่าวไปถามท่านนายกฯ ว่า ขนาด กกต.ยังโดนขู่เลยนะ มีข่าวว่าคุณสดศรี สัตยธรรม โดนขู่ ท่านไม่กลัวหรอ แล้วท่านเป็นนายกฯ มาปีกว่าโดนขู่บ้างไหม ท่านก็บอกว่า ผมเองไม่ได้ถือในเรื่องอะไร เพราะอย่างที่เคยพูดกันมาแล้วว่า ชีวิตผมอยู่มาพอสมควรแก่เวลาแล้ว ถ้าเผื่อว่ามันจะจบสิ้นไปก็คงแค่นั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร
 
ผมเตรียมพร้อม คือทำพินัยกรรมไว้หมดแล้ว ทั้งให้ภรรยาและลูก ฉะนั้นไม่มีอะไรที่เป็นห่วง หรือใครจะมาขู่ผมผมก็ไม่กลัว เพราะว่า ผมยอม ชีวิตผมไม่ได้มีค่าอะไร นะคะ แล้วท่านก็ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องกรณีว่า แสดงว่าท่านโดนขู่หรือเปล่า ท่านก็แค่ยิ้มๆ แล้วก็เดินขึ้นทำเนียบไป แต่ว่ามันมีข่าวซุบซิบกัน ก็ไม่ใช่ข่าวหรอก ก็เปิดเผยนะคะว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ย้ายบ้านแล้ว

ปานเทพ - อ๋อ หรอครับ

จินดารัตน์ - ย้ายบ้านไปอยู่ราบ 11 แล้วมีข่าวอีก ก็บางฉบับก็ออกมาพูดตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้างตัวเลข แต่ใกล้เคียงกัน เขาบอกว่า มีการสร้างบ้านเอาไว้ 5 หลังด้วยกัน หลังหนึ่งเฉพาะโครงก็คือ 5 ล้านบาท แต่ว่าตกแต่งรวมเบ็ดเสร็จแล้ว ประมาณ 15-20 ล้านบาท พล.อ.สนธิ ย้ายเข้าไปคนแรก เพราะเสร็จแล้วหลังนึง แต่อีก 3-4 หลังเก็บไว้ให้ใคร ติดตามตอนต่อไป

คำนูณ - เดี๋ยวๆ พูดให้

ปานเทพ - ให้รู้เรื่องก่อน ให้รู้เรื่องก่อน

คำนูณ - พูดให้เข้าใจกันสักนิดหนึ่งนะครับว่า เขามีเหตุผลของเขา แต่เหตุผลนี้จะฟังได้หรือไม่ได้

ปานเทพ - อีกเรื่องนึง

คำนูณ - ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเท่าที่ผมติดตามเรื่องราวก็คือว่า บ้านเกษะโกมลโดยปกติจะเป็นบ้านพักรับรองสำหรับนายทหารที่ยังอยู่ในราชการ อยู่ในตำแหน่ง

จินดารัตน์ - ตำแหน่ง ผบ.ทบ.

คำนูณ - คนที่อยู่บ้านนี้แล้วที่โด่งดังมากก็คือ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก บ้านเกษะโกมล ในยุคของเรา คือส่วนใหญ่เมื่อเกษียณแล้วจะย้ายออกไป คราวนี้ในระยะหลังกองทัพเขามีนโยบายว่า เขาจะสร้างบ้านขึ้นมาสำหรับให้นายทหารที่ทำคุณประโยชน์แก่กองทัพที่เกษียณแล้ว ไปพักอยู่ ก็เข้าใจว่าเป็นบ้านชุดนี้ละครับ 4-5 หลัง ที่ในราบ 11

ปานเทพ - คือ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีบ้าน

คำนูณ - ใช่ คือส่วนใหญ่เขาจะมีแนวคิด มีนโยบายอะไรอย่างไร ขอไปพูดคุยทำความเข้าใจในหลักการเสียก่อน เพราะเดี๋ยวจะเข้าใจว่า อยู่ดีๆ เอาเงินไปสร้างบ้านให้ตัวเองอยู่ คงไม่ใช่อย่างนั้น

จินดารัตน์ - ก็มีเสียงนินทาว่า เอางบลับ คมช.ไปสร้างหรือเปล่า อันนี้ไม่ได้รับคำชี้แจงแต่อย่างไร

คำนูณ - คือ เวลาเราวิพากษ์วิจารณ์เราต้องดูข้อเท็จจริงของทุกด้านประกอบกัน

ปานเทพ - ดูให้ครบก่อน

คำนูณ - ส่วนที่ว่าเหตุผลของเขา

ปานเทพ - ฟังขึ้นไหม

คำนูณ - ฟังขึ้นหรือไม่ขึ้น ฟังได้หรือไม่ได้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่าอันที่จริง เรื่องนี้ในต่างประเทศ

จินดารัตน์ - มีไหมคะ

คำนูณ - อดีตผู้นำเขาได้รับการดูแลตลอดชีวิต

ปานเทพ - เขาถือว่าให้เกียรติกับคนที่ทำคุณงามความดีให้กับกองทัพ หรือว่าให้กับประเทศ

คำนูณ - หรืออย่างในบ้านเราก็มีผู้ที่ได้รับการยกเว้นคนหนึ่ง คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ สี่เสาเทเวศน์ นี่ไม่ใช่บ้านของท่านนะ บ้านสี่เสา ก็คือเป็นบ้านหลวง ท่านอยู่มาตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อพ้นจากตำแหน่ง ออกจากราชการแล้วท่านก็ยังอยู่อยู่ ก็เรียกว่า ก็ต้องถือว่าเป็นประเพณีอย่างหนึ่งว่าเป็นบุคคลที่ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ทุกคนก็ไม่มีใครไปตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมท่านยังอยู่บ้านหลวง

จินดารัตน์ - แต่บ้านเกษะโกมลเฉพาะบุคคลที่อยู่ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่เท่านั้นหรอคะคุณคำนูณ

คำนูณ - คือส่วนใหญ่มันจะมีบ้านเกษะโกมล บ้านสวนพุฒตาล และบ้านสี่เสาเทเวศน์ในอดีตก็ใช่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จะอยู่ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ เพราะ พล.อ.เปรม ท่านไม่อยู่แล้ว ก็คือพอท่านพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็คือ ท่านยังคงต้องอยู่ต่อไป คือ ทั้งๆ ที่บ้านท่านก็มี สะดวกสบาย ถ้าผมจำไม่ผิด คิดว่าไม่ผิดหรอก เพียงแต่ว่า ทางราชการให้เกียรติท่าน

ปานเทพ - ในตำแหน่ง

คำนูณ - ส่วนที่มีการสร้างบ้านใหม่ 4-5 หลังในยุคปัจจุบันตามข่าวที่รายงานมา ซึ่งเรายังไม่ได้ตรวจสอบ ที่จะไปสอบถามถึงเหตุผลของเขา เขามีนโยบายอย่างไร จะให้นายทหารที่เกษียณแล้วไปอยู่ นายทหารนั้นจะต้องมีหลักเกณฑ์อะไรอย่างไร ผมเข้าใจว่าจะต้องมีกฎเกณฑ์หลักเกณฑ์พอสมควร

ปานเทพ - เพราะว่า เท่าที่ผมรู้มา ก็คือว่า อดีต ผบ.ทบ.บางคน ยังมีบ้านอยู่เป็นของส่วนราชการอยู่เลย แม้ว่าจะเกษียณไปแล้วหลายปีเพิ่งไม่กี่รุ่นนี่เองก็ยังมีอยู่ ยังไม่ได้ย้ายออกไป ก็ยังมีนะครับ ก็ต้องไปดูในรายละเอียดอีกทีแล้วกัน

จินดารัตน์ - คงไม่นาน นักข่าวต้องตามเข้าไปที่ราบ 11 แหละ ไปดูว่าท่านอยู่อย่างไร บ้านท่านเป็นอย่างไร เดี๋ยวเราจะพักกันก่อน ช่วงหน้ากับมาเรื่องของการเลือกตั้งนิดนึงค่ะ สักครู่ค่ะ

( ช่วงที่ 2 )

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายในยามเฝ้าแผ่นดิน เรื่องของเลือกตั้งเราคงไม่มีเวลาที่จะพูดรายละเอียดกันแล้ว แต่ท่านผู้ชมคงได้ติดตามข่าวคราวกันมาทั้งวัน แต่เรื่องสำคัญที่เราเองค่อนข้างเป็นห่วงสวัสดิภาพของ สนช.ทั้งหลาย วันพุธที่จะถึงนี้คุณคำนูณ ตกลง

คำนูณ - คือ ทางกลุ่มอาจารย์จอน อึ๊งภากรณ์ ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรหลายกลุ่ม คือ กปอพช.คือคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ร่วมกับ สรส.สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สคปท.สภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย สนนท.สหพันธ์นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย และเครือข่ายสลัม 4 ภาค ยืนยันว่าในการประชุมสภา วันพุธที่ 19 ธันวาคมนี้ จะเรียกระดมพลไปทำเป็นโซ่มนุษย์ล้อมรอบสภาตั้งแต่เวลา 08.00-19.00น.ผมก็ช่วยประชาสัมพันธ์ให้นะครับ อย่าไปกันน้อยๆ

ปานเทพ - ทำไมครับ

คำนูณ - ผมเห็นมีชื่อเยอะองค์กร

ปานเทพ - เดี๋ยวเขาจะหาว่าคุณคำนูณ อยู่เบื้องหลัง

คำนูณ - ไม่ครับ คือวันนี้ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภา ได้มีการพิจารณากันถึงข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนต่างกลุ่ม มีความเห็นสรุปออกมาว่าสาเหตุที่ สนช.ต้องอยู่ต่อในช่วงนี้ และไม่ได้ลาออกตามคำเรียกร้อง อย่างที่เคยชี้แจงไปแล้ว ว่า เป็นการกระทำตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้สภาเปิดได้ จริงๆ ไม่ได้อยากอยู่หรอก ส่วนการพิจารณาร่างกฎหมายนั้น คือ อยากทำให้ได้มากที่สุด เพราะมีกฎหมายหลายฉบับเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในมุมมองของ สนช.หลายคนหลายกลุ่ม แต่ว่ายอมรับว่าเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแปลก คือ ปกติให้สภาหมดอายุไปก่อนวันเลือกตั้ง

แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้ทางเราตัดสินใจว่าจะพิจารณาร่างกฎหมายถึงวันที่ 21 ธันวาคมนี้เท่านั้น สัปดาห์นี้จะมีการประชุม 3 วัน คือ พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ ถ้าอยู่รอดปลอดภัยได้ 3 วัน ตั้งแต่ 10.00- 20.00น.เฉพาะวันศุกร์นี้ถ้ายังไหวก็จะต่อไปถึงไม่เกิน 24.00น.แล้วแต่สภาพการถ้าน้อยก็ปิดประชุม และแค่ไหนก็แค่นั้น จะไม่มีการพิจารณากฎหมายในวาระที่ 1 จะพิจารณาเฉพาะร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ในวาระที่ 2 -3 ซึ่งจะมีกฎหมายอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือตามระเบียบวาระสัปดาห์ที่แล้วที่ค้างอยู่ 21 ฉบับ

กลุ่มที่ 2 คือกฎหมายที่พิจารณาในชั้นกรรมาธิการเสร็จแล้ว และส่งต่อประธานสภาภายในเที่ยงวันนี้ มีอยู่ประมาณ 43ฉบับ ตั้งแต่วันศุกร์ กลุ่มที่ 3 คือ 4-5 ฉบับ ที่ส่งภายในเที่ยงวันนี้ ผมไม่ทราบว่ากลุ่มสุดท้ายมีเท่าไร แต่ว่ามีอยู่ 4-5 ฉบับ มีอยู่ฉบับหนึ่งที่สำคัญ คือ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่น่าจะทันแล้วถ้าพูดตรงๆ อันนี้เป็นกฎหมายฉบับหนึ่งที่ทางอาจารย์จอน และกลุ่มเอ็นจีโอกลุ่มนี้เห็นว่าไม่ถูกต้อง เป็นการรักษาผลประโยชน์ของหน่วยราชการจะไม่ไปเถียงล่ะ

แต่ว่าการพิจารณาจะเรียงลำดับไป ยกเว้นเมื่อถึงวาระนั้น สมาชิกท่านใดท่านหนึ่งจะลุกขึ้นมาขอให้เอาร่างฉบับนี้ไปพิจารณาที่หลัง เพราะอาจเห็นว่าเป็นร่างที่มีความขัดแย้งกันสูง มีการเสนอว่า แทนที่เราจะพิจารณากฎหมายทุกฉบับ เอาอย่างนี้ได้ไหมว่า เราจะเลือกเฉพาะฉบับที่มีปัญหาน้อย หรือมีความขัดแย้งในสังคมน้อย เพราะต้องยอมรับว่า กฎหมายที่เอ็นจีโอเขาเสนอมารวมทั้งสิ้น ประมาณ 8 ฉบับ เป็นกฎหมายที่มีความขัดแย้งในสังคมสูง แล้วก็มีนัยทางสังคมสูงมาก

ปานเทพ - มีอะไรบ้างครับ

คำนูณ - 1. ร่างกฎหมายความมั่นคง 2. ร่างกฎหมายทรัพยากรน้ำ 3. ร่างกฎหมายประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

ปานเทพ - นี่ก็เรื่องใหญ่

คำนูณ - 4. ร่างกฎหมายเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ

ปานเทพ - อันนี้เรื่องใหญ่มาก

คำนูณ - ที่ 5-7 คือร่างกฎหมายมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และฉบับที่ 8 คือร่างกฎหมายสภาการเกษตรแห่งชาติ ผมเองผมเป็นคนเสนอเองแหละว่า ผมอยากให้พิจารณาเอาร่างกฎหมายที่มีความขัดแย้งในสังคมสูงออกไปก่อน แล้วให้ไปว่าในรัฐบาลชุดหน้า ข้อเสนอของผมซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรรมาธิการหลายท่าน ปรากฏว่าแพ้มติของกรรมาธิการกิจการสภา เพราะฉะนั้นก็คือ สรุปว่า จะพิจารณาไปตามลำดับ คือ กลุ่มแรก 21 ฉบับที่ค้างอยู่ กลุ่ม 2 คือ 43 ฉบับ กลุ่มที่ 3 คือ 5 ฉบับ เสร็จแค่ไหนเอาแค่นั้น

จินดารัตน์ - เสร็จแค่ไหนเอาแค่นั้น

คำนูณ - ซึ่งก็ประเมินได้ว่า คงจะสนุกตั้งแต่วันพุธ

ปานเทพ - ทำไมเขาจะต้องเร่งขนาดนี้คุณคำนูณ ถ้ารู้ว่ามีความขัดแย้งสูงทำไมต้องช่วงนี้พอพี

คำนูณ - อันที่จริงเรื่องนี้พูดกันยาว คือว่า ไม่มีใครเร่งเลยครับ คือทุกอย่างมันมาตามกระบวนการของมัน ตามขั้นตอนของมัน เหมือนที่ว่า เวลาเราวิพากษ์วิจารณ์ เอ๊ะทำไมศาลต้องออกมาตอนนี้

ปานเทพ - มาตอนนี้พอดี ก็วาระมันพอดี

คำนูณ - ก็วาระมันพอดี ต้องเข้าใจว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำงานตลอด ไม่มีวาระ ประชุมกำหนดไว้สัปดาห์ละ 2 วัน แต่ในช่วงต้นๆ บางทีต้องประชุมสัปดาห์ละ 1 วัน เพราะว่าร่างกฎหมายโดยส่วนใหญ่ที่รัฐบาลส่งเข้ามาในช่วงต้นมีน้อย มีไม่พอให้ทำงาน สนช.เสนอได้เองก็จริงอยู่ แต่โดยปกติรัฐบาลเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นผู้กำหนดนโยบาย ร่างกฎหมายจะมาจากรัฐบาล ถ้า สนช.เสนอเอง

โดยส่วนใหญ่รัฐบาลจะรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ 30 วัน แล้วจะส่งร่างเข้ามาประกบ เพราะฉะนั้นร่างมันจะเข้ามาตอนช่วงท้ายๆ สนช.ก็ทำงานไปตามปกติ แล้วร่างกฎหมายบางฉบับที่จะพิจารณาวาระ 2 วาระ 3 บางทีมันผ่านวาระ 1 มาตั้งแต่เดือนเมษาฯ เดือนพฤษภาฯ แล้วเขาพิจารณากันทุกสัปดาห์ แต่มันมีประเด็น มีข้อโต้เถียง แล้วก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เรียกว่า ไม่ใช่เขาเร่งรัด

ปานเทพ - เรื่องความขัดแย้ง การชุมนุม

คำนูณ - ส่วนเรื่องความขัดแย้ง

จินดารัตน์ - ก็คือ ใน 8 ฉบับที่ว่านี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุม

คำนูณ - ผมอยากจะบอกนะครับว่า มันเป็น ความขัดแย้งผมประมวลดูแล้ว เป็นความขัดแย้งในเชิงรากฐานทางปรัชญาความคิด

ปานเทพ - ทางความเชื่อ

คำนูณ - ซึ่งยากจะหาข้อสรุปได้ สนช.ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการ อดีตข้าราชการ แล้วก็จะมองในมุมมองของภาครัฐ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่อดีตข้าราชการ แต่ว่าผมก็ไม่ใช่เอ็นจีโอ แต่ขณะที่เอ็นจีโอจะมองในมุมมองของภาคประชาชน คือ คนที่มุมมองในภาครัฐก็คือ อยากจะให้รัฐเข้าไปจัดการ คนที่มองในมุมมองของภาคประชาชน ไม่อยากให้รัฐเข้ามายุ่ง อยากให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของชุมชนจัดการกันเอง คราวนี้มันก็มีปัญหา อย่างเช่น ร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ วิทยุชุมชนที่มีอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจะบอกว่า ปล่อยอย่างนี้ไป ไม่ต้องจดทะเบียน ไม่ต้องพิจารณาเลย

ปานเทพ - มันก็เละเหมือนกันได้

คำนูณ - มันก็จะฟังกันไม่ได้ คลื่นจะตีกันไปตีกันมา แต่ถ้าจะไปจัดการชนิดที่เรียกว่า ไม่มีการควบคุมการใช้อำนาจรัฐ มันก็ไม่ถูกเช่นกัน หรือว่าเรื่องทรัพยากรน้ำ คนที่ร่างกฎหมายที่มีความเชื่อว่ารัฐจะเป็นผู้บริหารจัดการก้กำหนดให้รัฐบริหารจัดการทั้งหมด แต่ภาคประชาชนบอกว่าไม่ได้มันต้องเอาอำนาจประชาชน ชุมชน แม้แต่กฎหมายที่เชื่อในอำนาจของประชาชน ชุมชนเอง ก็ยังมีความแตกต่างกัน เช่น ร่างกฎหมายป่าชุมชนที่ผ่าน สนช.ไปแล้ว ผมไม่ได้เข้าไปยุ่ง เพราะกรรมาธิการส่วนใหญ่เป็นเอ็นจีโอในนามของ สนช.คือที่ได้รับการแต่งตั้งมา และมีเอ็นจีโอข้างนอกเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ก็ยังมีปัญหาความขัดแย้งกันว่าควรจะให้ชุมชนแค่ไหน ขีดเส้นแค่ไหน ชุมชนที่อยู่ในป่ามาโดยตลอด หรือชุมชนที่อยู่นอกป่าควรจะเข้ามาอะไรอย่างนี้

เพราะฉะนั้นผมเห็นว่ากฎหมาย 8 ฉบับนี้เป็นกฎหมายโลกแตก เป็นกฎหมายที่เถียงกันไม่จบง่ายๆ และถ้าทุกฝ่ายมองแต่มุมของตัวเองไม่มีทางหาข้อสรุปได้ และผมก็ไม่เชื่อว่าถึง สนช.จะไม่พิจารณาไปถึงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะพิจารณาได้สำเร็จเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ในเมื่อประเทศไทย มาถึงจุดทางแพร่งพอสมควรที่มีปัญหาเกี่ยวกับรากฐานปรัชญาความคิดว่ารัฐควรจะจัดการแค่ไหนอย่างไร เป็นต้นว่า สภาเกษตร ถ้ามีแต่เกษตรกรอย่างเดียวก็ดูเหมือนจะดี แต่มติที่ออกมาจะทำได้แค่ไหนถ้าเผื่อภาครัฐกับภาคธุรกิจการเกษตรไม่เข้ามาทำงานประสานกัน

แต่แน่นอนถ้าเผื่อให้ภาครัฐกับภาคธุรกิจเกษตรมีบทบาทครอบงำเกษตรกรมันก็ไม่ถูกเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่ว่าจุดกึ่งกลางจะอยู่ตรงไหนก็คงต้องติดตามต่อไป แต่คนที่จะมาปิดสภาก็มา คนที่จะไปประชุมสภาก็ไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ และได้ข่าวว่าพรุ่งนี้ก็จะมา คือ เป็นเอ็นจีโอกลุ่มที่ต้องการให้ สนช.ทำหน้าที่ต่อไป เพื่อพิจารณากฎหมายที่เป็นประโยชน์ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

จินดารัตน์ - ต้องติดตามกันต่อโดยเฉพาะเริ่มตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป จนเสร็จค่ำคืนของวันศุกร์ สนช.จะทำหน้าที่พิจารณากฎหมายได้กี่ฉบับอย่างไร ติดตามกันต่อ และอย่าลืมนะคะท่านผู้ชม ติดตามเรื่องของการเลือกตั้งให้ดีจับตาให้ดีโค้งสุดท้ายนี้ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีคะ/ครับ




กำลังโหลดความคิดเห็น