xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยรายสัปดาห์:"สนธิ"จี้“วิจิตร-“อุ๋ย”ไขก็อกจาก ครม."สุรยุทธ์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
“หม่อมอุ๋ย – วิจิตร”อ่วม “สนธิ” แนะทิ้งเก้าอี้ รมต.พ้นครม. “สุรยุทธ์” จี้ “นิตย์”ทบทวนพาสปอร์ต“ทักษิณ” ชี้คนถูกรัฐประหารด้วยข้อหาฉกรรจ์ไม่สมควรได้รับสิทธิพิเศษเหมือนอดีตนายกฯที่ออกจากตำแหน่งด้วยตนเองขณะเดียวกัน ระบุเหตุถอนฟ้อง อสมท. เพราะเปลี่ยนบอร์ดใหม่เรื่องก็ควรจบ ย้ำเจตนารมณ์ ไม่คิดไปเหยียบ อสมท.อย่างที่ถูกกล่าวหา แฉอีกเจ้ากระทรวงเสมาหวังชงตัวเองเป็นคนแรกที่ผลักดันมหาวิทยาลัยออกนอกระบบทั้งหมด

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล ช่วงที่ 2

สนธิ - ครับสวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2549 เมื่อกี้นี้ได้เห็นภาพประวัติศาสตร์ของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่า เขาเป็นคนที่เสียภาษีมากกว่าทุกๆ คนรวมกันทั้งประเทศ เดี๋ยวเราจะรู้ผลของการเสียภาษีของเขาว่าเป็นอย่างไร วันนี้ขอทักทายท่านผู้ชม ก่อนอื่น ท่านผู้ชมที่อยู่ในห้องส่ง สตูดิโอนี้ และห้องที่อยู่ข้างนอก นั่งรวมกันอยู่ด้านนอกของอาคารบ้านเจ้าพระยา ขอต้อนรับพี่น้องชาวซานฟรานซิสโกที่อุตส่าบินมาจากต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยแล้วมา เข้ามาชมในที่นี้ด้วย ท่านผู้ชมที่ดูระบบเคเบิลทีวีต่างจังหวัด ท่านผู้ชมที่มีจานรับดาวเทียมของตัวเองในประเทศไทย และท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้ อดหลับอดนอน ตื่นมาตี 3 ตี 4 ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อดูรายการนี้ และแคนาดา และท่านผู้ชมที่ดูผ่านอินเตอร์เน็ต ที่อยู่ทั่วโลก

สนธิ - วันนี้ขอเอาเรื่องหลายเรื่องที่อยากจะพูดให้ท่านผู้ชมฟัง วันนี้มีเรื่องพูดเยอะ ยังไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าแต่ละเรื่องนั้นเป็นเรื่องเผ็ดร้อนทั้งนั้น ถ้าไม่พูดแล้วเดี๋ยวจะหาว่าไม่รักกันจริง ท่านผู้ชมที่อยากจะแสดงความคิดเห็นในรายการนี้ โทรศัพท์มาได้ที่ 0-2629-4433 ก่อนจะเข้าเรื่อง สิ้นปีนี้ อีกไม่กี่วันแล้วคงต้องถึงวันปีใหม่ หลายๆ ท่านคงจะไปเมาหัวราน้ำ เหมือนเดิม เพื่อจะลืมทุกข์ของปีนี้ เพื่อจะเริ่มปีหน้าด้วยทุกข์ต่อไป สำหรับท่านที่ไม่อยากจะเมาหัวราน้ำ คงจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านใช้ความสงบอยู่กับครอบครัว หรือไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัด ไปท่องเที่ยว ของขวัญวันนี้ สิ้นปีนี้ผมอยากเสนอของขวัญที่จะให้ปัญญากับประชาชน ท่านผู้ชมครับ ในเครือของเอเอสทีวีมีของขวัญอยู่หลายประเภท อันแรกสุด คือ ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล เขียนโดย คุณคำนูณ สิทธิสมาน ซึ่งเล่มนี้ซื้อไว้ส่งเป็นของขวัญให้กับเพื่อนฝูง พี่น้องได้ไม่ล้าหลัง ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา มีเบื้องหน้าเบื้องหลังของการต่อสู้ ในปี 2548 เขียนโดยคุณคำนูณ สิทธิสมาน เล่มนี้พิมพ์เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ยังคงมีหนังสือเหลืออยู่บ้างตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป ซื้อเป็นของขวัญให้กับคนยังจะดีกว่าไปซื้อเนคไทให้กับใครซักเส้นหนึ่ง ซื้อเนคไทให้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยากจะใส่หรือไม่ เพราะว่ารสนิยมอาจไม่เหมือนกันนะครับ ซื้อขนมให้ก็ทานแล้วก็ถ่ายเป็นอุจจาระ ซื้อเหล้าซื้อเบียร์ก็เป็นอบายมุขไม่เหมาะ ไม่เหมาะสม ซื้อปากกาเดียวก็ทำหาย ซื้อหนังสือดีกว่าให้ปัญญานะครับ

สนธิ - อีกชุดหนึ่งก็คือ วีซีดีชุดประวัติศาสตร์ที่เราเรียกว่าอวสานหน้าเหลี่ยม เป็นชุดทุกๆเรื่องที่พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ต่อสู้มา ถูกบันทึกในวีซีดีมีทั้งหมด 128 แผ่น ซื้อได้นะครับ อีกอันหนึ่งซึ่งเป็นของเพิ่งทำเสร็จสดร้อนๆ คือ ดีวีดี ชุดทักษิณตาดูดาว เท้าติดดิน แทบสิ้นชาติ เป็นดีวีดีที่ทำขึ้นโดยทีมข่าวของเอเอสทีวีซึ่งความยาว 1 ชั่วโมง 6 นาที ใครดูเอเอสทีวีเป้นประจำจะเห็นว่าได้ถูกตัดตอนออกมาประมาณ 7-8 ครั้งแล้ว ครบถ้วน ดีวีดีอันนี้จะบอกเล่าถึงความเป็นมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เด็ก แล้วทำยังไงเข้าสู่วงการเมืองได้ แล้วใช้นโยบายอะไรที่หลอกลวงประชาชนมา อย่างที่ชื่อบอกว่าตาดูดาวเท้าติดดิน แทบสิ้นชาติ ดีวีดีอันนี้มีเรียนรู้เพื่อสร้างปัญญา เผยแพร่เพื่อนำปัญญา นำไปใช้อย่างมีปัญญาขอมอบให้ใครก็ได้นะครับ รู้สึกว่า 99 บาทเอง ดีวีดีราคาถูกมาก ก็ไม่ได้กำไรหรอกครับ แต่อยากให้ซื้อเอาไปแจกแทนที่จะซื้อเนคไท แทนที่จะซื้อตระกร้าของขวัญ ซื้อเหล้า ซื้อเบียร์ ซื้อพวกนี้ไปแจกจะดีที่สุด ชุดนี้อย่าลืมนะครับ

สนธิ - ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์ที่แล้วผมได้มอบหมายให้คุณสุวัตร อภัยภัก ทนายความผม ถอนฟ้อง อสมท ไป 2 คดี คดีแรกคือ คดีที่ผมฟ้อง อสมท เรียกค่าเสียหาย 1 บาท ผมเป็นคนฟ้อง คดีที่ 2 บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม ฟ้อง อสมท เรียกค่าเสียหาย 100 กว่าล้านบาท ผมให้ถอนด้วยเหตุผลง่ายครับ คุณพงษ์ศักดิ์ พยัคฆ์วิเชียร รักษาการผู้อำนวยการ อสมท ซึ่งสนิทกับผม ผมเรียกคุณพงษ์ศักดิ์ ว่า พี่ป๋อง เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อาวุโส จากเครือมติชน พี่ป๋องกับผมคุยกัน ปรากฏว่า อสมท เปลี่ยนผู้บริหารไปแล้ว ผมไม่มีอะไรที่จะทะเลาะกับ อสมท และเพื่อแสดงจิตเจตนาถึงความเป็นคนใจนักเลง ผมพร้อมจะถอนฟ้อง แต่ว่า คดีที่ผมฟ้องคุณธงทอง จันทรางศุ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และคุณเรวัตร ฉ่ำเฉลิม ซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วคดีไม่มีมูล ผมอุทธรณ์อยู่ คดีนั้นผมไม่ได้ถอน เพราะผมถือว่า โดยส่วนตัวแล้วทั้ง 3 คนได้กระทำการอันเป็นเหตุทำให้ผมเสียหาย แต่ อสมท ถอดรายการ ผมถือว่าเป็นเรื่ององค์กร ผมเลยสั่งถอนฟ้อง 2 อันนั้น แต่คดีส่วนตัวยังอยู่ ท่านผู้ชมเข้าใจไว้สักนิดนึงนะครับ ผมไม่ได้ถอนฟ้องไป

สนธิ - วันที่ 5 ที่ผ่านมานั้นเป็นวันที่ยิ่งใหญ่มาก ผมไม่ทราบว่า ท่านผู้ชมได้ดูโทรทัศน์เหมือนผมดูหรือเปล่า เป็นการจัดงาน เป็นการถ่ายทอดการสวนสนามที่พิเศษสุดที่ผมเคยเห็นมาในรอบ 5-6 ปี ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งสมัยนั้นไม่ยิ่งใหญ่เท่าเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมานี้ ให้สังเกตวันสวนสนามนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมจะสังเกตชัด วันสวนสนามนั้นทหารหาญทั้งหลายมีการส่งเสด็จ ท่านผู้ชมดูโทรทัศน์อยู่จะจำได้ ว่าวันซึ่งสวนสนามเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขบวนรถพระที่นั่งและพระบรมวงศานุวงศ์ เดินทางกลับจากหน้าสนามเสือป่า กลับมายังวังสวนจิตรฯ จะมีทหารรักษาพระองค์เข้าแถวอยู่ 2 ข้างทางตลอดทาง และจะมีราชองครักษ์คอยวิ่งตามรถ แล้วมีประชาชน 2 ข้างทางนั่งล้อมรอบ สมัยก่อนนั้น สมัยที่นายทักษิณ เป็นนายกฯ พอจบแล้วจบเลยที่สวนสนาม พระองค์ท่านเสด็จกลับตามลำพังของพระองค์ท่าน แต่ไม่ใช่คราวนี้ คราวนี้มีการส่งเสด็จให้ถึงบ้าน เสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากส่งเสด็จถึงบ้านแล้ว การแสดงออกในการซึ่งประชาชน มหาชนทั้งหลายเข้ามาร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษานั้นยิ่งใหญ่ อลังการมาก เต็มไปด้วยความจงรักภักดี ที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง พ่อแม่พี่น้อง คือในรูปที่ผมดูตามทีวี จะมีคนรุ่นใหม่ คนหนุ่ม คนสาว เด็กๆ มานั่งอยู่แถวหน้ากันเยอะแยะไปหมดเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าปลื้มปีติมาก ไม่ใช่เป็นเรื่องราวของคนแก่ แต่เป็นเรื่องของสังคม ถ้าจะเสียดาย ก็เสียใจตรงที่ว่า ได้มีการแจ้งให้ทราบแล้ว ทุกคนก็รู้ว่าจะมีการจุดเทียนชัย จุดเทียนถวายพระพร และมีการร้องเพลงให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทุกคนรอดูโทรทัศน์ว่าเมื่อไหร่จะมีซักที แต่โทรทัศน์กลับไม่ได้ถ่ายทอด ท่านประธานทีวีพลู คือ พล.ท.วุฒิชัย พรพิบูลย์ ท่านออกมาปฏิเสธปากสั่นทันทีเลย ว่า ท่านไม่ได้ตกลงกันเอาไว้ คนเขาบอกว่า ไอ้เรื่องแบบนี้ไม่ต้องตกลงหรอก ใช้คำว่า สามัญสำนึก มันก็น่าจะรับทราบได้แล้วว่า ยังไงก็ตามประชาชนทั่วประเทศเขารออยู่ หลายๆ คนเขาถือเทียนรออยู่ที่บ้าน ร้านอาหารตามต่างจังหวัดเขาก็รอ หลายคนพร้อมจุดเทียนพร้อมกัน เมื่อทีวีพูลถ่ายทอดออกมาว่าได้มีการจุดเทียนที่ท้องสนามหลวง เทียนทั่วประเทศไทยก็จะถูกจุดออกมาทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นแล้วคำพูดของท่านประธานทีวีพูล ก็เป็นคำพูดที่พอรับฟังได้ แต่รับฟังไม่ไหวนะครับ หรือว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวท่านอาจอยู่ที่เลขาฯท่านก็ได้ พันเอกอะไรผมก็จับชื่อไม่ได้ อาจเป็นตัวการซึ่งแวดวงภายในบอก ว่า คนคนนี้ เป็นคนซึ่งทำให้การถ่ายทอดไม่ต้องมีต่อไป คล้ายๆ กับว่าจบแล้วจบเลย ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายนะครับ ก็ถ้าผมเป็นท่านผมก็อย่างแสดงวุฒิภาวะนิดนึง คือว่า ลาออกซะหน่อยจากประธานทีวีพูล หรือให้ดีลาออกจาก ผอ.ช่อง 5 ไปเลย ดีกว่านะครับ เพราะว่าท่านเองท่านก็พูดกับ คมช.หลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อเวลาพล.อ.สนธิ ถามท่านซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันว่า รายการต่างๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์และยังเชียร์ระบอบทักษิณอยู่ ทำไมยังปล่อยให้มีอยู่ ท่านก็พูดหน้าตาเฉยว่าสัญญายังไม่หมด ต้องรอก่อน พอหมดค่อยเปลี่ยน ซึ่งผมเองเคยเรียนในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์มาหลายครั้งแล้ว ว่า ไม่เข้าใจว่าทีวีช่อง 5 เป็นของกองทัพบก แต่ว่า 2 - 3 อาทิตย์แรกของการยึดอำนาจนั้น ททบ.5 กลับไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวในการสรางความชอบธรรมในการยึดอำนาจให้กับ ททบ.5 เพราะฉะนั้นแล้วจังหวะนี้เป็นจังหวะดี ที่ท่านจะได้ถือสาเหตุที่ท่านผิดพลาดนี้ลาออกไปซะเลย สิ้นเรื่องสิ้นราว จะได้ไม่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจที่หลัง

สนธิ - วันเฉลิมพระชนมพรรษามีหลายเรื่องที่น่าจดจำ การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ มีเหตุการณ์ที่น่ารัก คุณปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักไทย น่ารักมากตั้งสมาธิอย่างดี จะยกน้ำหนักโดนนักแข่งจีนกลั่นแกล้ง เดินมาชน เพื่อให้เสียสมาธิ พ่อแม่พี่น้องครับน้ำหนักจะยกแต่ละครั้งต้องตั้งสมาธิ นี้ละครับเป็นคนที่มาแกล้งคุณปวีณา เดินมาชนคุณปวีณา คุณชนปั๊บก็เลยเสียสมาธิ พอเสียสมาธิจะตั้งสมาธิขึ้นมาใหม่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คุณปวีณาก็เลยนึกถึงพระบารมีของในหลวง เอาเหรียญวางอยู่บนพื้นวางเหรียญไว้แลวจิตก็เพ่งไปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แล้วก็นึกตลอดเวลาว่าจะยกน้ำหนักให้กับพระเจ้าอยู่หัวฯ ผลปรากฏว่าทำลายสถิติโลกที่ตัวเองได้ทำมาเมื่อครั้งที่แล้ว ทำลายซ้ำลงไปอีก เป็นเรื่องราวที่น่ารัก อีกหลายๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นแล้วเป็นอะไรบางอย่างที่เราจะต้องดีใจ แล้วอีกอันหนึ่งคือ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ทีมฟุตบอลไทยใส่เสื้อสีเหลืองกันหมด ไม่ได้ใส่เสื้อสีอะไรเลย ใส่เสื้อสีเหลือง เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แล้วชนะคูเวต 1-0 จากการใส่เสื้อเหลือง อาจจะเป็นเพราะว่า มีจิตใจมุ่งมั่น แน่วแน่ที่จะเอาชัยชนะมาเพื่อเป็นสักการะให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

สนธิ - เอาละเรื่องที่เป็นสิริมงคลสิ้นสุดลงไปแล้ว ตอนนี้คงจะมีเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องอัปมงคลแทบทั้งสิ้น จากวันนี้ที่จะต้องพูดกัน วันนี้มีหลายเรื่องที่ต้องพูด อาจจะต้องเลยเถิด กินเวลาที่ผมจะต้องพูดเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิบ้าง อาจจะพูดเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่เต็มที่ ต้องขอประทานโทษเพราะวันนี้มีเรื่องเยอะมาก เอาเรื่องแรกก่อนดีกว่า คือเรื่องที่เมื่อ 1-2 วันนี้ คุณเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ท่านบอกว่า ตอนนี้กระทรวงการต่างประเทศตัดสินใจยกเลิกพาสปอร์ตการทูตให้กับคณะรัฐมนตรีแล้ว ยกเว้น 2 คน คนนึงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกคนหนึ่งคือ นายกันตธีร์ ศุภมงคล อดีต รมว.ต่างประเทศ มาฟังเหตุผลที่ท่านพูดนิดหนึ่ง ท่านบอกว่า เนื่องจากว่า พวกนายกรัฐมนตรีนั้นต้องให้เกียรติ แล้วตำแหน่งของอดีต รมว.ต่างประเทศ เป็นประเพณีที่ใครก็ตามที่เคยเป็น รมว.ต่างประเทศ เมื่อต่อไปถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งนี้แล้วยังสามารถใช้พาสปอร์ตทูตอยู่ ผมเลยอยากจะถามท่านปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชื่อ คุณกฤษณ์ กาญจนกุญชร ผู้ซึ่งให้เหตุผลอันนี้มา คุณกฤษณ์ กาญจนกุญชร ต้องเข้าใจสักนิดหนึ่ง คุณกฤษณ์ กาญจนกุญชร เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นคนซึ่งเซ็นอนุมัติให้คุณมาริต เสงี่ยมจันทร์ ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูต อยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ย้ายไปช่วยราชการที่สำนักงานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน ไปที่นั่นทำไม ไปเพื่อรับใช้คุณทักษิณ เพราะว่าคุณมาริตเป็นเด็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ เจริญเติบโตมาในกระทรวงการต่างประเทศ เพราะรับใช้คุณทักษิณ ท่านปลัดกระทรวงต่างประเทศท่านน่ารักมาก ท่านเซ็นย้าย อนุญาตให้ย้ายเพื่อไปช่วยราชการ ไปรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นไม่ใช่เป็นอดีตผู้นำที่เกษียณอายุไป หรือหมดเทอมไป แต่ท่านถูกปฏิวัติยึดอำนาจโดย คปค. ด้วยข้อหา 4 ข้อหา พวกเราก็รู้กันหมดแล้ว คือพูดง่ายๆ ว่าได้กระทำการผิดเป็นเหตุทำให้เกิดการยึดอำนาจขึ้นมา เพราะฉะนั้นกรณีนี้ไม่ใช่กรณีปกติ กรณีนี้เป็นกรณีที่ทหารเข้ามายึดอำนาจ เหตุผลเพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามทำนองครองธรรม ได้ทำความผิด ทำความชั่ว มีการกระทำที่แสดงออกถึงการฉ้อราษฎร์บังหลวง มีการจาบจ้วงละเมิดพระมหากษัตริย์ ทำร้ายทำลายประชาธิปไตย คนแบบนี้ไม่มีเกียรติที่จะถือพาสปอร์ตทูต คนแบบนี้ต้องเป็นข้อยกเว้น จะเหมือนธรรมดาไม่ได้ ไม่ได้เหมือนกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อหมดสมัยแล้วก็ถอยออกจากวงการการเมือง ไม่มีหรอกครับ เพราะฉะนั้นแล้วผมอยากให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศคุณกฤษณ์ กาญจนกุญชร คิดซะใหม่ ตลอดคุณนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เหลาะแหละ ไม้หลักปักขี้เลน เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ตัดสินใจไม่ได้ต้องไปปรึกษาหารือกับท่านสุรพงษ์ ชัยนาม ซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งท่านก็บอกมา ท่านบอกว่ากรณีแบบนี้เป็นระเบียบปฏิบัติ แต่ว่าต้องฟังเสียงประชาชน แล้วข้อเท็จริง คือ คปค.เข้ามายึดอำนาจแล้ว คุณทักษิณ และคุณกันตธีร์ ศุภมงคล ไม่มีสิทธิที่จะใช้พาสปอร์ตทูต ท่านก็เออออห่อหมก พอท่านกลับไปที่กระทรวงท่านก็ไปถามท่านปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คุณกฤษณ์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นปลัดฯในระบอบทักษิณเก่า ท่านก็บอกว่าเป็นระเบียบปฏิบัติหน้าที่จะต้องให้ใช้ต่อ ท่านก็เลยทำตาม แล้วเรามีคุณนิตย์ พิบูลสงคราม มาเป้นรัฐมนตรีไว้ทำลิงทำไมละครับ ไม่มีประโยชน์เห็นไม่ละครับ เพราะฉะนั้นแล้วผมจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ยังจะต้องพัฒนา และปรับปรุงบุคลากรในคณะรัฐมนตรีอีกหลายคน ซึ่งผมจะค่อยๆ พูดออกไปเรื่อยๆนะครับ

สนธิ - เรื่องที่สาม คือ เรื่องไอทีวี เมื่อวานนี้มั้ง พนักงานไอทีวี หรือว่าทีวีของไอ ที่ผมเรียกนี้ เดินทางมายื่นหนังสือ ยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีช่วยรักษไอทีวีร่วมกับพวกเรา ด้วยความเคราพนะครับหลายคนในไอทีวีผมก็รู้จัก ด้วยความเคราพนะครับผมอยากจะถามท่านด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ท่านตอบผมด้วยจิตที่บริสุทธิ์สิ ไอทีวีเป็นของใครวันนี้ ไอทีวีนั้นเป็นของสิงคโปร์ครับ เทมาเส็กเป็นเจ้าของไอทีวีร้อยเปอร์เซนต์นะครับ ที่คุณเข้ามาประท้วงเรื่องไอทีวีนี้ คุณประท้วงเพราะว่าคุณกลัวว่า คุณจะตกงานใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคุณมาถามคนที่เอเอสทีวีสิ 1 ปี กับ 1 เดือนที่สู้กับระบอบทักษิณ คนเอเอสทีวีแต่ละคนไม่เคยเดินทางไปประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณ เลย ช่วยทีเถอะเดียวดิฉันจะตกงาน เพราะคุณสนธิแพ้แล้ว หรือเอเอสทีวีแพ้แล้วดิฉันจะตกงาน เอเอสทีวียืนอยู่บนหลักการที่แน่นอน ยืนอยู่บนจิตบริสุทธิ์ ความยุติธรรม จิตวิญญาณที่รักชาติบ้านเมือง และไม่กังวลการตกงาน เพราะว่าพวกเราตัดสินใจกันแล้วว่าอะไรที่จะต้องสู้ก็ต้องสู้ ไม่มีวันถอย ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าแล้วกิจการจะต้องถูกระบอบทักษิณสั่งปิด แล้วเราต้องตกงานก็พร้อมที่จะตกงานกันทุกคน เราไม่เคยรวบรวมกำลังคนแล้วเดินไปหานายกรัฐมนตรี แล้วบอกว่ามาช่วยหน่อยเถอะเดี๋ยวจะตกงาน เราทำอยู่อย่างเดียวเราเดินหาประชาชนของเราที่ชม แล้วเราบอกว่าช่วยเอเอสทีวีเถอะ เพราะเอเอสทีวีนั้นเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของทรราชย์ คุณลืมไปแล้วหรือว่า ไอทีวีของคุณ คุณปกป้องทักษิณมาโดยตลอด คนซึ่งทำรายการ ไม่ว่าจะเป็น คุณกิตติ สิงหาปัด ก็เชียร์ระบอบทักษิณ หรือ คุณมัลลิกา วันดีคืนดีก็มาแดกดัน คมช. จำได้หรือเปล่าที่ คมช.เขาตั้ง สนช. คุณก็บอกว่าเขา เงินเดือนตั้ง 104,000 บาท ต้องตรวจสอบ คุณพูดอย่างหน้าด้าน สมัยที่ทักษิณอยู่ ทำไม่คุณไม่พูดอย่างนี้ ว่าต้องตรวจสอบรัฐบาลคุณทักษิณ คุณไม่เคย คุณปกป้องรัฐบาลทักษิณมาตลอดเวลา คุณไม่เคยคิดที่จะขุดคุ้ย ไม่เคยคิดที่จะทำเรื่อง CTX คุณไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องการโอนหุ้นชินคอร์ปฯ คุณไม่เคยเลย แต่จู่จู่มาวันนี้พอรัฐบาลไทยในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ศาลปกครอง ยืนยันในคำสั่ง ว่าคุณต้องกลับไปจ่ายค่าสัมปทานเหมือนเดิม คุณกลับมาถือป้ายแล้วเดินมาบอกว่า ช่วยกัน รักษาไอทีวี ร่วมกับพวกเรา ใครเขาจะรักษาไอทีใร่วมกับคุณ ทำไมคุณไม่ให้นายคุณ คุณนิวัฒน์ ธำรงบุญทรงไพศาล กรรมการผู้จัดการไอทีวี หรือ คุณทรงศักดิ์ เปรมสุข คุณนิวัฒน์นี่เป็นประธาน 2 คนนี้มายื่นหนังสือ คุณจะไปกลัวทำไม ในเมื่อคุณเป็นนักข่าวมืออาชีพ คุณมีหน้าที่ทำข่าว คุณอย่าไปเดือดร้อน เขาให้คุณทำข่าวคุณก็ทำไป คุณทำด้วยจิตใจที่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ซิ คุณทำโดยที่คุณไม่กลัวซิ ถ้าคุณทำโดยที่คุณไม่กลัว แล้วคุณถูกเขาปลด คุณเดินมาที่เอเอสทีวี ตอนนั้น ผมก็จะบอกว่า เอาเถอะถึงผมจะไม่มีเงิน พวกเราไม่มีเงิน แต่มาร่วมกัน พร้อมจะอดมื้อกินมื้อ กับพวกเราไหม หรือพร้อมจะกินข้าวโดยไม่เต็มจานได้ไหม แต่ว่าอุดมการณ์เราเต็ม 100 แต่ท้องเราอาจจะเต็ม 50 ผมพร้อมจะรับพวกคุณเข้ามา นี่คืดอุดมการณ์ นี่คือความจริง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น คุณปฏิเสธมันไม่ได้ แต่พอมาวันนี้คุณลำบาก คุณกำลังจะโดนยึดสัมปทานคืนเพราะว่า ถ้าศาลปกครองสูงสุด วันที่ 13 ธันวาคมนี้ พิพากษามาว่าคุณยังจะต้องจ่ายค่าสัมปทาน เหมือนที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษา สปน.สำนักนายก ก็สามารถที่จะยื่นเรื่อง ไปทวงถามไอทีวี ว่าเมื่อศาลปกครองสูงสุดพิพากษามาแล้ว กรุณาจ่ายเงินรวมค่าปรับประมาณกี่หมื่นล้าน ก็ว่ากันไป คุณบอกว่าปรับวันละ 100 ล้านมากเกินไป ให้เวลา 30 ที่จะต้องคืนมา ถ้าคุณไม่จ่าย รัฐบาลไทยมีสิทธิยึดสัมปทานคุณทันที คุณไม่มีสิทธิ คุณกำลังสู้ให้ใคร สู้ให้สิงคโปร์เหรอ หรือว่าลึกๆแล้ว ไอทีวีเป็นของคุณทักษิณ ไม่ใช่ของสิงคโปร์ ถ้ามันเป็นของสิงคโปร์ 100 เปอร์เซนต์ คุณไปสู้ทำไม ทำไมคุณไม่สู้ให้ตัวคุณเองละ ทำไมคุณไม่ไปยื่นข้อเรียกร้องกับผู้บริหารคุณละ คุณบอกว่จากนี้ไป ไอทีวีขอรายงานข่าวตรงไปตรงมาได้ไหม โดยที่ไม่ต้องเชียร์ทักษิณ หรือไม่ต้องรักทักษิณ จะลงข่าวในเรื่องของระบอบทักษิณ ใครบ้างที่อยู่ในระบอบทักษิณ จะลงข่าวโดยละเอียด ถึงเรื่องการลงโทษอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่วเดี๋ยวผมจะพูดต่อไป ทำไมคุณไม่ถือป้ายอย่างนี้ไปละ คุณไปยืนหน้าตึกไอทีวีซิ คุณยืนบอกว่าพวกนักข่าวไอทีวี พนักงานไอทีวี เรียกร้องอิสรภาพเสรี เสรีภาพในการรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมา จากผู้บริหารไอทีวี ทำไมคุณไม่ทำ แต่คุณกลับทะลึ่งมาถือป้ายบอกว่า มาช่วยกันรักษาไอทีวีของพวกเรา ไอทีวีไม่ใช่ของประชาชนคนไทย ไอทีวีไม่ใช่ของรัฐ ไอทีวีไม่ใช่ของใคร แต่ไอทีวีเป็นของสิงคโปร์ และในทางลึก ไอทีวีเป็นของทักษิณ ชินวัตร คุณไม่ได้ต่างจากช่อง 9 เลย ช่อง 9 อสมท ที่ใส่เสื้อดำมาประท้วงไปประท้วงมา วันนี้พิสูจน์ชัดแล้ว ประท้วงเรื่องหุ้น หุ้นมันตก วันนี้หน้าแตกกันยับเยินไปหมด พูดไม่ออก ตอนแรกบอกไม่ได้ประท้วงเรื่องหุ้น แต่พอหุ้นตกมากๆ ยื่นหนังสือถึงฝ่ายจัดการ บอกว่าทำจุดยืนให้เด่นชัด แนวทางบริหารเพื่อไม่ให้นักลงทุนสับสน ในที่สุดคุณยอมรับกันว่าในที่สุดคุณประท้วงเรื่องหุ้น ไอทีวีก็เหมือนกัน ทำไมเดี๋ยวนี้คนมันถึงไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ผมไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าเสียเวลาประท้วงในเรื่องนี้ ในชีวิตคุณไม่เคยขุดคุ้ยระบอบทักษิณเลยแม้แต่นิดเดียว (คำถาม) พัทยาบอกว่า ทำไมคุณสนธิไม่มีตัวตนในฟรีทีวี ไม่ม่ช่องไหนพูดถึงคุณสนธิ - เขาจะพูดถึงผมทำไม เขาพูดถึงผมแล้วเขาเจ็บกระดองใจ เพราะสิ่งซึ่งผมพูดมันตรงข้ามกับสิ่งที่เขาทำ เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นเขาทำเปรียบเสมือนประเทศไทยไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนมาปล้นชาติ ปล้นบ้าน ปล้นเมือง เขาก็ไม่สนใจ เขายังสนุกสนานกับวิถีทางของเขาไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นพ่อแม่พี่น้องไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมคนหนึ่งจะไม่ไปฟรีทีวี เมื่อผมอยู่กับเอเอสทีวีผมก็จะตายพร้อมเอเอสทีวี ไม่ต้องกังวลครับ แล้วการที่ผมถอนฟ้อง อสมท ไม่ได้แปรว่าผมจะกลับไปช่อง 9 พนักงาน อสมท สบายใจได้ ผมไม่ไปเหยียบหรอกครับสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ ที่ศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน ศักดิ์สิทธิ์จนพวกคุณต้องใส่เสื้อดำมาประท้วงเรื่องราคาหุ้น ผมไม่ไปยุ่งหรอกครับ

สนธิ - พ่อแม่พี่น้องครับ เรื่องต่อไปคือเรื่อง ไอซีทีกับภาษีสรรพสามิต น่าสนใจมาก 1-2 วันที่ผ่านมานี้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ท่านเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ท่านยกมือในสภาฯ ท่านถาม ท่านรัฐมนตรีไอซีที อ.สิทธิชัย ท่านถาม อ.สิทธิชัย โภไคยอุดม ท่านถามว่า เรื่องภาษีสรรพสามิตที่โทรคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายเอไอเอสที่เสียมันเป็นอย่างไร มาอย่างไร มันเป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่ ท่านรัฐมนตรีสิทธิชัย ท่านให้สัมภาษณ์ ท่านตอบในสภาฯ ดีมาก ท่านบอกว่า ข้ออ้างที่รัฐบาลทักษิณว่าคิดภาษีสรรพสามิตเรื่องโทรคมนาคมมาเพื่อประโยชน์ผู้บริโภคประชาชนนั้น ไม่จริง มติ ครม.ในยุครัฐบาลทักษิณ ออกมาโดยปราศจากความชอบธรรม พ่อแม่พี่น้องครับ เพื่อเข้าใจเรื่องนี้ผมจะอธิบายความง่ายๆ สั้นๆ ให้เข้าใจ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วต้องการที่จะทำให้กิจการโทรคมนาคมของตัวเองซึ่งถือส่วนแบ่งตลาดอยู่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้กำไรมากขึ้นกว่าเก่า เลยพยายามแปรรูปสัญญาโทรคมนาคม โดยใช้อำนาจของตัวเอง มีผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วมาสรุปว่า ถ้าอย่างนั้นใช้ภาษีสรรพสามิต พอฟังดูแล้ว ภาษีสรรพสามิต ฟังแล้วเข้าท่านะ แต่ซ้อนเงื่อนเอาไว้ แล้วรัฐบาลชุดที่แล้วหน้าด้านสุดๆ หน้าด้านสุดๆ เพราะว่านักวิชาการค้านแล้ว เอเอสทีวีค้านแล้ว ทุกคนค้าน แต่เนื่องจากบทบาทสื่อมวลชน และไอทีวีฟังให้ดีๆ พวกคุณไอทีวี แล้วช่อง 9 ฟังให้ดีๆ ช่วงนั้นพวกคุณไม่ได้ลุกขึ้นมาทำข่าวเรื่องนี้เลย มันผิดตรงไหน มันผิดตรงที่ว่า สมมุติว่าผมได้สัมปทานจากองค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย ทุกปีผมต้องเสียค่าสัมปทาน 100 บาท จากรายได้ของผม เป็นสัญญาสัมปทานเลย คุณสนธิต้องเสีย 100 บาท จู่ๆ ผมออกภาษีสรรพสามิต เอาอย่างนี้แล้วกัน ใช้เป็นภาษีสรรพสามิต ทำไมต้องออกเป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อป้องกันในอนาคตเมื่อเปิดเสรีโทรคมนาคมแล้วไม่ให้รายใหม่เข้ามา รายใหม่เข้ามาต้องเสียทันทีเลย ทั้งค่าต๋งที่ต้องเสียให้กับ กทช. และภาษีสรรพสามิต ค่าต๋ง 100 บาท บวกภาษีสรรพสามิต ตีซัก 10 บาท เป็น 110 แต่ของผมไม่ใช่ ผมเอาเงินที่ผมต้องเสียค่าภาษีสรรพสามิตนั้นไปหักออกจาก 100 บาท คือ 100 ผมต้องเสียอยู่แล้ว แต่ว่าออกกฎหมายอันนี้เพื่อให้ผมเสียอีก 10 บาท แต่ผมมีสิทธิ์เอา 10 บาทไปหักออกจาก 100 บาท ตกลงผมเสีย รายได้เดิมที่ต้องเสียค่าสัมปทาน เสียแค่ 90 บาท เห็นหรือยังนี่คือการโกงชาติ แล้วโกงไปเท่าไหร่ กี่ปีแล้ว โกงไปทั้งหมด 70,000 กว่าล้าน ตอนนั้นนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.ไอซีที แล้ว ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รมว.คลัง ซึ่ง 2 คนคือ ไทยรักไทย มาร่วมกันสุมหัว เพื่อใช้ภาษีสรรพสามิต แล้วไปหักออกจากรายได้ที่ต้องจ่ายให้รัฐบาล ใครเสียรายได้ ทีโอที องค์การโทรศัพท์ การสื่อสารแห่งประเทศไทย เสียรายได้ จู่ๆ เคยได้ 100 บาท กลายเป็นได้ 90 บาท มันไม่เข้าท่า แล้วทำไมสื่อมวลชนไม่โวยวาย ทำไมช่อง 9 ไม่โวยวาย ทำไมไอทีวีไม่โวยวาย ทีวีของไอ พวกคุณทำไมไม่ทำข่าวเจาะ คุณเก่งเหลือเกิน เก่งจังเลย เที่ยวแอบเอากล้องไปจับ ไปจับตำรวจยศจ่าเพื่อรีดไถเงิน 100-200 บาท แล้วคุณเอามาเปิดโปง นี่เสียไป 70,000-80,000 ล้าน ทำไมคุณไม่ทำ คุณอายบ้างหรือเปล่า คุณเป็นอาชีพสื่อมวลชนหรือ คุณไม่ใช่ สื่อมวลชนที่แท้จริงมันต้องเอเอสทีวี เพราะว่าเราถามคำถามว่า ทำไม แต่คุณไม่กล้าถามว่าทำไม อย่าว่าถามว่าทำไมเลย แค่รายงานข่าวคุณยังไม่กล้ารายงานเลย เพราะฉะนั้นพ่อแม่พี่น้องจะเห็นว่า ภาษีสรรพสามิตที่เกิดขึ้นมันหมดไปเท่าไหร่ ทำให้องค์การโทรศัพท์ การสื่อสารแห่งประเทศไทย ขาดรายได้ไป 70,000 กว่าล้านบาท คุณคิดว่าเงินน้อยๆ หรอ 70,000 กว่าล้าน แล้วทำไมต้องทำอย่างนี้ เจตนาจงใจทำ รวมทั้งค่าเชื่อมเครือข่ายเพื่อให้องค์การโทรศัพท์ ทีโอที องค์การสื่อสารฯ อ่อนแอ เพื่ออะไร ในอนาคตถ้านายทักษิณยังอยู่ต่อ องค์การโทรศัพท์จะขาดทุน ทีโอทีขาดทุน กสท ขาดทุน ในที่สุดจะเอาเอไอเอสเข้าไปฮุบองค์การโทรศัพท์ ทีโอที และ กสท ต่อ แผนอันนี้วันหลังผมจะมาพูดว่าเขามีกระบวนการทำกันตั้งแต่ปี 2542 43 44 45 46 เป็นแผนของพวกบริษัทโทรคมนาคม ร่วมมือกันเพื่อกลืนประเทศไทย เพราะเงินโทรคมนาคมมันเยอะ จ่ายนักการเมืองทีละ 500 ล้าน ทีละ 1,000 ล้านได้ แล้วนักการเมืองไทยสมัยก่อนหน้าด้าน เห็นแก่ได้ เอาเงินมาแล้วดำเนินการตามแผน พอดีมาถึงยุคพรรคไทยรักไทย นักการเมืองไทยรักไทยเผอิญเป็นเจ้าของโทรคมนาคม เลยคิดแผนทั้งหมด เบ็ดเสร็จเพื่อกลืนองค์การโทรศัพท์ ทีโอที และการสื่อสาร เห็นหรือยัง ถ้าไม่อย่างนั้น อ.สิทธิชัย โภไคยอุดม อ.สิทธิชัย ท่านเป็นอาจารย์ทางด้านไอทีที่เก่งมากคนหนึ่งในประเทศไทย ท่านจะมาพูดอย่างนี้ได้ไงข้ออ้างรัฐบาลทักษิณ ว่า ทำภาษีสรรพสามิต เพื่อประโยชน์ผู้บริโภคนั้นไม่จริง มติ ครม.ปราศจากความชอบธรรม เห็นหรือยัง ถ้าสิ่งที่ผมพูดไม่ใช่เป็นความจริง อาจารย์สิทธิชัย ท่านไม่พูดออกมาหรอก พ่อแม่พี่น้องครับ วันหลังเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้นะครับ

สนธิ - วันนี้ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบางท่าน เขาบอกว่าจุดยืนของสนธิมีอะไร จุดยืนของผมง่ายนิดเดียว ผมจะดูซิว่ารัฐบาลชุดนี้ คมช.จะกำจัดระบอบทักษิณอย่างจริงใจหรือเปล่า ช้าหน่อยผมไม่เป็นไร อายุมากแล้วรอได้ แต่ขอให้มีกระบวนการกระทำให้เห็นชัด ถ้าเขาไม่ทำผมจะลุกขึ้นมาประท้วงเขา แต่ถ้าเขาเริ่มทำแล้วกระบวนการเดินไปแล้ว เต็มสูบเเล้ว มันยังต้องใช้เวลาอีก ผมยอม ส่วนตัวผมนะ ผมยอมให้เขาอยู่ต่ออีกครึ่งปี หรือปีหนึ่ง เพื่อจัดการระบอบทักษิณให้เรียบร้อย เพราะว่าถ้าระบอบทักษิณไม่เรียบร้อย คุณมีรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาก็ไม่มีประโยชน์ ใช่ไม่ใช่ รัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้นในขณะที่ระบอบทักษิณ ยังคงอยู่เหมือนเดิม ก็เท่ากับระบอบทักษิณก็เข้ามาเสียบตัวเองในรัฐธรรมนูญใหม่

สนธิ - เพราะฉะนั้นแล้ว ไหนๆจะพูดถึงเรื่องนี้ก็พูดถึงวันที่ 10 ธันวาคม ผมไม่เกี่ยว พ่อแม่พี่น้องครับถ้าเชื่อผม ถ้ารักผม อย่าไปยุ่ง วันที่ 10 ธันวา เป็นวันของคนซึ่งได้รับการว่าจ้างให้เดินทาง อีกส่วนหนึ่งเป็นวันของคนที่มีจิตบริสุทธิ์ในเรื่องประชาธิปไตย มีความเห็นเรื่องการปฏิวัตินั้นไม่ชอบด้วยเหตุผล จะจัดสัมมนาอะไรก็ให้จัดกันไปไม่เป็นไร เพราะคนพวกนี้ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เพราะเขาไม่ได้ประท้วง ไม่ได้มาสู้แบบพวกเรา คนพวกนี้ คือ นักทฤษฎีนั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ส่วนที่เหลือนั้น คือ พวกที่รับเงินมาจากพรรคไทยรักไทย ที่มาจากต่างจังหวัดถ้าลงมาปั๊บไปถามได้เลยมาเรืองอะไร ถ้าไม่เชื่อไปคุยด้วยได้ว่ามาเรื่องอะไร บางคนบอกว่าไม่รู้ บางคนมาเที่ยวกรุงเทพฯ เขาให้เงินมา 300 บาทก้มา มันไม่ได้ต่างจากสมัยที่ม็อบอีแต๋นมา หรือหลายสมัยๆ จนกระทั่งตอนหลังจำได้ไหมที่นายเทพพนม เอย หลายๆ คนเอย ออกมากล่าวหากันว่ารับมาเงินมาแล้ว 10 ล้าน จ่ายคนโน้นจ่ายคนนี้ รับเงินมาแล้วได้รับใบสั่งให้มาป่วน พ่อแม่พี่น้องก็เห็นว่าข้อเท้จจริงนี้มันเกิดขึ้น และพิสูจน์ชัดและคนพวกนี้คือรับจ้างมา นายชนาพัทธ์ ณ นคร นายคำตา นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ นายคำตา นี้พอชุมนุมที่สวนจตุจักรเรียบร้อยออกรถปิ๊กอัพคันใหม่เอี่ยมได้หนึ่งคัน เพราะฉะนั้นแล้วพ่อแม่พี่น้องต้องรู้ว่าระบอบทักษิณ มันเป็นอย่างไร ตัวอย่างระบอบทักษิณอีกตัวอย่างระบอบทักษิณอีกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ ผู้อำนวยการ วปอ.วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.ท.ปิติ กัมพูพงศ์ ท่านเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วปอ.มี 2 อัน วปอ. กับ วปรอ. ก็คือรุ่นเดียวกันนั่นเอง แต่ วปอ.นั้น ให้ทหาร ข้าราชการ เข้าเรียน วปรอ. เอานักธุรกิจเข้ามาเรียน แต่ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกัน เพียงแต่แยกว่า ถ้าไม่ใช่ข้าราชการ เขาจะเรียกว่า วปรอ. ถ้าเป็นทหาร ข้าราชการ เรียกว่า วปอ. อย่างเช่น รุ่น พล.ท.ปิติ เขาเรียกว่ารุ่น 39 วปอ. ก็เป็นรุ่นเดียวกับ วปรอ. 39 แต่เพียงเติม 09 ก็คือพวกนักธุรกิจ พวกนี้ พล.ปิติ เป็น วปรอ.รุ่นเดียวกับใครรู้ไหม นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คนซึ่งถูก คตส.ตรวจสอบว่าหนีภาษี ไม่ยอมจ่ายภาษี ตกเป็นจำเลยสังคม พล.ท.ปิติ แอบลักไก่เซ็นคำสั่งให้ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เป็นกรรมการ วปอ. ผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นหรือยัง เค้าทำกันน่าตาเฉย ทั้งๆที่เขาเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เค้าก็รู้ว่า นายบรรณพจน์นั้น เป็นพี่ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังตกเป็นจำเลยของสังคม แต่ความที่เป็นรุ่นเดียวกัน มีผลประโยชน์ด้วยกันหรือไม่ เขาก็ดันเซ็นคำสั่งให้นายบรรณพจน์ เป็นกรรมการผูทรงคุณวุฒิ นี่ผมฝากถึง พล.ท.ปิติ นะ ผมพูดถึงท่าน ว่าท่านพิจารณาใหม่ได้นะครับ ท่านอย่าใช้ลูกอีแอบอย่างนี้ ระบอบทักษิณ มีคนจับตาดูอยู่มากมาย รวมทั้งผมก็จับตาดูอยู่ อะไรก็ตามที่ผิดทำนองครองธรรม ลักษณะแบบนี้มีอยู่เยอะ นี่คือตัวอย่างในระบอบทักษิณ

สนธิ - เอาละ วันนี้ถ้าเราไม่พูดเรื่องนี้เนี่ย ไม่ได้เด็ดขาด พ่อแม่พี่น้องครับ วันที่ 23 ตุลาคม คุณชาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้พูดคำอมตะออกมา 2 ประโยค ประโยคแรก เมื่อประชาชนถามว่า ทำไมถึงไม่ย้ายอธิบดีกรมสรรพากร นายศิโรตม์ คุณชาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร บอกว่า คุณศิโรตม์ ไม่ได้ทำความผิด เรื่องคดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ เขายังมีประโยชน์ยังใช้งานได้อยู่ เสร็จแล้ว วาจาอมตะอีกประโยคนึงก็คือ เรื่องกรณีการซื้อขายที่ดิน ของคุณหญิงอ้อ ที่ศูนย์วัฒนธรรมนั้น ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดธรรมาภิบาล ทุกอย่างทำอย่างโปร่งใส พ่อแม่พี่น้องครับ วันนั้นเป็นวันที่ 23 ตุลาคม ผมจำได้ วันศุกร์ต่อมา หลังจากที่ท่านพูด ผมเป็นคนมาเตือนสติ คุณชาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผมบอกท่านไม่ควรพูดเช่นนั้น ผมเป็นท่าน ผมจะแขวนอธิบดีกรมสรรพากร เรียกย้ายออกจากกรมสรรพากร มาเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง และผมจะตั้งคนมารักษาการ เพื่อให้มีการตรวจสอบ ก่อนที่ผมจะออกมาปกป้อง เรื่องที่ 2 เรื่องที่ดินคุณหญิงอ้อ ที่ซื้อขายกันที่ศูนย์วัฒนธรรม ผมจะไม่พูดเลยว่าโปร่งใส ผมจะพูดอยู่คำเดียวว่า ต้องปล่อยให้ สตง. และ คตส. ตรวจสอบเอา อะไรถูกว่าเป็รนไปตามถูก อะไรผิดว่าเป็นไปตามผิด จำได้ไหมผมพูดคำนี้มา หลังจากนั้นมีเรื่องหวย ผมเป็นคนออกมาบอกคุณชายให้ลาออกซะ อย่าอยู่เลย เพราะคุณชายอุ๋ยนั้นถูกหวย เดี๋ยวนี้ท่านกลายเป็นคุณชายอ๋วยไปเรียบร้อยแล้ว ผมเตือนท่านมาหลายครั้ง วันนี้ 39 วัน หลังจากวันที่ 23 ตุลาคม ที่คุณชายอุ๋ยออกมาปกป้องนายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ โดยพูดว่า นายศิโรตม์ไม่ได้ทุจริตในหน้าที่ และคิดว่ามีส่วนช่วยงานได้อีกมา 39 วันให้หลัง คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติดังต่อไปนี้ ข้าราชการดังต่อไปนี้มีอยู่ 5 คน คือ 1.นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร คนที่คุณชายอุ๋ยเป็นคนรับรองว่าไม่ได้ทำผิดก่อนล่วงหน้า เมื่อ 39 วัน 2.นางสาวกุลฤดี แสงสายันต์ นิติกร 7 3.นางสาวโมรีรัตน์ บุญญาศิริ นิติกร 8 นิติกรคือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ระดับ 7 ระดับ 8 4.นางสาวสุจินดา แสงชมพู นิติกร 7 เห็นไหม นักกฎหมาย 7 8 9 แล้ว 5.นายวิชัย จึงรักเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย 5 คนนี้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุชี้มูลความผิดว่า ประพฤติชั่ว จำคำพูดผมไว้นะ ประพฤติชั่ว ประพฤติมิชอบ ช่วยเหลือคนทำความผิด หลายข้อหา และประพฤติผิดตาม ป.วิอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ทุจริตต่อหน้าที่ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง พ่อแม่พี่น้องครับ คุ้มไหม คุณศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ ยอมทำเรื่องภาษีให้กับระบอบทักษิณ ให้กับ โอ๊ค เอม บรรณพจน์ โอนหุ้นกันไปโอนหุ้นกันมาโดยไม่คิดภาษี ตอนนั้นเป็นรองอธิบดี พอเซ็นปั๊บอีก 2 วันได้ขึ้นเป็นอธิบดีเลย วันนี้คุณมีความสุขดีไหม คุณทำโดยที่คุณทิ้งเกียรติยศของคุณ ทิ้งมันลงชักโครกเลย ทำไมคุณถึงกล้าทำ คนเขาถามผม ที่คุณกล้าทำตอนนั้น ที่พวกคุณกล้าทำ และข้าราชการอีกไม่น้อยที่กล้ารับใช้ระบอบทักษิณตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ข้าราชการกรมสรรพากร ทหารบางคน ที่กล้าทำเพราะว่า ทักษิณจะต้องอำมตะนิรันดร ต้องอยู่อีก 8 ปี 12 ปี 16 ปี ทุกคนเลยบอกว่า ทิ้งความเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซะ ทิ้งไปเลย เอาเป็นข้ารัฐทักษิณ เป็นลูกน้อง เป็นทาสทักษิณดีกว่า เพราะทักษิณให้คุณให้โทษได้ ทักษิณให้ตำแหน่งอธิบดีได้ ทักษิณให้ตำแหน่งนายพลได้ ทักษิณให้ตำแหน่งผู้บัญชาการได้ ทักษิณให้ตำแหน่งปลัดกระทรวงได้ คนอื่นให้ไม่ได้ ไม่มีใครให้ได้นอกจาก ทักษิณ ชินวัตร คนเดียว เพราะฉะนั้นคนพวกนี้เลยยอมฉีกกฎหมาย ฉีกทิ้ง ปิดตาข้างนึง ถุยน้ำลายรดฟ้า เขียนขึ้นมาใหม่ให้มันผิดไปหมด ผิดทั้งจริยธรรม ผิดทั้งศีลธรรม ผิดทั้งหลักนิติธรรม ทั้งหมดคนพวกนี้พร้อมจะทำเพื่ออะไร เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ โดยลืมคำธรรมะที่ยิ่งใหญ่ ว่า มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ วันนี้เป็นยังไง คุณมีความสุขไหม คนที่อยู่ในนามสกุลของคุณ พี่คุณ น้องคุณ พ่อคุณ แม่คุณ ลูกคุณ เมียคุณ สะอึกไหมกับคำพูดของ ป.ป.ช.ที่พูดบอกว่า คน 5 คนมีความผิดทางวินัยร้ายแรงทุจริตต่อหน้าที่ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มีความสุขไหม ลาภ ยศ สรรเสริญ มันเหมือนลมที่พัดผ่านตัวเอง เพราะลมมันโดนตัวรู้สึกเย็น แต่แค่เสี้ยววินาที่เดียวความเย็นก็หายไป ก็กลับไปสู่สภาพความเป็นจริง มันไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่าความซื่อสัตย์ สุจริต ความจริงใจ จริงจังต่อธรรม การรับใช้ชาติบ้านเมือง เพราะคุณเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสาปแช่งคนคดโกง คุณร่วมมือกันช่วยคนคดโกงให้สามารถคดโกงประชาชนได้ คุณคดโกงเรื่องภาษี ทำให้เขาไม่ต้องเสียภาษี พ่อแม่พี่น้องจับภาพตอนแรกทางทีวีได้ไหม แล้วแหกปากตะโกนผมเสียภาษีมากกว่า เห็นหรือยังไม่ได้เสียภาษี คุณเสียภาษีได้ยังไง คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก ถ้าคุณเสียภาษีคุณไม่โดนอย่างนี้ เห็นหรือยังพ่อแม่พี่น้อง เวรกรรมมันตามทัน พูดอะไรทำอะไรไว้มันกลับย้อนมาหาตัวเอง วันนี้ ป.ป.ช.พิสูจน์ชัดว่าพวกคุณไม่ได้เสียภาษี เพราะว่าพวกคุณได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สรรพากรที่เสียภาษี ตรงนี้ผมจำเป็นต้องพูด

สนธิ - ผมอยากให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ลาออกไปซะ วันนี้การซึ่งท่านพิจารณาให้ข้าราชการพวกนี้ต้องโทษทางวินัยทันที มันเป้นผลพวงจาก ป.ป.ช.ชี้มูลเรียบร้อยแล้ว ถ้าท่านย้อนหลังไปเมื่อ 39 วันที่แล้วที่ท่านพูดเรื่องนี้ ท่นจะเห็นได้ชัดว่าท่านผิดเต็มประตู ท่านผิดมาตลอดเวลาทุกเรื่อง คนเขาถามผมว่าทำไม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เพียงแค่เดือนกว่าเท่านั้นเอง ยังไม่ถึง 2 เดือนเอง ตัวตนที่แท้จริงมันโผล่ออกมา ผมจะบอกอะไรให้ท่านพ่อแม่พี่น้องฟัง มีคนถามผม คุณสนธิ คุณเป็นคนดีหรือเปล่า ผมบอกไม่ใช่ผมเป็นคนเลว แต่ผมมั่นใจว่าผมเลวน้อยที่สุด แต่ผมยอมรับว่าผมเลว ผิดกับบางคนทำตัวเป็นวิญญูชน ภาพดี แต่ในระหว่างที่ภาพดีนั้น เนื่องจากว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ทำงานในองค์กรที่มีรั้วล้อมเอาไว้อยู่ในแบงก์ชาติ ทำอะไรในแบงก์ชาติ ลึกลับอะไรไม่มีใครรู้ แต่พอวันหนึ่งก้าวออกมานอกรั้วแบงก์ชาติ ยืนอยู่ท่ามกลางไฟที่สว่าง ไม่เหมือนไอ้สนธิ ไอ้สนธิมันมีความชั่วในตัวมันมันยอมรับก่อนว่าใช่ผมชั่ว ผมมี ผมผิด แต่ขอโทษทีจากนี้ไปผมจะไม่ผิดอีกแล้ว แต่ความที่ตัวเองนั้นเคยทำอะไรมาแล้วไม่มีใครเห็น เลยทำตัวเองกลายเป็นคนเลอเลิศประเสริฐศรี แต่ของเก่าที่มันมีอยู่ ของดั้งเดิม นิสัยใจคอมันปิดกันไม่ได้มันเลยโผล่ออกมา ถ้ามันปิดได้มันไม่โผล่ออกมาจะมาพูดปกป้องศิโรตม์ตั้งแต่วันแรกทำไมพ่อแม่พี่น้อง แสดงว่าใจคิดอย่างนั้นอยู่แล้ว สมมุติอีกไม่เกิน 30 วันนี้ คณะกรรมการ คตส.ระบุออกมาว่า การซื้อขายที่ดินของคุณหญิงอ้อผิดเหมือนที่ท่านประธานนาม ยิ้มแย้ม พูดแล้วว่า ผิด ผิดทั้งผัวผิดทั้งเมีย ผิดทั้งทักษิณ ผิดทั้งพจมาน ผิดทั้งประธานกองทุนฟื้นฟู คือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ท่านยังจะหน้าด้านนั่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือ ผมเป็นท่าน ศักดิ์ศรีราชนิกุลสูง วันนี้ผมต้องลาออกแล้ว วันอังคารนี้ผมต้องยื่นใบลาออก ให้เหตุผลว่า เนื่องจากข้าพเจ้าได้ปกป้องคนซึ่งผิด ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเสียใจในการกระทำของข้าพเจ้า จึงขอลาออก แต่มีคนบอกว่า ผมชอบฝันตอนกลางวัน คงจะเป็นไปไม่ค่อยได้

สนธิ - พ่อแม่พี่น้องครับ ประเดี๋ยวเราจะมาพูดกันเรื่องมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่พูดตอนนี้คงไม่ทัน วันนี้มีหลายเรื่องที่ผมเล่าให้ฟัง ตั้งแต่เรื่องภาษีสรรพสามิต กระทรวงไอซีทีที่ อ.สิทธิชัย พูดเรื่องไอทีวี ทีวีของไอ เรื่องการถ่ายทอดทีวีพลู ซึ่งไม่รู้ใช้สติปัญญาส่วนไหนของร่างกายคิดถึงไม่มีการถ่ายทอดการจุดเทียน พูดหลายๆ เรื่อง พูดเรื่อง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ปกป้อง พ่อแม่พี่น้องจะเห็นว่า พูดเรื่องพาสปอร์ต พาสปอร์ตนี้เป็นเพราะพวกเรา ผมได้เรียกร้องในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์มาหลายต่อหลายครั้ง ถึงมีผลอันนี้เกิดขึ้น ถ้าผมไม่เรียกร้อง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศจะขยับอย่างนี้ไหมพ่อแม่พี่น้อง ก็ไม่ขยับ เห็นไหม วันนี้มีพ่อแม่พี่น้องหลายคนเจอผม ถามผมว่า เหนื่อยไหม ผมบอกว่าเหนื่อยกว่าเก่า เหนื่อยกว่าตรงไหน ผมต้องสู้กับความไม่รู้ของคน สู้อะไรไม่เหนื่อยเท่ากับความไม่รู้ของคน ทำอย่างไรจะทำให้คนรู้มากขึ้น ทำอย่างไรจะทำให้คนเข้าใจมากขึ้น เพราะถ้าพ่อแม่พี่น้องจะไปดู 3 5 7 9 ไอทีวี จะไม่มีรายการพวกนี้ เขาจะไม่กล้าพูดเรื่องพวกนี้ จะไม่มีวันทวงถามเลยว่า เมื่อไหร่จะยกเลิกพาสปอร์ตนายทักษิณ พาสปอร์ตคณะรัฐมนตรีซักที ไม่มีใครถาม ไม่มีใครเตือนว่า คุณชายปรีดิยาธรลาออกได้ไหม เพราะคุณทำผิด ไม่มี ไม่มีใครพูดหรอก เพราะฉะนั้น พ่อแม่พี่น้องครับ ควมเหนื่อยยังมีอยู่ แต่ก็จะต้องเหนื่อยกันต่อไป เดี๋ยวเราพักกันสักครู่นึง แล้วเรากลับมาช่วงหลัง เราจะมาพูดถึงเรื่อง มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ และเราจะพูดถึงเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิที่ค้างเติ่งมานาน

เมืองไทยรายสัปดาห์ (ช่วงที่ 2)

สนธิ - ครับพ่อแม่พี่น้องครับ นั่นคือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผมพูดถึง ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในเรื่องของความที่ผมไม่สบายใจของท่านเพียงข้อเดียว คือท่านชอบเหลือเกินที่จะเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ผมมีข้อเสนอใหม่ ผมอยากเสนอให้ท่าน ตัวท่านเองออกนอกระบบซะ คือออกนอกระบบคณะรัฐมนตรีซะ ท่านไม่เหมาะที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ในระยะ 1 ปี หรือ 1 ปีกว่า ที่รัฐบาลชุดนี้ จะต้องมาดำเนินการแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ระยะเวลาที่ท่านจะใช้เวลานี้ฉวยโอกาส ผลักดันปรัชญาที่ท่านเชื่อ แต่ผมไม่เชื่อ และประชาชนอีกเยอะแยะ แทบจะทั้งประเทศ ไม่เชื่อ นั่นคือการผลักดันปรัชญาการ ผลักดันสถาบันการศึกษาให้ออกนอกระบบ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ประเทศไทย 5 ปี ที่ผ่านมานี้ การศึกษาตกต่ำลงอย่างมาก นักเรียนนักศึกษาขาดจริยธรรม ขาดศีลธรรม ถูกมอมเมาในเรื่องของการบริโภค ฟุ่มเฟือย เด็กเรียนหนังสือแล้ว อ่านไม่ออก ระบบเอ็นทรานซ์ มีแต่เรื่องปัญหา ยังแก้ไม่ตก ไอคิวของนักเรียนไทย ตกจาก 92 ไปเป็น 87 ในขณะที่ไอคิวของนักเรียนทางอเมริกา และอังกฤษ ขึ้นถึง 120 ครูมีหนี้สินล้นพ้นตัว ยังจนอยู่เหมือนเดิม ผมถามว่าปัญหาที่มีอยู่ 5 ปี ที่ทักษิณสร้างไว้ ยังไม่พอเพียงให้ท่านนั่งแก้เหรอ ท่านแทบจะไม่ได้แก้อะไรเลย ท่านสนใจแต่อย่างเดียวคือ ผลักดันมหาวิทยาลัยให้ออกนอกระบบ การเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบนั้น ไม่ได้ต่างกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเลยนิดเดียว เมื่อท่านเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ท่านก็เปิดโอกาสให้ต่างชาติหิ้วกระเป๋า ถือหลักสูตรสำเร็จมาจากเมืองนอก มาร่วมกับทางมหาวิทยาลัย แล้วในที่สุดก็สามารถจะซื้อมหาวิทยาลัยไป หรือว่าเสร็จเรียบร้อยท่านก็รวมมหาวิทยาลัย ท่านขึ้นราคาค่าหน่วยกิต ท่านพูดไม่ได้หรอกว่าค่าหน่วยกิต ท่านไม่เกี่ยว ก็ในเมื่อท่านให้ออกนอกระบบแล้ว มหาวิทยาลัยแบ่งคนออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย อธิการบดี รองอธิการบดี ส่วนที่ 2 คือ สภามหาวิทยาลัย เช่นเชิญท่านผู้ทรงเกียรติมานั่งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ในยุคทักษิณเป็นใหญ่ ก็เอาน้องสาวของตัวเอง นางเยาวเรศ ชินวัตร มาเป็นนายกสภามหาวิทยาลับราชภัฏอุบลราชธานี ทั้งๆที่ นางเยาวเรศ ชินวัตร นั้นใช้วุฒิ ปวช.ปลอม เข้าไปเรียนที่ มสธ. และเขาจับได้ เขาก็เลยถอดถอนออก แล้วก็ยังได้เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ที่อุบลราชธานี ที่ราชภัฏ สุดท้ายคือ สภาคณาจารย์ ก็คือ คนซึ่งเข้าไปเพื่อต่อสู้ เพื่อความเป็นอิสระทางวิชาการ เพื่อความเป็ฯอิสระในการสอน เพื่อความระเบียบเรียบร้อย เพราะฉะนั้นความต้องการแต่ละฝ่ายไม่เหมือนกัน ฝ่ายสภามหาวิทยาลัย คือ ฝ่ายทางการเมือง ฝ่ายศักดิ์ศรี ฝ่ายหน้าตา ใครได้เป็นกรรมการสภามหาวิยาลัย ผมเคยเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาแล้ว ผมเคยเป็น มีตำแหน่ง มีศักดิ์ศรี เชิญนักธุรกิจที่มีชื่อเข้าไป อันนั้นก็คือส่วนหนึ่ง สภามหาวิทยาลัย กับผู้บริหารมหาวิยาลัยมักจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะว่าผลประโยชน์เอื้อกัน อธิการบดี ก็มองแต่ผลประโยชน์ว่า จะทำเงินทำทองกับมหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง ทุกคนมองเด็กนักเรียนเป็นเครื่องมือทางการค้าหมด ท่านจะเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ท่านชอบอ้างคำพูดคำนึง ซึ่งไม่ได้ต่างกับการเอา ปตท.เข้าไปแปรรู หรือการเอาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไปแปรรูป เพื่อให้การบริหารจัดการนั้นคล่องตัว ท่านลืมไปแล้วเหรอ ตอนที่มหาวิทยาลัยจะออกนอกระบบนั้น ได้มีคนถวายฎีกาองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสมา 2 ประการ ประการแรก พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสว่า ความคล่องตัว หรือความไม่คล่องตัวนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเราจะแก้ปัญหาของเราเองอย่างไร มันเป็นเรื่องภายในองค์กร มันไม่ใช่เรื่องอื่นเลย อีกเรื่องนึงก็คือ ทำให้สังคมชุมชนในมหาวิทยาลัยเขายอมรับการออกนอกระบบ นั่นคือพระราชดำรัสที่ล้ำค่าของพระองค์ท่าน ไม่ทราบว่าท่าน ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ฟังอยู่หรือเปล่า ท่านเป็นนักการศึกษา ท่านอายุมากแล้ว ท่านก็เป็นขิงแก่อันนึง แค่ท่านอาจจะแห้งไปแล้วก็ได้ เพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง แต่ว่าท่านต้องเข้าใจ ว่าการที่จะอ้างว่าการเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบนั้น เป็นการที่จะทำให้ระบบการศึกษานั้น คล่องตัวในการบริหาร ท่านพูดผิดประเด็น ผมจะเรียนให้ท่านทราบอย่างหนึ่ง วันนี้พ่อแม่ทุกคน ยังพอมีความหวังว่า มีลูกของตัวเองสอบเข้าในมหาวิทยาลัยของรัฐ ยังพอที่จะกัดฟันจ่ายค่าเล่าเรียนเทอมละ 9,000 บาท สูงสุด 12,000 บาท ยังพอสู้ได้ ในอนาคตทางหน้าถ้าจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรฯ เชียงใหม่ หลายๆ แห่งซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ ค่าเล่าเรียนต้องกลายเป็น 25,000 - 35,000 ผมจะถามท่านคำหนึ่ง มันไม่ได้ต่างจากมหาวิทยาลัยเอกชน มหาวิทยาลัยเอกชนนั้นเขาพัฒนาของเขาเอง เขาลงทุนเขาสูงก็ปล่อยเขาว่ากันไป ในที่สุด ดร.วิจิตร ลูกหลานคนไทยเรียนหนังสือ 4 ปี พ่อแม่ต้องหาเงินส่งลูก 1 ล้านบาท เรียนจบแล้วรับเงินเดือนแค่ 8,000 บาท มันแปลว่าอะไร ท่านต้องคิดสิ ท่านอย่าไปเอาระบบของต่างประเทศมาสวมใส่ตรงนี้ แล้วท่านก็บอกว่า เพื่อความคล่องตัว วิศวะออกนอกระบบสบาย ปริญญาโททางเอ็มบีเอ มีแต่คนอยากเรียนออกนอกระบบสบาย สังคมศาสตร์ออกนอกระบบมีใครจะให้เงินบ้าง ไม่มี ในที่สุดทุกคนก็จะเทไปทางด้านวิชาชีพ ที่สามารถจะทำเงินกันได้ ก็เพราะว่าปรัชญาบ้าที่มันเกิดขึ้น 4 - 5 ปี ทุกอย่างมองด้วยเงินมันถึงทำให้ประเทศชาติฉิบหายกันวันนี้ไม่ใช่เหรอ เพราะว่าคนมันลืมคิดกันถึงเรื่องจริยธรรม คิดถึงใจ คิดถึงศีลธรรม ลืมคิดถึงความรับผิดชอบชั่วดี สะกดคำว่าหิริโอตัปปะไม่เป็น ของแบบนี้มันไม่ได้มาจากวิศวะ มาจากเอ็มบีเอ เอ็มบีเอยิ่งมาไม่ได้ใหญ่ เพราะฝรั่งมันสอนเอ็มบีเอให้คนคิดถึงกำไรสูงสุด กำไรต้องวมาก่อน ถ้าผิดจากกำไรแล้วใช้ไม่ได้

สนธิ - ดร.วิจิตร ผมจบประวัติศาสตร์ อย่างน้อยที่สุด คุณค่าชีวิตผมในการจบประวัติศาสตร์ก็ยังสอนให้ผมรู้จักถึงรากเหง้าของสังคมไทย รู้จักวัฒนธรรมเป็นอย่างไร รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร แล้วรู้ว่าประเทศชาติกำลังลำบาก ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้แล้วรากเหง้าเราหมดไป อย่างน้อยถ้าผมทะลึ่งจบเอ็มบีเอ หรือวิศวะผมก็ไปนั่งรับเงินรับทอง ก็จะไม่มีคนชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล ลุกขึ้นมาสู้ในปีกว่าๆ ที่แล้ว อย่าไปดูถูกประวสัติศาสตร์ อย่าไปดูถูกสังคมศาสตร์ เพราะว่านี้คือจิตวิญญาณ คุณจะเป็นนักวิศวะที่เก่งขนาดไหนก็ตาม คุณจะเป็นนักการเงินที่เก่งๆ อย่าง ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร เก่งไม่หล่ะ เก่ง แต่ช่วยทักษิณ หนีภาษีแหลกหลากเลย เห้นหรือยังนี้คือผลพวงของมหาวิทยาลยัออกนอกระบบไง จิตวิญาณมันหายไป มันเท่ากับบังคับให้เด็กทุกคนมองเงินเป็นตัวตั้ง ไม่มองเงินเป็นตัวตั้งได้ไงเพราะค่าเล่าเรียนตั้ง 20,000-30,000-40,000 บาท มันต้องมองเงินเป็นตัวตั้งสิ ทุกอย่างคิดเป็นเงินจนกระทั่งขนขึ้นเป็นเงินไปหมด พูดกันด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้แล้ว ทุกอย่างซื้อขายหมด เพราะฉะนั้นแล้ว ดร.วิจิตร คุณจะอ้างอะไรก็ตาม คือ อย่าเอาอัตตาของตัวเอง ท่านนี้เป็นคนมีอัตตาสูง อย่าให้เขาว่าท่านแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน อัตตาท่นคืออะไร ท่นอยากจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์การศึกษาที่เอาระบบการศึกษาออกนอกระบบหมดเลย ผมรู้ ทำไมผมจะไม่รู้ แต่ท่านทำเช่นนี้ท่านกำลังทำลายประเทศไทย ท่านทำร้ายทำลายสังคมไทยอย่างมหาศาล อย่างที่ผมเรียนให้ท่านทราบ ปัญหาที่นายทักษิณทำไว้กับระบบการศึกษายังมากไม่พอให้ท่านแก้หรือ ทำไมท่านมายุ่งกับการเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ แล้วออกนอกระบบท่านถามผมหรือยัง ถามประชาชนหรือยัง ถามอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหรือยัง ท่านเปิดประชาพิจารณืมให้ถกเถียงกันหรือยัง ท่านไม่ท่านหงุบหงิบเอาเข้า ครม. ครม.เอาเข้า สนช.ทันทีเลย เอะผมดูแล้วท่านไม่ได้ต่างอะไรกับทักษิณ ชินวัตร เท่าไรนะ น่าเสียดาย เขาน่าจะเรียกท่านไปใช้ ณ ตอนนั้น ทำไมเขาไม่เรียกท่านไปใช้นะ น่าเสียดายมากมหาวิทยาลัย คือ สถาบันอุดมศึกษา สถาบันอุดมศึกษานั้นต้องให้องค์ความรู้คน องค์ความรู้มีหลายรูปหลายแบบ บางรูปบางแบบนั้น เป้นองค์ความรู้เฉพาะนั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะไปปฏิเสธองค์ความรู้พื้นฐาน องค์ความรู้พื้นฐานคือองค์ความรู้ที่ทำให้คนเป็นคน ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ ทำให้จิตวิญญาณเป็นวิญญาณ ไม่ใช่ทำให้คนเป็นครึ่งผีครึ่งคน ครึ่งคนคือว่า มีสติสัมปชัญญะบ้าง ครึ่งผีคือว่ามองเห็นผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง เชื่อผมซิครับ ดร.วิจิตร ผมจะบอกให้รู้นะครับ วันนี้ วันที่ 8 วันนี้เขาล่ารายชื่ออาจารย์เกือบพันคนแล้ว ท่านจะเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ จู่ๆ ท่านไปประชุมอธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัย แล้วท่านจะให้เซ็นร่วมมือกัน มันทำกันได้อย่างไร อย่างน้อยจุฬาฯ ไม่ได้เซ็น ธรรมศาสตร์ไม่ได้เซ็น หรืออย่างจุฬาฯ ท่านบอก ท่านจะเอาจุฬาฯ เป็นตัวตั้ง ท่าน ดร.วิจิตร ครับ แล้วอธิการบดีมหาวิทยาลัยจุฬาฯ ท่านรู้อะไรบ้างหรือเปล่า ทรัพย์สินที่พระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานให้จุฬาฯ นั้น เป็นพระราชดำรัส มีในพระราชหัตถเลขาชัด มีในกฎหมาย พระองค์ท่านตรัสเอาไว้อย่างไรท่านทราบไหม พระองค์ท่านบอกว่า ทรัพย์สินอันนี้ให้ไว้เพื่อให้จุฬาฯ ขยายงาน อีกหน่อยพื้นที่ไม่พอก็ต้องเอาพื้นที่นั้นมาขยายแล้วตั้งเป็นโรงเรียน ตั้งเป็นอาคาร ตั้งเป็นสถานที่การศึกษา แต่พวกผู้บริหารจุฬาฯ ในอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันเอาทรัพย์สินนั้นไปทำมาหากินเป็นหมื่นๆ ล้าน ภาษีไม่ได้เสีย เมื่อภาษีไม่ได้เสียแล้ว เสร็จเรียบร้อยแล้วอ้างว่าตัวเองเป็นหน่วยงานของรัฐไม่ต้องเสียภาษี ถ้าสมมุติจุฬาฯ ออกนอกระบบ หมายความว่า ผู้บริหารจุฬาฯ สามารถปู้ยี่ปู้ยำทรัพย์สินตรงนั้น ยกโครงการทั้งโครงการ ยกสยามสแควร์ทั้งสยามสแควร์ให้ผู้พัฒนาเอกชน สัญญา 50 ปี ยกไปเลย ทั้งๆ ที่สยามสแควร์นั้นเป็นที่ที่ในราชหัตถเลขาระบุชัด ว่าพื้นที่ประเภทนี้ ถ้าสมมุติว่าคณะทันตแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ ซึ่งอยู่ติดสยามสแควร์ เนื้อที่ไม่พอต้องขยับมาแล้วกินเนื้อที่ของร้านค้าต่างๆ ให้ร้านค้าต่างๆ ออกไปได้ แต่ไม่ ไปๆ มาๆ ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมองถึงสถานที่ที่ให้เซ้งให้เช่า เป็นมองแหล่งรายได้อย่างเดียว ไม่ได้มองว่านี่คือแหล่งซึ่งจะถูกพัฒนาให้เป็นสถานศึกษาในที่สุด เห็นหรือยัง น่ากลัวไหม แล้วท่านคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของอาจารย์ ไหม เมื่อออกนอกระบบแล้วอาจารย์กลายเป็นลูกจ้างใช่ไม่ใช่ ถึงแม้บางครั้งผมจะไม่พอใจบทบาทอาจารย์บางคน บางส่วนที่วันๆ เอาแต่รับงานนอกแล้วงานสอนไม่ค่อยทำ แต่นั่นเป็นส่วนน้อย บทบาทอาจารย์ไม่ต่างจากบทบาทสื่อมวลชน ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณต้องเสียสละ ไม่เสียสละไม่ได้ การเสียสละของจิตวิญญาณ เพราะว่ามันเป็นอาชีพต้องเข้ามาเพื่อเสียสละ เหมือนอาชีพตำรวจต้องเข้ามาเพื่อเสียสละ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อรีดไถ ทุกๆ อาชีพ โดยพื้นฐานแล้วจะมีองศาบางองศาซึ่งถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องใช้ความเสียสละของชีวิตตัวเองในการทำ อาจารย์เมื่อยังอยู่ในสภาคณาจารย์ หรือว่าอาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ นี่ผมต้องยกตัวอย่างจุฬาฯ อาจารย์ชัยพร ที่ลุกขึ้นมาสู้กับระบอบทักษิณ ถ้าวันหนึ่ง สถานภาพอาจารย์ชัยพร เปลี่ยนจากอาจารย์เป็นลูกจ้าง ผมถามสิว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลในสังคมแล้ว อาจารย์ลุกขึ้นมาประท้วงก็โดนไล่ออกทันที ในฐานะเป็นลูกจ้าง และบทบาทอาจารย์อยู่ที่ไหน อาจารย์ชัยพรสอนรัฐศาสตร์ และถ้าอาจารย์ประท้วงไม่ได้ กับสิ่งซึ่งรัฐบาลทำ อาจารย์สอนรัฐศาสตร์ไปทำไม และอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ประท้วง แล้วถูกไล่ออก หรือว่าสอนนโยบายรัฐศาสตร์ ซึ่งลูกสาวของทักษิณเกิดฟังอยู่ แล้วลูกสาวไม่พอใจก็ไปเล่าให้พ่อฟังว่า มหาวิยาลัยจุฬาฯ ออกนอกระบบแล้ว ทักษิณก็สั่งให้ผู้บริหารปลดอาจารย์ไปซะ แล้วเราจะมีสิทธิเสรีภาพการศึกษามาจากไหน เด็กไทยจะฉลาด หรือจะโง่ ต้องโง่ลง เด็กไทยก็จะนั่งฟังอย่างเดียว เถียงไม่ได้ เถียงก็ไม่มีสิทธิที่จะเถียง นี่ขนาดเด็กจะมาต่อสู้ต่อต้านมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ยังถูกอธิการบดีขู่เลย ไอ้นี่มันเป็นสิทธิในการศึกษาเหรอ ซึ่งถูกปิดกั้น และคุณมาเรียกว่าตัวคุณเองเป็นสถาบันการศึกษาได้อย่างไร ทำไมตอ้งทำทุกอย่างเพื่อการค้า การศึกษานั้น รัฐต้องให้ วันหนึ่งข้างหน้า ค่าเรียนธรรมศาสตร์ขึ้นเป็น 25,000 บาท รามคำแหงก็แพงอยู่แล้วทุกวันนี้ ขึ้นมาอีก แล้วผมถามว่าไอ้พ่อแม่ที่มันมีเงินเดือน 2 คน ผัวเมีย สัก 20,000 -30,000 หักค่าใช้จ่าย ค่าผ่อนบ้าน ค่าโน่นค่านี่ มันจะมีเงินที่ไหนมาส่งลูกเรียนหนังสือ ผมถามว่าสิทธิการเรียนหนังสือเป็นสิทธิอันชอบธรรม ที่คนไทย เด็กไทยทุกคนต้องมี รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนการส่งเสริม นอกจากไม่ให้ออกนอกระบบแล้ว รัฐบาลต้องให้เด็กเรียนฟรีด้วยซ้ำ เพราะการศึกษาคือการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีการลงทุนใดที่ยิ่งใหญ่ทีสุดเท่าการศึกษา เมื่อคุณเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เดี๋ยวคุณก็เอานักลงทุนจากที่โน่นมาที่นี่ คุณกำลังคิดผิด คุณกำลังจะใช้ระบบตะวันตก มาเพื่อที่จะยุยงส่งเสริม ให้ประเทศไทยเลียนแบบตะวันตก ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ที่มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด ที่สหรัฐอเมริกา ค่าเล่าเรียนแพงหูฉี่เลย แล้วก็เข้ายาก เพราะมันเป็นมหาวิยาลัยเอกชน คุณภาพการศึกษาสูงสุด ทำไมแสตมฟอร์ดอยู่ได้ เพราะระบบของอเมริกามันเป็นระบบทุนนิยมเสรี เมื่อมีคนจบแล้ว สมาคมศิษย์เก่าเขามีนักศึกษาจากแสตมฟอร์ด ทำงานเก่ง ประสบผลสำเร็จ เขาก็เอาเงินมาช่วยแสตมฟอร์ด เวลาเขาเลี้ยงเพื่อหาทุน ปีนึงเขาได้เป็นร้อยล้านพันล้าน นายกอดอน วู(***) จบวิศวะมาจากปรินซ์ตั้น(***) บริจาคเงินส่วนตัวให้ปริ้นส์ตั้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 3,650 ล้านบาท นั่นคือมหาวิทยาลัยเอกชน เขาก็ทำหน้าที่เขาไปตรงนั้น เขาทำได้ แต่เมืองไทยเราไม่ได้มีนักธุรกิจที่จบมาอย่างนี้ แต่ขณะเดียวกัน ปริมาณก็ไม่ได้มากเท่าเขา เขาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก นายบิลล์ เกต ก็เกิดที่นั่น นายสตีฟ จอบส์(***) คอมพิวเตอร์แมคอินทอช ก็อยู่ที่นั่นคนโด่งดังเขาจบมาจากที่ไหนเขาก็กลับไปเอาเงินไปให้ เมืองไทยไม่มี เมืองไทยมีที่ไหนล่ะ จิตวิญญาณของศิษย์เก่าในเมืองไทย ยังไม่สามารถจะผูกพันกับสถาบันเหมือนกับที่ตัวเองทำ และสถาบันนั้นเป็นสถาบันเอกชนทั้งสิ้นของอเมริกา เขาถึงทำได้ไง ถ้าวันใดข้างหน้าแล้ว จุฬาฯกลายเป็นของแพง ธรรมศาสตร์กลายเป็นของแพง คุณเชื่อผมเหอะ ดร.วิจิตร คุณกำลังแบ่งชนชั้นวรรณะของคนไทยให้เห็นได้ชัด อีกหน่อยมีแต่ลูกคนมีเงินเท่านั้นที่เรียนได้ และคุณก็บอกว่ากู้มาเรียนสิเดี๋ยวรัฐบาลจัดเงินกู้ให้ ก็นี้ไงสุดโต่งของคุณ เข้าใจหรือยัง ความสุดโต่งของคุณอยู่ตรงไหนผมจะเล่าให้ฟัง

สนธิ - ความสุดโต่งของคุณ คุณนี้ไม่ได้ต่างจากนายทักษิณเลยนะ ในขณะนี้เพียงแต่คุณเป็นปรัชญาของคุณกับนายทักษิณเข้ากัน แต่นิสัยเข้าด้วยกันไม่ได้ คุณก็คิดง่ายๆว่า ไม่มีตังค์ก็ไปกู้มา ในที่สุดแล้วเด็กไทยแทนที่จะเรียนได้ แล้วเรียนจบออกมาสามารถทำมาหากิน และตั้งตัวได้ก็ต้องมาผ่อนค่าเล่าเรียน ผ่อนไปอีกชาติหนึ่ง พอผ่อนไปชาติหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็มาผ่อนบ้านมันต่ออีกชาติหนึ่ง สรุปแล้วเด็กไทยต้องเกิดมา 3 ชาติ ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิด ถึงจะผ่อนคาเรียนได้หมด ผ่อนบ้านได้หลัง แล้วผ่อนรถได้อีกคัน อันนี้ไม่ใช่สังคมที่ผมต้องการ แล้วมหาวิทยาลัยออกนอกระบบมันตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจพอเพียงนะ เพราะคุณกำลังผลักภาระทั้งหมดให้นักเรียน ให้นักเรียนคือให้ใคร คือ พ่อแม่ไง ทำไมคุณไม่พิจารณาบ้างล่ะ ว่างบประมาณอะไรบ้างที่มันเลยเถิด ไปตัดตรงไหนได้บ้าง งบฯลงทุนอะไรบ้างที่ไม่ควรจะทำ ทำไมคุณไม่คิดล่ะ ภาษีอากรที่นายทักษิณ หนีไปเป็นหมื่นๆล้าน ค่าคอร์รัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิ 20 เปอร์เซนต์ของ 140,000 ล้าน 28,000 ล้าน โกงกินกันเช้าจรดเย็น เป็นเวลาทุกปีมาเป็น 10 ปี เป็นล้านๆบาทแล้ว เงินพวกนี้คือเงนิที่ให้การศึกษาลูกหลานคนไทยได้ฟรี ฟรีหมด

สนธิ - ผมจะเล่าประววัติให้ฟังประเทศไอร์แลนด์ ครั้งหนึ่งเขาเรียกว่าเป็นประเทศที่ไม่สบายในยุโรป เขาเรียกว่า sick country ไอร์แลนด์ไม่มีใครอยากอยู่ ไม่มีใครอยากไปลงทุน จนในวันที่สุดวันหนุ่งนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์คนใหม่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเขามา มีความรู้สึกว่าต้องลงทุนเรื่องการศึกษาให้ไอร์แลนด์ เขาเสนอให้งบประมาณต่อสภาฯเขาประกาศเลยว่าจากนี้ไปลูกหลานชาวไอร์แลนด์ที่โตมาเรียนหนังสือโดยไม่เก็บเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ทุกคนเรียนมัธยม ทุกคนเรียนมหาวิทยาลัย จะเข้าที่ไหนเรียนฟรีหมด รัฐบาลออกพันธบัตรกู้มาไม่เกิน 20 ปี คุณภาพของคนไอร์แลนด์ ทั้งเกาะถูกยกขึ้นมาสูงทั้งหมด 20 ปีจบมา 5-6รุ่นเท่านั้นเอง ยกขึ้นมาสูงปรากฏทุกคนมีการศึกษาหมด ไอร์แลนด์กลายเป็นสังคมที่คนมีคุณภาพ นักลงทุนก็อย่างจะลงทุนในเกาะไอร์แลนด์ ในที่สุดไอร์แลนด์กลายเป็นประเทศอันดับ 1 แล้วในยุโรปที่บริษัทต่างๆอยากไปตั้งที่ไอร์แลนด์ เพราะคนมีคุณภาพทุกคน พูดจารู้เรื่อง เทคโนโลยีเก่ง

สนธิ - ถ้าคุณเอาการศึกษานอกระบบแบบนี้มาใส่ในเมืองไทยทุกคนต้องวิ่งขวนขวายหา เงิน จิตวิญญาณหมดไปทุกคนวิ่งหาแต่เงิน วันข้างหน้าถ้าใครมาปล้นชาติบ้านเมืองทุกคนก็ไม่ว่าอะไร ก็ปล้นไปขอให้กูหาเงินได้ก็แล้วกัน พอแล้ว นี้เป้นสังคมไทยที่ทุกคนต้องการเหรอ คุณวิจิตร ยังถอยได้ อย่าเพิ่งตกหลุมไปมากกว่านี้ และผมต้องกราบเรียนท่านนายกฯ สุรยุทธ์ จุลานนท์ วิจิตร ศรีสอ้าน ถ้ามีการปรับ ครม. น่าจะออกไปพร้อมกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คนคนนี้ น่าจะให้ท่านแก่ตายไปด้วยความฝันของท่านแล้วกัน ที่จะเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ไม่ควรที่จะเอาท่านเข้ามา และเอาอัตราที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ แล้วท่านพูดนะ ว่ามหาวิทยาลัยออกนอกระบบนี่มันดีนะ มีหลายๆ แห่งดี จริงหรือเปล่า ที่ไหนบ้างออกนอกระบบ ท่านบอกว่ามหาวิทยาลัยสุรนารีออกนอกระบบ เดี๋ยวผมจะให้ท่านดู มหาวิทยาลัยสุรนารี มีนักเรียนอยู่ 3 คน มีครูอยู่ 5 คน ค่าเรียนแพงมาก เอาตัวไม่รอด ไปซื้ออาจารย์มา ให้ใครต่อใครมาเรียน มันไปไม่รอด อาจารย์จะเดินทางไปไหน ต้องขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ถ้าไม่อนุญาตไปแล้ว อาจถูกเลิกจ้าง มีหลายอย่าง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ แม่ฟ้าหลวง ก็มีวิกฤติ ไม่มีคนเรียน คนที่เชียงรายไปดูได้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงไม่มีคนเรียน เพราะมันแพง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่ท่านอาจารย์วิจิตรเป็นประธานคณะกรรมการ เก็บค่าหน่วยกิตสูงสุดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองหมด มันมีบางอย่างในสังคมไทย มันคิดเป็นเงินไม่ได้ เหมือนน้ำใจคิดเป็นเงินไม่ได้ เพราะฉะนั้นการศึกษาก็เช่นกัน การศึกษาก็เหมือนน้ำใจ จะมาคิดเป็นเงินอย่างเดียวไม่ได้ และที่สำคัญ ทำอะไรก็ตาม ถ้าไปปิดกั้นโอกาสของคนจน ไม่ให้มีสิทธิเรียนหนังสือ ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้เลย อีกอย่างนึง 60 ปี 90 ปี ที่ผ่านมา จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอนแก่น หลายๆ มหาวิทยาลัย เขาอยู่มาได้อย่างไง ถ้าเขาไม่ได้พัฒนาตัวเขาเองมา และเขาก็ไม่ได้ออกนอกระบบนะ ปัญหาออกนอกระบบเป็นปัญหาที่คุณมาอ้างว่าเพื่อทำงานคล่องตัว คุณสามารถทำงานได้คล่องตัวได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องออกนอกระบบ หรือถ้าคุณอยากออกนอกระบบ คุณออกบางส่วนซิ บางส่วนที่คุณคิดว่าจำเป็น เทคโนโลยีคุณอยากออกนอกระบบออกไป เพราะเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่จำเป็น คุณไปร่วมเลยใครก็ได้ จะเอาบริษัทเอไอเอส ของทักษิณ ชินวัตร มาร่วมลงทุนด้วยก็ได เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางคมนาคม แต่ถ้าคุณออกนอกระบบทั้งระบบแล้ว ในที่สุดคุณกำลังจะขายสินทรัพย์ ซึ่งเป็นของรัฐ หรือคุณกำลังจะเอาจุฬาฯ ออกนอกระบบ คุณกำลังขายทรัพย์สมบัติ คุณเปิดโอกาสไม่ได้ขาย ให้ทรัพย์สมบัติที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มอบให้กับจุฬาฯไว้ เอาไปทำเรื่องการค้า และเปิดโอกาสให้นักลงทุนเป็นต่างชาติ หรือในชาติ เข้ามาฮุบสมบัติอันนั้น คุณคิดให้ดีๆ

สนธิ - พ่อแม่พี่น้องครับ เกือบจะไม่มีเวลาพูดเนื่องสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะพูดเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ นิดนึง เพชรบูรณ์บอกว่า สงสารคุณสนธิ ที่ต้องมานั่งด่ารัฐมนตรีพวกนี้ มันเป็นอย่างนี้แหละครับ การต่อสู้กับความไม่รู้ของคน หรือการต่อสู้กับอัตตาคนเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องสุวรรณภูมิ ผมอยากจะให้ดูวีทีอาร์เรื่อง ลีมูซีนมาเฟียในสุวรรณภูมิ นอกจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และข้อบกพร่องมากมายในสุวรรณภูมิแล้ว ผมอยากจะยกตัวอย่างเรื่องแก๊งลีมูซีน ปกติแล้วสนามบินดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิมีการจัดตั้งลีมูซีน แท็กซี่ต้องมีเคาน์เตอร์ เดี๋ยวนี้มีคนใส่สูทกว่า 80 คน ใช้วิธีเปิดโบชัวเดินเร่ชักชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปในลีมูซีน นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่รู้ก็เข้าไปใช้บริการ พอไปถึงจะมีเด็กรับช่วงรับกระเป๋า จะนำกระเป๋าวิ่งไปใส่รถตู้เก่าๆ ทั้งๆ ที่ชี้ลีมูซีนรถใหม่ พอใส่รถตู้เก่าๆ นักท่องเที่ยวไม่มีทางเลือกก็ต้องนั่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติหลงเชื่อใช้บริการลีมูซีนเถื่อน เห็นได้ชัด งานพวกนี้เริ่มไม่ได้ถ้าหากการท่าอากาศยานไม่ร่วมด้วย ก่อนเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเวลาเหลือน้อย จะมีตัวอย่างอันหนึ่งให้พ่อแม่พี่น้องเห็น คุณแอน-จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ พิธีกรรายการคนในข่าว โกรธมาก บอกคุณสนธิจะพูดเรื่องสุวรรณภูมิ พูดให้ฟัง เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ลงมาจากเครื่องเข็นรถออกมาเรียกหาแท็กซี่ "คุณแท็กซี่ต้องลงไปข้างล่าง ตรงนี้ลีมูซีนทั้งนั้น ตรงนี้ต้อง 1,000 1,200 1,500" พอลงไปแท็กซี่ต้องเสียค่าบริการเรียกแท็กซี่ 50 บาท คุณแอนธรรมดาเป็นคนซึ่งไม่ธรรมดา เพราะธรรมดาแกให้เงินสามีแกใช้วันละ 100 บาท เพราะฉะนั้นจะมาเรียกแก 50 บาทแกไม่ยอม แกเลยบอกว่า 50 บาท เรียกไปทำอะไร เป็นของใคร มีสิทธิ์อะไร แกไม่ยอม เขาองค์กรไหนไม่มีใครตอบได้ แต่มั่นตั้งโต๊ะเก็บคนละ 50 บาท พอแกเรียกแท็กซี่มีบัตรแท็กซี่โดยสารเสร็จเรียบร้อยแล้วปั๊มตราเซอร์วิสชาร์จ 50 บาท ศูนย์แท็กซี่ โทษนะ เข้ากระเป๋าสุนัขตัวไหนก็ไม่รู้ เห็นหรือยัง นี่คือวิธีทำมาหากิน ตั้งโต๊ะเก็บเงิน ทุเรศที่สุด แล้วการท่าอากาศยานไม่รู้เรื่องด้วยไม่ได้ มันต้องมีคนซึ่งเข้าไปฮั้วแล้วเข้าไปร่วมด้วย ผมอยากจะฝากให้ท่าน พล.อ.สพรั่ง ล้างเหลือบบ้าๆ พวกนี้ซะที ไม่ว่าจะเป็นลีมูซีน หรือค่าเซอร์วิสชาร์จ 50 บาท เมื่อคุณแอนถามเอาเข้าใคร ใครรับผิดชอบ เข้าหน่วยงานไหน ไม่ยอมพูดซักคน แสดงว่าคนที่ตั้งโต๊ะต้องจ่ายค่าต๋งใครบางคนที่จะตั้งโต๊ะอย่างนั้นได้ ค่าต๋งอาจจะเหมาทั้งวัน วันนึงเอามาให้อั๊วะ 2,000 เลวมากๆ

สนธิ - พ่อแม่พี่น้องครับ เวลามีอยู่ 10 กว่านาทีที่จะพูดเรื่องสุวรรณภูมิ อยากพูดจัง แต่คงพูดละเอียดไม่ได้ กทม.ถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ตั้งใครที่ดีมาเป็นที่ดีบ้างถ้าไล่ออกหมดคงเหลือเพียง พล.อ.สุรยุทธ์ คนเดียว

สนธิ - เอาสั้นๆ เรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ พอเป็นน้ำจิ้มนะกันนะครับ เพราะว่าเรื่องราวในเมืองไทยมันเยอะเหลือเกิน เดิมที่ตั้งใจจะพูดเรื่องสุวรรณภูมิเรื่องเดียว ปรากฏว่ามีเรื่องของมหาวิทยาลยัออกนอกระบบเข้ามา มีเรื่องราวของเรื่องอธิบดีกรมสรรพากร ต้องโดน ป.ป.ช.กล่าวหา เลยต้องขยายความ เพราะว่าพ่อแม่พี่น้อง หลายๆ เรื่องผมต้องมขยายความให้ฟังนะครับ

สนธิ - สนามบินสุวรรณภูมิเกิดขึ้นมาสมัยยุคจอมพลถนอม จอมพลประภาส คือตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์แล้ว แนวความคดคือว่าต้องสร้างสนามบินใหม่อีกสนามบินหนึ่ง เหตุผลง่ายนิดเดียว จริงๆ แล้วไม่มีเหตุผลที่จะต้องสร้างสนามบินสุวรรณภูมิตอนนั้นดอนเมืองมีอยู่แล้ว ขยายที่ดอนเมืองได้ เพราะที่ตอนนั้นก็ว่าง แต่ว่าที่ดอนเมืองมันแพง มันเป็นชุมชนไปแล้ว และทหารอากาศก็อยู่ ถ้าจะขยายต้องไล่ซื้อที่ และต้องซื้อที่ของคน ไม่เหมือนที่ว่างเปล่าที่จู่ๆ ที่ชาวไร่ชาวนาที่ไม่มีใครรู้อย่างดอนเมือง สุวรรรณภูมิสมัยก่อนอยู่บางพลี บางพลีเมื่อ 50 ปีที่แล้สที่ไร่ละ 1,000 บาท หรือ 500 บาท ทำมาหากินกับการซื้อที่แบบนี้ดีกว่า ก็เลยตกลงจะขยายสนามบิน วัตถุประสงค์ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ว่าข้าราชการระดับสูงต้องการทำมาหากินกับการซื้อขายที่ ก็เลยไปซื้อขายที่ไว้ล่วงหน้าเพื่อให้รัฐบาลเวนคืน เข้าใจนะครับพ่อแม่พี่น้อง นั้นคือที่มาการคอร์รัปชั่นขั้นแรกก่อน

สนธิ - ที่นี้พอซื้อขายที่เป็นหทื่นไร่ขึ้นมาแล้ว วิธีการคือต้องให้สภาพัฒน์ให้การสนับสนุน สภาพัฒน์ก็ให้การสนับสนุนว่า ต้องมีสนามบินแหล่งที่ 2 ทุกคนก็เห็นด้วย พอเห็นด้วยแล้วมันก็ยังติดว่า ดอนเมืองยังใหญ่พอ ยังไม่มีความจำเป็นต้องสร้าง ความคิดที่จะสร้างเลยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีการขยับ จนกระทั่งดอนเมืองเริ่มมีการแน่นขนัด ต้องสร้างสนามบินใหม่แล้ว ที่บางพลี อย่ามาถามผมว่าทำไมต้องบางพลี ถ้าจะตอบตรงๆ ในยุคนั้นเพราะที่ดินมันถูก คนที่รู้ว่ารัฐบาลจะสร้างสนามบินก็รีบไปซื้อที่ราคาถูกไว้ก่อน แล้วเวนคืนก็กินค่าเวนคืน สมัยนั้นกินกันง่ายๆ แค่ค่าที่ ส่วนต่างของที่ ไม่เหมือนสมัยนี้สมัยนี้กินไอที กินทราย กินดิน กินสายไฟ กินรถเข็น กินที่จอดรถ กินค่าแท็กซี่ 50 บาท มันกินได้หมด ทุกระบวนการ สมัยนั้นมันแค่ซื้อที่มาไร่ละ 100 บาท ไร่ละ 2,000 บาท แล้วรัฐเวนคืนไร่ละ 2,500 ขอกำไรแค่ 500 บาทก็พอ

สนธิ - สมัยก่อนพ่อแม่พี่น้องรู้ไหม สมัยผมเด็กๆ นั้นพ่อค้าเวลาวันเกิดของจอมพลเผด็จการ เขาเอาของขวัญอะไรให้พ่อแม่พี่น้องรู้ไหม เข้าเอาตู้เย็นมาให้ ผมอยู่อัสสัมศรีราชา เพื่อผมพ่อมันเป็นนายพลหลายคน เคยไปงานวันเกิดบ้านพ่อมัน พ่อมันเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ เฮ้ย ! ทำไมตู้เย็นบ้านมึงเยอะฉิบหายว่ะ เกือบ 20 ตู้ เฮ้ยๆมึงอย่าไปบอกนะข้างในมันใส่าเงินเอาไว้ คือ เขาจะเอาเงินใส่ตู้เย็นไง และยกไปให้เขาเรียกว่ามีวิธีการ ที่มันดูไม่น่าเกลียดยกทั้งตู้เย็นไป แล้วเอากุญแจให้คุณนาย คุณนายครับ ท่านครับอย่าให้ใครเห็น เปิดมาก็เป็นแบ่งร้อย ทั้งตู้เปิดมาใส่แค่ล้านหนึ่งก็ยิ่งใหญ่แล้ว ช่วงหลังการคอร์รัปชั่นพัฒนามา คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย นโยบายอย่างไร นโยบายคือว่า ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่หรอ รัฐมนตรีคลัง ใครที่ทำงานกระทรวงการคลัง วิธีหาเงินง่ายนิดเดียว เข้ามาไม่ทันไรบอกว่า ผมต้องพิจารณาปรับภาษีสุรา ภาษีสุราต่ำไป เท่านั้นเองเดี๋ยวคุณเจริญวิ่งกันตีนขวิดเลย มาแล้วเป็นกล่องเลยนะ กล่องเหล้าลำเลียงมาให้ สักพักหนึ่ง เดี๋ยวให้ผมให้กรมสรรพามิตไปพิจารณาหน่อย กล่องเหล้ามา ซักพักเรื่องนี้เงียบไป เขาเรียกว่าเคาะกะลา เพราะฉะนั้นแล้วเทคนิคคอร์รัปชั่น เหมือนตำรวจ ตำรวจเวลาถูกย้ายมาเป็นผู้กำกับโรงพักแห่งหนึ่ง เพิ่งย้ายมาสดๆ ร้อน สิ่งแรกที่ตำรวจทำ ผู้กำกับคนใหม่เข้ามาจะบอกว่า จากนี้ไปบ่อนห้ามเปิด ทุกอย่างปิดตี 1 สถานบันเทิงห้ามเกินเวลาหมด ปรากฏว่าโดนคำสั่งผู้กำกับทุกอย่างบ่อนห้ามเปิดทุกอย่าง ตายละคราวนี้ทำอย่างไร เงินขาดมือ สารวัตรปราบปรามไม่ได้เงิน ทุกคนไม่ได้เงิน สักพักจะมีการตั้งตัวแทนมา ตัวแทนบ่อน ตัวแทนอาบอบนวด ตัวแทนผับ เข้ามาให้ผู้กำกับ ท่านครับเดือนนึงเท่านี้ครับ ทำไมต้องทำเช่นนี้ เพราะผู้กำกับไม่มีแผนที่ ผู้กำกับต้องระงับสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดเพื่อมากำหนดว่าใครจะต้องจ่ายบ้างจะได้รู้ว่าตัวตนที่ต้องจ่ายคือใครบ้าง คล้ายๆ ว่ารับแผนที่มาจากตัวตนที่แท้จริง เขารู้อ๋อเดือนนี้ไอ้นี่ต้องได้เท่านี้ ไอ้นี่ต้องได้เท่านี้ เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้เขามาไปพึ่งคนเก่า คนเก่าบอกท่านครับเดือนนี้บ่อนให้เท่านั้น ไอ้นี่วัดครึ่งกรรมการครึ่ง ผู้กำกับไม่ยอมฉันใดฉันนั้น ทีนี้สุวรรณภูมิก้าวเข้ามาสู่ยุคที่ต้องตัดสินใจสร้าง ตอนนั้นมีการโต้เถียงกันว่าทำไมไม่สร้างที่ดอนเมือง ทำไมต้องไปที่นี่ ทำไมดอนเมืองถึงไม่ย้าย แล้วคนที่ตัดสินใจตอนนั้นคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.อ.ชวลิตใช้ได้ท่านมีวิธีการของท่านหลายอย่าง ใจจริงท่าน จู่ๆ ท่านบอกไม่เอาแล้วสุวรรณภูมิ ท่านจะเอาดอนเมือง เหตุผลเพราะว่าดอนเมืองมีดี ที่ของกองทัพอากาศย้ายไปอยู่กำแพงแสน ขยายจากดอนเมืองไปได้เลย แล้วมีการตกลงอะไรกันผมไม่รู้ จู่ๆ พล.อ.ชวลิตท่านโพร่งออกมาเลย หลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าอยู่ดอนเมือง ท่านบอกว่า ทหารอากาศไม่ยอมย้าย ท่านพูดเองทหารอากาศไม่ยอมย้าย เพราะฉะนั้นหนีไม่พ้นต้องไปสุวรรณภูมิ เพราะสุวรรณภูมิถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องสร้างที่นั่น ผลประโยชน์มีตั้งไม่รู้กี่คน ข้าราชการสภาพัฒน์สมัยก่อนซื้อที่เอาไว้ ที่รอบๆ สุวรรณภูมิที่เวนคืนก็เป็นที่ของนักการเมืองและข้าราชการประจำซึ่งไปซื้อเลี้ยงเอาไว้ คนพวกนี้มีเส้นสายในสภาพัฒน์ กระทรวงคมนาคม ตำรวจ ทหารมีหมด พอต้องย้ายที่ไม่ยอมสร้างที่นี่ไปสร้างที่ดอนเมือง พวกนี้ก็เต้นซิ พวกนี้เป็นนายพลก็มี เป็นข้าราชการระดับอธิบดีก็มี ต้องวิ่ง เส้นสาย ทุกอย่างเลยต้องกลับไปที่สุวรรณภูมิเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ตอนนั้น พล.อ.ชวลิต สามารถทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ ด้วยการย้ายกองทัพอากาศไปอยู่ที่กำแพงแสน ให้เงินซักหมื่นสองหมื่นล้าน ขยายดอนเมืองอีกสองหมื่นล้าน จะได้สนามบินที่คุณภาพเท่าสุวรรณภูมิ แล้วน้ำไม่ท่วม ดินไม่ทรุด แล้วใช้เงินเบ็ดเสร็จไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท แทนที่จะใช้ 1.4 แสนล้าน กลับไม่ทำ แต่อย่างว่า พล.อ.ชวลิต หรือพี่จิ๋วที่ผมรู้จักนั้น ท่านมีวิชามารของท่านเยอะ สมัยที่ท่านตั้งรัฐบาลใหม่ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านต้องการเอา อ.วันนอร์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ อ.วันนอร์ ท่านอยากนั่งกระทรวงศึกษา ท่านไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านเลยไปยุให้คนไปประท้วง อ.วันนอร์ว่า เป็นมุสลิม มานั่งกระทรวงศึกษาซึ่งเกี่ยวกับศาสนาพุทธมาก ไม่ได้ อ.วันนอร์ ตกใจเห็นคนมาประท้วง ที่แท้เป็นคนของพี่จิ๋ว แกเลยจับ อ.วันนอร์มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะอย่างไรก็ตามในที่สุดสุวรรณภูมิก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ตามมาคือว่า มีการแย่งชิงกัน สุวรรณภูมิการโกง โกงเริ่มแรกคือโกงเรื่องแบบ ใครเป็นคนเขียนแบบ สอง แบบนั้นเขียนต้องเป็นตามสเปกของการก่อสร้าง ผู้รับเหมาต่างๆ วิ่งเข้ามากำหนดสเปกว่าต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ต้องอย่างนี้ต้องอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเริ่มโกงที่แบบ หลังจากโกงแบบเสร็จเรียบร้อย ต่อมาคือเปลี่ยนแบบ ทำไมต้องเปลี่ยนแบบ เพราะเมื่อรัฐบาลเปลี่ยนแล้ว แบบเก่ารัฐบาลชุดเก่าเป็นคนทำ รัฐบาลชุดใหม่มาไม่พอใจเพราะชุดเก่าแบบเดิมเงินทองจ่ายเรียบร้อยแล้ว ถ้าเปลี่ยนแบบต้องจ่ายใหม่ เลยมีการเปลี่ยนแบบ นั่นคือที่มาของการเปลี่ยนแบบ พอเปลี่ยนแบบต้องจ่ายใหม่เงินทองไหลอีกครั้งหนึ่ง แล้วิธีโกงในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ง่ายนิดเดียว เขาจะตั้งบริษัทที่ปรึกษา ไปสังเกตได้ สุวรรณภูมิจะมีบริษัที่ปรึกษาอยู่เพียงไม่กี่คน มีไม่กี่บริษัท จะมีบริษัทนึงที่ใช้เป็นประจำ ไปเช็คได้เลย บริษัทบ้านี่จริงๆ แล้วเป็นของนักการเมือง เป็นของคนที่คุม ดูแล รับผิดชอบกระทรวงคมนาคม หมอนี่จะคอยให้คำปรึกษา พวกนี้ยึดถือคำปรึกษาของบริษัทนี้ ซึ่งควรเป็นบริษัทอิสระแต่ไม่ใช่ เป็นบริษัทของนักการเมือง ไอ้นี่บอกว่าต้องประมูลแบบนี้แบบนี้ พูดง่ายๆ ว่าเป็นคนออกข้อสอบ สอบเอง ให้คะแนนเอง แต่มาในรูปแบบของบริษัทที่ปรึกษา มาอีกรูปแบบคือบริษัทประมูล ซึ่งเป็นพวกตัวเองหมด เพราะฉะนั้นพวกนี้จะกินตั้งแต่หัว ตอนหลังพวกนี้เริ่มฉลาดในรัฐบาลชุดทักษิณ เขาใจวิธีกินแบบว่า สมมุติว่าโครงการตรงนี้ ตึกตรงนี้ ลานบินตรงนี้ เช่น ให้อิตัลไทยไอที ประมูลไป พอประมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ไอทีโอซัปคอนแทร็คออก คุณเอาแต่ค่าก่อสร้างนะ อุปกรณ์ติดตั้งคุณต้องจ่ายบริษัทนั้น เครื่องทำความสะอาดจ่ายบริษัทนี้ บริษัทต่างๆ คือบริษัทของเขา แต่ให้ไอทีโอรับไปเจ้าเดียว รับเป็นเงินก้อนใหญ่ นั่นคือที่มา ซีทีเอ็กซ์ ว่า ซีทีเอ็กซ์ทำไมเขาถึงให้ไอทีโอมาซื้อ เดิมทีให้ซื้ออิสระ พอมีเรื่องปังปั๊บโอนกลับมาให้ไอทีโอเป็นคนซื้อทันที แต่คอมมิสชั่นเข้ากระเป๋าเขาเหมือนเดิม คือบริษัทแม่อยู่ตรงนี้ แล้วบริษัทลูกของนักการเมืองมารับงานจากบริษัทแม่ บริษัทแม่จ่ายค่าคอมมิสชั่นไปก้อนหนึ่ง ส่วนบริษัทลูกเป็นของเขา เขาก็รับเต็มๆ เนื้อๆ นั่นคือวิธีโกงของสนามบินสุวรรณภูมิ

สนธิ - วันนี้เวลาหมด จะขอตอบคำถามซักนิด คือช่วงหลังจะเกินเวลาไม่ได้เพราะคิวค่อนข้างตรงต่อเวลา แล้วเราจะทำแบบเดิมๆ ไม่ได้คือว่า พอใจจะจบเมื่อไหร่ก็จบ /สุราษฎร์ฯ อยากให้พูดเรื่องตำรวจ - คงจะได้พูดเร็วๆ นี้ / ที่บิ๊กซีอ้อมใหญ่ไม่มีหนังสือปรากฏการณ์สนธิขาย เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ให้วางขาย - บิ๊กซีเป็นของเครือเซ็นทรัล จิราธิวัฒน์ / วัดพระยาไกร ถามว่า คุณโภคินไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วทำไมยังมีตำรวจติดตาม / ที่ตม.ปอยเปตทำไมยังมีรูปทักษิณอยู่ที่ด่าน - ก็ท่านผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ท่าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ ท่านเป็นนายตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ / ถูกใจที่คุณสนธิต่อว่าเรื่องการถ่ายทอดสด อยากให้ย้ำว่าควรปลด ผอ.ทีวีพลู เพราะทำผิดพลาดพิธีการใหญ่ๆ / อุทัยธานี คดีสรรพากรมีรายชื่อผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 คน แล้วนางเบญจาหายไปไหน / ลพบุรี บอกว่าเตรียมเทียนไว้จุดก็ไม่ได้จุดเพราะไม่มีการถ่ายทอด / หาดใหญ่ ถามว่า ทำไมสมัชชาคนจนชอบประท้วง คนใต้ลำบากช่วยเหลือตนเองยังไม่มาประท้วงเหมือนสมัชชา / ยามเฝ้าแผ่นดิน บอกว่า ที่สวนลุมฯ มีการจัดเวทีพูดเรื่องทวงคืนประชาธิปไตยโดยกลุ่มพิราบขาว จำนวน 20 คน / พิจิตร ถามว่า เมื่อไหร่จะปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ / ลำปาง ตอนนี้รับชมแต่เอเอสทีวีไม่รับชมช่องอื่นเลย / ทำไมทุกรัฐบาลไม่สร้างคนสนใจสร้างแต่สิ่งก่อสร้าง / อยากให้พูดเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ / เมื่อไหร่จะรับสมัครยามเฝ้าแผ่นดิน / ผู้ชมแจ้งว่า การที่คุณสนธิยกฟ้องช่อง 9 เพราะต้องการจะกลับไปจัดรายการที่ช่อง 9 - ไม่ใช่ครับ ผมได้ตอบไปแล้วว่าผมจะไม่มีวันกลับไปจัดรายการที่ช่อง 9 หรือช่องอื่นๆ มกราคมนี้เราจะเริ่มสมัครยามเฝ้าแผ่นดินแล้วนะครับ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราจะเล่าให้ฟังว่า ยามเฝ้าแผ่นดินนั้นจะมีใครบ้าง เราจะมีคณะกรรมการมูลนิธิชุดใหญ่ แล้วเราจะมีคณะกรรมการบริหาร แล้วจะรับสมัครยามทั่วประเทศ ทั่วโลก หน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินเราจะเฝ้าเรื่องอะไรบ้าง เราจะเฝ้าเรื่องการคอร์รัปชั่น เรื่องการศึกษา เรื่องกฎหมาย เรื่องประชาธิปไตย เรื่องปัญญา เฝ้าทุกเรื่อง การทำงาน นี่คือองค์กรภาคประชาชนที่ไม่ได้รับเงินต่างชาติ ไม่ได้ทำตามใบสั่งต่างชาติ แต่จะทำตามปรารถนาของคนไทย คนไทยต้องการอย่างไรเราจะทำให้อย่างนั้น ยามเฝ้าแผ่นดินจะเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้อง ทุกอาชีพทุกสาขา ในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อความชอบธรรม ต่อสู้เพื่อไม่ให้พ่อแม่พี่น้องถูกกดขี่ข่มเหง คิดว่าอาทิตย์หน้าคงบอกรายละเอียดให้ได้แล้ว แล้วจะเริ่มรับสมัครยามเฝ้าแผ่นดิน ผมจะประกาศคณะกรรมการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนที่พวกเรารู้จัก ตลอดจนจะมีเลขาธิการยาม ซึ่งเมื่อเอ่ยชื่อแล้วทุกคนต้องร้องอ๋อ แล้วจะต้องเห็นด้วยกับผม เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนเป็นยาม ผมเป็นยาม พ่อแม่พี่น้องในห้องส่งเป็นยาม พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดเป็นยาม พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างประเทศก็เป็นยาม พวกเราไม่มักใหญ่ใฝ่สูง พวกเราขอเป็นแค่ยามเฝ้าแผ่นดิน

สนธิ - วันนี้เวลาหมดจริงๆ เพราะเรื่องเยอะมาก พ่อแม่พี่น้องต้องเห็นใจนิดหนึ่ง 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ หักโฆษณาไป 10 นาที ประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที พูดไม่หยุดก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน อาทิตย์หน้า วันที่ 15 เรากลับมาเจอกันอีกทีหนึ่ง แล้วมกราคมเราจะกลับไปที่สวนลุมพินีแน่นอน แต่คงต้องหลังปีใหม่ไปซักพัก อาจจะวันที่ 19 เดิมทีตั้งไว้วันที่ 12 มกราคม แต่ 12 เป็นวันเด็ก คิดว่าจะเป็ฯ 19 มกราคม จะเป็นเวทีเทียนแห่งธรรม ที่สวนลุมฯ ที่พวกเราเคยไปร่วมนั่งคุยกัน ตลอดจนพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดหลายๆ จังหวัด สามารถเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมกับพวกเราได้ สำหรับวันนี้แล้ว ผมสนธิ ลิ้มทองกุล และรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ขอสวัสดีและลาพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในห้องส่ง พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัด และที่อยู่ต่างประเทศ ขอให้เดินทางกลับบ้าน หรือหลับอย่างมีความสุข สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น