“ยามเฝ้าแผ่นดิน” มองปรากฏการณ์วัยรุ่นไทยรุมกรี๊ด “ทงบังชินกิ” สะท้อนภาพเด็กไทยไร้ราก-ขาดวีรบุรุษ เหตุสังคม-การเมืองไม่เอื้อให้เกิดแบบอย่างที่ดี แนะ วธ.ดูเกาหลีเป็นตัวอย่าง ใช้วัฒนธรรมสร้างความเข้มแข็งให้ชาติ เย้ย ครม.ขิงแก่ กำหนดวาระแห่งชาติต้านซื้อเสียง แค่คำพูดสวยหรู ชี้เลือกตั้ง 23 ธ.ค.เหลือเวลาหาเสียงน้อย ทุ่มซื้อกันหนักแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 2
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะ พบกันเช่นเคยในรายการยามเฝ้าแผ่นดินค่ะ พบกับคุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และดิฉัน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ วันนี้จะเริ่มด้วยแถลงการณ์ฉบับที่ 4 โดยมีการออกแถลงการณ์นี้เวลา 18.20 น. จากสำนักพระราชวัง คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถวายตรวจพระโลหิตในวันนี้ ผลปรากฏเป็นที่น่าพอใจ และได้รายงานผลการเฝ้าสังเกตติดตามพระอาการว่าพระอาการทั่วไปยังคงเหมือนเมื่อวานนี้ อนึ่ง คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้ขอพระราชทานให้ทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถบ่อยขึ้น เพื่อช่วยให้พระกล้ามเนื้อแข็งแรง จึงขอประการให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 16 ตุลาคม พุทธศักราช 2250 นี่คือแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 4 วันนี้บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช อาคาร 100 ปี วันนี้ตัวแทนของ ASTV และสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ก็ได้เดินทางไปตั้งแต่เช้า ไปร่วมลงนามถวายพระพรให้พระองค์ท่านหายเป็นปกติโดยเร็ว บรรยากาศนั้นวันนี้ต้องถามคุณปานเทพ คุณคำนูณ
คำนูณ - คือพวกเราไปเท่มาก คือเราไปเรือ คนอื่นเขาก็ไปเรือ แต่ว่าเขาไปเรือข้ามฟากที่ท่าพระจันทร์บ้าง ท่าช้างบ้าง แต่ของเราบังเอิญมีเรือของสำนักงานอยู่ เพราะว่าเราอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรือนี้แต่เดิมก็วางแผนจะใช้เป็นเรือขาว ตอนแรกที่ตั้ง ASTV จะมีเรือขาว มีมอเตอร์ไซค์ขาว ก็ใช้ทำข่าวบ้าง และใช้เตรียมการเผื่อทางถอยบ้าง ในช่วงชุมนุม และใช้เป็นทางหนีบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไปกันหลายเที่ยวเลย เพราะเรือเราลำเล็ก
ปานเทพ - ไปกันทั้งหมด ทั้งผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ NEWS1 บรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์
คำนูณ - มีผู้ประกาศ ไปกันหมด อ.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการอำนวยการผู้จัดการรายสัปดาห์ และเป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไปด้วย
ปานเทพ - คุณสุรวิชช วีรวรรณ ก็ไปนะ คุณแอน จินดารัตน์ ก็ไป
คำนูณ - ดร.นิพนธ์
จินดารัตน์ - ต้องบอกว่าบรรยากาศที่เห็นวันนี้ คือต้องไปเห็นกับตา ต้องบอกคุณผู้ชมว่าประชาชนที่ไปครึ่งวันก็ร่วมหมื่นแล้ว และวันนี้มีผู้สื่อข่าวของเรารายงานเข้ามาว่าสำหรับพวงมาลัยที่ประชาชนนำมาสักการะพระราชานุสาวรีย์เพื่อขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์มากขึ้นนั้น มีมากกว่า 1 หมื่นพวงต่อวัน ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้นำพวงมาลัยเหล่านี้ไปพระราชทานแก่ผู้ป่วยในทุกๆ ตึก ซึ่งมีผู้มาเข้ารับการรักษา 4 พันกว่าคน นอกจากนี้บุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมอ พยาบาล ก็ได้รับพวงมาลัยพระราชทานเป็นสิริมงคลแก่คนทุกคนด้วย
คำนูณ - ต้องเรียนสักนิด ที่วันนี้ไม่เห็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะว่าท่านเดินทางไปต่างประเทศ ไปสหรัฐอเมริกา ไปตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าโรงพยาบาลศิริราช หรือในวันรุ่งขึ้นนั้น คือไปวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีโอกาสที่จะไปร่วมลงนามถวายพระพร
ปานเทพ - ก็ให้พวกเราทั้งหมด ทั้งตัวแทน ทั้งพนักงาน ทั้งผู้ประกาศ ไปกันหมด ไปทุกฝ่ายไปทั้งหมดเลย
คำนูณ - และถ้าคุณสนธิกลับมา แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงประทับอยู่โรงพยาบาล ยังมีการเปิดให้ลงนามถวายพระพรอยู่ คุณสนธิก็คงจะไป พวกเราก็อาจจะต้องไปอีกสักครั้งหนึ่ง
จินดารัตน์ - และวันนี้ 17.35 น. ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย ได้นำข้าวกล่องพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 1 พันกล่อง มาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาเฝ้าติดตามพระอาการ โดยมีหลายเมนู คือคนที่มานั่งเฝ้ารอ จะรอขอทานข้าวพระราชทาน ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
คำนูณ - ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีสตางค์นะ
จินดารัตน์ - แต่เป็นสิริมงคล
คำนูณ - ได้กินข้าวหลวง เพราะต้องเรียนว่าอันที่จริงตรงโรงพยาบาลศิริราช ออกไปอีกนิดหนึ่ง แถวพรานนก ของกินอร่อยๆ เพียบเลย ทั้งเจ และไม่เจ
ปานเทพ - ประชาชนที่มาก็มีหลากหลายกิจกรรมที่ถวายพระพร นอกจากการลงนามแล้ว บางส่วนก็ไปสักการะพระบรมรูป ทั้งสมเด็จย่า และบางส่วน
คำนูณ - คือเริ่มต้นต้องไปจุดธูปเทียนสักการะพระราชบิดาก่อน และพอเข้าไปในศาลาก็ไปกราบสมเด็จย่า จากนั้นก็ไปที่โต๊ะลงนามถวายพระพร
ปานเทพ - พอออกมาเสร็จ บางส่วนก็สวดมนต์ นั่งสมาธิก็มีนะ บางส่วนก็ยืนขึ้นร้องเพลง
คำนูณ - และก็คอยแหงนหน้า
ปานเทพ - ผมก็เป็นนะ ทุกครั้งที่ไปก็จะคอยาแหงนหน้ามองขึ้นไป ส่งจิต อยากให้พระองค์หายดี หายจากอาการประชวร
จินดารัตน์ - นอกจากมีการถวายพวงมาลัยแล้ว วันนี้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้เเต่งเพลงเถิดพระเกียรติสมเด็จพ่อ มาร้องถวายเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลย และนำเนื้อเพลงมาแจกจ่ายให้ประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นร่วมกันร้องเพลงนี้ มีภาพมีเสียงด้วย เดี๋ยวเราไปดูบรรยากาศในการร้องเพลงนี้กัน นี่ชาวบ้านเขาแต่งมากันเองนะคะ ลองไปดูกันค่ะ
(VTR - บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช)
จินดารัตน์ - ดังกึกก้องไปทั่วลานเลย และปรากฏว่าหมอ พยาบาล ที่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็เป็นห่วงว่าเดี๋ยวประชาชนจะมีปัญหาในเรื่องของการจัดส่งผู้ป่วย หรือมีปัญหาในเรื่องของการรักษาไหม หมอ พยาบาล ชื่นชมเลยว่าพ่อแม่พี่น้องที่มาเฝ้าถวายพระพรพระองค์ท่าน อยู่ในความสงบ และเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมากเลย ไม่ต้องบอกไม่ต้องกล่าวอะไรกันเลย คือจะรู้หน้าที่เลยว่าต้องไปอยู่ตรงส่วนไหนอย่างไร
คำนูณ - ปรากฏการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย เพราะว่าโดยปกติพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชวงศ์ พระราชโอรส พระราชธิดา ก็จะประทับอยู่ในพระราชวัง ถ้าพูดภาษาชาวบ้านเราก็คือมีรั้วรอบขอบชิด เวลาจะเสด็จออกก็จะเสด็จโดยรถพระที่นั่ง เวลาที่ประชาชนจะใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด อย่างมากก็คือเฝ้าสองข้างทาง โบกธง แต่ระยะเวลาก็สั้นๆ แต่เวลาที่เสด็จมาประทับที่โรงพยาบาล ผมเข้าใจว่าวัฒนธรรมของสังคมไทย สังคมตะวันออก มันเป็นยามเจ็บป่วยไข้ คนไปเยี่ยมไข้เราจะมีกำลังใจให้ ผู้ที่ป่วยไข้มีคนมาเยี่ยมก็จะมีความรู้สึกมีกำลังใจ และเป็นช่วงระยะเวลาที่พระมหากษัตริย์จะมีความใกล้ชิดกับอาณาประชาราชมากที่สุด แม้ว่าพระองค์จะอยู่บนชั้น 16 และอยู่บนตึก แต่ความรู้สึก คุณแอนรู้สึกไหม มีความรู้สึกว่าใกล้ชิดกันชั่วแค่เห็น และตลอดระยะเวลาสำหรับประชาชนประชาราชที่เฝ้ากันอยู่
โดยเฉพาะในช่วงวันต้นๆ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถก็เสด็จมาเยี่ยม เยี่ยมเช้า เยี่ยมบ่าย และทุกพระองค์ก็จะเสด็จมา และเวลาเสด็จมา ประชาชนก็จะได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดและทุกพระองค์ก็จะไม่ถือพระองค์ เข้ามาทักทายอาณาประชาราชของพระองค์ บรรยากาศเช่นนี้ถึงแม้ว่าแน่นอนเป็นความทุกข์ ทุกข์ที่องค์พระประมุขทรงพระประชวร แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นความอบอุ่น เป็นความตื้นตัน เป็นความรู้สึกที่เป็นระยะเวลาที่ราษฎรจะได้ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัวของพวกเขา อันนี้ผมว่าเป็นบรรยากาศที่ถ้าเผื่อใครไม่เคยไป ผมว่าหาเวลาไปสัมผัสแบบนี้ดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ปานเทพ - และเด็กๆ เล็กๆ ที่มา ก็มาตามพ่อแม่
จินดารัตน์ - วันนี้ดิฉันเห็นอายุน้อยที่สุดเท่าไรรู้ไหมคะ 1 เดือน ตัวยังแดงๆ อยู่เลย พ่อแม่อุ้มมา
ปานเทพ - หรือพ่อแม่ผู้สูงวัยที่อายุมากๆ แล้วก็มา หรือแม้กระทั่งวันก่อน บางคนตาบอดมองไม่เห็น ก็มา เวลาลงนามในหนังสือก็จะพยายามเขียนคำถวายพระพรเพื่อให้พระองค์หายจากอาการพระประชวรทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าอย่างไรคนไทยก็มีความห่วงใยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ชนิดที่เรียกว่าในหัวใจ อย่างที่คุณคำนูณบอก ทุกคนที่ไปอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปข้างบน ทั้งๆ ที่ไม่เห็นอะไร แต่ก็เหมือนส่งจิตระลึกถึงพระองค์ท่าน คนพิการก็ไป นี่คือสิ่งที่หาไม่ได้จริงๆ
คำนูณ - ดูเหมือนเรื่องง่ายๆ นะ แต่สักครั้งหนึ่งในชีวิต เราได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์สักแค่ไหน คุณแอน คุณปานเทพ ใกล้ชิดมากที่สุดแค่ไหน รับปริญญา รับพระราชทานปริญญา
จินดารัตน์ - ดิฉันไม่ค่ะ ดิฉันจบเอกชน แทบจะไม่เคยได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านขนาดนี้ เห็นภาพโดยที่ดิฉันยืนสังเกตการณ์ ทุกคนที่มาลงนามถวายพระพรเสร็จ เดินออกมาจากที่ลงนาม ทุกคนจะยกมือท่วมหัวเลย
คำนูณ - ผมเคยเข้าเฝ้าใกล้ชิดจริงๆ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งในงานวันเฉลิมพระชนม์พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศ ช่วงนั้นท่านผู้หญิงสุวรี เทพาคำ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้มีความเมตตากับผม ได้พาเข้าไปในงาน พอพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินผ่าน หัวใจมันหยุดเต้น และใกล้มาก อีกครั้งหนึ่งก็คือในช่วงเวลาใกล้กัน เวลาสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จไปทรงงานที่ศาลา เวลาให้ราษฎรเข้าเฝ้าใกล้ชิด อยู่บนศาลาเลย ติดเลย ถ่ายรูป ขาเป็นเหน็บเท่าไรก็ทน รู้สึกเต็มตื้น ก็ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต
ปานเทพ - ผมเคยมีประสบการณ์ครั้งหนึ่ง เสด็จพระราชดำเนินผ่านในระยะไม่ห่างมากนัก จำได้ว่า คือคำว่าพระบารมี มันอธิบายไม่ถูกจริงๆ เราจะมีความรู้สึกเหมือนกับมีพระบารมี เหมือนกับว่าผ่านแล้วหัวใจหยุดเต้น ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
คำนูณ - ชีวิตผม ถือว่าใกล้มากนะ คุณพ่อผมทำงานรับราชการสำนักพระราชวัง อยู่จนเกษียณอายุ ต่ออายุจนทำไม่ไหว ตำแหน่งสุดท้ายคือหัวหน้าแผนกราชูปโภค ชื่อผมก็ชื่อพระราชทานนะ คือย้อนกลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกภูมิใจและรู้สึกไม่เสียชาติเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กระทำไปตั้งแต่ปลายปี 2548 ตลอดปี 2549 และในฐานะสมาชิก สนช. ผมก็ได้อภิปรายแสดงความเห็นหลายต่อหลายครั้งถึงภยันตรายของระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ได้อภิปรายไปหลายครั้ง รวมทั้งในกรณีที่ถอดถอนคุณจรัล ดิษฐาอภิชัย ผมถือว่าผมทำหน้าที่ของผมแล้ว ส่วนท่านอื่นก็ทำหน้าที่ของท่าน แต่ว่าจะเต็มหรือไม่เต็ม อะไรอย่างไร ผมคิดว่าคนเราถ้าทำแล้ว เรารู้ว่าเราทำอะไร ทำเพื่ออะไร ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ถ้าภาษากำลังภายในก็ต้องบอกว่าคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต
ปานเทพ - ที่สำคัญก็คือว่าคุณคำนูณทำหน้าที่ สนช. คนอย่างคุณแอน ผม ทำหน้าที่ของสื่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าพอประชาชนทุกคนที่ไม่ได้ทำอะไร ประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาสู่การต่อสู้กับช่วงเวลารอบปีที่ผ่านมา ก็ล้วนแล้วแต่ผมเชื่อว่าได้แสดงพลัง ได้แสดงความรู้สึก ได้ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน
จินดารัตน์ - ที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ปานเทพ - เชื่อมั่นว่าทำไปเพื่อการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสุดความสามารถที่ตัวเองจะทำได้ หลายคนที่ต่อสู้กับพันธมิตรในช่วงรอบปีที่ผ่านมา อายุมากทั้งนั้นเลย อายุเยอะๆ เป็นส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงด้วยนะ
คำนูณ - จำวันที่คุณสนธินำถวายสัตย์ปฏิญาณ ตั้งแต่ปลายปี 2548 ที่สวนลุม และหลายต่อหลายครั้งถวายฎีกาหรือการที่พวกเราเปิดเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ขึ้นมา ผมคิดว่าชีวิตพวกเราหรือผม หรืออันที่จริงพวกเราทุกคน เรารู้ตัวดี ตั้งแต่ปี 2548 มา ภัยอันตรายใหญ่หลวงของบ้านเมืองคืออะไร ที่เราลุกขึ้นสู้เพื่ออะไร ปี 2549 จนกระทั่งปี 2550 เราก็ยังยืนหยัดอยู่บนแนวทางนี้ หน้าที่ใครก็หน้าที่ใคร ผมมีโอกาสพูดในสภาก็พูดทุกอย่างที่จะนำไปสู่จุดที่ผมคิดว่าอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสรับรู้ และทำในสิ่งที่ ขอประทานโทษนะ ผมคิดว่าชีวิตผมก็เสียเพื่อนเสียฝูงไปพอสมควร แต่ก็อย่างว่า ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำไปเป็นสิ่งที่ถูก ผมก็ถือว่า ที่พูดนี่คือภาระใกล้ๆ จะจบแล้ว
ปานเทพ - นึกถึงคนหนึ่งนะ คุณประมวล รุจนเสรี ตอนที่พิมพ์หนังสือ "พระราชอำนาจ" ผมจำได้ว่า ตอนนั้นก็มาปรึกษากับผมนะ ว่าหนังสือพิมพ์ไม่ได้ ไม่มีใครยอมพิมพ์ และเราก็วางแผนจนกระทั่งหนังสือได้พิมพ์ออกมา เป็นแสนๆ เล่ม จำได้ว่าคุณประมวลมาหาคุณสนธิตอนวันคล้ายวันเกิดคุณสนธิ ปี 2548
คำนูณ - 7 พฤศจิกายน 2548
ปานเทพ - คุณประมวล รุจนเสรี มอบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้กับคุณสนธิ หนังสือเล่มนั้นคือ "พระมหาชนก" สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหนังสือพระมหาชนก ที่จริงมีอยู่หลายตอนที่มีความสำคัญมาก แต่ผมจำได้ว่าคุณสนธิอ่านบทที่สำคัญ และมาออกอากาศด้วยคือบทที่ว่าด้วยเรื่องของการว่ายน้ำของพระมหาชนก นั่นก็คือความเพียร มีบางประโยคที่หลายคนเคยสังเกตไว้ว่าการที่พระมหาชนกไหว้ไปๆ โดยที่ไม่เห็นฝั่ง โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าจะมีความหวังอะไร เหมือนกับที่เราต่อสู้ตอนปี 2548 - 2549 ไม่เห็นฝั่งเลยว่าจะมีโอกาสชนะได้อย่างไร จะจบลงด้วยวิธีไหน แต่มีบางประโยคหรือบางคำพูดของพระมหาชนกที่ไหว้น้ำไปโดยไม่เห็นฝั่ง โดยพูดว่าการต่อสู้ แม้ว่าจะไม่เห็นฝั่ง เมื่อนางเมขลาถามว่าไหว้ไปทำไม คนอื่นตายไปตั้งนานแล้ว ปูปลากินหมดแล้ว ไหว้ก็หมดแรง ก็ต้องตายอยู่ดี จะไหว้ไปทำไม
พระมหาชนกแสดงธรรมบอกว่าที่จริงการไหว้น้ำ ไหว้จนสุดแรงถึงแม้จะเสียชีวิต แต่ก็จะไม่ติดหนี้ฟ้าหนี้ดิน หนี้พ่อแม่ตัวเอง แม้กระทั่งหนี้ในใจตัวเอง ว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว ผลเป็นอย่างไรก็ถือว่าสุดความสามารถและไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว หลังจากนั้นนางเมขลาก็อุ้มพระมหาชนกขึ้นฝั่งไปในที่สุดในวันที่ 7 หลังจากที่ไหว้น้ำมา 7 วัน 7 คืน เหมือนกับการต่อสู้ของคุณสนธิ ที่ต่อสู้ไปไม่เห็นฝั่ง แม้กระทั่งถึงวันนี้ถือว่าผ่านระยะเวลามาปีกว่า การต่อสู้ที่ดูเหนื่อยยาก ก็ยังไม่เห็นฝั่งอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องไหว้ต่อไป
จินดารัตน์ - เหมือนเราได้ขึ้นฝั่งหนหนึ่งและก็ต้องไหว้ต่อไปอีกหนหนึ่ง
คำนูณ - บางทีก็น่าเบื่อเหมือนกันนะ วันนี้จะพูดกันเรื่อยเปื่อย คือเรามีความรู้สึกว่าคล้ายๆ กับว่าเราอยากจะยืนอยู่ข้างผู้ชนะบ้างนะ และเราอยากจะยืนเวลาพูดเวลาวิพากษ์วิจารณ์ นี่เราปกป้องรัฐบาลนะ เรายืนอยู่กับรัฐบาลบ้าง
ปานเทพ - ตั้งอยู่ในธรรมบ้าง เป็นรัฐบาลที่มีความสง่างาม มีจริยธรรมที่ดี
คำนูณ - ชีวิตที่เป็นฝ่ายค้าน มันเหนื่อยนะ มันยากนะ บางทีเราก็พูดกันเล่นๆ ก่อนจะเข้ารายการ วันนี้เราจะด่าใครดีนะ มันเหนื่อยนะ การหาเรื่องมาด่าคน ที่สำคัญก็คือว่าด่าแล้วเขาก็เฉยๆ เขาไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาก็ทำของเขาต่อไป
จินดารัตน์ - เหมือนเราบ้าคนเดียวหรือเปล่าคะ
ปานเทพ - ลองทบทวนดูนะ คุณสนธิผลิตหนังสือผู้จัดการรายวันมา ตอนพฤษภาฯ ก็ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการ ตอนสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ก็สู้กับรัฐบาล พล.อ.ชวลิต พอรัฐบาลคุณชวน หลีกภัย ชุดที่ 2 ขึ้นมาก็ต่อสู้กับคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ พอเปลี่ยนมาเป็นคุณทักษิณ ก็ต้องมาต่อสู้กับคุณทักษิณ พอจบคุณทักษิณ มีรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ยังต้องต่อสู้กับรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ต่อไปอีก
คำนูณ - จะมีช่วงที่เรียกว่าศึกเบาหน่อยก็ช่วงต้นของคุณทักษิณ สัก 3 ปีได้ ประมาณนั้น นอกนั้นก็เรียกว่าเยินมาตลอด ใครอยู่ค่ายผู้จัดการ ASTV ไม่ต้องพูดถึง สู้กันตั้งแต่เกิด ค่ายผู้จัดการตั้งแต่ตั้งมา ผมก็เห็นก็สู้มาตลอด จนเดี๋ยวนี้เขาไม่รู้แล้วมั้งว่าการเป็นฝ่ายรัฐบาลนั้นเป็นอย่างไร ผมถามว่ามันสนุกหรือ ไม่เลย แต่ทำอย่างไรได้ ถ้าเลือกจะยืนอยู่ข้างความจริง เลือกที่จะทำหน้าที่อย่างที่เราคิดว่าถูกต้อง จะเรียกว่าเป็นยาม เรียกว่าเป็นหมาเฝ้าบ้าน สุดแท้แต่จะเรียกกัน พอมีเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ก็ต้องบอกกล่าวแก่เจ้าของบ้าน
จินดารัตน์ - ถ้าอยู่เฉยแล้วมันทนไม่ได้นะคุณคำนูณ มันทำใจไม่ได้
คำนูณ - ต้องไปดูคอนเสิร์ตอะไรนะ เมื่อวานนี้
ปานเทพ - ดงบังชินกิ
คำนูณ - บ้านเมืองเป็นอย่างนี้แล้วจะให้เราไปดู "ดงบังชินกิ" และน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล ที่ร้องภาษาอะไรก็ไม่รู้ได้อย่างไร
ปานเทพ - ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ด้วยนะ ผมถือว่านี้ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่ที่สอนมา คือวันนี้ผมตั้งใจจะเตรียมพิมพ์บทความเรื่องนี้ ว่าดงบังชินกิ ชื่อนี้น่าสนใจมาก ผมไปศึกษาดูแล้ว ปรากฏว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเสียเพลงแห่งภาคตะวันออก คล้ายๆ อย่างนั้น แค่ชื่อนี่ก็สะท้อนถึงวิธีคิดในความภาคภูมิใจของชาวตะวันออก คือผมกำลังจะบอกว่าผมมานั่งคิด และไปดูประวัติของนักร้อง 5 คนนี้ว่าเขาขึ้นมาได้อย่างไร ปรากฏว่า 5 คนนี้เป็นนักร้องที่เติบโตขึ้นมาด้วยการประกวด บางคนตั้งแต่ 12 ขวบ และฝึกฝนจนเป็นนักร้องชนะเลิศระดับประเทศ และมากไปกว่านั้นคือพวกเขาหลายๆ คน
บางคนไปชนะในเวทีต่างประเทศที่เวอร์จิเนีย บางคนมีสิทธิ์ที่จะถือสัญชาติอเมริกัน แต่กลับมาถือสัญชาติเกาหลี ด้วยความรักชาติของตัวเอง อย่ามองแค่ว่าเป็นแค่บอยแบนด์ธรรมดา แต่คนเกาหลีเองไม่ได้มองเพียงแค่หน้าตาดี บุคลิกดี ร้องเพลงเก่งเท่านั้นนะ เขามองถึงความพยายามและมุมานะ ซึ่งผมเองคิดว่าวัยรุ่นไทยคิดอย่างไร แต่ผมกำลังคิดว่าวัยรุ่นไทยกำลังฉาบฉวยมากสำหรับการมองวงนี้นะ
จินดารัตน์ - อยากจะรู้ว่าเด็กไทยที่ไปยืนร้องห่มร้องไห้ที่ไปกรี๊ดเขา ซึมซับเอาสิ่งดีๆ ในแนวความคิดเขาบ้างหรือเปล่า
คำนูณ - เหมือนกับว่าคนที่เป็นปลื้มกับเบคส์แฮม นอกจากความหล่อ กล้ามเป็นมัดของเขาแล้ว เคยเห็นชีวิตที่เขาต่อสู้มาไหม กว่าเขาจะขึ้นมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ฝึกซ้อมวันละกี่ชั่วโมง เขาอดทนอย่างไร บางทีการเป็นปลื้มกับศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงระดับโลก มันไม่ผิดหรอก ถ้าเผื่อว่าเราทะลุลงไปถึงรากของเขา เหมือนกับวัฒนธรรมตะวันตกที่เรารับมาเสพ ผมว่าเราก็ไม่ได้รับรากเขามา เราเคยรับวัฒนธรรมตะวันตกที่วัยรุ่นเขา นักเรียนเขา ต้องทำงาน ต้องหาเงินเองไหม ไม่ว่าเขาจะมีมากมีน้อยแค่ไหน หลายสิ่งหลายอย่าง
ปานเทพ - มีคนท้วงว่าภาพที่ไม่ควรปรากฏเลยคือภาพคุณคำนูณเทียบกับดงบังชินกิ โดยเฉพาะคุณคำนูณเปรียบเทียบกับนักร้องของเขา เขาบอกว่ามันบาดหัวใจ เขาบอกว่าคือสิ่งที่น่าคิดก็คือว่า ลองเปรียบเทียบหลายเหตุการณ์ ผมนั่งคิดนะ ประชาชนกลุ่มหนึ่ง เด็กเล็กๆ ไปจนถึงคนแก่ ไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยการถวายพระพรชัย ด้วยการลงนาม ด้วยการร้องเพลง ด้วยการสวดมนต์ ด้วยความรู้สึกที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์สุดหัวใจ เทิดไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ช่วงเวลาเดียวกันในวันอาทิตย์ กลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งเป็นหมื่นๆ คนไปร้องห่มร้องไห้กับศิลปินกลุ่มหนึ่ง ต่างชาติด้วย
ภาพเดียวกัน เงินหลวงตามหาบัวที่เคยบริจาคเพื่อปกป้องคลังหลวงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว 8 ปีถัดมา ผู้หญิงส่วนใหญ่ และคนสูงวัย ปกป้องเหมือนเดิม เพื่อให้คนรุ่นหลังมีอนาคตที่ดี คนรุ่นหลังที่ว่าคือวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังจ่ายเงินค่าบัตรคอนเสิร์ตที่แพงมากให้กับคนเกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งภาพที่เราเคยเห็นการต่อสู้ของพันธมิตรที่เต็มไปด้วยผู้หญิงส่วนใหญ่และผู้สูงอายุ เรากลับเห็นว่าคนเหล่านั้นต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลัง คนรุ่นหลังที่ว่าตอนนั้นคือไปดูคอนเสิร์ตกัน รู้ไหมว่าคอนเสิร์ตปีที่แล้วเกิดขึ้นตอนไหน 15 กันยายน 2549 ก่อนการรัฐประหารแค่ 4 วัน คุณแอนลองคิดดูว่าวิกฤตของบ้านเมืองถึงกับเป็นวันที่ 15 กันยายน
ช่วงนั้นมันเกิดอะไรขึ้นมากมาย ทั้งวิกฤตทางการเมือง วิกฤตทางความคิด การต่อสู้ทางการเมือง ปัญหาวิกฤตบ้านเมือง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจ่ายบัตรคอนเสิร์ตในราคาที่แพง เอาเงินขนกลับบ้าน กลับไปเกาหลีใต้ ดูวันนี้ เครื่องอิเลกทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เกาหลีก้าวกระโดดเร็วมาก แหล่งท่องเที่ยว อาหาร ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ จนกระทั่งเป็นการแผ่ซ่านวัฒนธรรม ขยายวงกว้างไปทั่ว
จินดารัตน์ - คุณปานเทพลองดูบริษัททัวร์เราสิ
ปานเทพ - เต็มไปด้วยเกาหลีครับ เยอะมากเลย และหนำซ้ำ เวลาเราดูบริบทวิธีคิดของคนเกาหลีใต้ เราจะเห็นว่าบทภาพยนตร์ มันสะท้อนออกมาทางความคิดว่าทำไมคนเกาหลีใต้ถึงเป็นอย่างนี้ขึ้นมาได้ เพราะสอนเรื่องจริยธรรม สอนเรื่องคุณธรรม สอนเรื่องการทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่ได้อยู่เฉยๆ และความมุ่งมั่นมุมานะของคนเกาหลีใต้ และความเป็นชาตินิยม สูงสุดเลย แม้กระทั่งภาพยนตร์ก็กลายเป็นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ดึงคนต่างชาติมามากมาย เราก็เป็นเหยื่อของการรุกทางวัฒนธรรมด้วยซ้ำไป
คำนูณ - ก็ยังคุยกันเลยว่ามันไม่ผิดหรอก แต่ว่าทำไมเราไม่ลองศึกษาบทเรียน หรือข้อปฏิบัติของเขา ว่าเขาใช้ภาพยนตร์ กลยุทธ์ทางภาพยนตร์ และรัฐบาลเขาเข้ามาสนับสนุนส่งเสริมกันเต็มที่อย่างไร และดูเนื้อหาของภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่ออกมา มันเป็นไปในลักษณะไหน แล้วทำไมเขาถึงมาครองใจวัยรุ่นไทยได้ ผมว่าสถาบันทางการศึกษาหรืองานวิจัยในประเทศไทยเรา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ควรจะได้ทำ เพื่อที่นโยบายของรัฐไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน ในส่วนของวัฒนธรรม ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม จะได้มีอะไรมากไปกว่าจะไปจับเด็กไม่นุ่งกางเกงใน หรือว่าแต่งตัวกระโปรงสั้น ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ผมเห็นว่าปัญหาดงบังชินกิ หรือปัญหาเด็กไม่นุ่งกางเกงในบางคน มันสะท้อนให้เห็นว่าวัยรุ่นเรากำลังไร้จุดยึดเหนี่ยว ไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน เป็นอะไรอยู่ ทำอะไรอยู่ และจะไปทางไหน อันนี้ผมว่ามันอันตรายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ปานเทพ - เป็นไปได้ไหมว่าพ่อแม่ก็ไม่ได้สั่งสอนให้เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย
คำนูณ - คงต้องพูดกันยาว ต้องวิเคราะห์ไปถึงเด็กที่ไปดูดงบังชินกิ ดูหน้าตาเขา ดูที่มาของเขา
จินดารัตน์ - คุณคำนูณสังเกตไหมว่าทุกวันนี้เดินไปไหนที่มีแหล่งวัยรุ่นเยอะ ทรงผมเด็กผู้ชายก็จะกลายเป็นเด็กเกาหลีกันเป็นแถว ยาวๆ และรุงรังๆ อันนี้คือทรงผมเด็กผู้ชาย ดิฉันจำได้ว่าตอนที่ดิฉันเรียนอยู่ปี 2 เมื่อสัก 10 กว่าปีที่แล้ว มีวิชาเลือก วิชาภาษาเกาหลี ดิฉันเลือกเรียนเพราะว่าคนเรียนน้อย อยากรู้ว่าภาษาเกาหลีเป็นอย่างไร แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้เด็กๆ วัยรุ่นไปเรียนพิเศษ เรียนภาษาเกาหลี เพื่อจะมาดูว่าเขาร้องแปลว่าอะไร แต่ไม่ได้เรียนเพื่อเอาไปใช้ประกอบวิชาชีพ อันนี้มันเป็นความน่าเศร้าอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ รัฐบาลเกาหลีกอบโกยเงินจากประเทศไทยเข้าประเทศเขาปีหนึ่ง เดี๋ยวเอาไว้วันไหนดิฉันจะลองค้นมาให้ว่าปีละเท่าไร
คำนูณ - จริงๆ ผมว่าวัยรุ่นหรือวัยเด็ก มีความนิยมอย่างหนึ่งเขาเรียกว่านิยมวีรบุรุษ แต่ปัญหาคือสังคมไทยในเวลานี้ขาดวีรบุรุษ ผมเชื่อว่าพี่เบิร์ดก็ดี เป็นวีรบุรุษในระดับหนึ่ง หรือว่านักการเมืองที่มีชื่อเสียง ที่มีการกระทำที่โดนใจประชาชน ก็สามารถจะเป็นวีรบุรุษได้ ผมเชื่อว่าคนอย่างคนอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก็ขึ้นมาเป็นวีรบุรุษได้ในระดับหนึ่ง คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็นวีรบุรุษได้ในระดับหนึ่ง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ก็เป็นวีรบุรุษได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาคือว่าเกิดอะไรขึ้นกับวีรบุรุษในสังคมไทย และสังคมไทยตอบแทนวีรบุรุษอย่างไร สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงเร็วแค่ไหนในจุดนี้ การส่งเสริมให้คนทำคุณงามความดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญก็คือว่าผู้ใหญ่แวดวงการเมือง แวดวงการบริหารประเทศ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นตัวแบบเป็นต้นแบบ เป็นตัวอย่างให้กับคนในประเทศคือคนรุ่นหลังมากน้อยแค่ไหน
หรือเราจะเห็นแต่ภาพที่ ขอประทานโทษ เดี๋ยวพูดไปแล้วจะไม่ถูกใจกัน เพราะว่าพรรคการเมืองหลายๆ พรรคหรือทุกพรรคก็เพื่อนฝูงรู้จักกันทั้งนั้น แต่กลับมาย้อนที่พวกเราเซ็งมาเป็นเดือนๆ เราจะเห็นได้ว่าภาพที่เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองในแต่ละวัน ถามว่ามันเจริญหูเจริญตา น่าเอาเยี่ยมเอาอย่างสักแค่ไหน เราเคยมีความหวังว่าหลังการเลือกตั้งทั่วไปในหลายๆ ครั้ง ครั้งก่อนๆ หน้านี้ เราเคยมีหวังว่ามันน่าจะนำสิ่งที่ดีมาสู่สังคมไทยได้บ้าง แต่ถามจริงๆ เถอะ เราลองหลับตา ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เรามีความหวังกับการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไร อย่าตอบแบบดารา อย่าตอบแบบเท่ๆ หรือตอบแบบเอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ อย่างรัฐบาลมักจะทำ เราจะรู้สึกว่าเรามีความหวังได้ค่อนข้างน้อย มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งถามผมในการประชุมกิจการ สนช. ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คุณคำนูณหวังอะไรบ้าง ผมไม่หวังอะไรเลย และท่านก็ถามว่าจะมีนักการเมืองหน้าใหม่หลุดเข้ามาบ้างไหม ผมบอกว่าไม่มีเลยครับ
ปานเทพ - ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
คำนูณ - และจะให้วัยรุ่นมาปลื้มอะไรกับสิ่งเหล่านี้ คือว่าผมไม่ได้เตรียมตัวจะมาพูดเรื่องนี้นะ แต่พูดไปแล้วก็รู้สึกว่าเป็นความในใจอย่างหนึ่ง
ปานเทพ - คุณคำนูณคล้ายๆ จะบอกว่าสิ่งที่ควรจะเป็น ทำให้เขาได้มีโอกาสปลื้มในทางสังคม ทางการเมืองจริงๆ แทบไม่มีให้เห็นเลย ทำให้เขาไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว
จินดารัตน์ - หันไปทางไหนก็ไม่มีใคร ถ้าอย่างนั้น ไหนๆ ถ้าลูกจะไปดูคอนเสิร์ตดงบังชินกิ อยากดูก็ไปดูนะ แต่อย่างไรก็ช่วยหาอาหารสมองให้ลูกด้วยแล้วกัน วันที่ 17 - 28 ตุลาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ จะมีงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 12 จัดขึ้นอีกครั้งหนึ่งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ตั้งแต่ 10.00 - 21.00 น. ถ้าคุณผู้ชมอยากได้อาหารสมองดีๆ ไปพบกับพวกเราที่บูทผู้จัดการ M01 โซน C เช่นเดิม โดยเฉพาะวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 14.00 - 17.00 น. จะมีการเสวนาแอบนินทาสภา สนช. ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ต้องเป็นท่าน สนช. 2 ท่าน คุณคำนูณ สิทธิสมาน และคุณสำราญ รอดเพชร คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จะไปร่วมแจมด้วย จะไปร่วมกระเซ้าเย้าแหย่ว่าตกลงมีความลับอะไรปกปิดประชาชน มีอะไรที่ประชาชนควรจะรู้แล้วไม่ได้เห็นบ้างหรือเปล่า
คุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ ด้วย และดิฉันด้วยนะคะ จะเดินทางไปที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ที่ห้อง meeting room 4 14.00 - 17.00 น. แต่เราจะให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 12.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ASTV ช่อง NEWS1 ด้วย แต่เรียนคุณผู้ชมอย่างนี้ค่ะ ว่าเนื่องจากที่นั่งนั้นมีจำนวนจำกัด ขอความกรุณาท่านที่อยากจะฟังการเสวนาครั้งนี้ ลงทะเบียนล่วงหน้าที่หมายเลข โทรสารนะคะ 0-2281-9912 เป็นข่าวดีนะคะ ผู้ที่ลงทะเบียนนั้นจะได้รับหนังสือ "คิดไม่เหมือนใคร ของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล" ด้วยฟรี 1 เล่ม ทันทีเมื่อซื้อหนังสือ "ปัญหาบ้านเมืองหลังวิกฤต"
ปานเทพ - โดยคุณคำนูณ สิทธิสมาน
จินดารัตน์ - ถ้าซื้อหนังสือเล่มนี้จะได้หนังสือ "คิดไม่เหมือนใคร" ของคุณสนธิ ได้ไปฟรีๆ อีก 1 เล่ม สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนทุกท่าน แต่สำหรับที่นั่งในการฟังการเสวนา ทางผู้จัดการจะส่งรับการยืนยันการสำรองที่นั่งทางโทรสาร หรือทาง SMS เท่านั้น อย่างไรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2629-2700 คุณนภาลัยหรือคุณผึ้ง
ปานเทพ - แนะนำนิดหนึ่งครับ หนังสือเล่มนี้ถ้าใครชื่นชอบคำอภิปรายของคุณคำนูณ สิทธิสมาน ซึ่งถูกบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์แล้วในฐานะครั้งหนึ่งในชีวิตที่เป็น สนช. คุณคำนูณได้เรียบเรียงคำพูดที่ได้พูดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรในสภา เก็บเรียบเรียงไว้ในหนังสือเล่มนี้ เป็นที่ระลึก ครั้งหนึ่งในชีวิต และผมว่าไม่ใช่แค่ครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณคำนูณ คำอภิปรายที่เป็นการบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงการตัดสินใจของรัฐบาลกับการบริหารประเทศ ในฐานะ สนช. ตรวจสอบและมีกระบวนการคิดในการเสนอกฎหมาย และกลั่นกรองทางกฎหมายอย่างไรบ้าง น่าจะเป็นหนังสือที่น่าอ่าน
จินดารัตน์ - ต้องเรียนคุณผู้ชมว่าคุณคำนูณได้รับฉายาว่าเป็นดาวสภาคนหนึ่งนะ อย่างไรไปเจอกันที่บูท M01 โซน C นะคะ
ปานเทพ - มีคนเขาบอกว่า เขาสงสัยชื่อคุณคำนูณ ไม่ค่อยได้ยินชื่อนี้
จินดารัตน์ - ถ้าเขียนแบบนี้ สะกดแบบนี้ จะถามคำแปลหรือคะ
คำนูณ - ถ้าเปิดดูพจนานุกรม เขาจะบอกว่าเป็นภาษาเขมร มาจากคำว่า คูณ
จินดารัตน์ - แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำระดับธรรมดา ปกติเหมือนคนทั่วไปนะคะ ตามชื่อ เดี๋ยวเราพักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมาดู วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติออกมาหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหนึ่ง เขาบอกว่าเป็นเรื่องทิ้งทวนหรือเปล่า ท่านนายกรัฐมนตรีวันนี้ก็ดูเหมือนว่าจะออกมาให้กฤษฎีกาตีความแล้วว่าแบบนี้ ครม. ชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทำได้ไหม ถ้าจะแต่งตั้งโยกย้ายอนุมัติโครงการใหญ่ๆ ทำได้ไหม เดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาฟังกันค่ะ
(ช่วงที่ 2)
จินดารัตน์ - กลับเข้าสู่ช่วงสุดท้ายรายการยามเฝ้าแผ่นดิน วันนี้เราจะมาดูมติ ครม. หลายเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องที่คุณผู้ชมควรต้องติดตามนะคะ เรื่องแรกเห็นจะเป็นเรื่องของมติ ครม. ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.... ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้มีการตัดอำนาจพิเศษที่กำหนดเอาไว้เดิม ออกทั้งหมด เพราะว่าอำนาจพิเศษดังกล่าวนั้นเป็นมาตรการเดียวกับ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ จึงได้มีการปรับปรุงร่างใหม่ทั้งหมด ตกลงว่าเราสบายใจได้หรือยังคะคุณคำนูณ
คำนูณ - ต้องขอดูตัวร่างก่อน เพราะวันนี้ก็มีตัวร่างพระราชบัญญัติบริหารราชการกระทรวงกลาโหมเข้ามา ก็ดูเหมือนว่าตอนช่วงท้ายๆ เขาก็พยายามจะปล่อยร่างกฎหมายสำคัญๆ เข้ามา ซึ่งผมยังเป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าระยะเวลามันจะทันหรือ นี่ก็เข้าไปกลางเดือนตุลาคมแล้ว และแต่ละฉบับ พิจารณากัน ผมว่าในชั้นวาระ 2 วาระ 3 อย่างน้อยๆ ก็ต้องเดือนหนึ่ง มันก้ำกึ่งมากทีเดียว
ปานเทพ - อาจจะไม่ทันก็ได้นะ
จินดารัตน์ - นอกจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังมีมติอีกเรื่องหนึ่ง เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 ธันวาคม ด้วย ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือว่า กกต. เสนอเข้ามา และ กกต. จะเชิญพรรคการเมืองมาหารือเกี่ยวกับแนวทางและค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ในวันที่ 22 ตุลาคม นี้ และจะเปิดรับสมัคร ส.ส. แบบสัดส่วนในวันที่ 7 - 11 พฤศจิกายน ส่วน ส.ส. แบบแบ่งเขตจะเปิดรับสมัครในวันที่ 12 - 16 พฤศจิกายนนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแต่งตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาะแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพื่อจะให้ไปทำหน้าที่ดูแลแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นห่วงกันมากค่ะ
คำนูณ - ผมว่ารัฐบาลนี้หรือรัฐบาลก่อนๆ มีโรคอยู่อย่างหนึ่ง คือโรคชอบทำอะไรให้มันเป็นคำที่หรูหราอลังการใหญ่โต วาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เข้าใจหรือเปล่าว่าวาระแห่งชาติคืออะไร หรือพูดให้มันเท่ไปอย่างนั้น และไปแก้อย่างไร ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เขาก็ซื้อกันโครมๆ คนจะเป็น ส.ส. แต่ละคนนาทีนี้ มีใครใช้เงินต่ำกว่า 10 ล้านบาทบ้างไหม
จินดารัตน์ - 10 ล้านนี่พื้นๆ เลยนะ
คำนูณ - 10 ล้านนี่ต้องเป็นคนดีด้วยนะ คือทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างตัวหนังสือกับสิ่งที่บัญญัตไว้ กับความเป็นจริง มันสวนทางกันอยู่ และคุณจะไปต้านอะไร และการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจะบอกให้นะ จนวันนี้เขตก็ยังไม่รู้ว่าจะอย่างไร เขต 8 เขต บัญชีรายชื่อเพิ่งจะเสร็จแบบที่ 1 เอาเป็นว่าบัญชี 10 คนในเขตกรุงเทพจะเป็นกรุงเทพ นนทบุรี สมุทรปราการ เอาเป็นว่าเข้าใจกันง่ายๆ แค่นี้ แต่ว่าเขตเลือกตั้งยังไม่เสร็จนะ ส.ส. แบบเเบ่งเขต ที่เขตหนึ่งมันมี 3 คน จนบัดนี้ก็ยังไม่เสร็จ พวกนักการเมืองเขาก็เตรียมตัวกันค่อนข้างจะลำบาก เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าในหลายพรรค หรือทุกพรรค เขายังไม่ประกาศ จะประกาศได้อย่างไร เขายังไม่รู้เลยว่าการแบ่งเขตจะเป็นอย่างไร
เขาก็ได้แต่เดาว่าคงจะเป็นเหมือนก่อนปี 2544 สุดท้ายแล้วระยะเวลาการหาเสียงครั้งนี้ จะสั้น เพราะว่าสมัครวันสุดท้าย 16 พฤศจิกายน มีระยะเวลาเดือนเศษๆ จนถึงวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม กฎเกณฑ์กติกาเรียกว่าละเอียดยิบ และเขตใหญ่ขึ้น แค่ไปเยี่ยมเยียนให้ประชาชนรู้จักทั่วถึงทุกเขต ทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้าน ทุกหลังคาเรือน ในต่างจังหวัด ไปแค่สักครั้งหนึ่ง ก็เรียกว่ายาก เพราะฉะนั้นโดยธรรมชาติของการเลือกตั้งแบบนี้ เงินจะมีบทบาทสูงมากจนถึงสูงที่สุด
ปานเทพ - เพราะว่า 1.นโยบายก็มีระยะเวลาประกาศสั้น น้อยคนจะรู้ได้หมด ก็ยาก 2.พื้นที่กว้างขึ้น ก็ยากอีก 3.ยังมีเงินที่เตรียมมาสำหรับการซื้อเสียง เพื่อการชนะเดิมพันทางการเมืองสูงมาก
คำนูณ - เมื่อครึ่งแรกเราพูดถึงดงบังชินกิ แต่ที่แน่ๆ คือในระดับผู้ใหญ่ ระดับการเมืองของประเทศ การรับเงินเพื่อไปลงคะแนนให้ใครคนใดคนหนึ่ง สำหรับชาวบ้านจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในชนบท เขาไม่ถือเป็นความผิด เขาถือว่าปกติ สมมติว่าเขาจะเลือกคุณแอน คุณแอนไปสมัคร คุณแอนหน้าตาดี มาช่วยเหลือชาวบ้านเยอะ เขาอยากจะเลือกคุณแอน อยากจะให้คุณแอนได้เกิดในแวดวงการเมือง เขาอยากจะเลือก แต่ถ้าคุณแอนไม่มีสตางค์ไปจ่ายให้ชาวบ้าน ก็จะไม่ได้
ปานเทพ - เพราะเขาถือว่าเรื่องปกติขั้นต่ำ เป็นเรื่องปกติที่จะทำ
คำนูณ - เขาออกจากบ้าน วันนี้ไม่ได้ทำงาน ก็จะต้องมีเงินเข้ามา และเขาถือว่าผู้สมัครทุกคนมาจ่าย
ปานเทพ - เหมือนเป็นหน้าที่ใช่ไหม
คำนูณ - หรือมาแย่งกันจ่าย เพราะฉะนั้นคุณแอนแทนที่จะต้องไปจ่ายเขา 500 ตีตั๋วเด็กโทษฐานหน้าตาดี ทำงานดี และคนรู้จัก ตีตั๋วเด็กจ่ายสัก 100 เขาก็จะไปเลือกคุณแอน แต่ต้องมี ค่ารถ เหมือนเป็นค่าป่วยการ หรือค่าธรรมเนียม นี่คือความเป็นจริงที่จะพูดกันหรือไม่ก็ตามแต่ แต่นี่เป็นคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทยที่เป็นสังคมนอกเมืองส่วนใหญ่ในเวลานี้ อย่าว่าแต่นอกเมืองเลย กรุงเทพและรอบข้างก็จะเป็นอย่างนั้น นี่เป็นสิ่งที่คุณพูดออกมาเป็นวาระแห่งชาติ แล้วคุณทำอะไรบ้าง
ปานเทพ - หรือจะใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ เหมือนอย่างที่เคยทำๆ กันมา ได้ไหม
คำนูณ - วันนั้นผมฟัง อ.กีรติ บุญเจือ ท่านเป็นอาจารย์สอนปรัชญาและเป็น สนช. คิดดูแล้วกันสมัยผมเรียนปี 1 ยังไม่ทันท่านสอนเลย ท่านก็อภิปรายได้ดีว่าเราจะไปชี้หน้าด่าชาวบ้านว่าเขาทำผิดที่ไปรับเงิน ไม่ถูก เพราะชาวบ้านเขาก็มีความรู้สึกว่าเขารับเงินจากใครก็จะกตัญญูต่อคนนั้น เขาก็ต้องไปเลือกคนนั้น อ.กีรติ ก็บอกว่ายิ่งไปสอนเขาว่าให้รับเงินแล้วไม่ต้องลงให้คนนั้น ยิ่งไม่ถูกใหญ่ ท่านมีมุมมองของท่านว่า เราต้องสอนอีกแบบหนึ่ง สอนในเชิงปรัชญาว่าคุณกตัญญูต่อเขาเป็นเรื่องที่ถูกที่เขามาให้เงินคุณแล้วไปเลือก ถูกต้องแล้ว แต่คุณกตัญญูผิดคน เพราะคนที่เขามาให้เงินคุณ เขาไม่สมควรจะมีบุญคุณกับคุณเลย
คนที่มีบุญคุณต่อคุณที่สุดก็คือพระเจ้าอยู่หัว เพราะแต่เดิมพระราชอำนาจเป็นของพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวปกครองบ้านเมืองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ท่านจะทรงแต่งตั้งใคร จะใช้นโยบายอะไรอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับราษฎร แต่มีอยู่วันหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานสิทธิและเสรีภาพในการปกครองตนเองนี้มาให้แก่ราษฎรของพระองค์ นั่นคือบุญคุณล้นเหลือของแผ่นดิน นั่นคือบุญคุณของพระเจ้าอยู่หัว พวกเราที่เป็นชาวบ้าน ถ้าควรต้องกตัญญูรู้คุณ ต้องกตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้าอยู่หัว ก็คือเลือกคนที่คุณคิดว่าดีที่สุดโดยไม่ได้หวังสินจ้างรางวัล ไม่ต้องไปกตัญญูต่อคนที่เขาเอาเงินมาให้คุณ ท่านก็มีมุมมองของท่านแบบนี้ ผมว่าก็ดีนะ
ปานเทพ - มีตรรกะที่น่าสนใจนะ
คำนูณ - นั่นคือในเมื่อจะเป็นวาระแห่งชาติ มันจะต้องมีอะไรมากกว่าเป็นมติ ครม. และแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้มีตำแหน่งที่ดูเท่ ดูเก๋ แต่ไม่รู้ว่ากินได้หรือเปล่า และมันจะทำให้เกิดมรรคเกิดผลอะไรขึ้นมาหรือเปล่า ผมว่าบ้านเมืองเรามีแต่ลิเก มีแต่ปาหี่มากเหลือเกิน
ปานเทพ - ที่ พล.อ.สนธิ ไม่ปฏิเสธว่าเป็นลิเก ก็คงถูกแล้ว เหมือนละครฉากหนึ่งที่ไม่ได้มีจริง
คำนูณ - แล้วจะไม่ให้เด็กวัยรุ่นเขาไปร้องไห้กับดงบังชินกิได้อย่างไร
จินดารัตน์ - วันนี้มติ ครม. อีกเรื่องหนึ่งไม่แน่ใจว่าคุณผู้ชมทางบ้านได้ติดตามข่าวนี้หรือเปล่านะคะ แต่ดิฉันว่าข่าวนี้น่าสนใจค่ะ ในขณะที่ท่านนายกรัฐมนตรีกำลังรับสายรัดข้อมือจากศิลปินแกรมมี่อยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่าคุณยุทธพงษ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส. มหาสารคามและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ส่งเสียงตะโกนเรียกนายกรัฐมนตรีพร้อมพยายามบุกเข้าไปถึงตัวท่านนายกรัฐมนตรีเลย เพื่อที่จะยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ ครม. ระงับและยกเลิกการก่อสร้างโครงการสถาบันดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย วงเงินงบประมาณ 3,300 กว่าล้าน ที่ ครม. พิจารณากันในวันนี้ ซึ่งส่อไปในทางทุจริต
ปรากฏว่าส่งเสียงโวยวายดังมาก แต่นายกรัฐมนตรีไม่สนใจ เดินขึ้นห้องประชุมทันที ไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ เลยกลายเป็นที่สนอกสนใจของสื่อมวลชนกันพอสมควร เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีมาแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่สมัยรัฐบาลคุณทักษิณ และเขาก็ถามว่าทำไมท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยถึงทิ้งทวนด้วยโครงการนี้ ด้วยมูลค่า 3 พันกว่าล้าน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้กำลังถูกตรวจสอบในชั้นของ คตส. อยู่ เลยกลายเป็นว่าวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีเลยมอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความหน่อยว่า พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลรักษาการ
และต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ที่จะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือว่าอนุมัติโครงการขนาดใหญ่จะต้องขออนุญาตจาก กกต. หรือไม่ เพราะว่าตอนนี้มีความเห็นของนักกฎหมายเป็น 2 ด้านด้วยกัน เลยขอให้กฤษฎีกาช่วยตีความสถานะของรัฐบาลด้วย เพราะว่าการประชุม ครม. ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะหลังจากที่กฤษฎีกาเมื่อมีผลบังคับใช้แล้วก็จะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ ต้องถามคุณคำนูณว่าเรื่องนี้ถ้ากฤษฎีกาตีความมา ความน่าจะเป็น น่าจะเป็นอย่างไรคะ
คำนูณ - จริงๆ ตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่ควรจะทำอะไรที่เป็นนโยบายใหญ่ ถึงว่าจะขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร แต่ก็เป็นมารยาท และที่สำคัญระยะเวลาที่ผ่านมา มันนานไม่พอหรือที่คุณจะทำอะไรที่เป็นเรื่องสำคัญ ผมเข้าใจว่ารัฐบาลคงจะมีเรื่องสำคัญอะไรที่อยากจะทำอยู่ 2 - 3 เรื่อง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาเร่งกันตอนนี้
จินดารัตน์ - อีกเรื่องหนึ่งวันนี้ ครม. ได้อนุมัติร่าง พ.ร.บ. ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ปรากฏว่าหลังจากที่ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ก็จะมีการกำหนดนิยามค้าปลีกค้าส่งให้แคบลง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ครอบคลุมมากจนเกินไป ทำให้ผู้ประกอบการด้านอื่นๆ ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงเข้ามาได้รับผลกระทบมากเกินไปด้วย และมีการกำหนดลักษณะของธุรกิจที่ยื่นขอใบอนุญาตด้วย และกำหนดหลักเกณฑ์ของธุรกิจ เพื่อกำหนดเป็นกรอบในการออกกฎกระทรวง กำหนดธุรกิจค้าปลีดส่งด้วย
และมีการลดคณะกรรมการจาก 4 คณะกรรมการเหลือ 1 คณะกรรมการ โดยเป็นคณะกรรมการในส่วนกลาง ลดอำนาจบทบาทของคณะกรรมการลงบางส่วน แต่ว่าให้อำนาจรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาอนุญาตในประเด็นต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการลดความซ้ำซ้อนกฎหมายในปัจจุบัน รวมทั้งอุดช่องโหว่ของกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะอย่างไรคะคุณคำนูณ ขั้นต่อไป
คำนูณ - ก็ต้องดูกันไป คือเข้าต่อ สนช.
จินดารัตน์ - ทันหรือคะ
คำนูณ - มันก็ทันนะ แต่จะไปค้างคาในชั้นกรรมาธิการหรือไม่ เพราะคือว่ากฎหมายที่มีความยาวพอสมควรและมีประเด็นที่ต้องถกเถียงกัน จะเห็นได้ว่าในกรณีนี้ สนช. ท่านหนึ่งที่ท่านศึกษาเรื่องนี้มาโดยเฉพาะ คือ ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ท่านเห็นว่าทางรัฐบาลได้ไปเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ทำให้มันเบาลงไป และกลายเป็นไปเอื้อประโยชน์ในทางอ้อมกับกลุ่มทุนต่างชาติ กลุ่มทุนค้าปลีกขนาดใหญ่ขึ้นมา ซึ่งก็มีหลายประเด็น เพราะฉะนั้นก็คือกฎหมายตอนนี้ผมว่าที่น่าสนใจก็มีร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงิน ที่เข้ามาแล้วและดูอัตราการพิจารณา ถ้าสัปดาห์ละหน ซึ่งกฎหมายมันรวมทุกสถาบันการเงินเข้ามา ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร ตอนนี้ที่จ่อเข้ามาคือร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้า ครม. สัปดาห์หน้าและจะเข้า สนช. สัปดาห์ไหน อีก 2 สัปดาห์หรือไม่
ปานเทพ - พูดถึง พ.ร.บ. เงินตรา ด้วยใช่ไหมครับ
คำนูณ - พ.ร.บ. เงินตรา นี่ยังไม่เห็นนะ เห็นว่าจะเข้า ปนช. พรุ่งนี้คือวิปรัฐบาล แต่ไม่ทราบว่าถ้าจะเข้า สนช. อีกที ถ้าเป็นไปตามปกติ ผมว่าไม่น่าจะเร็วกว่าอีก 2 อาทิตย์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาไปตัด จะไปแก้ หรือจะไปยืนตามเดิมเข้ามา ทั้ง 2 ฉบับนี้ก็จะมีความเกี่ยวเนื่องกัน หรือร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับที่.... พ.ศ... เท่าที่ผมทราบคือว่ามีความพยายามอย่างสูงของคนที่แม้ว่าเขาจะเป็นนักการเงิน เขาก็มีความเห็นว่าความไว้วางใจของธนาคารชาติจะกลับคืนมา มันต้องมีการบริหารที่โปร่งใสและมีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ปานเทพ - มีบทลงโทษและความรับผิดชอบ
คำนูณ - ที่สำคัญก็คือว่าเอาเฉพาะโครงสร้างก่อนนะ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คือ ซีอีโอ ไม่ควรจะเป็นแชร์แมน คือเป็นประธานบอร์ด ธปท. เสียเองโดยคนๆ เดียวกัน ถ้าจะพูดถึงรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ก็เหมือนกัน แชร์แมนกับ ซีอีโอ ควรจะเป็นคนละคน แต่ว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ก็ยังคงทำแบบเดิม คือทั้งตัวประธานบอร์ดกับผู้ว่าการฯ เป็นคนๆ เดียวกัน คุณปานเทพคงจะจำได้ว่าตัวบอร์ด ธปท. มันจะไปอยู่ใน พ.ร.บ. เงินตรา ของมาตรา 34/3
ปานเทพ - ที่มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะไปลงทุนอย่างไร
คำนูณ - เขาคิดกันถึงขนาดว่าตัวแชร์แมนหรือตัวประธานบอร์ด สมควรจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก และถ้าจะให้ดี ให้ได้รับการรับรองจากสภาใดสภาหนึ่งหรือรัฐสภาได้ จะยิ่งเป็นการดี ถ้าทำอย่างนี้ ตัวบอร์ดใหญ่ก็จะเป็นตัวคอยตรวจสอบการบริหารงานของ ซีอีโอ หรือผู้ว่าแบงก์ชาติ
ปานเทพ - และมีที่มาที่ไม่ได้เป็นบุคคลคนเดียวกัน จนกระทั่งเกิดความลักลั่นในการตรวจสอบ
คำนูณ - คงจะต้องสู้กันพอสมควร
จินดารัตน์ - หมดเวลาแล้วค่ะวันนี้ เรื่องของพรรคการเมือง แต่ว่าก็ยังเป็นอย่างที่เราคิดๆ กันอยู่ว่ามันก็ยังไม่นิ่ง ไม่รู้จะเอาอย่างไรกันแน่ จะมีบางกลุ่มจะย้ายออกจากพลังประชาชน เดี๋ยวเราต้องดูท่าทีกันต่อที่แน่ๆ คือจะมีการเปิดตัวพรรคเพื่อแผ่นดินของคุณสุวิทย์ คุณกิตติ วันที่ 18 ตุลาคมนี้ และเรื่องของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับลูกชาย เห็นว่าน่าจะพบกันครึ่งทาง คุณเฉลิมอาจจะลงปาร์ตี้ลิสต์ บัญชีรายชื่อ และส่งลูกชาย 1 คนมาลงแบบ ส.ส. เขต
คำนูณ - คุณผู้ชมอย่าเพิ่งไปเชื่อข่าวที่ปรากฏออกมาในช่วงนี้ รายวัน ทำใจว่างๆ และผมว่ามันจะเรียบร้อยจริงๆ ก็สิ้นเดือนนี้ มันจะลงตัว ให้ทาง กกต. เขากำหนดเขตเลือกตั้งออกมาให้ชัดเจน การตัดสินใจของพรรคการเมืองต่างๆ ของนักการเมืองต่างๆ บางทีเราอาจจะได้เห็นการตัดสินใจชนิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินหรือการพลิกกลับไปกลับมาอีก 2 - 3 ตลบ จนกระทั่งวันสมัคร เราอาจจะเห็นอะไรใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เรายิ่งเบื่อมันยิ่งขึ้น
จินดารัตน์ - ความเห็นจากชลบุรี พรรคไทยรักไทยเก่าเขาบอกว่าไม่ว่าพรรคไหนจะได้รับคัดเลือก เขาก็จะซื้อทั้งพรรคเลย กทม. อีกสายเขาบอกว่ารัฐบาลเกาหลีเข้มแข็ง ทำให้สามารถนำวัฒนธรรมมาบ้านเราได้ง่าย รัฐบาลไทยไม่เคยเข้มแข็งและไม่เข้มแข็งพอด้วย ระยอง จริยธรรมของไทยเสื่อมถอยตั้งแต่ระบบข้าราชการไปจนถึงรากหญ้า ทำให้เกิดปรากฏการณ์อย่างที่เห็น จากเลย บอกว่าเหมือนอย่างที่คุณคำนูณพูดเลย ชาวบ้านเขารับเงินใคร เขาก็จะซื่อสัตย์ เขาก็จะเลือกคนๆ นั้น เพชรบุรี แจ้งมาว่าช่วงนี้ที่หาดชะอำมีรถทัวร์มาลงเยอะมาก กว่า 30 คัน ไม่รู้มาทำไมกัน กทม.
อีกสายเขาบอกว่าอยากให้ทั้ง 3 คนวิจารณ์เกี่ยวกับหนังละครไทยที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นไปได้ไหมที่ทำให้วัยรุ่นไทยเบื่อ เลยหันไปหาต่างชาติ จาก กทม. อีกสาย บอกว่าชื่นชอบและสนับสนุน ASTV ขอบพระคุณค่ะ ทุ่งสง อยากให้คุณสนธิช่วยชาวทุ่งสงด้วยเพราะตอนนี้โลตัสกำลังจะมาแล้ว และมีข่าวฝากมาด้วย จากภูเขียว พรุ่งนี้เวลา 17.00 น. อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และคุณชัยวัฒน์ สินสู่วงศ์ จะขึ้นเวทีปราศรัยประชาธิปไตยเพื่อประชาชน วันนี้หมดเวลาแล้ว พบกันใหม่พรุ่งนี้เวลาเดิมในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ