เรียน คุณสนธิ
ต้องขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ ค่ะที่ประชาชนหลายคนได้มีโอกาสติดตามรายการของคุณอีกครั้งในรายการใหม่ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ถือเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ถูกปิดหูปิดตาอย่างแท้จริง จะเขียนถึงผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องก็อาจกระทบเขาเหล่านั้นบ้าง จึงเบนทิศทางให้คุณรบกวนช่วยวิพากษ์ชี้แนะเรื่องความเหมาะสมให้ด้วยค่ะ เพราะความยุติธรรมนั้นหายากยิ่งในสังคม
1. การเขียนชื่อสมาชิก อบจ.+ส.ส.ลงบนเสื้อผ้าวัสดุอุปกรณ์ที่แจกจ่ายให้กับประชาชนสมควรแล้วหรือ? เสมือนประกาศบอกให้ทราบว่านี่เป็นการบริจาคโดยเงินส่วนตัว ถ้าดิฉันเป็น สตง.จะเรียกเงินคืนจากกลุ่มคนเหล่านี้ก่อน ถ้าสืบได้ว่าสั่งการให้ข้าราชการทำ
2. การใช้งบประมาณแผ่นดินบริหารประเทศมีความเหมาะสมหรือไม่ ควรแก้ไขกฎหมายให้ สตง.มีอำนาจตรวจสอบความคุ้มค่าในการใช้เงิน ให้มีอำนาจสั่งพิจารณาบทลงโทษได้เลย ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ให้อุทธรณ์คำสั่ง สตง.ไปที่ ป.ป.ช. หรือ คตส. ไม่ใช่อุทธรณ์คำสั่งผู้บริหาร เพราะผู้บริหารไม่มีวันที่สั่งลงโทษงานโครงการของตนเอง เพราะการสั่งเช่นนั้นก็ไม่พ้นความผิดของข้าราชการ พนักงานที่ยอมทำตามผู้บริหาร เพราะกลัวไม่ได้รับการเลื่อนขั้น และ จนท.ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ตรวจสอบก็เกรงใจไม่กล้าฟันธง ฉะนั้นแล้ว ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน (ขอรับฉัน) ก็จะยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังตลอดกาล เพราะเมืองไทยเป็นระบบพวกพ้อง มือใครยาวสาวได้สาวเอา คนจนจึงจนลงแต่นักการเมืองกลับรวยขึ้น ด้วยคนไทยขาดจิตสำนึกความซื่อสัตย์ เห็นแก่สินบนที่เขาหยิบยื่น
ในเรื่องความคุ้มค่าการใช้เงิน
1. ใครเข้ามาบริหารงานประเทศ/องค์กรใหม่ ก็มักจะสั่งรื้อ ปรับปรุง ติดวอลเปเปอร์ใหม่ ซื้อของใหม่ เหมือนการขึ้นบ้านใหม่ก็จริง แต่นี่คือทรัพย์สินของแผ่นดิน ชาวบ้านเลือกเขามาก็เพื่อให้เป็นตัวแทนบริหารประเทศ ไม่ใช่ให้เขามาถลุงเงินแผ่นดิน หลายคนถ้าเป็นเงินของตัวเองจะไม่ยอมตัดสินใจซื้ออะไรง่ายๆ เพราะคนไทยมักคิดกันแบบนี้ว่า สมบัติชาติไม่ใช่สมบัติตัว
2. หลายโครงการที่จัดทำ เช่น การเลี้ยงรับรองระดับจังหวัดตามโครงการสภากาแฟเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิด มีการใช้เงินตกแต่งสถานที่เฉพาะค่าช่อดอกไม้ 20 จุด 30,000 บาท จุดพลุงานเลี้ยงรับคณะผู้บริหารท้องถิ่น 17 จังหวัดภาคเหนือตามโครงการกีฬาสัมพันธ์ 500,000 บาท ถามว่าถ้าใช้เงินส่วนตัวจะจัดแบบนี้หรือไม่ เงินจำนวนนี้นั้นควรนำไปจ่ายเป็นค่าอาหารกลางวันเลี้ยงเด็กยากไร้ไม่ดีกว่าหรือ สตง.อยู่ไหน? ตรวจแล้วก็แค่ตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ดังนั้น ควรให้อำนาจ สตง.ฟันธงได้เลยว่า มีการใช้เงินเกินขอบความจำเป็นหรือไม่ เมื่อไรคนไทยจึงจะตื่นมองเห็นความพอเพียงเดินตามในหลวงพระองค์ท่านซะที
3. ดิฉันเคยสอบถามสามเณรเพิ่งจบ ป. 6 ถึงเหตุผลในการบวช สามเณรเล่าว่า แม่มีลูก 2 คน เลิกกับพ่อแล้วมีสามีใหม่ แม่กำลังมีน้องในท้องอีก 1 คน ไม่มีเงินพอจะส่งเสียให้เรียนหนังสือ ตอนเรียนหนังสือบางวันก็ไม่ได้สตางค์ไปกินขนม แต่ผมก็ไม่เคยขาดเรียนนะครับ ฟังแล้วก็ให้สะท้อนใจ เมืองไทยก็เป็นแบบนี้เอง อะไรที่ควรสนับสนุนส่งเสริมกลับไม่ แต่อะไรที่ไม่ควรกลับทำ แล้วเมื่อไรประเทศชาติจะเจริญซะที คนมีโอกาสเท่านั้นที่จะอยู่รอด ดีที่เณรเป็นเด็กฉลาดช่างพูด+ขยัน ปัจจุบันบวชอยู่วัดเขาคีรีวงกต อ.นครไทย พิษณุโลก
เด็กหลายคนอดหลายมื้อกินมื้อเดียว งบประมาณจัดให้กระทรวงศึกษาธิการน้อยเกินไปหรือไร หรือจัดให้แล้วมัวแต่นำไปซื้อคอมให้เด็กเล่นเกม คิดแต่ว่าจะพัฒนาระดับสมอง แต่เปล่าเลย เนื้อมันสมองของเด็กหาได้รับการพัฒนาไม่ แล้วกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ล่ะอยู่ไหน หรือว่าเด็กไม่ใช่มนุษย์จึงไม่ได้รับการส่งเสริม หรือว่าเมืองไทยนั้นแก่วิชาการ+ทฤษฎี การปฏิบัติจึงไม่ได้ผล ปล่อยให้เด็กโตแบบฝรั่ง หากินแบบบุฟเฟ่ต์ รู้จักพึ่งพาตนเอง เด็กคนไหนพ่อแม่มีเงินก็โชคดี พ่อแม่พากินร้านอาหารดีๆ ครบทุกมื้อ ค่าอาหารกลางวันที่รัฐจัดสรรให้ก็ถึงแค่ระดับประถม ซึ่งไม่เพียงพอ ใครก็อยากทานอาหารฟรี ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของโรงเรียนหลายโรงเรียนให้เด็กนำข้าวมา แล้วโรงเรียนหากับข้าวให้
4. ไม่อยากจะบอกว่า สังคมที่มันฟอนเฟะอยู่นี้ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมเลียนแบบ โดยเฉพาะเลียนแบบดารา นุ่งสั้น สายเดี่ยว นมกระฉอกล้นแล้วล้นอีก น่าจะมีจิตสำนึก+เป็นแบบอย่างให้คนในสังคมโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นด้วย ไม่ใช่แต่งอวดสัดส่วนกัน บางคนนึกว่าใส่เสื้อซับใน/ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนอน พิธีกรเท่าที่เคยเห็นแต่งกายสุภาพก็ช่อง 11 รวมรายการนี้ ช่อง 5 ก็รายการบ้านเลขที่ 5 ฯลฯ
แม้ใครจะบอกว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่การที่คุณแต่งตัวแล้วออกในรายการที่คุณย่อมรู้ดีว่าต้องมีการแพร่ภาพให้คนทั่วไปรับชม ก็ถือว่าคุณละเมิดสิทธิส่วนสายตาของผู้ชมรายการ ด้วยเจตนาที่ตั้งใจอย่างแน่นอนเหมือนกัน ทำให้เสียอารมณ์ในการชมรายการอย่างมาก ก็เห็นด้วยกับความเห็นของคุณสนธิที่มีต่อความเห็นของอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ปรามลูกศิษย์ การแต่งกายของบางคนในยุคนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนทำให้คิดว่าเป็นพวกขายบริการ
5. การที่คนในชาติมีงานทำเพราะบริษัทอุตสาหกรรมก็ถือว่าช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ผลประโยชน์ที่ได้ตกอยู่กับกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่กลุ่ม แต่ผลเสียหายที่เกิดขึ้นตกอยู่กับประเทศ+คนในท้องถิ่นนั้น ดูมาบตาพุดเป็นตัวอย่าง ทิ้งไว้แต่สารพิษให้สูดดม น่าจะมีการคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว หลายครัวเรือนสามารถปลูกพืชสวนครัว พริก โหระพา หรือลดปริมาณขยะด้วยการนำพืชผักที่จะเสียนำมาทำปุ๋ยหมักธรรมชาติไว้ใช้เองได้
6. เงินโบนัสของท้องถิ่น ถือเป็นงบประมาณแผ่นดินที่ให้อำนาจท้องถิ่นใช้ดุลพินิจกันอย่างอิสระมากเกินขอบเขต ที่จะแจกจ่ายให้กับพนักงานส่วนท้องถิ่น ที่คิด (หรือ) ว่าได้ทำประโยชน์เสมือนเป็นรางวัลค่าเหนื่อย บางคนได้ขั้นเงินเดือนพิเศษแล้วยังจะได้เงินโบนัสตามขั้นเงินเดือนอีกด้วย เท่ากับได้โชค 2 ชั้น หลายคนได้ขั้นเงินเดือนปกติ โบนัสจึงได้ปกติตามไปด้วยเพราะไม่สามารถใช้ลิ้นในการทำงานได้ เนื่องจากเลียไม่เป็น บางองค์กรได้ 1 เท่า หลายองค์กรได้ 5 เท่า ขณะที่ข้าราชการส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาคหลายแห่ง ขนาดระดับซี 7 ยังได้แค่ 5-6 พันบาท แต่พนักงานจ้าง (ลูกจ้างชั่วคราว) กลับได้ตั้งหมื่นเศษ เท่าครึ่งของเงินเดือน วันๆ เดินเตร่ไปมาย้อนกลับมาดูระดับกรรมกรได้ค่าจ้างเดือนละแค่ 3-4 พันเศษ อนิจจา อยากถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เงินแผ่นดินว่า ถ้าเป็นเงินบริษัทตัวจะจ่ายกันแบบนี้หรือไม่ ดิฉันก็เป็นบุคลากรในท้องถิ่นเคยเป็นปลัด อบต. 6 ปี ย้ายมาอยู่ท้องถิ่นอีกแห่งในตำแหน่งอื่นที่เกี่ยวกับความยุติธรรม ด้วยเหตุผลหลายอย่าง 2 อย่างนั้นก็คือ ไม่อยากเห็นชาติถูกใครทำร้ายโกงกินแล้วเราไม่สามารถทำอะไรได้+ไม่อยากเป็นบันไดให้ใครเหยียบแล้วหาประโยชน์บนหลังเรา
คนยากจน+เด็กด้อยโอกาส ยังคงรอรับการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนที่หาผู้รับผิดชอบดูแลอย่างแท้จริงไม่ได้ น่าจะยกเลิกเงินตัวนี้ แล้วให้จ่ายเป็นสวัสดิการค่าพาหนะ/ค่าครองชีพตามสัดส่วนของเงินเดือน ยังจะเหมาะสมกว่า+ความเป็นธรรมในสังคมจะมีมากขึ้น สังเกตดู ทุกครั้งที่มีการเลื่อนขั้นเงินเดือน แทบไม่เคยเห็นข้าราชการผู้บริหารระดับสูงเสียสละหยิบยื่นเศษเงินให้ลูกน้องกันเลย เห็นแก่ตัวที่สุด ได้แล้วได้อีกไม่รู้จักพอ
อดที่จะระลึกถึงสมเด็จโต ที่องค์ท่านมักสอนคติธรรม และท่านก็ได้เป็นแบบอย่างโดยญาณบารมีขั้นสูงของท่านช่วยเหลือคนยากจนมาตลอด ไม่สะสมทรัพย์ แจกจ่ายบุญทานเสมอ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณสนธิในการทวงถามสัมปทานดาวเทียมไทยคมคืนจากสิงคโปร์ จากการอธิบาย ข้อเท็จ (รัฐบาลทักษิณทำ) จริง (คุณสนธิรวบรวมข้อมูล) เห็นว่ามีหนทางเอาคืนเกิน 100% ถ้ารัฐบาล+ฝ่ายกฎหมายไทยมีความมุ่งมั่นจริงใจ+จริงจังกล้าพอที่จะทวงคืน ไม่เห็นจะต้องไปเกรงใจอะไรสิงคโปร์ เพราะเขาก็ไม่เคยจะเกรงใจไทยอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่เห็นแม้เงานักกฎหมายไทยระดับหัวกะทิอินเตอร์เลย ยังคงหลับใหลกันอยู่หรือไร สงสารองค์กษัตริย์+ทหารหาญผู้กู้ชาติ คงส่งเสียงลั่นสรวงสวรรค์แล้วว่า ตูอุตส่าห์ฝ่าฟันแลกด้วยเลือด ด้วยชีวิต รักษาผืนแผ่นดินเอาไว้ ก็เพื่อให้พวกขายชาติมาทำลายล้างไว้เลย กระมัง?
ดิฉันเคยพูดกับพวกพ้องเสมอว่า บุคคลขายชาตินี้ไม่ใช่คนไทยหรอก แล้วก็จริง
หวังว่าผู้เกี่ยวข้องคงได้รับข้อมูลเพื่อการแก้ไขสิ่งที่ไม่ควรบ้าง และขอพระอำนาจบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์คุ้มครองผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกับคุณสนธิประสบสุข มีโชคมีชัยนะคะ
คนกรุงในท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก
******
คอลัมน์-“เสียงประชาชน”นี้จะเป็นช่องทางให้ประชาชนที่ต้องการแจ้งข่าวคราว เบาะแส ระบายความในใจต่อความเป็นไปในบ้านเมือง เพื่อส่งผ่านไปยังผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนในแผ่นดินได้รับรู้ร่วมกัน โดยส่งมาที่ peoplevoice@manager.co.th หรือส่งจดหมายมาที่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล 102/1 บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.10200 วงเล็บมุมซองว่า “เสียงประชาชน” หรือ โทรสาร 02-281-1708
ต้องขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ ค่ะที่ประชาชนหลายคนได้มีโอกาสติดตามรายการของคุณอีกครั้งในรายการใหม่ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ถือเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ถูกปิดหูปิดตาอย่างแท้จริง จะเขียนถึงผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องก็อาจกระทบเขาเหล่านั้นบ้าง จึงเบนทิศทางให้คุณรบกวนช่วยวิพากษ์ชี้แนะเรื่องความเหมาะสมให้ด้วยค่ะ เพราะความยุติธรรมนั้นหายากยิ่งในสังคม
1. การเขียนชื่อสมาชิก อบจ.+ส.ส.ลงบนเสื้อผ้าวัสดุอุปกรณ์ที่แจกจ่ายให้กับประชาชนสมควรแล้วหรือ? เสมือนประกาศบอกให้ทราบว่านี่เป็นการบริจาคโดยเงินส่วนตัว ถ้าดิฉันเป็น สตง.จะเรียกเงินคืนจากกลุ่มคนเหล่านี้ก่อน ถ้าสืบได้ว่าสั่งการให้ข้าราชการทำ
2. การใช้งบประมาณแผ่นดินบริหารประเทศมีความเหมาะสมหรือไม่ ควรแก้ไขกฎหมายให้ สตง.มีอำนาจตรวจสอบความคุ้มค่าในการใช้เงิน ให้มีอำนาจสั่งพิจารณาบทลงโทษได้เลย ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ให้อุทธรณ์คำสั่ง สตง.ไปที่ ป.ป.ช. หรือ คตส. ไม่ใช่อุทธรณ์คำสั่งผู้บริหาร เพราะผู้บริหารไม่มีวันที่สั่งลงโทษงานโครงการของตนเอง เพราะการสั่งเช่นนั้นก็ไม่พ้นความผิดของข้าราชการ พนักงานที่ยอมทำตามผู้บริหาร เพราะกลัวไม่ได้รับการเลื่อนขั้น และ จนท.ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ตรวจสอบก็เกรงใจไม่กล้าฟันธง ฉะนั้นแล้ว ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน (ขอรับฉัน) ก็จะยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังตลอดกาล เพราะเมืองไทยเป็นระบบพวกพ้อง มือใครยาวสาวได้สาวเอา คนจนจึงจนลงแต่นักการเมืองกลับรวยขึ้น ด้วยคนไทยขาดจิตสำนึกความซื่อสัตย์ เห็นแก่สินบนที่เขาหยิบยื่น
ในเรื่องความคุ้มค่าการใช้เงิน
1. ใครเข้ามาบริหารงานประเทศ/องค์กรใหม่ ก็มักจะสั่งรื้อ ปรับปรุง ติดวอลเปเปอร์ใหม่ ซื้อของใหม่ เหมือนการขึ้นบ้านใหม่ก็จริง แต่นี่คือทรัพย์สินของแผ่นดิน ชาวบ้านเลือกเขามาก็เพื่อให้เป็นตัวแทนบริหารประเทศ ไม่ใช่ให้เขามาถลุงเงินแผ่นดิน หลายคนถ้าเป็นเงินของตัวเองจะไม่ยอมตัดสินใจซื้ออะไรง่ายๆ เพราะคนไทยมักคิดกันแบบนี้ว่า สมบัติชาติไม่ใช่สมบัติตัว
2. หลายโครงการที่จัดทำ เช่น การเลี้ยงรับรองระดับจังหวัดตามโครงการสภากาแฟเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิด มีการใช้เงินตกแต่งสถานที่เฉพาะค่าช่อดอกไม้ 20 จุด 30,000 บาท จุดพลุงานเลี้ยงรับคณะผู้บริหารท้องถิ่น 17 จังหวัดภาคเหนือตามโครงการกีฬาสัมพันธ์ 500,000 บาท ถามว่าถ้าใช้เงินส่วนตัวจะจัดแบบนี้หรือไม่ เงินจำนวนนี้นั้นควรนำไปจ่ายเป็นค่าอาหารกลางวันเลี้ยงเด็กยากไร้ไม่ดีกว่าหรือ สตง.อยู่ไหน? ตรวจแล้วก็แค่ตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ดังนั้น ควรให้อำนาจ สตง.ฟันธงได้เลยว่า มีการใช้เงินเกินขอบความจำเป็นหรือไม่ เมื่อไรคนไทยจึงจะตื่นมองเห็นความพอเพียงเดินตามในหลวงพระองค์ท่านซะที
3. ดิฉันเคยสอบถามสามเณรเพิ่งจบ ป. 6 ถึงเหตุผลในการบวช สามเณรเล่าว่า แม่มีลูก 2 คน เลิกกับพ่อแล้วมีสามีใหม่ แม่กำลังมีน้องในท้องอีก 1 คน ไม่มีเงินพอจะส่งเสียให้เรียนหนังสือ ตอนเรียนหนังสือบางวันก็ไม่ได้สตางค์ไปกินขนม แต่ผมก็ไม่เคยขาดเรียนนะครับ ฟังแล้วก็ให้สะท้อนใจ เมืองไทยก็เป็นแบบนี้เอง อะไรที่ควรสนับสนุนส่งเสริมกลับไม่ แต่อะไรที่ไม่ควรกลับทำ แล้วเมื่อไรประเทศชาติจะเจริญซะที คนมีโอกาสเท่านั้นที่จะอยู่รอด ดีที่เณรเป็นเด็กฉลาดช่างพูด+ขยัน ปัจจุบันบวชอยู่วัดเขาคีรีวงกต อ.นครไทย พิษณุโลก
เด็กหลายคนอดหลายมื้อกินมื้อเดียว งบประมาณจัดให้กระทรวงศึกษาธิการน้อยเกินไปหรือไร หรือจัดให้แล้วมัวแต่นำไปซื้อคอมให้เด็กเล่นเกม คิดแต่ว่าจะพัฒนาระดับสมอง แต่เปล่าเลย เนื้อมันสมองของเด็กหาได้รับการพัฒนาไม่ แล้วกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ล่ะอยู่ไหน หรือว่าเด็กไม่ใช่มนุษย์จึงไม่ได้รับการส่งเสริม หรือว่าเมืองไทยนั้นแก่วิชาการ+ทฤษฎี การปฏิบัติจึงไม่ได้ผล ปล่อยให้เด็กโตแบบฝรั่ง หากินแบบบุฟเฟ่ต์ รู้จักพึ่งพาตนเอง เด็กคนไหนพ่อแม่มีเงินก็โชคดี พ่อแม่พากินร้านอาหารดีๆ ครบทุกมื้อ ค่าอาหารกลางวันที่รัฐจัดสรรให้ก็ถึงแค่ระดับประถม ซึ่งไม่เพียงพอ ใครก็อยากทานอาหารฟรี ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของโรงเรียนหลายโรงเรียนให้เด็กนำข้าวมา แล้วโรงเรียนหากับข้าวให้
4. ไม่อยากจะบอกว่า สังคมที่มันฟอนเฟะอยู่นี้ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมเลียนแบบ โดยเฉพาะเลียนแบบดารา นุ่งสั้น สายเดี่ยว นมกระฉอกล้นแล้วล้นอีก น่าจะมีจิตสำนึก+เป็นแบบอย่างให้คนในสังคมโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นด้วย ไม่ใช่แต่งอวดสัดส่วนกัน บางคนนึกว่าใส่เสื้อซับใน/ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนอน พิธีกรเท่าที่เคยเห็นแต่งกายสุภาพก็ช่อง 11 รวมรายการนี้ ช่อง 5 ก็รายการบ้านเลขที่ 5 ฯลฯ
แม้ใครจะบอกว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่การที่คุณแต่งตัวแล้วออกในรายการที่คุณย่อมรู้ดีว่าต้องมีการแพร่ภาพให้คนทั่วไปรับชม ก็ถือว่าคุณละเมิดสิทธิส่วนสายตาของผู้ชมรายการ ด้วยเจตนาที่ตั้งใจอย่างแน่นอนเหมือนกัน ทำให้เสียอารมณ์ในการชมรายการอย่างมาก ก็เห็นด้วยกับความเห็นของคุณสนธิที่มีต่อความเห็นของอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ปรามลูกศิษย์ การแต่งกายของบางคนในยุคนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนทำให้คิดว่าเป็นพวกขายบริการ
5. การที่คนในชาติมีงานทำเพราะบริษัทอุตสาหกรรมก็ถือว่าช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ผลประโยชน์ที่ได้ตกอยู่กับกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่กลุ่ม แต่ผลเสียหายที่เกิดขึ้นตกอยู่กับประเทศ+คนในท้องถิ่นนั้น ดูมาบตาพุดเป็นตัวอย่าง ทิ้งไว้แต่สารพิษให้สูดดม น่าจะมีการคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว หลายครัวเรือนสามารถปลูกพืชสวนครัว พริก โหระพา หรือลดปริมาณขยะด้วยการนำพืชผักที่จะเสียนำมาทำปุ๋ยหมักธรรมชาติไว้ใช้เองได้
6. เงินโบนัสของท้องถิ่น ถือเป็นงบประมาณแผ่นดินที่ให้อำนาจท้องถิ่นใช้ดุลพินิจกันอย่างอิสระมากเกินขอบเขต ที่จะแจกจ่ายให้กับพนักงานส่วนท้องถิ่น ที่คิด (หรือ) ว่าได้ทำประโยชน์เสมือนเป็นรางวัลค่าเหนื่อย บางคนได้ขั้นเงินเดือนพิเศษแล้วยังจะได้เงินโบนัสตามขั้นเงินเดือนอีกด้วย เท่ากับได้โชค 2 ชั้น หลายคนได้ขั้นเงินเดือนปกติ โบนัสจึงได้ปกติตามไปด้วยเพราะไม่สามารถใช้ลิ้นในการทำงานได้ เนื่องจากเลียไม่เป็น บางองค์กรได้ 1 เท่า หลายองค์กรได้ 5 เท่า ขณะที่ข้าราชการส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาคหลายแห่ง ขนาดระดับซี 7 ยังได้แค่ 5-6 พันบาท แต่พนักงานจ้าง (ลูกจ้างชั่วคราว) กลับได้ตั้งหมื่นเศษ เท่าครึ่งของเงินเดือน วันๆ เดินเตร่ไปมาย้อนกลับมาดูระดับกรรมกรได้ค่าจ้างเดือนละแค่ 3-4 พันเศษ อนิจจา อยากถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เงินแผ่นดินว่า ถ้าเป็นเงินบริษัทตัวจะจ่ายกันแบบนี้หรือไม่ ดิฉันก็เป็นบุคลากรในท้องถิ่นเคยเป็นปลัด อบต. 6 ปี ย้ายมาอยู่ท้องถิ่นอีกแห่งในตำแหน่งอื่นที่เกี่ยวกับความยุติธรรม ด้วยเหตุผลหลายอย่าง 2 อย่างนั้นก็คือ ไม่อยากเห็นชาติถูกใครทำร้ายโกงกินแล้วเราไม่สามารถทำอะไรได้+ไม่อยากเป็นบันไดให้ใครเหยียบแล้วหาประโยชน์บนหลังเรา
คนยากจน+เด็กด้อยโอกาส ยังคงรอรับการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนที่หาผู้รับผิดชอบดูแลอย่างแท้จริงไม่ได้ น่าจะยกเลิกเงินตัวนี้ แล้วให้จ่ายเป็นสวัสดิการค่าพาหนะ/ค่าครองชีพตามสัดส่วนของเงินเดือน ยังจะเหมาะสมกว่า+ความเป็นธรรมในสังคมจะมีมากขึ้น สังเกตดู ทุกครั้งที่มีการเลื่อนขั้นเงินเดือน แทบไม่เคยเห็นข้าราชการผู้บริหารระดับสูงเสียสละหยิบยื่นเศษเงินให้ลูกน้องกันเลย เห็นแก่ตัวที่สุด ได้แล้วได้อีกไม่รู้จักพอ
อดที่จะระลึกถึงสมเด็จโต ที่องค์ท่านมักสอนคติธรรม และท่านก็ได้เป็นแบบอย่างโดยญาณบารมีขั้นสูงของท่านช่วยเหลือคนยากจนมาตลอด ไม่สะสมทรัพย์ แจกจ่ายบุญทานเสมอ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณสนธิในการทวงถามสัมปทานดาวเทียมไทยคมคืนจากสิงคโปร์ จากการอธิบาย ข้อเท็จ (รัฐบาลทักษิณทำ) จริง (คุณสนธิรวบรวมข้อมูล) เห็นว่ามีหนทางเอาคืนเกิน 100% ถ้ารัฐบาล+ฝ่ายกฎหมายไทยมีความมุ่งมั่นจริงใจ+จริงจังกล้าพอที่จะทวงคืน ไม่เห็นจะต้องไปเกรงใจอะไรสิงคโปร์ เพราะเขาก็ไม่เคยจะเกรงใจไทยอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่เห็นแม้เงานักกฎหมายไทยระดับหัวกะทิอินเตอร์เลย ยังคงหลับใหลกันอยู่หรือไร สงสารองค์กษัตริย์+ทหารหาญผู้กู้ชาติ คงส่งเสียงลั่นสรวงสวรรค์แล้วว่า ตูอุตส่าห์ฝ่าฟันแลกด้วยเลือด ด้วยชีวิต รักษาผืนแผ่นดินเอาไว้ ก็เพื่อให้พวกขายชาติมาทำลายล้างไว้เลย กระมัง?
ดิฉันเคยพูดกับพวกพ้องเสมอว่า บุคคลขายชาตินี้ไม่ใช่คนไทยหรอก แล้วก็จริง
หวังว่าผู้เกี่ยวข้องคงได้รับข้อมูลเพื่อการแก้ไขสิ่งที่ไม่ควรบ้าง และขอพระอำนาจบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์คุ้มครองผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกับคุณสนธิประสบสุข มีโชคมีชัยนะคะ
คนกรุงในท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก
******
คอลัมน์-“เสียงประชาชน”นี้จะเป็นช่องทางให้ประชาชนที่ต้องการแจ้งข่าวคราว เบาะแส ระบายความในใจต่อความเป็นไปในบ้านเมือง เพื่อส่งผ่านไปยังผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนในแผ่นดินได้รับรู้ร่วมกัน โดยส่งมาที่ peoplevoice@manager.co.th หรือส่งจดหมายมาที่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล 102/1 บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.10200 วงเล็บมุมซองว่า “เสียงประชาชน” หรือ โทรสาร 02-281-1708