คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show
1."ในหลวง"พระราชทานตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคล 80 พรรษา/ผู้ขอใช้ต้องแจ้งสำนักราชเลขาธิการก่อน
หลังจากกรมศิลปากรได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการออกแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 8 ธันวาคม 2550 ล่าสุด 17 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการดำเนินการออกแบบตราสัญลักษณ์ว่า หลังจากได้รีบมอบหมายก็ได้ให้คณะช่าง 10 หมู่จำนวน 5 คนมาดำเนินการออกแบบตราสัญลักษณ์ ซึ่งได้แบบมาทั้งหมดจำนวน 12 ผลงาน และได้มีการคัดเลือกนำแบบที่ 12 ซึ่งเป็นผลงานของนายสุเมธ พุฒพวง หลังออกแบบเสร็จได้นำแบบตราสัญลักษณ์ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์มีพระราชกระแสรับสั่งให้ปรับแก้ถึง 3 ครั้งกว่าจะได้เป็นแบบตราสัญลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งแสดงออกถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ทางด้านงานจิตรกรรม สำหรับประชาชนหรือหน่วยงานที่มีความประสงค์จะขอใช้ตราสัญลักษณ์และการประดับธงตราสัญลักษณ์มีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1.กรณีที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป มีความประสงค์นำตราสัญลักษณ์ไปใช้ในการจัดทำสิ่งของใดๆ ก็ตามให้แจ้งสำนักราชเลขาธิการเพื่อพิจารณาคำขออนุญาต 2.โครงการและกิจกรรมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นโครงการและกิจกรรมร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ จากคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ แล้วสามารถนำไปใช้ในโครงการและกิจกรรมได้ทันที โดยให้แจ้งสำนักราชเลขาธิการทราบ เพื่อรวบรวมบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ยกเว้นโครงการและกิจกรรมที่ดำเนินเพื่อก่อให้เกิดรายได้ จะต้องได้รับการพิจารณาจากสำนักราชเลขาธิการก่อน 3.ให้ประดับธงชาติไทยคู่กับธงผืนผ้าสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์บนผืนผ้าและประดับตราสัญลักษณ์ตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ของหน่วยงาน เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากสำนักราชเลขาธิการ ทั้งนี้ ให้ประดับในระยะเวลาของการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นายสุเมธ พุฒพวง นักวิชาการช่างศิลป์ 7 กลุ่มงานศิลปประยุกต์กลุ่มจิตรกรรมศิลปประยุกต์และลายรดน้ำ ผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์ 80 พรรษาฯ กล่าวถึงแนวความคิดในการออกแบบว่า ภาพที่ปรากฏในตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 80 พรรษา ได้ใช้พระราชลัญจกรรัชกาลที่ 9 แทนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยมีพระมหาพิชัยมงกุฏพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร 9 ชั้นไว้ด้านบนสุด และพระเศวตฉัตร 7 ชั้น หมายถึงเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ ส่วนเลขไทย 80 ที่อยู่ด้านล่างและเพชร 80 เม็ดที่อยู่รอบๆ ตราสัญลักษณ์ หมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา แพรแถบสีชมพู บอกชื่อตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ส่วนการใช้แพรแถบสีชมพู เนื่องมาจากสีชมพูเป็นสีประจำอายุตามหลักโหราศาสตร์ไทย หมายถึงการมีสุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์ โดยในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสั่งให้เขียนดอกพิกุลเพิ่มเติมที่แท่นแปดเหลี่ยมรองรับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ที่มีความถึงความอุดมสมบูรณ์ เหตุผลที่ตนเขียนดอกพิกุล 9 ดอก ซึ่งประกอบด้วยดอกพิกุลเงิน 4 ดอก และ พิกุลทอง 5 ดอก นั้นหมายถึงว่า รัชกาลที่ 9 โดยในวันพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โปรยเงินและทอง ให้แก่ พราหมณ์และพระบรมวงศานุวงศ์
ในหลวงพระราชทานตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
2."สนธิ"ชี้ "นภดล"ทรยศต่อจิตวิญญาณไปรับใช้ "แม้ว"/แนะปิดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสุสานฝัง"ระบอบทักษิณ"
รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดประเด็นด้วยเรื่องของ นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว โดยชี้ให้เห็นว่าเป็นคนอกตัญญู ไม่รู้จักบุญคุณคนที่ชุบเลี้ยงมา นายสนธิ ระบุว่า นายนพดล เคยเป็นนักเรียนทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ที่ทรงก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มูลนิธิอานันทมหิดลมีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย คือ นักเรียนทุนเมื่อเรียนจบไปแล้วไม่ต้องมาทำงานให้หน่วยงานของรัฐ หรือทำงานใช้ทุนหรือมีสัญญาผูกมัด เหมือนมูลนิธิอื่น มีเพียงวัตถุประสงค์หลัก 4 ข้อ คือเมื่อกลับมาแล้วให้ถ่ายทอดความรู้ และพัฒนาบ้านเมือง ให้ทำงานในประเทศ มีคุณธรรม และมีความประพฤติดี ต้องค้นคว้าทางวิชาการ รวมทั้งร่วมมือทางวิชาการให้กว้างขวาง แต่นายนพดลไม่ได้มีทั้ง 4 ข้อนี้เลย ทรยศต่อทุนที่ให้ไป นายสนธิ กล่าวอีกว่า นายนพดล ที่ได้รับทุนอานันทมหิดล เดิมเป็นคนโคราช เป็นเด็กยากจน มากรุงเทพฯเรียนโรงเรียนวัด และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เกียรตินิยมและได้ทุนไปเรียนที่อ็อกฟอร์ด อังกฤษ ซึ่งก่อนไปเรียนต่อที่เมืองนอกทุกคนจะได้เข้าเฝ้าฯทุกคน แต่วันนี้ นายนพดล เป็นนักเรียนทุนคนเดียวที่ไม่รู้จักกตัญญู ทรยศต่อจิตวิญญาณ อย่างเลวทรามที่สุด ถ้าไปอยู่บริษัทเอกชนอย่างที่เคยทำมาก็ไม่เป็นไร แต่นี่กลับมาปกป้อง นายทักษิณ ที่มีพฤติกรรมและคำพูดประจักษ์ว่าหมิ่นเหม่ว่าจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว แต่เพียงแค่เห็นแก่เงินของนายทักษิณที่จ่ายให้เท่านั้น ซึ่งถ้าไปปกป้องคนอื่นที่ไม่มีพฤติกรรมหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงดังกล่าวก็ไม่เป็นไร พร้อมท้า นายนพดล ให้ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท และถ้าศาลตัดสินว่าผิดก็จะยอมติดคุก เมื่อพูดถึงตอนนี้นายสนธิ ได้ยกเอาพระราชนิพนธ์ของพระเจ้าอยู่หัวและประวัติของทองแดงสุนัขทรงเลี้ยง ที่เปรียบให้เห็นว่าแม้จะเป็นสุนัขข้างถนน มาทรงชุบเลี้ยงจนอ้วนพีจาก ทองแดง มาเป็นคุณทองแดง ซึ่งเหมือนกับ นายนพดล ที่มาจากข้างถนนเพราะเป็นเด็กยากจนมาก่อน แต่ต่างกันที่ความกตัญญูรู้คุณ ที่เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทางไหนคุณทองแดงจะตามเสด็จไปพิทักษ์ตลอดเวลา และเมื่อมีลูกยังสั่งสอนลูกให้กตัญญูอีก ขอให้นายนพดลมีความสำนึก และเทียบไม่ได้กับคุณทองแดง ผมท้าให้ฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทที่ไปเทียบกับสุนัขตัวหนึ่ง นายกสนธิ ยังเรียกร้อง ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสุสานฝังระบอบทักษิณมันให้หมด อยากจะขอร้องให้ คมช.และรัฐบาลมีความกล้าหาญพอ ศึกษาให้ละเอียด ถ้าต้องปิดก็ปิด ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาแล้วย้ายกลับดอนเมืองเลย ไม่มีอะไรเสียหาย รายได้ก็เหมือนเดิมก็คือเครื่องบินมันก็มาลงที่ดอนเมือง ดอนเมืองเป็นของการท่าฯ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราใช้สุวรรณภูมิเป็นสุสานในการแก้ปัญหา ลิสต์มาเลย ว่ามีปัญหาตรงไหนบ้าง แล้วก็ออกมาแถลงข่าวให้พร้อม ว่าประเทศไทยมีความเสียใจที่ต้องปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ชั่วคราว เพื่อซ่อมแซมครั้งยิ่งใหญ่ ก็เพราะสนามบินสุวรรณภูมิไม่ปลอดภัย ซึ่งมันเกิดขึ้นเพราะมีการคอร์รัปชั่นโกงกิน ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศเพียงแค่นี้ เชิญซีเอ็นเอ็นมา บีบีซีมา เอเชียวอลล์สตรีทเจอร์นัลมา เชิญซีซีทีวีมา เท่านี้เอง ทักษิณมันออกซีเอ็นเอ็นอีก 100 ครั้ง ก็ไม่มีความหมาย ประณามมันออกไปทั่วโลกเลยให้เห็นว่าไอ้ที่มันเดินสายด่าเราทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้ ในช่วงท้ายรายการ นายสนธิกล่าวว่า ให้ติดตามคดีลอบวางระเบิด 8 จุดในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 49 ให้ดี เพราะมีแนวโน้มว่า ตำรวจพยายามจะทำคดีให้เชื่อมโยงว่า คมช.เป็นคนทำ เป็นการปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อโยนผิดให้ คมช.หากเขาถูกสั่งย้าย ก็จะอ้างว่า เป็นเพราะเหตุการณ์ระเบิดโยงใยไปถึง คมช.
เมืองไทยรายสัปดาห์:สนธิ"สุดทนอัด"นพดล"อกตัญญู-จี้ปิด “สุวรรณภูมิ” แปลงเป็นสุสานฝัง“ระบอบทักษิณ”
3.รัฐบาล 3 มาตรการกดดัน"สิงคโปร์"ต้อนรับแม้ว-ปล่อยวิจารณ์ไทย
ข่าวฮอตในรอบสัปดาห์ต้องยกให้กรณีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี งัดมาตรการทางการทูตกดดันสิงคโปร์ หลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพบรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยนายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ได้เชิญนายปีเตอร์ ชาน เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย มาพบที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อชี้แจงท่าทีของไทย เกี่ยวกับกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปพบกับรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งสิ่งที่ได้แจ้งไปคือ ทางการไทยมีความไม่พอใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว และคำอธิบายที่สิงคโปร์ชี้แจงมา เพราะเห็นว่าอาจกระทบกระเทือนกับความเข้าใจ และความไว้เนื้อเชื้อใจระหว่างกัน พร้อมแจ้งให้ทูตสิงคโปร์รับทราบว่า เราจะดำเนินการดังนี้ 1. ระงับความร่วมมือภายใต้กรอบโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการ พลเรือนไทย-สิงคโปร์ (Civil Service Exchange Program หรือ CSEP) 2. ยกเลิกการประชุมดังกล่าว CSEP ครั้งที่ 8 เดิมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29-31 ม.ค.50 และ 3. ถอนคำเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ ที่จะมาเยือนไทย ในวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ เพื่อร่วมกิจกรรมในการประชุม CSEP ด้านพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานประธานคมช.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่มีอะไรกระทบความมั่นคงภายใน แต่โดยมารยาท กระทรวงการต่างประเทศต้องคุยกับประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไป คือต้องมีการเจรจาพอสมควร กระทรวงต่างประเทศต้องพิจารณาความเหมาะสมว่า กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ แม้อดีตนายกฯ จะกล่าวเสมอว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ภาพลักษณ์เป็นอย่างไรกระทรวงต่างประเทศต้องพิจารณา ซึ่งการเดินทางไปแต่ละประเทศก็ต้องมีระดับของมัน ทั้งนี้ หลักการเจ้าหน้าที่สิงคโปร์ก็ไม่ต้องไปต้อนรับ ส่วนการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ หากมองในภาพความมั่นคง ไม่กระทบกับเรื่องที่แก้ปัญหา แต่เรื่องระหว่างประเทศกระทรวงต่างประเทศต้องคำนึงถึง ส่วนที่มีการบล็อกภาพข่าวซีเอ็นเอ็น ไม่ให้เสนอข่าวนี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ทราบเหมือนกัน แต่เกิดจากการที่เราขอความร่วมมือ เมื่อถามย้ำว่า เกิดจากความร่วมมือของยูบีซี ไม่ใช่ คมช.สั่งการตัดสัญญาณ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ใช่ครับ ล่าสุดสื่อญี่ปุ่น 19 ม.ค.ที่ผ่านมาต่างรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปถึงท่าอากาศยานนาริตะ ของกรุงโตเกียว ตั้งแต่คืนวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวจิจิเพรสบอกว่า เป็นที่คาดหมายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพำนักในญี่ปุ่นไปจนถึงวันที่ 25 ม.ค.นี้ ส่วนหนังสือพิมพ์โยมิอูริชิมบุงบอกว่า อดีตนายกฯไทยผู้นี้น่าจะไปบรรยายพิเศษ ตลอดจนพบปะกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ในกระทรวง ตลอดจนในคณะรัฐบาลญี่ปุ่น ไม่มีกำหนดการใดๆ ที่จะพบหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดับกับรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน และตระหนักดีว่ารัฐบาลไทยอ่อนไหวมากเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในขณะที่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ได้เคยแจ้งให้ตนเองทราบว่า "รู้สึกไม่สบายใจ" ต่อการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แวะไปที่จีนบ่อยๆ พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายจีนมิได้ให้การปฏิบัติเป็นพิเศษต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนคนใดพบปะกับเขาด้วย มีแต่พวกนักธุรกิจเท่านั้นที่พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะเดียวกัน เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชื่อดังของฮ่องกง รายงานว่า ระหว่างที่พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่ในฮ่องกง ได้ลงนามว่าจ้างสำนักงานบาร์เบอร์ กริฟฟิธ แอนด์ รอเจอร์ส (บีจีอาร์) ซึ่งเป็นสำนักงานนักล็อบบี้ทางการเมืองอเมริกัน เพื่อให้ทำงานช่วยหาความสนับสนุนในกรุงวอชิงตัน โดยเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์เผยโดยอ้างแหล่งข่าวซึ่งไม่ระบุนามว่า ในฮ่องกงว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้พบปะกับนักล็อบบี้ของสำนักงานแห่งนี้หลายคน อาทิ นายสตีเฟน ราเดเมเคอร์ ผู้เคยเป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐฯ, นายเอด รอเจอร์ส หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสำนักงาน อีกทั้งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และสมัยประธานาธิบดีจอร์จ บุช ผู้พ่อ
“นิตย์” รับ “ทักษิณ” จ้าง บ.ล็อบบี้ยิสต์มะกันสั่งติดตามเข้ม
“สุรยุทธ์” กร้าวสั่งสอนสิงคโปร์-เงื่อนไข “แม้ว” กลับต้องหยุดป่วน
นายกฯย้ำตอบโต้สิงคโปร์เหมาะสม-เผยเคยเตือนแล้วไม่ฟัง
4. “สนธิ” ชี้คดีบึ้มกรุงฯหากจับแพะ “โกวิท” ต้องรับผิดชอบ/ “สพรั่ง”ย้ำการเมืองอยู่เบื้องหลัง
ประเด็นข่าวที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือกรณีการตรวจค้นควบคุมตัวนายทหารและพลเรือนทั้ง 18 คนที่ถูกระบุว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด 9 จุดใน กทม. มีรายงานการสืบสวนทราบว่ามีการแบ่งงานกัน 3 กลุ่ม โดยชุดแรกเป็นกลุ่มของ เสธ. “ต.” ที่รับงานมาจากผู้บงการ ที่มีความขัดแย้งกับนายทหารบางคนในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ส่วนชุดที่ 2 มี พ.ท. “ม.” และ พ.ท. “ส.” ทำหน้าที่จัดหาวัตถุระเบิดก่อนนำไปให้ทหารชั้นประทวนประกอบ ส่วนสถานที่นั้น ทางชุดสืบสวนเชื่อว่าน่าจะเป็นที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งที่ จ.ลพบุรี ส่วนกลุ่มคนร้ายชุดที่ 3 ก็จะเป็นกลุ่มพลเรือนที่มีความใกล้ชิดกับ เสธ. “ต.” จะเป็นผู้ที่นำระเบิดที่ประกอบแล้วไปว่าจ้างให้พลเรือนอีกกลุ่มนำไปวาง หรืออาจจะลงมือนำไปวางเอง โดยส่วนนี้ชุดคลี่คลายคดีมีรายชื่อพลเรือนที่สงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กบ่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าผู้ต้องสงสัยทุกคนปฏิเสธข้อกล่าวหา และยังไม่มีข้อมูลใดชัดเจนว่า ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ต้องสงสัยอีกจำนวนมากที่ต้องเชิญมา และไม่ได้มีเฉพาะทหารเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง แต่มีทั้งหมด 4 สี โดยผู้ที่ถูกเชิญตัวมา เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ส่วนจะเกี่ยวโยงกับคดีลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีพฤติกรรมหรือไม่ หากมีพฤติกรรม ก็ต้องสงสัยไว้ก่อน นอกจากนี้ ต้องดูศักยภาพว่า จะสามารถทำได้หรือไม่ เป็นการตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน เป็นการวิเคราะห์ของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งการกระทำอาจเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่คนสั่งการที่อยู่เบื้องบน อาจเป็นคนละคนก็ได้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนในเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา อย่าให้มีแพะ เราคงมีประวัติศาสตร์ที่จำได้ในเรื่องคดีเชอรี่แอน ดันแคน เป็นบทเรียนของการทำงานตรงนี้อยู่แล้ว แต่คราวนี้ขอให้ตรงไป ตรงมา ถ้าเผื่อไม่ตรงไปตรงมา ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ ส่วนท่านจะรับผิดชอบขนาดไหน ก็คงรู้ตัวท่านเอง สำหรับโทษของผู้ที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดในขณะที่มีกฎอัยการศึก โทษค่อนข้างแรง สูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ด้าน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผบ.ทบ .และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า เป็นกลุ่มเสียผลประโยชน์เป็นการฉวยโอกาสเหมือนเชื้อโรคฉวยโอกาส ตนไม่เคยพูดว่าจะเป็นนาย ก. หรือนาย ข. เพียงแต่บอกว่าคนที่จะทำมีสี เมื่อถามว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล และ คมช.ใช่หรือไม่ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ถ้าเป็นผลทางการเมืองก็ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะไปดิสเครดิตประชาชนตรงไหน ซึ่งเมื่อคุมสถานการณ์ไม่ได้ก็ใส่ร้ายกันเลยว่า คมช.ทำเองมันง่ายดีเพราะสังคมไทยใส่ร้ายป้ายสีกัน ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเชื่อกันง่ายๆ แต่รับกันเลย เพราะสังคมเคยทำอย่างนี้มาก่อน คนที่ทำก็ยังมีชีวิตอยู่ลอยหน้าลอยตากันอยู่ด้าน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ส่งทหารเข้าไปร่วมกับตำรวจตรวจค้นผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดว่า เป็นการเข้าไปดูแลความเรียบร้อยของทางคดี ซึ่งเขาไม่ใช่ผู้ต้องหาเพียงแต่เชิญตัวมาสอบข้อเท็จจริงซึ่งมีมากกว่านี้อีกหลายกลุ่ม ชุดนี้เป็นเพียงชุดแรกที่เชิญตัวมาเพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งขอชี้แจงว่ายังไม่ใช่ผู้ต้องหา ตนขอยืนยันว่ายังมีอีกหลายกลุ่ม ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 จะเข้าไปดูแลทั้งหมด
“สพรั่ง” หมายหัว “แก๊งมีสี” บึ้มกรุง - ไม่พ้นเงื้อมมือ
“สนธิ” ชี้แก๊ง 4 สีบึ้ม กทม. - ฮึ่ม! “โกวิท” ปลดเกียร์ว่าง
“สนธิ” ไฟเขียวค้นแหล่งสงสัยคดีบึ้ม - เอาจริงตั้งทีมประกบ ตร.
5."รมว.คมนาคม"ถกเครียดรันเวย์สุวรรณภูมิทรุด/2-3 สัปดาห์ สรุปใช้ดอนเมืองชงครม.
ประเด็นรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิทรุด ยังคงเป็นประเด็นน่าสนใจ โดยเมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมเพื่อพิจารณาการใช้ประโยชน์ของสนามบินดอนเมือง ซึ่งมีพลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคมเป็นประธาน นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. ได้หยิบยกประเด็นปัญหา กรณีที่พบการทรุดตัวเล็กน้อยของรันเวย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ ในลักษณะเช่นเดียวกับพื้นผิวที่เป็นลูกรัง ซึ่งอาจมีผลต่อเครื่องบินเวลาลงได้ และในทางด้านวิศวกรรมนั้นอาจสามารถซ่อมแซมและแก้ไขได้ แต่ก็อาจพบปัญหาในลัษณะซ้ำๆ ขึ้นได้อีก โดยการหยิบยกประเด็นดังกล่าวได้สร้างความแปลกใจให้กับที่ประชุมเป็นอย่างมาก ภายหลังการประชุม พล.ร.อ.ธีระ พร้อมด้วยนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม ได้เรียกนายต่อตระกูล ยมนาค และนายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ซึ่งเป็นกรรมการบอร์ด ทอท.ประชุมนอกรอบ โดยได้มีการหารือถึงประเด็นปัญหาการทรุดตัวของรันเวย์ และแนวทางในการแก้ไข เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเป็นห่วงมาก โดยมีนายต่อตระกูล เป็นผู้ชี้แจงว่าพบการทรุดตัวบริเวณจุดทำการบินขึ้นของรันเวย์ ส่วนวิธีการแก้ไขจะต้องปิดการใช้งานรันเวย์เพื่อทำการซ่อมแซม ด้านแหล่งข่าวจาก ทอท.กล่าวว่าทาง ทอท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างเร่งรัดในการว่าจ้างหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านของพื้นผิวใต้ดินโดยเฉพาะเอไอทีให้ทำข้อเสนอเข้ามายังทอท.เพื่อที่จะเข้ามาทำการสำรวจและหาข้อเท็จจริงของปัญหารอยร่อนและแตกร้าวของแท็กซี่เวย์ ว่าเกิดจากสาเหตุใดเพื่อที่จะได้ดำเนินการแก้ไขได้อย่างถูกต้องส่วนปัญหาระยะเร่งด่วนทาง ผู้รับเหมาที่รับผิดชอบได้มีการเร่งรัดในการซ่อมแซมพื้นที่ผิวที่เสียหายอย่างเร่งด่วนแล้งเช่นกัน ด้านนายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยอมรับว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีปัญหาน้ำท่วมขังอยู่ในระดับสูงและเป็นสิ่งที่ทางผู้รับเหมาได้มีการแจ้งบอกเป็นข้อปฏิบัติอยู่แล้วว่าจะต้องรักษาระดับน้ำบริเวณคูรอบรันเวย์ส่วนหนังสือแจ้งเตือนจากผู้รับเหมานั้น ตนจะต้องไปตรวจสอบอีกครั้งแต่ยืนยันว่าในส่วนของรันเวย์ที่มีการใช้งานอยู่ยังไม่พบปัญหาว่ามีการทรุดตัวส่วนที่อาจมีน้ำซึมเข้าไปด้านใต้นั้นจะต้องเร่งให้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในบริเวณแท็กซี่เวย์และรวมไปถึงการตรวจสอบรันเวย์ของสนามบินด้วย แหล่งข่าวจากผู้รับเหมาก่อสร้าง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าจากปัญหาแท็กซี่เวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เกิดการแตกร้าวเป็นจำนวนมากนั้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาน้ำซึมเข้าไปใต้พื้นผิวของแท็กซี่เวย์และได้มีการคาดการณ์ว่า อาจมีผลกระทบต่อรันเวย์ของสนามบินด้วย ดังนั้นหากมีน้ำซึมเข้าไปยัง ใต้รันเวย์ก็จะส่งผลให้รันเวย์ซึ่งได้รับแรงกระแทกของเครื่องบินที่มีน้ำหนักมากในช่วงที่เครื่องบินจะต้องลงจอดอาจทำให้เกิดการยุบตัวลงได้เรื่อยๆ ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงปี 49 ที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาน้ำท่วม และทำให้มีน้ำขังเกินระดับที่จะเกิดความปลอดภัยต่อรันเวย์ ในขณะนั้นทางผู้รับเหมาจึงได้ทำหนังสือถึง ทอท.เพื่อขอให้ดำเนินการสูบน้ำบริเวณคูรอบรันเวย์ออกเพื่อป้องกันน้ำที่อาจซึมเข้าไปใต้รันเวย์ได้ ปรากฏว่า ทางทอท.ไม่ดำเนินการใดๆ โดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านโดยรอบ เนื่องจากปริมาณน้ำรอบสนามบินก็อยู่ในระดับสูงมากเช่นกัน พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม ยังกล่าวภายหลังประชุมเรื่องการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองร่วมกับสายการบินต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ที่ประชุมได้รับฟังความติดเห็นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งปัญหาและอุปสรรคข้อขัดข้องต่าง ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดที่มีมาพิจารณาร่วมกับนายสรรเสริญ วงศ์ชอุ่ม รมช.คมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่งก่อน ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมครม.พิจาณาให้ความเห็นชอบ โดยคาดว่าจะได้ข้อยุติภายใน 2-3 สัปดาห์นี้
ก.คมนาคมยังไม่สรุปย้ายเที่ยวบินในประเทศใช้ดอนเมือง
หวั่นรันเวย์สุวรรณภูมิทรุด ปัญหาน้ำท่วมขังเกินระดับ
6."ปธ.บอร์ดทีโอที"ลาออกหลังศาลรับฟ้อง/ เตรียมยื่นอุทธรณ์สู้อีกรอบ
ข่าวคราวที่น่าสนใจอีกประเด็นคือกรณีบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ได้ยื่นฟ้องบริษัท ทีโอที ต่อศาลปกครองคือ 1. เพื่อร้องขอความยุติธรรมและขอให้ศาลปกครองสั่งให้ทีโอทีปฏิบัติตามกฎหมายและตามสัญญาโดยขอให้ทีโอทีดำเนินการให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐานของทีโอที สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานของ ทีโอที เพื่อติดต่อกับเลขหมายโทรศัพท์ใหม่ของดีแทคจำนวน 1.5 ล้านเลขหมาย ที่ดีแทคได้รับการจัดสรรจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 และ 2. ดีแทคขอเรียกค่าเสียหายจากการดำเนินงานด้านการตลาดกับ ทีโอที ประมาณ 73 ล้านบาท และเรียกค่าเสียโอกาสอีกประมาณ 15 ล้านบาท/วัน จนกว่าการไต่สวนจะได้ข้อยุติ โดยศาลปกครองกลางได้รับเรื่องไว้ และได้ทำการนัดไต่สวนกับคู่กรณีทั้งสองเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา จากการไต่สวนคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ศาลปกครองกลาง จึงมีคำสั่งกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษา โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้ผู้ใช้เลขหมายโทรศัพท์ผู้ถูกฟ้องคดี ได้รับการจัดสรรจาก กทช. สามารถติดต่อกับเลขหมาย โทรคมนาคม ของผู้ถูกฟ้องคดีได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เนื่องจากศาลปกครองเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่เชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมของผู้ฟ้องคดีกับโครงข่ายของผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่และฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการละเมิดต่อผู้ถูกฟ้องคดี และผู้ถูกฟ้องคดีได้มีศาลขอให้ศาลกำหนดมาตรการวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดี ดำเนินการเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล อันเป็นคำขอให้ศาลมีคำสั่งใดๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีจะได้รับต่อไป นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า ดีแทครู้สึกโล่งใจแทนลูกค้าที่ไม่ต้องแบกรับความเดือดร้อนจากการถูกบล็อคการติดต่อสื่อสารอีกต่อไป และต้องขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีที่ได้เข้ามาช่วยดูแลปัญหาที่เกิดขึ้น และหวังว่าทีโอทีจะเคารพในคำสั่งของศาลและปฏิบัติตาม ด้านพล.อ.มนตรี สุภาพร ประธานคณะกรรมการ ทีโอที ได้ประชุมร่วมกับบอร์ดทั้ง 6 ท่านและได้สั่งการไปยังฝ่ายบริหารให้ เปิดการเชื่อมต่อเลขหมายของดีแทคตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 19 ม.ค.แล้ว และได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าตนในฐานะประธานบอร์ดไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของทีโอทีได้ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมนี้เป็นต้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้กระทรวงการคลัง สรรหาบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งต่อไป ด้านนายปริญญา วิเศษศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักกฎหมาย ทีโอที กล่าวว่า หลังจากที่ศาลมีคำสั่งออกมาแล้ว ทางทีโอที คงจะต้องดำเนินการเชื่อมต่อให้กับดีแทคต่อไป แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการดำเนินสักระยะหนึ่ง เพราะในทางเทคนิคการต่อเชื่อมไม่ใช่จะสามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งในเรื่องดังกล่าวทางดีแทค เองก็คงทราบดี ขณะเดียวกันก็จะเตรียมรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อยื่นอุทรณ์ ให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของศาลปกครองกลางด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการภายใน 30 วัน
ปธ.บอร์ดทีโอทีแสดงสปิริตออกหลังศาลรับฟ้อง
7.กทม. เข้มมาตรฐานร้านเชือดไก่ ถนนมังกร ย่านเยาวราช/ผู้อยู่ในข่ายระวังโรคพุ่ง 111 ราย
ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกยังคงได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเมื่อ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.)ได้เตรียมมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก ในพื้นที่ กทม.โดยจะตรวจติดตามการระบาดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเขตพื้นที่เสี่ยงที่เคยมีการแพร่ระบาด เช่น หนองจอก มีนบุรี คลองสามวา และทวีวัฒนา ซึ่งเป็นพื้นที่ไก่ชน นอกจากนื้ ยังมีมาตรการด้านสุขอนามัยในพื้นที่เชือดไก่ ย่านคลองเตย และ เยาวราช อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยืนยันว่า ยังไม่มีรายงานการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในเขตใดของ กทม.ด้าน นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคไข้หวัดนกไม่ให้ติดต่อมาสู่คนอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการโรคไข้หวัดนกทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-590-3333 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการตอบข้อคำถามโรคไข้หวัดนกแก่ประชาชนในการป้องกันตนเอง ปรากฎว่าเฉลี่ยในแต่ละวันมีประชาชนโทรสอบถามประมาณ 40-50 สาย ส่วนใหญ่มักจะถามเรื่องมาตรการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดนก ส่วนผลการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคน ตั้งแต่วันที่ 1-20 ม.ค.50 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รายงานผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ไอ หรือเป็นไข้หวัดใหญ่หรือปอดบวมที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกสะสม 111 ราย จาก 31 จังหวัด โดยเฉพาะวันที่ 20 ม.ค.50 ได้รับรายงานรวม 19 ราย จาก 9 จังหวัด ดังนี้ ลพบุรี 6 ราย สุพรรณบุรี 4 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 3 ราย ส่วนอีก 6 ราย จากกาญจนบุรี ปราจีนบุรี พิจิตร นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา และสตูล จังหวัดละ 1 ราย ยังไม่พบรายใดป่วยเป็นโรคไข้หวัดนก สำหรับผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการของชายวัย 43 ปี ซึ่งเป็นคนเลี้ยงเป็ดอยู่หมู่ที่ 4 ต.ทับน้ำ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีอาการป่วย มีไข้ หลังจากฝังทำลายเป็ด 93 ตัว ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางปะหัน ในห้องแยกปลอดเชื้อ โดยนพ.ไพรจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แจ้งผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการเมื่อบ่าย21 ม.ค.พบว่า ผลเป็นลบ โดยอาการของผู้ป่วยขณะนี้ไม่มีไข้ และไม่ไอแล้ว และได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในพื้นที่เฝ้าระวังผู้ที่มีอาการไข้ ไอ รายอื่นจากพื้นที่เดียวกันเป็นเวลา 10 วัน สำหรับสถานการณ์การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในส่วนภูมิภาค นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผวจ.หนองคาย พร้อมนายทองพูล แก้วบุตร ปศุสัตว์จังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจฟาร์มเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่อีกครั้งในพื้นที่หมู่ 8 บ้านโนนสง่า ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังปัญหาไข้หวัดนก เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่าไก่ทยอยตายผิดปกติประมาณ 200 ตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำลายไก่ไปแล้วกว่า 2,000 ตัว นอกจากนี้ ยังทำลายไก่พื้นเมืองของพื้นที่ใกล้เคียงประมาณ 60 ตัว ซึ่งไก่ที่ตายครั้งนี้ อาจเป็นผลมาจากอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเพื่อไม่ประมาท ได้ส่งตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์แล้ว คาดว่าจะทราบผลเร็ว ๆ นี้ ส่วนที่ จ.พิจิตร นายสิทธิเดช พันธ์ธงชัย หัวหน้าด่านกักกันสัตว์จังหวัดพิจิตร ได้สกัดจับคนขับรถบรรทุก 6 ล้อ บริเวณพื้นที่หมู่ 5 ตำบลหัวดง อำเภอเมือง ขนย้ายเป็ดไล่ทุ่งอายุ 4 เดือน ประมาณ 7,000 ตัว ข้ามหมู่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงที่จังหวัดประกาศให้เป็นพื้นที่เขตสงสัยการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนก โดยห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกทุกชนิด สำหรับเป็ดดังกล่าวทางปศุสัตว์อำเภอได้กักบริเวณไว้ทั้งหมด และเก็บมูลตัวอย่างส่งไปตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์พัฒนาคุณภาพสัตว์ปีกภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก หากตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกจะต้องทำลายทันที
กทม.ยันไม่พบการแพร่ระบาดของหวัดนก คุมเข้มโรงเชือดรับตรุษจีน
รวบเกษตรกรพิจิตรลอบขนเป็ด 7 พันตัวออกนอกพื้นที่ฝืนคำสั่งสกัดหวัดนก
