บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัทในเครือ ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 21 มีนาคม 2550 ว่า นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ ได้สิ้นสุดสภาพพนักงานของบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549
“ทางบริษัทจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกิจกรรม และ/หรือ การดำเนินงานของบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ทั้งสิ้น แจ้งไว้ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2550” เนื้อความในประกาศระบุ
ทั้งนี้ นายทอม ได้ขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา ตามคำชักชวนของ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี เพื่อรับหน้าที่ในการเป็นผู้ขยายตลาดต่างประเทศให้กับเบียร์สิงห์
โดย นายทอม ได้รู้จักมักคุ้นกับคนในตระกูลภิรมย์ภักดี เมื่อปี 2548 ในช่วงที่นายทอมเป็นผู้ประสานงานการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สในนามของบริษัท ดีทีซี จำกัด และมีกลุ่มบุญรอด โดยผลิตภัณฑ์สิงห์เป็นสปอนเซอร์หลัก
นายทอม เป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจมานาน ในฐานะดีลเมกเกอร์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง และเคยเข้าไปบริหารบริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัท เช่น ประธานบริษัท ซินเนอร์ไจซ์ จำกัด, ผู้จัดการประเทศไทย บริษัท ซัมซุง อิเล็กโทรนิคส์ จำกัด, กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์เทล เน็ทเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด, รองประธานบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมทั้งได้เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์บางรายการด้วย
ในทางการเมือง นายทอม เริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงปลายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเขาเป็นผู้ออกมาปกป้องครอบครัวชินวัตร ในการขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก เมื่อต้นปี 2549 โดยได้ไปออกรายการ “ถึงลูกถึงคน” ตอบโต้กับฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณอย่างหัวชนฝา นอกจากนี้ เขายังทำหน้าที่ประสานงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครั้งสุดท้ายก่อนถูกยึดอำนาจ
ในคืนวันที่ 19 ก.ย.2549 นั้น นายทอม ยังอยู่กับคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในนครนิวยอร์ก และได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในฐานะสมาชิกพรรคไทยรักไทย และที่ปรึกษาอดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมแพ้ และยังไม่ได้ลงจากอำนาจ พร้อมกับบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง และต้องการที่รักษารัฐธรรมนูญของประเทศ
ภายหลังควันรัฐประหารจางลง และมีแนวโน้มว่า พรรคไทยรักไทย จะถูกยุบ กลุ่มก้อนต่างๆ ทยอยลาออกมา นายทอม ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม ที่ลาออกจากพรรค และตั้งกลุ่มมัชฌิมา ขึ้นมาเตรียมตัวรอเลือกตั้งครั้งใหม่
ทั้งนี้ นายทอม เพิ่งรู้จักกับ นายสมศักดิ์ ตอนจัดประกวดนางงามจักรวาลในไทยปี 2548 ขณะที่นายสมศักดิ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และได้ลงมาช่วยให้การประกวดนางงามจักรวาลที่กำลังประสบปัญหา ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งหลังจาก นายสมศักดิ์ ลาออกมาตั้งกลุ่มมัชฌิมา จึงได้เชิญนายทอมมาร่วมกลุ่ม โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานด้วย
นายทอม หมดสภาพการเป็นผู้บริหารบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง ตั้งแต่สิ้นปี 2549 และทางตระกูลภิรมย์ภักดี ตัดสินใจที่จะเข้าไปทำตลาดต่างประเทศให้กับเบียร์สิงห์เอง ขณะที่ นายทอม ก็อ้างว่า แนวทางการบริหารของตระกูลภิรมย์ภักดีเป็นศักดินาเกินไป เข้ากันกับเขาไม่ได้ จึงประกาศแยกทางกันตั้งแต่บัดนั้น
ขณะที่ นายทอม เอง ได้ร่วมหุ้นกับ นาตาลี เกลโบวา นางงามจักรวาลปี 2548 จัดตั้งบริษัท ฟ้า เกลโบวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ด้วยทุนในการผลิตสินค้าปีแรกกว่า 100 ล้านบาท
การที่ นายทอม ยังเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ให้กับ นาตาลี เกลโบวา แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยเฉพาะกรณีล่าสุด ที่ นายทอม ออกมาเคลียร์ข่าวสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่าง นาตาลี เกลโบวา กับ ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสอดีตมือ 1 ของไทย ทำให้ภาพของนายทอมกับเบียร์สิงห์ ยังคงเชื่อมโยงกันอยู่อย่างแยกไม่ออก และเมื่อโยงจากนายทอม ไปถึงกลุ่ม “มัชฌิมา” แล้ว คงไม่เป็นผลดีกับทางสิงห์อย่างแน่นอน
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางเบียร์สิงห์ต้องควักงบซื้อพื้นที่โฆษณาลงประกาศ ที่ดูเหมือนเป็นการประจานกันกลายๆ
**คนไทยหัวใจอเมริกัน
นายทอม ใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ จบการศึกษารัฐศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (ยูซีแอลเอ) ได้ประกาศนียบัตรหลักสูตรการจัดการและการตลาดสำหรับนักบริหาร จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาวิทยาลัยออนตาริโอ และปริญญาโท สาขาการตลาด ยูซีแอลเอ ปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายทอม เคยกลับมาเมืองไทยช่วงสั้นๆ ในปี 2531 ในฐานะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของ “ปุ๋ย” – พรทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของไทย ก่อนที่จะขายสิทธิให้กับนางอมรรัตน์ ศิริปรีชาพงษ์ อดีตภรรยาของ นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ “เสี่ย ป.เป็ด” เจ้าของกิจการโรงแรมลิตเติ้ลดักส์ แล้ว นายทอม ได้เดินทางกลับสหรัฐฯ ทันที
นายทอม เคยให้สัมภาษณ์ “ผู้จัดการรายเดือน” ฉบับเมษายน 2539 ถึงสาเหตุที่ต้องรีบกลับสหรัฐฯในตอนนั้น ว่า “ผมไม่ประทับใจเลยกับการมาเมืองไทยครั้งแรก เพราะปัญหาหลายอย่าง และเมืองไทยในเวลานั้นยังล้าหลังอยู่มาก คุณคิดดูในโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่หาเครื่องแฟกซ์ไม่ได้เลย ตอนนั้นผมกลับไป และไม่คิดจะกลับมาเมืองไทยอีกเลย”
หลังกลับไปอเมริกา นายทอม ได้เรียนต่อปริญญาโท สาขาการตลาด ยูซีแอลเอ มีโอกาสเป็นผู้ดูแลอำนวยความสะดวกให้ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เมื่อครั้งที่ยังเป็นผู้ว่าการมลรัฐอาคันซอว์ ที่ต้องเดินทางมาหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่ฮอลลีวูด หลังจากนั้น ได้เป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายหาเสียงให้กับ ริชาร์ด เรียดัน ซึ่งสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครลองแองเจลิส และหลังจาก ริชาร์ด เรียดัน ได้ชัยชนะ นายทอมได้รับเลือกให้เป็นโฆษกประจำตัว
เมื่อช่วงปี 2538 นายทอม กลับมาเมืองไทย เพื่อทำธุรกิจรับจัดสัมมนา โดยใช้บริษัท แปซิฟิก เอจ ของพี่ชายดำเนินการ โดยหัวข้อการสัมมนาส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ที่เพิ่งจะเริ่มบูมในเมืองไทยช่วงนั้น และทำให้นายทอมได้รู้จักกับผู้บริหารกลุ่มทุนเทคโนโลยีหลายบริษัท และเปิดทางให้นายทอมเข้าไปดำรงตำแหน่งในบริษัทเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น สามารถฯ, นอร์เทลฯ ซัมซุง ฯลฯ ในเวลาต่อมา
จากการที่ นายทอม เติบโตขึ้นมาในสังคมอเมริกัน เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทย จึงถูกมองว่า เป็นผู้ที่รู้เรื่องอเมริกาดีที่สุดคนหนึ่ง และหากมีเรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกา สื่อบางส่วนก็มักไปขอความเห็นจากนายทอมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐอเมริกาเปิดสงครามถล่มอิรักนั้น นายทอมได้รับเชิญไปออกรายการสนทนาทางโทรทัศน์หลายรายการ ที่พลาดไม่ได้คือ “ถึงลูกถึงคน” ซึ่งทัศนะที่นายทอมแสดงออกมานั้น สำหรับคนที่ต้องการตรรกะเหตุผลก็อาจต้องผิดหวัง เพราะสิ่งที่นายทอมพูด คือ การสนับสนุนประธานาธิบดีบุช เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับทัศนคติทางการเมืองของนายทอมนั้น เขาเพิ่งให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ฉบับวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3879 (3079) ว่า “ชีวิตผมมันเริ่มจากการเมือง อยู่อเมริกามา 20 กว่าปี งานแรกของผมเลยคือช่วยหาเสียงให้กับอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน เป็นคนไทยคนแรกที่มีประสบการณ์ในการหาเสียง หลังจากนั้น ก็ทำเรื่องการเมืองมาตลอด ตำแหน่งสุดท้าย คือ โฆษกให้กับนายกเทศมนตรีเมือง L.A.”
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ที่มีระหว่างพรรคไทยรักไทย นายทอม ตอบว่า “เอาแบบแฟร์ๆ เลย คนแรกที่ถามผมว่าทำไมไม่กลับมาเมืองไทย คือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สำหรับผมที่เป็นคนต่างประเทศมาอยู่เมืองไทย ผมไม่เคยเข้าใจคำว่าพรรค เพราะมันไม่มีคำว่าไทยรักไทย คือ คนที่อยู่ประชาธิปัตย์ก็มาอยู่ไทยรักไทย ผมรู้จักกับคน แล้วคนพวกนี้ก็มาอยู่ไทยรักไทย"
“ไม่แน่ใจกับตัวเอง ถ้าจะเล่นการเมืองจะเล่นกับมัชฌิมา เพราะว่าเป็นคนนับถือคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน มาก เพราะเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลาย และครอบครัวเขาให้เกียรติผมมาก ที่ชักชวนเข้าไป การตัดสินใจระหว่างผมกับภรรยา ครอบครัว โดยที่เราอยากช่วยประเทศไทย ถ้าวิธีนั้นคือต้องเล่นการเมือง ก็แน่นอน เราก็จะไปอยู่กับมัชฌิมา แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว เรามองเห็นวิธีอื่น ที่เหมาะสมกับตัวเราครอบครัวเรา ลูกเรา เราก็หาวิธีอื่นช่วยได้” นี่คือ ความคิดทางการเมืองของนายทอม