xs
xsm
sm
md
lg

รำลึก 1 ปี 4 ก.พ.กู้ชาติ “สนธิ”เผยสิ่งศักดิ์สิทธิ์หนุนนำชัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ”เปิดใจ รำลึก 1 ปี ชุมนุมกู้ชาติ เผยได้ชัยชนะ เพราะเอาธรรมนำหน้า ประกอบกับได้แรงใจจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และพลังจิตจากครูบาอาจารย์หลายองค์ที่ให้ความเคารพนับถือ พร้อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครอง ให้พ้นจากไสยศาสตร์มนต์ดำของฝ่าย“ทักษิณ”

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ รำลึก 1 ปี 4 ก.พ.กู้ชาติ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ รำลึก 1ปี 4 ก.พ.กู้ชาติ ช่วงที่ 2

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ รำลึก 1 ปี 4 ก.พ.กู้ชาติ ช่วงที่ 3

วันที่ 4 ก.พ. 50 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในฐานะอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกรายการพิเศษทาง ASTV ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549

นายสนธิเล่าว่า ก่อนการชุมนุมขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตนได้ไปกราบหลวงตามหาบัวบ่อยครั้ง และได้เล่าปัญหาบ้านเมืองให้หลวงตาบัวฟัง ซึ่งหลวงตาบัวได้บอกว่า ให้สนธิเป็นคนนำในการขับไล่ทักษิณ เพราะเขาปราบกันมาหลายชาติแล้ว หลังจากนั้นมีพระป่ามารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ถึง 600 รูป ที่บ้านพระอาทิตย์ ซึ่งมีรูปถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย สิ่งที่ทำให้ตนได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้คือการยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้านำหน้า และอีกอย่างที่สำคัญคือพลังใจจากประชาชน

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังยอมรับด้วยว่า ในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ยึดถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นกำลังใจในการต่อสู้ คือ ท้าวจตุคามรามเทพที่ตนให้ความเคารพนับถือศรัทธามานาน ตั้งแต่ก่อนการชุมนุมขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตนได้รู้จักกับ พล.ต.ท.สรรเพ็ชญ์ ธรรมาธิกุล สมัยเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างวัตถุมงคลท้าวจตุคามฯ รุ่นแรก เมื่อปี 2530 พร้อมกับได้เล่าประวัติของการสร้างวัตถุมงคลท้าวจตุคามฯ โดยนายสนธิ บอกว่าองค์ท้าวจตุคามฯ รุ่นที่ 2 ที่ทำคือ รุ่นกู้ชาติเมื่อต้นปี 2549 ที่ผ่านมา ส่วนที่แพร่หลายอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนเป็นของปลอม เพราะของแท้ต้องมีพล.ต.ท.สรรเพ็ชญ์ร่วมทำพิธีด้วย โดยมีของศักดิ์สิทธิ์ประกอบคือ กริซ และคันฉ่องโบราณของท้าวจตุคามรามเทพ และเตือนประชาชนว่าอย่าได้ไปหลงเชื่อการปลุกเสกพระจตุคามรุ่นหลังๆ

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังได้เล่าอีกว่า มีคนทรงบอกให้ตนถือธงพระยาชิงชัยนำขบวนไปทุกครั้งที่มีการชุมนุม จะได้รับชัยชนะโดยที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เห็นได้จากวันที่มีการเดินขบวนจากบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อยื่นฎีกาผ่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และขณะที่เดินไปยื่นหนังสือให้พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลินที่กองทัพบกนั้น มีคนเตือนว่ามีผู้จ้องจะทำร้ายตน แต่วันนั้นมีประชาชนร่วมเดินขบวนด้วยจำนวนมาก ทำให้คนที่คิดร้ายไม่สามารถเข้ามาทำอะไรได้

ขณะที่สถานที่จัดการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นที่ลานพระรูป หรือสนามหลวง ทุกครั้งจะต้องมีการฝังเหรียญท้าวจตุคามฯ 5 เหรียญ ที่ผ่านการปลุกเสกมาโดยเฉพาะไว้บริเวณ 4 ทิศโดยรอบสถานที่ชุมนุม และตรงกลาง เพื่อป้องกันอันตรายและคุณไสยที่ฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณทำโดยหมอผีเขมร หมอพม่า พยายามทำเพื่อเอาชนะ ส่วนหนึ่งเลยกลายเป็นการต่อสู้กันทางไสยศาสตร์

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่มีการขึ้นเวทีปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนจะต้องพกยันต์ต่างๆ และสวมผ้าอังสะของพระที่นับถือติดตัวไว้ตลอด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังพกอยู่ นอกนั้นจะมีเหรียญหลวงตามหาบัว และลูกประคำ รวมทั้งแหวนพระยานาค เขี้ยวเสือสมิง ซึ่งล้วนได้มาจากพระอาจารย์ที่ตนให้ความเคารพนับถือ จะเห็นได้ว่าที่ตนขึ้นพูดจะเหมือนเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย โดยมีความฮึกเหิม เหมือนพูดไปโดยไม่รู้ตัว

นายสนธิ ได้กล่าวขอบคุณบรรดาพ่อแม่พี่น้องที่มีความเป็นห่วงช่วยกราบไหว้บูชา สวดมนต์ภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครอง รวมทั้งนำสิ่งของที่เป็นสิ่งศักดิ์มาให้ ซึ่งการชุมนุมที่ได้ชัยชนะนั้น เพราะมีการเอาธรรมของพระพุทธองค์นำหน้า แต่อย่างที่ 2 คือ พลังจิตจากพี่น้องประชาชนที่ส่งมาช่วย และอย่างที่ 3 คือพลังจิตจากครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือ

นายสนธิ ยังได้เล่าถึงบรรยากาศการเข้าพบพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ในคืนวันที่ 4 ก.พ. 49 ว่า ตนได้ไปให้ข้อมูลเพื่อให้พล.อ.สนธิ ตัดสินใจ และถึงแม้พล.อ.สนธิจะไม่พูดอะไรแต่ก็มีท่าทีตอบรับที่ดีและได้เดินมาส่งที่ประตูตอนกลับออกมาด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ในทางที่เสียหายกับตน แต่ตนก็เข้าใจว่าเป็นความจำเป็น เพราะพล.อ.สนธิเพิ่งขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ถ้าไม่ระวัดระวังก็อาจทำให้ถูกปลดเสียก่อน จนทำให้ไม่มี คมช.ในวันนี้ ดังนั้น จึงอยากจะให้ดูรัฐบาลนี้ไปนานๆ ด้วย โดยเฉพาะพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ถูกมองว่าหน่อมแน้ม แต่อาจมีอะไรอยู่ในใจลึกๆ ที่เหมือนถูกใส่กุญแจมมือเอาไว้ และยังไม่ถึงเวลาที่จะแสดงออกมา เพราะคนของทักษิณแทรกแอยู่ในทุกระดับ แม้แต่รอบข้างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ก็มี เพราะไม่เช่นนั้นคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คงไม่เข้าพบพล.อ.เปรมได้ง่ายๆ หรอก

ในตอนท้าย นายสนธิ ได้กล่าวถึงการตั้งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินว่า ชื่อ “ยามเฝ้าแผ่นดิน”นั้น ตนพูดออกมาโดยบังเอิญตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ย. 2548 ช่วงที่ยังจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่สวนลุมพินี หลังจากที่เห็นพี่น้องประชาชนจากหลากหลายอาชีพมารวมตัวกัน เพื่อร่วมต่อสู้ในอุดมการณ์เดียวกัน คือการต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และปฏิรูปสังคมการเมืองให้มีความยุติธรรม เมื่อการชุมนุมต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณสิ้นสุดลง จึงมีแนวคิดที่จะตั้งเป็นมูลนิธิ เพื่อสานต่อความตั้งใจและเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนร่วมอุดมการณ์ โดยหวังว่าจะเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ของไทยแห่งแรกที่ไม่ต้องรับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศเหมือนกับ NGO ไทยส่วนใหญ่ขณะนี้ ซึ่งต้องรับเงินสนุบสนุนจากต่างประเทศ แล้วก็ต้องเคลื่อนไหวสร้างผลงานตามแนวทางของชาติตะวันตก

"อย่าง คปส.(คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ) ของคุณสุภิญญา กลางนรงค์ ที่ออกมาด่าผม ก็เพื่อให้มีผลงานไปรับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ซึ่งผมไม่ถือสา เพราะเขาต้องพูดเพื่อให้มีผลงานจะได้เงินมาทำโครงการต่อ แต่สาระการพูดก็ต้องสนับสนุนแนวทางของฝรั่งที่เขาให้เงินมา"

นายสนธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาชิกยามเฝ้าแผ่นดินทั้งหมด จะมีการกำหนดจุดยืนร่วมกันต่อประเด็นปัญหาต่างๆ และระบุชัดเจนว่ามีกี่ข้อ อะไรบ้าง เมื่อมีการเลือกตั้ง หากพรรคการเมืองใดยอมรับกับแนวทางจุดยืนที่วางไว้ ก็จะให้การสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปแล้ว สมาชิกยามเฝ้าแผ่นดินจะคอยเฝ้าดูว่าได้ทำตามที่รับปากไว้หรือไม่ ซึ่งเมื่อก่อนนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าไปแล้ว ไม่มียามที่จะเฝ้าดู มีเพียงพรรคฝ่ายค้านที่พูดแค่เพื่อเอาชนะเท่านั้น แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่จะกระทบกับตัวเองด้วยก็จะไม่กล้าพูด แต่ยามเฝ้าแผ่นดินจะกล้าพูดทุกเรื่อง










กำลังโหลดความคิดเห็น