xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยรายสัปดาห์:"สนธิ"ยัน อสมท.เป็นของคนไทย แฉ 5 กลุ่มป่วน/จวก“ชิตณรงรค์” จอมบิดเบือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" ยืนยัน อสมท.เป็นของคนไทย 63 ล้านคนไม่ใช่เป็นของพนักงานและผู้ถือหุ้นเพียง 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ แฉม็อบป่วน อสมท 5 กลุ่ม ทั้งพวกกลัวหุ้นตก กลัวถูกจับทุจริต เคยหากินกับการจัดผัง คนที่ยังหลงเชื่อทักษิณ และคนที่ตกเป็นเหยื่อของ“ชิตณรงค์” ที่บิดเบือนคำพูดขณะเข้าพบ “ธีรภัทร์” เพื่อก่อคลื่นใต้น้ำ พร้อมประณามศิษย์ถ่อยโห่ไล่ “อาจารย์ป๋อง” ยอมรับใช้ระบอบทักษิณ แต่ไม่คิดรับใช้รัฐบาลสุรยุทธ์ที่เข้ามาฟื้นฟูคุณธรรม

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ช่วงที่ 2

สนธิ - สวัสดีครับท่านผู้ชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของเอเอสทีวีที่ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมไปยังเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศไทย และท่านผู้ที่รับจานสัญญาณดาวเทียมของตัวเอง ตลอดจนผู้ชมที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และผู้ซึ่งชมผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่อยู่ทั่วโลก รวมเบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 15 ล้านคนนะครับ

สนธิ - วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2549 ศุกร์นี้จะเป็นศุกร์สุดท้ายก่อนที่ผมและคณะจะเดินทางไปพบสื่อมวลชนต่างประเทศ และไปพูดจาให้กับคนไทยใน 5 เมืองที่สหรัฐอเมริกา ได้เข้าใจถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ก่อน 19 กันยายน 2549 มาจนกระทั่งถึง 19 กันยายน และจนถึงปัจจุบัน และทำนายทายทักให้เสร็จเรียบร้อยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

สนธิ - กำหนดการที่เดินทางไปนั้น ก็คือ วันที่ 12 จะเริ่มพูดที่ซานฟรานซิสโก ที่รามาดาอินน์ พลาซ่า อยู่ที่ถนนมาร์เก็ต แล้ววันที่ 14 ไปพูดที่ซีแอตเทิล ยูนิเวอร์ซิตี ออฟ วอชิงตัน มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ที่อาคารเคนฮอลล์ อาคารสวยมากนะครับ เขาจัดให้เป็นพิเศษ เราจะมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศไปหลายสิบคนอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นแล้ว วันที่ 16 พฤศจิกายน ก็เดินทางมุ่งต่อไปที่ดัลลัส เทกซัส ต่อจากดัลลัส เทกซัส แล้วก็จะกลับมาที่ลาสเวกัส พูดให้กับบรรดาคนไทยที่อยู่ในเมืองลาสเวกัส หมอ พยาบาล แล้วหลังจากนั้นวันที่ 19 พฤศจิกายน พูดที่ลอสแองเจลิส ที่ฮอลิวู้ด พาร์ค เอส แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ทราบว่ามีผู้ชมจองที่มาแล้วประมาณ 2,000 ที่ หลังจากนั้นแล้ววันที่ 20 วันจันทร์ จะไปพูดที่ ศูนย์ศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของยูซีแอลเอ โดยพูดให้กับบรรดาคณาจารย์ และผู้ที่สนใจ ตลอดจนผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ลองแองเจลิสไทมส์ และหลายๆ ท่านที่สนใจเรื่องราวของประเทศไทย หลังจากนั้นจะบินไปที่ฮ่องกงเพื่อไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่ฮ่องกง เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยเชิญมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาอยากจะทราบว่า ต่อแต่นี้ไปเมืองไทยจะเป็นอย่างไร

สนธิ - ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มีพนักงาน อสมทฯ บางกลุ่ม ไปแต่งชุดที่ดำไปยื่นหนังสือ ไปประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วไปยื่นหนังสือให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในการประท้วงนั้นมีหลายสาเหตุ ประเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงเนื้อหาของการประท้วงกันทีหลัง เราค่อยๆ ไล่กันไปทีละเรื่อง ขณะนี้ขอต้อนรับเพื่อนๆ ชาว อสมทฯ ที่กำลังใจจดใจจ่อดูเอเอสทีวีอยู่เหมือนกันว่าผมจะพูดถึงพวกท่านว่าอย่างไรบ้าง ไหนๆ ท่านที่ดูอยู่แล้วก็ขอฝากบอกด้วยนะครับว่า รถข่าวของเอเอสทีวีที่ไปทำข่าวของ อสมทฯ ถูกพวกคุณ ใครก็ไม่ทราบเจาะยาง ก็ไม่เคยคิดว่า คนอสมทฯ จะเป็นคนเช่นนั้น ผมไม่เชื่อ พูดอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าคน อสมทฯ จะชั่วช้าแบบนั้น ผมไม่คิดว่าใช่ คนที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนั้นคงไม่ใช่คน อสมทฯ เพราะคน อสมทฯไม่เลวทรามและบัดซบแบบนั้น ก็ต้องฝากบอกไปนิดหนึ่งนะครับ ยังไงก็ช่วยเปิดหูเปิดตาดูหน่อย เผื่อมีกุ๊ยข้างถนน หรืออันธพาลกระเฬวราก ที่อยู่แถวๆ อสมทฯ ที่ไม่ใช่คน อสมทฯ มากลั่นแกล้งรถเอเอสทีวี โดยเจาะยางให้แบนลงไปนะครับ ขอบพระคุณมากนะครับ ยังไงก็ฝากฝังเอาไว้ด้วยนะครับ

สนธิ - อสมทฯ นั้น ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดเรื่อง อสมทฯ กับเพื่อนๆ ชาว อสมทฯ ผมต้องเล่าประวัติความเป็นมาของ อสมทฯ ให้ทุกท่านฟังก่อน อสมทฯ นั้นก่อนที่จะมาเป็น อสมทฯ มีพัฒนาการมาจากบริษัทไทยโทรทัศน์ ซึ่งได้มีการตั้งขึ้นมา แล้วบริษัทไทยโทรทัศน์นั้นก็ตั้งขึ้นมาสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็มีการพัฒนาทำโทรทัศน์ขึ้นมา มีผู้ประกาศข่าวบางคนซึ่งช่วงหลังกลายเป็นคนเกษียณอายุไปแล้ว อย่างเช่นคุณเย็นจิตต์ ระพีพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น หลังจากนั้นแล้ว บริษัทไทยโทรทัศน์ก็เข้ามาสู่ยุคคุณธนินทร์ กรัยวิเชียร ท่านองคมนตรีปัจจุบัน ซึ่งในขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีจากการปฏิวัติ ปฏิรูป นะครับ แล้วตอนนั้นคุณดุสิต ศิริวรรณ ก็ได้เป็นประธานบอร์ด อสมทฯ ก็ได้มีการแปรรูปลักษณ์ของบริษัทไทยโทรทัศน์ ให้กลายเป็นองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย อสมทฯ ก็เลยถือกำเนิดเกิดขึ้นในเวลานั้น หลังจากนั้นแล้ว ผู้อำนวยการ อสมทฯ คนแรก ก็คือคุณประมุท สูตะบุตร คุณประมุท สูตะบุตร นั้นถ้าพูดกันตรงๆ แล้ว เป็นผู้บุกเบิกคนแรกของ อสมทฯ ที่ทำให้รายการ อสมทฯ นั้นเริ่มมีความน่าสนใจ อะไรต่ออะไรหลายอย่าง คุณประมุทเป็นคนแรกที่มีความรู้สึกว่าต้องเอาเวลาของ อสมทฯ ไปให้คนข้างนอกเช่า เพื่อทำรายการ เพื่อที่จะพัฒนารายการ และ อสมทฯ ก็ได้รายได้ด้วย แล้วก็คุณประมุทเองเป็นคนเอาคุณสมเกียรติ อ่อนวิมล และก็ทีมงานของบริษัทที่คุณสมเกียรติ อ่อนวิมล ทำอยู่นั้น มาทำข่าว ซึ่งตอนนั้นก็มีคุณสมเกียรติ อ่อนวิมล และคุณกรรณิกา ธรรมเกษร ซึ่งข่าวยุคนั้น รายการยุคนั้น ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ ทำให้มีการตื่นตาตื่นใจขึ้นมาอย่างมาก ว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงภาพลักษณ์ของข่าวรุ่นใหม่ที่เข้ามา แล้วทำให้ อสมทฯ มีจุดเด่น

สนธิ - อสมทฯ ต่อมาภายหลังก็เริ่มพัฒนาการตัวเองไปเรื่อยๆ เปลี่ยนผู้บริหารไปตามทิศทางทางการเมือง เหตุผลที่ต้องเป็นตามทิศทางทางการเมืองเพราะว่า ทิศทางทางการเมืองนั้น การเมืองเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหาร อสมทฯ ก็เลยมีการตั้งผู้อำนวยการ อสมทฯ ซึ่งเป็นคนที่การเมืองไว้ใจ เอามาปกป้องรัฐบาล แล้วเอามาต่อสู้กับฝ่ายตรงกันข้าม เหมือนกันทุกยุคทุกสมัย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งยุคนี้สมัยนี้ก็เช่นกัน เพราะว่า อสมทฯ และกรมประชาสัมพันธ์นั้นเป็นของรัฐบาลถึงแม้ อสมทฯ แปรรูปไปแล้วก็ตาม ที่เพื่อนๆ ชาว อสมทฯบางคนบอกว่า เราเป็นบริษัทมหาชนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ประเดี๋ยวผมจะพูดในเบรคหลังๆ ให้เข้าใจ เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารงาน ก็ต้องกำกับดูแลฝ่าย อสมทฯ และกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งผมเคยพูดเรื่องนี้มาหลายครั้ง แล้วผมก็บอกทุกคนว่า ให้ยอมรับไปว่า ช่อง 9 และช่อง 11 เป็นช่องของรัฐบาล ทำอะไรได้แค่ไหนก็ทำ แต่ถ้าทำอะไรแล้วขัดต่อนโยบายรัฐบาลนั้น เป็นที่แน่นอนที่สุด รัฐบาลมีสิทธิ์จะถอดรายการอันนั้นออก เหมือนกับที่รัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ถอดรายการของคุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ถอดรายการของคุณสุทธิชัย หยุ่น ถอดรายการของผม เมืองไทยรายสัปดาห์ ออก ตอนที่ถูกถอดออกนั้นผมยอมรับโดยปริยายว่า เขามีสิทธิ์ที่จะถอด แต่ผมยอมรับไม่ได้ เขาอ้างสาเหตุการถอดว่า ผมพูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตรงนั้นต่างหากที่เป็นสาเหตุที่ผมต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ และก็ต้องขอบคุณ คุณอรวรรณ ซึ่งตอนนี้เป็นนางเอกในเรื่องนี้ทั้งหมด คุณอรวรรณเองเคยโทรศัพท์มาขอแสดงความเห็นใจกับผม แล้วมีต่อหลายครั้งที่คุณอรวรรณพยายามเอาข่าวคราวออกมาแทรกในช่วงที่คุณอรวรรณทำข่าว อันนี้เป็นคุณงามความดีที่ต้องชี้แจงให้เห็นซักนิดหนึ่ง แต่คุณอรวรรณเองให้ข่าวมาก็ไม่ถูก เพราะว่า บอกว่า เมื่อรายการของผมถูกถอดแล้ว อสมทฯ ลงข่าวให้ แต่ลงเพียงครั้งเดียวเมื่อเทียบกับโฆษณาที่คุณธงทอง จันทรางศุ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และคุณเรวัต ฉ่ำเฉลิม ออกมาแถลงเหตุผลการถอด แถลงแล้วแถลงอีก ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดเวลา ไม่ใช่ลักษณะของการเสนอข่าว 2 ด้าน ให้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน คือเสนอข่าวที่ผมถูกถอดอย่างขอไปที แต่ในขณะเดียวกันเสนอข่าวให้ร้าย ใส่ร้ายป้ายสีผมตลอดเวลา เอาละไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะพูดต่อในเรื่องนี้ทีหลัง ทีนี้พอ อสมทฯ กลายเป็นเครื่องมือของรัฐ ซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐอยู่แล้ว อสมทฯ มีอะไรบ้างในมือ อสมทฯ มีคลื่นโทรทัศน์ คือ โทรทัศน์ช่อง 9 อสมทฯ มีสัมปทานของยูบีซี อสมทฯ มีคลื่นวิทยุ ประมาณ 62 คลื่นทั่วประเทศไทย ทั้งเอฟเอ็ม และเอเอ็ม และอสมทฯ เองมีสิทธิ์ต่างๆ ในการจะทำโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม หรือจะทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวพันกับการสื่อสาร เพราะฉะนั้นแล้ว อสมทฯ เลยกลายเป็นองค์กรของรัฐ ซึ่งมีคลื่นความถี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หรือเคเบิล ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นสิทธิของคนใดคนหนึ่งนะครับ ผมอยากจะย้ำตรงนี้นะฮะ ทุกคนต้องเข้าใจไว้นิดหนึ่ง สิทธิตรงนี้ไม่สามารถที่จะโอนโยกย้ายถ่ายแปลงไปให้ใครผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้ว ยูบีซีนั้น สมัยก่อนก็มีไอบีซี ซึ่งคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ซึ่งวิ่งเต้นกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในสมัยที่คุณราชันย์ ฮูเซ็น เป็นผู้อำนวยการ อสมทฯ โดยได้คลื่นเคเบิลทีวี ไอบีซี มา แล้วต่อมาเสี่ยเม้ง ซึ่งเป็นคุณมงคล กาญจนพาสน์ ได้ไปขอร้องให้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ช่วยพูดให้คุณเฉลิม อยู่บำรุง ช่วยอนุมัติเคเบิลทีวี ที่เรียกว่าไทยสกาย ให้กับลูกชายตัวเองที่ชื่อคุณคีรี กาญจนพาสน์ ก็เลยมีโทรทัศน์เคเบิลออกมา 2 ช่อง ช่องหนึ่งคือไอบีซี ช่องหนึ่งคือไทยสกาย แล้วในยุคของคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ อสมทฯ ก็มีบริษัทเทเลคอมเอเชีย ก็มายื่นขอสัมปทานที่จะทำเคเบิลทีวี เรียกตัวเองว่า ยูทีวี โดยคนซึ่งวิ่งเต้นตอนนั้นก็คือคุณธนินทร์ เจียรวรานนท์ ตกลงในยุคนั้นก็เลยมีเคเบิลทีวี 3 คลื่น และก็มีสัมปทานช่อง 3 อีก สัมปทานช่อง 3 นั้น เนื่องจากว่าช่อง 9 เป็นเจ้าของช่อง 3 ช่อง 9 ก็เลยให้สัมปทานกับตระกูลมาลีนนท์ ตระกูลมาลีนนท์ก็จ่ายค่าสัมปทานให้กับช่อง 9 เป็นอย่างนี้มาตลอด นะครับ เข้าใจว่าสัมปทานช่วงสุดท้ายก็จะเหลือเวลาอีกประมาณ 7 ปี หรือ 8 ปี ก็จะหมดไป นะครับ

สนธิ - ต่อมาภายหลัง ไทยสกายก็ประสบปัญหาทางธุรกิจ ก็เลยหยุดไป แล้วไอบีซี กับยูทีวี ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ก็แข่งขันกันจนในที่สุด 2 คน ก็ตัดสินใจจับมือร่วมกัน รวมบริษัทกัน เรียกตัวเองว่า ยูบีซี นะครับ คุณทักษิณก็ขายหุ้นไอบีซีออกไป ยูทีวี + ไอบีซี ก็เลยกลายเป็น ยูบีซี และยูบีซีก็เลยดำเนินกิจการเคเบิลในเชิงผูกขาด ทุกวันนี้ โดยเป็นเคเบิลเจ้าเดียว ซึ่งหลายๆ ท่านซึ่งชมรายการนี้อยู่ก็สามารถที่จะรับทราบได้ เพราะหลายๆ ท่านก็เป็นสมาชิกของยูบีซีเช่นกันนะครับ

สนธิ - อสมทฯ นั้น ที่เรียกว่าแดนสนธยา ก็เพราะว่า อสมทฯ นั้นจะทำอะไรก็ตาม จะมีปัญหาอยู่ตลอด และก็ไม่มีใครรายงานว่ามีอะไรเกิดขึ้นใน อสมทฯ จนกระทั่งคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ได้เข้ามาบริหาร อสมทฯ ภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ นั้นเป็นผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก และเป็นคนที่ใจนักเลง ใจนักเลงที่สุด ตั้งแต่ อสมทฯ เคยมีมา คุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ได้พัฒนา อสมทฯ ให้ก้าวกระโดดไป มีวิสัยทัศน์ในการทำข่าวสาร มีวิสัยทัศน์ในการดูแลพนักงาน และมีวิสัยทัศน์หลายๆ อย่าง ตลอดจนไปรื้อระบบ รื้อระบบอิทธิพลคลื่นความถี่ทางวิทยุ ซึ่งคลื่นความถี่ทางวิทยุนั้น แต่ก่อนจะถูกผูกขาดโดยมาเฟียหลายๆ กลุ่ม คุณแสงชัยไปรื้อออกหมดเลย จัดระเบียบเสียใหม่ จนกระทั่งเป็นที่ไม่พอใจของมาเฟียบางกลุ่ม และในที่สุดคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ก็เลยโดนลอบสังหาร สิ้นชีวิต ที่หน้าบ้านของคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ตอนหลังเขาก็จับผู้ที่จ้างวานและอยู่เบื้องหลังได้ คือนางอุบล ซึ่งว่าจ้างลูกเขยตัวเอง ในระหว่างซึ่งเรื่องราวกำลังดำเนินการขึ้นสู่กระบวนการของศาล นางอุบลก็ถูกลอบสังหารตายเช่นกัน ก็เลยกลายเป็นว่า ไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนซึ่งจ้างวานนางอุบลอีกทีหนึ่ง ให้มาจ้างวานลูกเขยตัวเองเพื่อมาฆ่า ผอ.แสงชัย สุนทรวัฒน์ นะครับ

สนธิ - หมดยุค ผอ.แสงชัย สุนทรวัฒน์ ก็เลยมีลูกหม้อของ อสมทฯ ขึ้นมาเป็นคนแรก คือคุณอรสา คุณวัฒน์ คุณอรสา คุณวัฒน์ นั้นความที่ชีวิตคุณอรสาตั้งแต่ทำงาน อสมทฯ นั้น เป็นเลขานุการ เหมือนแม่บ้าน เพราะฉะนั้นแล้วคุณอรสา ก็เลยไม่ได้สนใจที่จะขยายเครือข่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้สนใจเลย นะฮะ สนใจอยู่อย่างเดียวคือดูแลจัดการภายใน แต่ถ้าเป็นคุณแสงชัยแล้ว คุณแสงชัยจะมองก้าวไกลต่อไปว่า อีก 5 ปี อสมทฯ ควรจะเป็นอย่างไร อีก 10 ปี ควรจะเป็นอย่างไร ก็จะวางเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นทางเทคนิค ซึ่งคุณแสงชัยเคยเสนอวางเครือข่ายไว้ว่า จะไปตั้งศูนย์ส่งสัญญาณบนตึก อาคารใบหยก แต่หลังจากที่คุณอรสาขึ้นมา คุณอรสาก็ไม่ได้ดำเนินการต่อ ก็ปล่อยให้ไอทีวีแซงหน้า อสมทฯ ไป นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ นะครับ

สนธิ - ทีนี้พอมาถึงยุคทักษิณ ชินวัตร ยุคทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นยุคช่วงต่อระหว่างผู้อำนวยการ อสมทฯ ชื่อคุณสรจักร คุณสรจักรนั้นเป็นคนสนิท มือขวาของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เผอิญคุณสรจักรนั้นต้องการจะมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี คุณสรจักรก็เลยยื่นใบลาออกจาก อสมทฯ ตำแหน่งผู้อำนวยการ อสมทฯ ก็เลยว่าง ก็เลยกำลังจะมีกระบวนการสรรหา นะครับ ช่วงนั้นเข้าใจว่าน่าจะอยู่ในช่วงปี 2545

สนธิ - 2545 ก็มีคนสมัครไปมากมายหลายคน ก็มีคนหนึ่งซึ่งโผล่มา ชื่อคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นั้นอาชีพดั้งเดิมเป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัท โตโยต้า แห่งประเทศไทย หน้าที่คุณมิ่งขวัญนั้น สมัยก่อนก็คือ คอยพาแขกผู้ใหญ่คนไทย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ของบริษัท โตโยต้า หรือว่านักการเมืองที่โตโยต้าจำเป็นที่จะต้องตกลงคบหาสมาคม เพื่อให้กิจการค้าประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์ของโตโยต้านั้น ได้ทำด้วยความคล่องตัว เอาไปเอนเตอร์เทน เพราะฉะนั้นแล้วคุณมิ่งขวัญก็คือคนซึ่งเชี่ยวชาญทางการตลาด รู้ดีว่าจะพาญี่ปุ่น หรือพาผู้ใหญ่คนนี้ ไปเที่ยวที่ไหน แนะนำให้รู้จักใครบ้าง คุณมิ่งขวัญก็เลยมีชื่อในวงการอุตสาหกรรม และเผอิญในวงการอุตสาหกรรมนั้น ก็มีตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทไทยซัมมิตออโต้พาร์ท ไทยซัมมิตออโต้พาร์ท คืออะไร ไทยซัมมิตออโต้พาร์ท คือบริษัทที่ผลิตอะไหล่รถยนต์ แล้วก็ขายให้กับโตโยต้า ขายให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ไทยซัมมิตออโต้พาร์ทนั้น ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นตระกูลของคุณสุริยะ ทำธุรกิจการค้าด้วยมานานแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณสุริยะ กับคุณมิ่งขวัญ ก็เลยสนิทสนมกัน รู้จักกันดีพอสมควร อาจจะเรียกได้ว่าลึกซึ้งพอสมควรก็ได้ คุณมิ่งขวัญนั้นเป็นคนที่เข้าผู้ใหญ่เก่ง สามารถที่จะพูดจาหว่านล้อมผู้ใหญ่ และสามารถจะบีบน้ำตาได้ทุกเมื่อ เมื่อตัวเองต้องการที่จะร้องไห้ให้ดู ซึ่งประเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าคุณมิ่งขวัญเคยบีบน้ำตาช่วงไหนบ้าง แม้กระทั่งเคยบีบน้ำตาต่อหน้าพี่น้องเพื่อนฝูงชาว อสมทฯ มาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าคุณยังจำกันได้ เดี๋ยวผมจะเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังนะครับ

สนธิ - คุณมิ่งขวัญเองก็เป็นคนซึ่งเข้าไปทางคุณสุริยะ แล้วยุคนั้นคุณสุริยะ คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มซึ่งแพ็คกำลังกันโดยชูคุณสมคิดเป็นหัวหน้า คุณสุริยะเลยมาพูดกับคุณสมคิด คุณสมคิดเห็นว่าคุณมิ่งขวัญนั้นเก่ง คุณสมคิดเป็นคนชอบนักการตลาด เพราะตัวเองเป็นนักการตลาดที่ทำการตลาดทางการเมือง เอาการเมืองเมืองไทยมาทำการตลาดตลอดเวลา คุณสมคิดเลยชอบคุณมิ่งขวัญ นั่นคือที่มาซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้ล็อกเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าต้องเป็นคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ คุณมิ่งขวัญก็เข้ามาใน อสมทฯ เมื่อเข้ามาใน อสมทฯแล้วสิ่งแรกที่คุณมิ่งขวัญทำ ก็คือว่า ต้องหากลองมาใบหนึ่งแล้วตี ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม นั่นคือการแสดงออกถึงการสร้างภาพลักษณ์ จ้างบริษัทโฆษณามาเปลี่ยนภาพพจน์ของ อสมทฯ แล้วพัฒนา อสมทฯ โดยการประกาศเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 เฟส 4 เฟส 5 เฟส 6 เฟส 7 นี่ถ้าแกอยู่คงมีถึงเฟส 128 แน่นอนที่สุด เพราะแกทำไปเรื่อยๆ ทำอะไรสำเร็จไม่สำเร็จไม่รู้ พออะไรเริ่มซาแล้วแกก็ตีกลองใหม่ ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ทำขึ้นมาใหม่อีกทีหนึ่ง โดยที่ไม่ได้สนใจแก่นสาร สาระของคำว่า อสมทฯ อสมทฯ คือ องค์กรที่ให้ความรู้และข่าวสารแก่ประชาชน แต่ผมจะเรียนถามพ่อแม่พี่น้องที่ดูรายการนี้อยู่ ตลอดจนเพื่อนๆ ชาวอสมทฯ ว่า จริงๆ แล้ววัตถุประสงค์ของ อสมทฯ คืออะไร วัตถุประสงค์ของ อสมทฯ การที่จะให้ข่าวสารและความรู้แก่ประชาชน ในขณะเดียวกัน อสมทฯ ต้องทำตามนโยบายรัฐบาล เพราะฉะนั้นแล้วทำตามนโยบายรัฐบาลกับให้ความรู้ข่าวสารต่อประชาชน 2 ตัวนี้มันจะขัดแย้งกันตลอดเวลา เพราะหลายๆ ครั้งแล้วข่าวสารที่จะต้องให้ประชาชนเป็นข่าวสารซึ่งจะมีอันตราย หรือไม่เหมาะไม่สมกับรัฐบาล อสมทฯ จะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร ส่วนใหญ่ที่อสมทฯ แก้ปัญหา ก็เล่นบทไอ้เสือคล้อย คือ คล้อยตามนโยบายรัฐบาล เหมือนกับคล้อยตามนโยบายรัฐบาลที่มีโทรศัพท์มาจากคนสนิทของนายกฯ ทักษิณ สั่งให้ถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ออกทันที ก็คล้อยตามไป สั่งให้ถอดรายการของคุณพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ จากวิทยุ ก็ให้ถอดออกไป สั่งให้ถอดรายการของ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ก็ถอดออกไป สั่งให้ถอดรายการของคุณสุทธิชัย หยุ่น ก็ถอดออกไป เพราะฉะนั้นแล้วลักษณะของกระบวนทัศน์ของ อสมทฯ มันจะขัดแย้งกันตลอดเวลา แต่ผมทำใจได้ ผมทำใจได้ว่าวันนี้ หรือเมื่อวานนี้ อสมทฯ คุณทักษิณ ชินวัตร บริหารแผ่นดิน คุณทักษิณสั่งให้ อสมทฯ ทำอย่างนี้ อสมทฯ ก็ต้องทำตาม แต่ผมจะทำใจไม่ได้ ถ้าวันนี้เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว คน อสมทฯ ที่เคยคล้อยตามคุณทักษิณวันนี้กลับมาเรียกร้องว่า ตัวเองต้องการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของสื่อมวลชน คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ คุณกำลังสับสนตัวคุณเองมากนะ คุณพูดโดยคุณไม่ได้ดูประวัติคุณเลยแม้แต่นิดเดียว เอาละนี่ข้อนึง เว้นเอาไว้ซักนิดหนึ่ง พอ อสมทฯ เปลี่ยนมาเป็นของคุณมิ่งขวัญ อสมทฯ ทำตามนโยบายรัฐบาล รัฐบาลขณะนั้นต้อการทำอะไร รัฐบาลขณะนั้นต้องการหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เพราะวันนี้รัฐบาลถังแตก พ่อแม่พี่น้องท่านผู้ชมที่ชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์จำได้หรือเปล่าผมเป็นคนแรกที่บอกว่า รัฐบาลนี้ถังแตก ถึงกับเอาเพลงของพี่มีศักดิ์ นาครัตน์ ที่ชื่อบอกว่า แตกดับโพล๊ะ ถ้าทุกท่านที่เคยดูจะจำได้ว่า โอ๊ยถังแตก ถังแตกสิ้นดี ทำไมถึงถังแตก ก็เพราะนโยบายประชานิยมที่เอาเงินผ่องถ่ายให้รัฐบาล ธนาคารของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกรุงไทย ออมสิน และจัดงบประมาณส่วนตัวออกมา เพื่อที่จะแจกจ่าย แจกชาวบ้าน เพื่อหวังคะแนนเสียงเข้ามาสนับสนุนพรรคไทยรักไทย เมื่อเงินหมดแล้วรัฐบาลก็เลยต้องการจะหาเงินเข้ามาใหม่ วิธีการหาเงินหายังไง ก็ต้องเอารัฐวิสาหกิจนั้นแปรรูปเข้าไปสู่กระบวนการตลาดหลักทรัพย์ ทั้งๆ ที่รัฐบาลชุดที่แล้วเป็นรัฐบาลที่ยืนยันก่อนที่จะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ได้เป็นรัฐบาล จะไม่มีการแปรรูป และจะยกเลิกกฎหมาย 11 ฉบับ กฎหมายขายชาติ ผมจำได้ ทุกคนก็จำได้ มีหลักฐานเสร็จ แม้กระทั่งข้อเสนอที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เซ็นรับทราบว่าข้อเสนอจะไม่มีการแปรรูป แต่ก็แปรรูป เพราะรัฐบาลต้องการเงิน เขาก็เริ่มต้นการแปรรูปด้วยการทางพิเศษฯ เขาพยายามจะแปรรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย เขาแปรรูป ปตท. ทีนี้ อสมทฯ ก็เป็นคิวที่จะต้องเข้าไปแล้วสิ ทั้งหมดเขาต้องการแปรรูป 1 แปรรูป 2 แปรรูป 3 แปรรูป 4 เพื่ออะไร เพื่อรองรับการแปรรูปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย นั่นคือการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ แต่เขาต้องการแปรรูปล่วงหน้าก่อนเพื่อให้ทุกคนเกิดความเคยชิน แล้วพอถึงเวลาต้องแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ก็จะได้ไม่มีการตกอกตกใจ เพราะว่าแปรรูปมามากแล้ว

สนธิ - ทีนี้กระบวนการแปรรูปของรัฐวิสาหกิจนั้น มันต้องค่อยๆ ทำ ถ้ามันโดยที่ไม่มีการเตรียมการเอาไว้ก่อนก็จะลำบาก วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2547 48 49 สองปีกว่าที่แล้ว คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ อสมทฯ ได้เรียกประชุมพนักงาน อสมทฯ 400 คน เพื่อชี้แจงการแปรรูป โดยกล่าวถึงเหตุผลต้องแปรรูป พนักงานก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกัน ก็ถามเรื่องสวัสดิการ อัตราเงินเดือน การถูกแทรกแซง การรวบรัดนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม โดยไม่ได้ถามความเห็นจากสหภาพแรงงานก่อน สหภาพแรงงานไม่พอใจ เรียกร้องทบทวนเรื่องการแปรรูป บรรยากาศเคร่งเครียดในช่วงหนึ่ง คุณมิ่งขวัญก็เลยร้องไห้ออกมา คิดว่าพี่น้องชาว อสมทฯ คงจะจำเรื่องตอนนั้นได้ แต่ว่านั่นก็ไม่ได้แปลว่าการแปรรูปจะไม่ยุตินะครับ หลังจากนั้น วันที่ 27 เมษายน วิธีการที่จะแปรรูปก็คือว่า ทำอย่างไรที่จะได้รับการต่อต้านจากพนักงานให้น้อยที่สุด หรือไม่เลย วิธีนั้นก็คือว่า เริ่มก่อน คุณมิ่งขวัญก็เริ่มก่อน มีนาคม พูดถึงเรื่องแปรรูป โดนคัดค้าน โดนซักถาม เครียดจนต้องร้องไห้ มีนาฯ - เมษาฯ เดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง คุณมิ่งขวัญก็เลยบอกว่า ปีนี้ อสมทฯ กำไรดีนะ ขอเพิ่มโบนัสให้พวกคุณจาก 2 เดือนต่อปี เป็น 4 เดือน อ่ะ เริ่มจุดแรกก่อน จาก 2 เดือน เป็น 4 เดือน ก็ได้เฮกัน เพราะว่าคนเราบางทีเวลาทำงานสื่อ หรือว่าองค์กรสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อซึ่งเป็นของรัฐบาลนั้น บางครั้งบางคราว ส่วนใหญ่แล้วเรื่องปากท้องจะมาก่อนเรื่องอุดมการณ์ พอมาถึงวันที่ เรื่องราวก็เงียบไป แล้วในที่สุดก็เลยประกาศที่จะแปรรูป โดยวิธีการแปรรูปก็คือว่า เอาล่ะ ขึ้นเงินเดือนให้คนละ 50 เปอร์เซ็นต์ คนที่เคยได้ 100 บาท จู่ๆ ได้ 150 บาท มันเรื่องใหญ่แล้วนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วสิ เอ๊ะ มันอาจจะดีนะ แปรรูปมันก็ไม่เลวนัก อ้าว แถมต่ออีก แจกหุ้นให้พนักงาน อสมทฯ ทั้งหมด 17 ล้านหุ้น เฉลี่ยกันไปเลยพนักงาน อสมทฯ พันกว่าคน ใครอยู่มานาน มีตำแหน่งสูง ก็ได้มาก คุณมิ่งขวัญคนเดียวได้ 440,000 หุ้น ในราคา 5 บาท ราคาที่ขายท้องตลาดคือ 22 บาท เพราะฉะนั้นจู่ๆ คุณมิ่งขวัญได้เงินกำไรเฉยๆ 10 ล้านบาท ไม่ต้องทำอะไร ในฐานะคุณมิ่งขวัญเป็นผู้อำนวยการ พวกรองมาก็ได้คนละ 80,000 หุ้น พนักงานก็ได้ ได้โดยเฉลี่ยกันแล้ว หลังจากหักต้นทุนคือ 5 บาทแล้ว กับราคาที่ทำเสนอขายออกไปสู่สาธารณชน 22 บาทแล้ว เฉลี่ยแล้วคนหนึ่งได้ประมาณ 2-3 แสนบาท เอ๊ะ จู่ๆ พนักงานมีเงินเข้ากระเป๋า 2-3 แสนบาท นี่เรื่องใหญ่แล้วนะ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะฉะนั้นแล้ว เสียงของการคัดค้านการแปรรูปก็เลยแผ่วเบาลงไป แผ่วจนกระทั่งมาเริ่มเงียบสงบ พอเริ่มเงียบสงบก็เลยดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือ อสมทฯ เข้าไป ทีนี้กระบวนการแปรรูปนั้นมีปัญหา ผมจะบอกให้ จะมีปัญหาตรงไหน มันมีสิ มันมีตรงที่ว่า มาตรา 80 ของพระราชบัญญัติคลื่นความถี่ คือพ่อแม่พี่น้องต้องเข้าใจนะฮะ ในประเทศไทยนั้นเขามีกฎหมายออกมาคุมคลื่นความถี่ คลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ ที่ไม่ได้จัดสรร ส่วนที่จัดสรรออกมาแล้วหรือมีมติให้แยกคลื่นนี้ออกมาแล้วก็ไม่เป็นไร จะไม่ไปแตะต้อง แต่ที่เหลืออยู่ ห้ามโอนย้ายถ่ายเทให้กับใครทั้งสิ้น ห้ามโอนย้ายถ่ายเทจากหนึ่งนิติบุคคลไปอีกหนึ่งนิติบุคคล คือพูดง่ายๆ ว่า อสมทฯ มีคลื่นความถี่โทรทัศน์ คลื่นความถี่วิทยุ 62 ช่อง 62 สถานี ก็ให้เก็บไว้ที่ อสมทฯ ทีนี้พอแปรรูปเป็น พ.ร.บ. มหาชนแล้ว อสมทฯ ก็เปลี่ยนจากนิติบุคคลมาเป็นบริษัทมหาชน ตรงนี้ยังต้องตีความกัน ว่าแล้วสิทธิในการโอนคลื่นจาก อสมทฯ เข้าสู่มหาชนนี้ ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า พี่น้องชาว อสมทฯ อย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่าเร็วๆ นี้มีคนจะทดสอบกฎหมายตัวนี้ มีคนกำลังจะร่างฟ้องศาลปกครอง ว่าที่พวกคุณเอาคลื่นซึ่งเป็นสมบัติของผม ของทุกคนที่นั่งในห้องส่งนี้ ของประชาชนคนไทย 63 ล้านคน โอนโยกย้ายถ่ายเทจาก อสมทฯ ซึ่งเป็นของรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ มาเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายย่อย และสถาบัน 23 เปอร์เซ็นต์ ใน 23 เปอร์เซ็นต์นั้น มีอยู่ 17 ล้านหุ้นกว่า เป็นของพวกคุณ คำถามประชาชนก็ถามว่า คลื่นนี่มันสมบัติของพวกผมนะ แล้วมันเรื่องอะไรจะเอาผลประโยชน์จากคลื่นไปแบ่งให้พวกคุณ ผมก็จะถามกลับ ที่คุณบอกว่าคุณกำลังรักษาสมบัติของชาติ ประชาชน ผมถามกลับ คุณใช้สิทธิอะไรมาเอากำไรจากสมบัติของประชาชน ที่ผมเป็นเจ้าของ เพื่อที่จะมาแบ่งปันให้กับพวกคุณในฐานะเป็นผู้ถือหุ้น เพียงเพราะว่าคุณเป็นพนักงาน อสมทฯ หรือไง แล้วเฮียกวง ที่เดินบนถนน คุณวิชัย ซึ่งเป็นข้าราชการ คุณสามารถ ซึ่งเป็นพนักงาน เขาก็เป็นผู้เสียภาษี เขาก่อตั้ง อสมทฯ มาเหมือนกัน ทำไมเขาไม่มีสิทธิล่ะ นี่ก็เป็นปัญหาซึ่งคุณต้องตอบตัวคุณเองเหมือนกัน คุณอย่ามัวแต่ไปกังวลเรื่องราวของคุณว่าคุณกำลังปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย เพราะถ้าคุณพูดเช่นนั้นคุณพูดผิด เพราะผลประโยชน์ของชาติในขณะนี้ถูกผ่องถ่ายโยกย้ายถ่ายเทจากนิติบุคคลหนึ่ง มาอีกนิติบุคคลหนึ่ง โดยที่ยังต้องตีความทางกฎหมายก่อนว่าคุณมีสิทธิทำเช่นนั้นได้หรือเปล่า

สนธิ - เอาล่ะ พักตรงนี้เอาไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ เอาล่ะ เงื่อนไขอันหนึ่งที่คุณจะเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นบริษัทมหาชน คุณต้องมีกิจกรรมซึ่งคุณวางแผนไว้ คุณต้องแจ้งให้กับสาธารณชนที่เขาจะมาซื้อหุ้นคุณทราบ ว่าคุณจะเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น คุณต้องทำอะไรบ้าง คุณจะเอาเงินที่คุณได้จากการขายหุ้นให้กับสาธารณชนหุ้นละ 22 บาท เงินทั้งหมดเป็นพันๆ ล้าน คุณจะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร คุณมิ่งขวัญก็ลงรายการไว้ 4-5 รายการ รายการแรกก็เป็นการปรับปรุงคลื่นสัญญาณ รายการที่สองเป็นการปรับปรุงทางเทคนิค รายการสาม รายการสี่ รายการห้า รายการที่สุดท้ายก็คือรายการที่คุณมิ่งขวัญบอกว่า จะใช้เงินก้อนนี้เอามาสร้าง อสมทฯ สร้างช่องๆ หนึ่ง เขาเรียกว่า MCOT ท่านผู้ชมที่ไม่เข้าใจก็คือ Mass Communication of Thailand องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย คุณมิ่งขวัญคิดการใหญ่ คุณมิ่งขวัญบอกว่าที่เราต้องเอา อสมทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น ก็เพราะผมมามองว่าเมืองไทยต้องเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) สมัยนั้นบ้าฮับกันเหลือเกิน สุวรรณภูมิก็ต้องเป็นฮับการบิน อสมทฯ คุณมิ่งขวัญเป็นลูกน้องคุณทักษิณนี่ ก็อยากสร้างฮับสื่อสาร ข่าวสารข้อเท็จจริง ก็คือเอา MCOT มาทำช่องภาษาอังกฤษ ออกถ่ายทอดไปทั่วโลก ถ่ายทอดไปแอฟริกา ไปตะวันออกกลาง ไปอเมริกา ไปยุโรป ไปเอเชียทั้งหมด คุณมิ่งขวัญแถลงเลยว่า ให้ประชาชน 3,500 ล้านคน ทั่วโลกได้รู้จักเมืองไทย และสามารถที่จะทำข่าวในภูมิภาคนี้ จะเป็นการเชิดหน้าชูตา อสมทฯ โอ้โห ฟังแล้วน่าตื่นเต้น ขนลุกไปหมดเลย ว่าโอ้โฮ ภายใต้การนำของคุณมิ่งขวัญ ที่ตีกลองครั้งนี้ตีฆ้องดังที่สุด รับรองว่ายิ่งใหญ่แน่ๆ เมืองไทย ทุกคนก็ปรบมือ แต่ผมไม่ได้ปรบมือด้วย และมีประชาชนอีกเยอะไม่ได้ปรบมือ เพราะว่าเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม อสมทฯ จะต้องทำตัวยิ่งใหญ่ ก็ในเมื่อทรัพย์สมบัตินั้นเป็นของคนไทย คลื่นเป็นของคนไทย เหมือน ปตท.ไม่มีผิดเลย พ่อแม่พี่น้องจำได้ไหม เหมือน ปตท.ไม่มีผิดเลย ที่ต้องแปรรูปก็เพราะอ้างว่า 1. ต้องการที่จะมีความโปร่งใส 2. ต้องการลงทุนเพิ่ม อสมทฯ ก็อ้างเช่นกัน ต้องการที่จะเอาเงินเอาทองมาทำ

สนธิ - เอาล่ะ ความจริงเอาเงินเอาทองมาทำเนี่ย ผมก็มีทางออกให้ ถ้าจะต้องทำจริงๆ ถ้าจะต้องทำจริงๆ ก็อย่างที่ผมเคยเรียน เหมือน ปตท. ว่าถ้าต้องการเงิน ก็ขายรายได้ของตนล่วงหน้า 10 ปี ทำเป็นพันธบัตร กู้มา 10 ปีล่วงหน้า ถ้ากำไรปีละ 500 ล้าน 10 ปี ก็ 5,000 พันล้าน กู้เงิน 5,000 ล้านมา เอาพันธบัตรจ่ายคืนภายใน 10 ปี ผ่อนส่งคืนทุกปี ปีละ 500 ก็ทำได้ ก็แก้ปัญหาเรื่องการเงินได้ เรื่องที่สองที่จะทำได้ก็คือ คุณบอกว่าเข้าไปแล้วถูกตรวจสอบในตลาดหลักทรัพย์ อสมทฯ ถูกตรวจสอบได้ ถ้าธรรมาภิบาลขององค์กรอิสระนั้นมี โดยไม่ได้ถูกรัฐบาลแทรกแซงเหมือนยุคคุณทักษิณ ชินวัตร สตง. ก็ตรวจสอบได้ เราก็มี ป.ป.ช. เหมือนอย่างผมทราบเดี๋ยวนี้ ว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ท่านกำลังจะส่งเรื่องการทุจริตใน อสมทฯ ให้ สตง. และ ป.ป.ช. ตรวจสอบ เชื่อผมสิครับพี่น้องชาว อสมทฯ งานนี้มีคนใน อสมทฯ ติดคุกกันหลายคน รับรองว่าติดคุกแน่นอน แล้วถึงวันนั้นผมอยากให้คุณใส่ชุดดำประท้วงพวกคุณกันเองบ้าง

สนธิ - เดี๋ยวเรื่องนี้จะมาพูดตอนเบรคหลัง วันนี้แค่เกริ่นเล่าเรื่องความเป็นมา เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยได้เข้าใจเรื่อง อสมทฯ สักนิดหนึ่ง เอาล่ะ ในที่สุดก็มาที่ข้อสุดท้าย เอาล่ะไม่เป็นไร ตัดเรื่องอื่นทิ้ง เอาล่ะ แหมเขาอยากจะทำ MCOT วัน 2-3 พันล้าน เอ้า ไม่เป็นไร อยากเพิ่มทุนเพิ่มไป อยากจะขายสู่ตลาดหลักทรัพย์ก็ขายไป แล้วอะไรเกิดขึ้นรู้ไหม พ่อแม่พี่น้อง และพี่น้องชาว อสมทฯ ก็ไหนก่อนเข้าตลาด การที่คุณจะเขียนเหตุผลในการเข้าตลาด ว่าคุณต้องการเอาเงินมาทำอะไร คุณไปซี้ซั้วเขียนได้ยังไง เพราะว่าคุณได้ให้สัตยาบันกับประชาชนแล้วว่าคุณเอาเงินประชาชนมา ที่มาซื้อหุ้นเนี่ย เพื่อเอาเงินมาทำอันนั้น แสดงว่าคุณได้เตรียมตัวแล้วใช่ไหม คุณได้ศึกษาดูเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ว่ามันเป็นไปได้ มันทำได้ ไม่ใช่คุณไปนั่งอยู่ในห้องน้ำ นั่งขี้อยู่ แล้วคุณคิดจะทำอันนั้น แล้วคุณก็ออกมาแล้วก็เขียน ไม่ใช่ ไม่ใช่ อสมทฯ แน่ ใช่ ไม่ใช่ เพราะ อสมทฯ ในสายตาพวกคุณเป็นองค์กรที่สูงด้วยศักดิ์ศรี สูงด้วยคุณค่า ไม่เหมือนคนเครือผู้จัดการที่คุณเคยพูด คนเครือผู้จัดการไม่มีประโยชน์ สู้พวกคุณไม่ได้ ซึ่งประเดี๋ยวผมจะเล่าให้คุณฟัง ว่าวัดกันตัวต่อตัว คนผู้จัดการ คนเอเอสทีวี นี่เหนือกว่าคุณตั้งไม่รู้กี่เท่า เหนือทั้งทักษะ เหนือทั้งคุณภาพ และที่สำคัญที่สุด เหนือทั้งใจ เพราะคนผู้จัดการและเอเอสทีวี พิสูจน์ให้คนไทยเห็นมาแล้วในรอบ 13 เดือน ว่าเป็นคนที่มีใจเป็นธรรม รักความเป็นธรรม และเป็นนักสู้เพื่ออุดมการ เอาละพักตรงนี้ไว้ก่อน ทีนี้พอคุณเอาเข้าตลาด 2 ปีกว่า เอ็มคอทวันไม่เกิด ไม่เกิดเพราะคุณไปอ้างว่า เมื่อคุณเข้ามาแล้วคุณไปจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาว่าการทำเอ็มคอทวันนั้นคุ้มไม่คุ้ม ตอบคำถามผมหน่อยซิ ทำไมคุณไม่ทำการศึกษาก่อนคุณเข้าตลาดเพื่อจะรู้ว่าคุ้มไม่คุ้ม แสดงว่าคุณโกหกตลาดหลักทรัพย์ ใครล่ะกรรมการบอร์ด อสมทฯ คุณมิ่งขวัญต้องรับผิดชอบ นี่คือคนไม่มีธรรมาภิบาล คุณบอกทำแล้วไม่คุ้ม ทำแล้วไม่คุ้มคุณคิดโครงการขึ้นมาทำไม หรือว่าในที่สุดสิ่งที่ผมคาดเดาว่าคุณคิดโครงการขึ้นมาระหว่างคุณนั่งขี้ในส้วมใช่ไม่ใช่ แสดงว่าสิ่งที่ผมพูดกับคุณในเรื่องนี้เป็นความจริงซิ เอ็มคอทวันก็ไม่ได้ทำ แล้วเงิน 2,200 ล้าน ที่คุณเรสขึ้นมา ก็ในเมื่อคุณกำไรทุกปี เยอะแยะไปหมด เงินก้อนนี้อยู่ที่ไหน คุณเอาไปลงอะไรบ้างตอบให้ผมทราบหน่อยได้ไหม ปรากฏว่าคุณไปชะลอโครงการหลายๆ โครงการ ชะลอโครงการปรับปรุงทางเทคนิค ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นของ อสมทฯ คุณชะลอเพื่ออะไร คุณเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง วันนี้ อสมทฯ ยิ่งใหญ่มาก เหมือนพวกคุณบางคนพูด ความยิ่งใหญ่ของ อสมทฯ คุณพูดเหมือนกับ อสมทฯ เป็นพวกไฮโซ ประเภทนั้น เอเอสทีวีเป็นกุ๊ยข้างถนน คุณยิ่งใหญ่ตรงไหน คุณยิ่งใหญ่เพราะคุณเอาเงินไปซื้อที่พันล้าน คุณใหญ่เพราะที่ คุณใหญ่เพราะคุณมีตึกที่ใหญ่ แต่สาระคุณไม่ได้ใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว ผมจะบอกอะไรให้รู้อย่าง เอเอสทีวีที่ดิ้นรนอยู่ทุกวันนี้ ห้องส่งเล็กๆ แต่คุณภาพโตมาก ผมจะแนะนำให้คุณฟังอย่าง เดี๋ยววันหลังจะคุณกัน เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า คุณมิ่งขวัญพลิกประเด็นของเหตุผลเอา อสมทฯ เข้าตลาดมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง พอมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่งแล้ว คุณมิ่งขวัญก็พยายามโปรโมตเรื่องหุ้น ทำไมผมรู้ล่ะพี่น้องชาว อสมทฯ คุณลืมไปแล้วหรอผมเคยจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ในห้องส่งคุณ พวกคุณในห้องส่ง เวลาผมไปคุยกันเรื่องราคาหุ้นว่าจะถึง 40 บาทไหม บางคนบอกว่า ผอ.รับปาว่าจะถึง 60 บาท พอวันไหนหุ้นตกคุณบอกว่า ตายแล้วรู้อย่างนี้ เมื่อไหร่จะขายได้เพราะยังติดระยะเวลาเขาห้ามขาย คุณคุยกันเรื่องหุ้น คนที่อยู่ในห้องส่งจำผมได้ใช่ไหม ระหว่างที่ผมแต่งหน้าแล้วนั่งรอจัดเวที ติดไมโครโฟนไร้สาย บางคนถามผมว่า อาจารย์ครับ คุณสนธิครับ คิดว่าหุ้น อสมทฯ จะขึ้นเท่าไหร่ จำได้ไหมผมบอกว่า ขายทิ้งไปเถอะอย่าไปถือไว้เลย ผมเป็นคนพูดอย่างนั้นเอง ถ้าคุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่คุณต้องยอมรับคุณถามเรื่องนี้ผม แล้วคุณมิ่งขวัญเที่ยวไปพูดกับพวกคุณบางคน ว่าถ้ามาอยู่เทอมที่ 2 แล้วเขามั่นใจว่า หุ้นอสมทฯ ขึ้นเลข 3 หลัก คือขึ้นเลขร้อยกว่า โอ้โหจาก 5 บาทเนี่ยนะ จาก 5 บาทขึ้นมา 60 บาท แล้วขึ้นไป 100 ว่า มัน 20 เท่า รองผู้อำนวยการมีคนละ 80,000 หุ้น 20 เท่านี่ 16 ล้าน แล้วคุณมิ่งขวัญเท่าไหร่ แล้วลดหลั่นลงมาอีกเท่าไหร่ คุณจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม ราคาหุ้นมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณแล้ว ถ้าคุณไม่โกหกผม คุณยอมรับไหมว่าส่วนใหญ่ของพวกคุณ ตื่นมาตอนเช้าต้องถามก่อนแล้วว่า วันนี้หุ้น อสมทฯ ขึ้นเท่าไหร่ หรือรอจนตลาดหลักทรัพย์ปิด แล้วคุณบอกว่า วันนี้หุ้น อสมทฯ ปิดเท่าไหร่ เชื่อผมซิ ผมมันผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านศึกสงครามมามากแล้ว ผมรู้ ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์มติชนก็เป็นเช่นนี้ อาจารย์พงษ์ศักดิ์ ก็เคยเล่าให้ผมฟัง พี่ช้าง ก็เคยเล่าให้ฟัง คุณขรรค์ชัย เพราะตอนนั้นเขาก็แจกหุ้นกัน ปรากฏว่าคนทำงานหนังสือพิมพ์ แม้กระทั่งผู้จัดการตอนเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เราไม่ได้แจก เฉพาะระดับหัวหน้า วันๆ ก็ไม่ต้องทำมาหากินแล้วคอยดูว่าตลาดหุ้นมันขึ้นเท่าไหร่ ลงเท่าไหร่ วันนี้จะรวยเพิ่มอีกเท่าไหร่ แล้วใฝ่ฝันว่า วันหนึ่งข้างหน้าจะต้องเป็น 100 200 300 บาท เพราะฉะนั้นแล้วนั่นคือที่มาการแปรรูป ปรัชญาการแปรรูปก็ผิด ผมแทบจะไม่ได้แตะเรื่องปรัชญาการแปรรูปเลยนะ อสมทฯ ไม่ต่างไปกว่า ปตท. ไม่ต่างไปกว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าฝ่ายผลิตยังดีอย่างหนึ่ง ยังมีการประท้วงอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีคนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไม่น้อยที่ได้หุ้นไปแล้วเงียบ แต่อย่างน้อยที่สุดยังมีกลุ่มคนอยู่ชุดหนึ่ง คือกลุ่มสหภาพ ที่ประท้วง แต่สหภาพ อสมทฯ ไม่ได้ประท้วงเลยแม้แต่นิดเดียวเรื่องหุ้น ไม่ได้ประท้วง เพียงแต่เถียงในที่ประชุมแล้วคุณมิ่งขวัญร้องไห้ หลังจากนั้นแล้วสงบเงียบ มิหนำซ้ำอดีตประธานสหภาพท่านยังเคยให้สัมภาษณ์รายการคนในข่าว ที่นี่เอเอสทีวี ท่านพูดว่า การที่ อสมทฯเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็ดี ดีตรงที่ว่าอย่างน้อยที่สุดไประดมทุนในตลาด มีธรรมาภิบาล มีการตรวจสอบ โปร่งใส คุณยอมรับตรงนี้ไหม เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วเอาแค่นี้ แล้วประเดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเบรคที่ 2 ซึ่งตอนนั้นผมต้องกราบขออภัยหลายๆ ท่านที่ผมจำเป็นต้องเอ่ยนาม ผมไม่ได้มีเจตนาจะเอ่ยนามให้ท่านเสียหาย แต่ที่ผมเอ่ยมานั้นผมเอ่ยตามข้อเท็จจริงที่ท่านให้สัมภาษณ์ นี่ครับ ที่คุณไปพูดระหว่างคุณประชุมกับอาจารย์ป๋อง อาจารย์พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ถูกถอดเทปมาหมดทุกคำพูด คุณโห่อาจารย์พงษ์ศักดิ์อย่างไรมีในนี้หมด ผมจำเป็นต้องเอ่ยชื่อคุณบ้าง พักกันสักครู่แล้วประเดี๋ยวค่อยกลับมาช่วงหลังของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

(((เมืองไทยรายสัปดาห์ (ช่วงที่ 2)))

สนธิ - ท่านผู้ชม เมื่อกี้นี้เป็นวีทีอาร์ของอดีตประธานสหภาพแรงงาน อสมทฯ ที่มาออกรายการรู้ทันประเทศไทยของอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ครึ่งหลังเราจะมาพูดกันถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมลืมเรียนให้ท่านผู้ชมทางบ้าน และเพื่อนๆ ชาว อสมทฯ ทราบนิดหนึ่ง ท่านรู้หรือเปล่าว่า ที่ที่คุณซื้อมาพันกว่าล้านจากกองทุนฟื้นฟู จะด้วยเหตุบังเอิญหรืออะไรผมไม่ทราบ ที่นั้นติดกับที่ของคุณหญิงอ้อ ด้านหลังติดกัน อสมทฯ ซื้อมาแล้วจะเร่งสร้างอาคารเพื่อพัฒนาที่ตรงนั้นให้มีค่าขึ้น พลอยส่งผลให้ที่ติดกับคุณหญิงอ้อมีราคาสูงขึ้นหลังจากที่คุณหญิงอ้อซื้อไปแล้ว จะด้วยเหตุบังเอิญจงใจหรือเปล่าผมไม่รู้นะ ผมเป็นเพียงแต่เล่าข้อมูลอันนี้ให้คุณทราบ ถ้าคุณเป็นสื่อมวลชนจริงอย่างที่คุณคิด คุณก็ต้องเจาะข่าวอันนี้ได้ คุณต้องไปดูวันที่คุณหญิงอ้อประมูลที่ได้วันไหน แล้วคุณมาดูว่าวันที่ อสมทฯ ซื้อที่วันไหน แล้ว อสมทฯ มีโครงการพัฒนาที่ตรงนี้อย่างไรบ้าง ไม่ยากหรอกครับถ้าคุณเป็นสื่อมวลชนจริงเหมือนอย่างที่พวกผมเป็น ฝากเอาไว้ให้นิดหนึ่ง เมื่อกี้อดีตประธานสหภาพของ อสมทฯ ท่านพูดถึงเรื่องตลาดหลักทรัพย์ หลายคนที่ออกมาประท้วงครั้งนี้พูดถึงเรื่องผู้ถือหุ้น พูดถึงเรื่องนักลงทุน เอาละคุณอยากคุยเรื่องตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนนักผมก็คุยกับคุณในมิติของตลาดหลักทรัพย์และนักลงทุนบ้างก็แล้วกัน โดยที่ผมยังไม่เอามิติวัฒนธรรม มิติความชอบธรรม มิติบทบาทคุณในฐานะเป็นสื่อสารมวลชนเพื่อประชาชน ยังไม่พูดเรื่องนี้เดี๋ยวจะพูดต่อ แต่เอาเฉพาะมิติตรงนี้ก่อน ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณบอกว่า บริษัท อสมทฯ เป็นมหาชนแล้ว ผมถามว่าคุณต้องเคารพในผู้ถือหุ้นใหญ่ใช่ไหม คุณยอมรับเอง ผมไปดูลิสต์รายชื่อผู้ถือหุ้นปรากฏว่า กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 77 เปอร์เซ็นต์ เยอะมาก 77 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าผู้ถือหุ้นรายย่อย 23 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะคัดค้านอะไรไม่ได้เลย ถ้ากระทรวงการคลังถือเหมือน ปตท.ถืออย่างนี้ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ผู้ถือหุ้นรายย่อย 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ รวมหัวคัดค้านนโยบายบางนโยบายที่ทำแล้วไม่เห็นด้วย ปตท.ต้องหยุดชะงักยังไม่ทำต่อ แต่ 77 เปอร์เซ็นต์ ให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับกระทรวงการคลัง ซึ่งหมายถึงประเทศไทย ซึ่งหมายถึงรัฐบาลบริหารประเทศชุดปัจจุบัน ถ้าก่อน 19 กันยาฯ ต้องหมายถึงรัฐบาลที่บริหารประเทศชุดที่แล้ว ชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณยอมรับตรงนี้ก่อนได้ไหม เพื่อนๆ ชาว อสมทฯ ถ้าคุณยอมรับตรงนี้ ซึ่งคุณควรจะยอมรับ ซึ่งคุณควรจะยอมรับ เพราะคุณชอบเอาคำพูดของว่า ผู้ถือหุ้นนักลงทุน มาอ้างตลอดเวลา ถ้าคุณยอมรับตรงนี้หมายความว่า คณะกรรมการบอร์ด อสมทฯ ที่มาเข้ามานั่งอยู่นั้นเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นใหญ่ แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคุณบุญปลูก ประธานบอร์ด อสมทฯ คุณณรงค์ โชควัฒนา คุณพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และอีกหลายต่อหลายท่าน ท่านอัยการสงวน หลายๆ ท่าน คนพวกนี้เขาเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วเขาจะมีมติอะไรออกมาก็หมายความว่านี้คือนโยบายบริษัทแล้วใช่ไม่ใช่ ตอบคำถามผมตรงนี้ก่อน ผมบอกแล้วผมจะถามคำถามพวกคุณ ถ้าเขามีคำถาม ถ้าเขามีคำตอบมาเรียบร้อยแล้ว คำถามต่อไปคือว่า คุณพอใจไหมนโยบายเขา คุณไม่พอใจนโยบายเขาคุณทำได้ 2 อย่าง 1 คุณลาออกไปเลย อย่ารีรออย่าชักช้า คุณอย่าพูดเป็นอันขาดว่า อสมทฯ เป็นของพวกเรา พวกเรานี่ใคร คุณพูดผิดคุณพูดใหม่ได้นะ อสมทฯ ถ้าตามมิติที่คุณต้องการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าคุณไม่พอใจนโยบาย คุณไม่พอใจคนซึ่งบอร์ดเขาส่งมารักษาการแต่งตั้ง คุณลาออกไปเลย หรือถ้าคุณไม่ลาออก คุณเข้าชื่อเลย ลงตำแหน่งแห่งที่ให้เรียบร้อย เริ่มวันจันทร์นี้ส่งไปเลย ทั้งรองผู้อำนวยการ ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังในการประท้วงครั้งนี้ส่งไปเลย ผมจะบอกอะไรให้คุณรู้ พวกคุณไม่ได้มีฝีมืออะไรพิเศษนักหนาหรอก คุณไปเมื่อไหร่ก็หาคนแทนได้ทันที มีคนอีกเป็นแสนที่อยากจะเดินเข้าไปทำงานใน อสมทฯ คุณอย่าเพิ่งลืมตัว เชื่อผมซิ เพราะฉะนั้นผมถึงบอก วันนี้จะมาพูดกันด้วยเหตุด้วยผล อย่าใช้อารมณ์กัน เพราะคุณเริ่มใช้อารมณ์กัน เพราะว่าคุณเริ่มใช้อารมณ์มา แล้วผมจะเล่าให้คุณฟัง ถ้าคุณอุดมปัญญาอย่างที่คุณคิดจริง ซึ่งอาจารย์ป๋องก็แปลคำว่าอุดมปัญญา เป็นอุดมสัมมาปัญญา มันผิดตรงไหนล่ะ ถ้ามันผิดแสดงว่าคุณไม่เข้าใจหลักพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้าสอนว่าคนเรามีสองแนวทางให้เดิน สัมมาทิฐิ กับมิจฉาทิฐิ มิจฉาทิฐิคือเดินในทางผิด สัมมนาทิฐิคือเดินในทางถูก สัมมาปัญญาคือความคิดในทางถูก เพราะฉะนั้นการที่อาจารย์ป๋องเข้ามาแก้คำว่าอุดมปัญญา ซึ่งปัญญานั้นมีแต่ปัญญาที่ผิด กับปัญญาที่ถูก มิจฉาปัญญาก็คือในยุครัฐบาลที่แล้ว เมื่อมีมิจฉาปัญญา ปัญหามันถึงเกิดขึ้นไงล่ะ วันนี้รัฐบาลชุดนี้ต้องการจะสร้างสัมมาปัญญาให้เกิดขึ้น คุณก็ไปกระแนะกระแหน แล้วคุณก็ไปบอกว่าผมเนี่ยเอาคำพูดอาจารย์ป๋องมาพูด รู้กันใช่ไหม คำพูดพระพุทธเจ้าเนี่ย ท่านไม่ได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้นะ ไม่มีนะ ลิขสิทธิ์ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสัมมาทิฐิ มิจฉาทิฐิ มานานแล้ว ผมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณมีสัมมาปัญญาอย่างที่ผมบอก คุณเขียนไปเลย รายชื่อคุณไม่เห็นด้วย ซึ่งบอร์ด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็มีทางเลือก 2 ทาง เหมือนกัน ทางหนึ่งก็บอกว่า เขาจะเอาอย่างนี้ ถ้าคุณพอใจ ถ้าคุณเห็นด้วย คุณก็ทำตาม ถ้าคุณไม่เห็นด้วย คุณไม่ต้องทำตาม แต่ถ้าคุณไม่ลาออก เขาก็มีสิทธิให้ซองขาวคุณ อ้าว เป็นบริษัทแล้วนี่ คุณเล่นมิติบริษัทไม่ใช่เหรอ คุณเล่นมิติบริษัทมหาชนไม่ใช่เหรอ 400 คนที่เข้าชื่อ ออกไปเลย ผมเชื่อว่าวันรุ่งขึ้น อสมทฯ แค่ประกาศรับคนมาแทนตำแหน่งที่หายไป ต่อ 1 ตำแหน่ง คนมาสมัครเป็นพัน คนสมัครเป็นแสนคน เชื่อผมสิ เชื่อผม นะ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมต้องเตือนคุณนิดหนึ่ง อสมทฯ ไม่ใช่ของเรา คุณจะมาปกป้องอะไร อสมทฯ ก็ยังไม่ทันไรเลย คุณก็เพิ่งบอกเองว่า อสมทฯ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีธรรมาภิบาล ต้องดูแลนักลงทุน ผู้ถือหุ้น คุณพูดเหมือนนายทักษิณพูด คุณพูดเหมือนนายสมคิดพูด คุณพูดเหมือนนายมิ่งขวัญพูด นะ

สนธิ - ทีนี้พวกเพื่อนๆ ชาว อสมทฯ เนี่ย ผมขอเถอะ พวกคุณมีอยู่ประมาณ 4-5 กลุ่ม กลุ่มแรกเนี่ย พวกคุณตกเป็นเหยื่อของผู้บริหารของคุณเองที่บิดเบือนคำพูด และผู้บริหารคุณคนนี้คือนายชิตณรงค์ นายชิตณรงค์คนนี้เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าพูดอะไรไว้บ้าง มาบิดเบือนคำพูดที่พูดในห้องรัฐมนตรี ธีรภัทร์ คุณก็ไปเชื่อคำพูดเขา มันก็เลยก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำ มันเป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง กลุ่มที่สอง กลัวราคาหุ้นจะตก ครั้งหนึ่งถืออยู่ 5 บาท ขึ้นเป็น 40 กำไร 8 เท่า ถืออยู่หมื่นหุ้น 4 แสนบาท เอ๊ย ตายล่ะ อีกหน่อยมันตกมาเหลือ 20 บาท ทำยังไง เหลือ 2 แสนบาท หายไปตั้ง 2 แสนบาท ก็เลยกลัวว่า อสมทฯ จะไม่สนใจกำไรอีกแล้ว และอาจจะนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ แต่คนพวกนี้รู้อยู่แก่ใจเหมือนกับคนซึ่งทำงานเมืองไทยรายสัปดาห์กับผมเนี่ย รู้อยู่แก่ใจ เพราะว่าอยู่ด้วยกันก็ถามว่า อาจารย์ หุ้นจะขึ้นอีกไหม ก็ไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาพูด ไม่กล้า ถึงพูดตลอดเวลาเลยไง บอกว่าไม่ใช่เรื่องหุ้นนะ ไม่ใช่เรื่องหุ้นนะ ไม่ใช่เรื่องหุ้นนะ ก็เลยต้องพยายามอ้างเหตุผลอื่นมากลบเกลื่อน ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง กลุ่มที่สามคือพนักงานระดับสูง บางกลุ่มนะ ได้ประโยชน์ส่วนตนทั้งทางตรง ทางอ้อม จากการพิจารณาผังรายการ และเกรงว่าจะไม่ได้เป็นผู้พิจารณาเหมือนเคย คุณก็รู้ พ่อแม่พี่น้องครับ ผังรายการ เวลาโทรทัศน์ มันเป็นเงินเป็นทอง ได้เวลาที่ดีก็หมายความว่าเวลาที่จะทำมาหากินได้ดี ได้เวลาที่ไม่ดี แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วผังรายการโทรทัศน์ถึงแย่งกัน เหมือนหมาแย่งกระดูกชิ้นเดียวนั่นล่ะ แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ผัง พอได้ผังมาแล้ว รัฐบาลบอกว่า เฮ้ย เอ็งถ้าไม่เชียร์ข้านะ ข้าจะถอดเอ็งออกจากผัง ก็เชียร์รัฐบาล หูหนาตาเล่อเลย ไม่สนใจ อุดมการณ์อยู่ที่ไหน ทิ้งไปหมด คนพวกนี้ ผู้ใหญ่ใน อสมทฯ พวกนี้กำลังจะสูญเสียประโยชน์ ก็เลยกังวลต่อรายการตัวเองก็เลยออกมาต่อต้าน ข้อที่ 4 กลุ่มที่ 4 อันนี้น่าเห็นใจ เป็นกลุ่มที่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ อันนี้ช่วยไม่ได้ เมื่อจะรักจะชอบกันแล้ว ใครก็มาแทน พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำรายการที่เปิดโปง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะออกมาคัดค้าน อันนี้ปล่อยเขาไป แล้วสุดท้าย อีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่ร่วมกันทำทุจริต แล้วมีความเกี่ยวพันกัน ในการทุจริต อสมทฯ ที่รัฐมนตรีธีรภัทร์กำลังส่งเรื่องนี้เข้าสู่ สตง. และ ป.ป.ช. ตรวจสอบ กลุ่มพวกนี้กลัวว่าตัวเองจะโดน ก็เลยรวมเข้ามา เพราะฉะนั้นแล้ว พ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆ อสมทฯ ต้องยอมรับ ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นมีเหตุมีผล นะครับ ผมจะเรียนถามเอาข้อมูลข้อเท็จจริงอันหนึ่งให้คุณทราบ

สนธิ - 30 สิงหาคม 2545 คุณไม่เชื่อคุณไปค้นข้อมูลดู ประกาศองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ 84/2545 คู่มือจริยธรรมและจรรยาบรรณพนักงาน อสมทฯ ประกอบด้วย 4 ข้อ หลายคน พวกคุณที่อยู่ อสมทฯ พี่น้องชาว อสมทฯ เพื่อนๆ อสมทฯ คุณรู้บ้างไหมว่าพวกคุณเนี่ย เมื่อสิงหาคม 2545 คุณประกาศจริยธรรมมา 4 ข้อ จริยธรรมข้อ 1 คือ ต้องมีจริยธรรมต่อประเทศชาติและประชาชน จริยธรรมข้อที่ 2 จะต้องมีจริยธรรมต่อหน่วยงาน จริยธรรมข้อที่ 3 จริยธรรมต่อผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงาน และจริยธรรมข้อสุดท้าย ก็คือ ต้องมีจรรยาบรรณของพนักงาน ผมจะเรียนถามอะไรนิดหนึ่ง คุณฟังที่ผมพูดแล้วคุณรู้สึกอย่างไร คุณไปเช็กจริยธรรม จริยธรรมที่มีต่อชาติและประชาชน จริยธรรมที่มีต่อหน่วยงาน จริยธรรมที่มีต่อผู้บังคับบัญชา และจรรยาบรรณที่มีต่อตัวเอง

สนธิ - เอาล่ะ ผมจะทวนความจำนิดหนึ่ง เมื่อรัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง รัฐบาลชุดนี้ตระหนักดีว่าปัญหาใหญ่ที่สุด ใหญ่ที่สุดของชาติบ้านเมืองคือปัญหาการให้ความรู้ประชาชนที่แท้จริง ในเรื่องความไม่ชอบมาพากลของระบอบทักษิณ เพราะรัฐบาลชุดนี้เกิดขึ้นเพราะว่ามีทหารเข้ามาล้มรัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีพรรคไทยรักไทยเป็นผู้นำรัฐบาล เมื่อเขาล้มไปแล้ว เขาก็ต้องการที่จะเอาความจริงอีกด้านหนึ่ง ความจริงที่พวกคุณช่อง 9 อสมทฯ ไม่เคยเสนอ คุณเสนอผ่านคุณสมัคร สุนทรเวช คุณดุสิต ศิริวรรณ ตลอดเวลา เขาอยากจะเอาความจริง อย่างเช่นอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง คุณสุทธิชัย หยุ่น คุณสมเกียรติ อ่อนวิมล และตัวผม สนธิ ลิ้มทองกุล เข้าไป เดี๋ยวคุณฟังให้ดีๆ นะ ถามว่าเขาผิดไหม ตอบว่าเขาไม่ผิด มันจะไปต่างอะไรล่ะกับยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ห้ามไม่ให้ผมออก ห้ามไม่ให้คนโน้นคนนี้ออก พอมายุคนี้เขาจะเอาพวกนี้มาออกแล้วเขาผิดตรงไหนล่ะ ถ้าคุณยอมในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ทำไมคุณถึงไม่ยอมในยุคนี้ล่ะ คำถามมีอยู่ว่า ถ้าคุณไม่ยอมแสดงว่าคุณกำลังแอบรับใช้ พ.ต.ท.ท้กษิณ อยู่ใช่ไหม แต่คุณก็มาพลิกประเด็นเป็นแบ่งเค้ก เค้กอะไร ผมจะเล่าเบื้องหลังให้คุณฟัง

สนธิ - จู่ๆ ผมได้รับโทรศัพท์บอกว่าให้ไปเรียกประชุมที่สำนักนายกฯ กับท่านรัฐมนตรีธีรภัทร์ เพื่อปรึกษาหารือกัน ว่าจะทำยังไงที่จะใช้ช่อง 9 เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ เพื่อเป็นประโยชน์กับการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่ประชาชนและช่อง 9 ไม่เคยทำมาก่อนเลย ผม ส่งคุณคำนูณ สิทธิสมาน ไป อาจารย์เจิมศักดิ์ไปเอง คุณสุทธิชัย หยุ่น ไปไม่ได้ เพราะคุณสุทธิชัย หยุ่น ไม่ว่าง ก็เลยส่งกรรมการผู้จัดการเครือเนชั่นไป คุณสมเกียรติ อ่อนวิมล ไม่ไป เพราะได้ข่าวว่าผมจะเข้าร่วมด้วย แกไม่ชอบขี้หน้าผม เพราะแกบอกว่าผมเนี่ยไม่ใช่สื่อมวลชนตัวจริง แกเนี่ยสื่อมวลชนตัวจริง ไม่เป็นไร คุณสมเกียรติ อ่อนวิมล กับผมจะมีอีกยกหนึ่งวันหลัง พักกันไว้ก่อนแค่นี้ ยังมีเวลาอีกนาน คุณสมเกียรติใจเย็นๆ นะฮะ ผมก็บอก เฮ้ย นูณ ไปประชุมแทนพี่หน่อย เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอไปประชุมกัน ข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ ทั้งอาจารย์เจิมศักดิ์ คุณอดิศักดิ์ และคุณคำนูณ วันนั้นคุณชิตณรงค์ อยู่ในที่ประชุมด้วย คุณชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ อยู่ในที่ประชุมด้วย ท่านรัฐมนตรีท่านบอกว่าจะทำยังไงที่จะให้ประชาชนได้ข้อมูลข่าวสารอีกด้านหนึ่ง ที่ไม่ได้รับกันมานานแล้ว คุณชิตณรงค์ พี่น้อง อสมทฯ เพื่อน อสมทฯ เป็นคนเสนอออกมาเองเลย ท่านครับอย่างนี้สิครับ เราเอารายการถึงลูกถึงคนเป็นรายการ อสมทฯ อสมทฯ เอาออก แล้วจัดใส่ 1 2 3 4 รัฐมนตรีธีรภัทร์ไม่ได้เป็นคนบอกว่าให้คุณชิตณรงค์เอานี่ใส่ๆ ไม่มี คุณชิตณรงค์เสนอเข้าไปเอง คุณชิตณรงค์ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชาย คุณออกมายืนยันกับผม เพราะคุณคำนูณยืนยันแล้ว วันนี้คุณอดิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการเครือเนชั่น ก็ให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจเรียบร้อยแล้วว่า ใช่ คุณสงสัยคุณถามอาจารย์เจิมศักดิ์อีกคนสิ จะได้รู้ว่าใครโกหก ใครตอแหล นี่คือข้อเท็จจริงเพื่อนชาว อสมทฯ นายคุณเอง เป็นคนเสนอให้เอา บอกอาจารย์เจิมศักดิ์เอา 2 วัน คุณสุทธิชัย เอาวันหนึ่ง คุณสนธิ วันหนึ่ง ก็เหลือถึงลูกถึงคนไว้วันหนึ่ง คำนูณกลับมาหาผม เล่าให้ผมฟัง ผมสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผมพูดไม่จริงขอให้ฉิบหาย ผมบอก เฮ้ย นูณ พี่ไม่อยากไป พี่ไม่เอาไอ้ห่า โทษ นี่คือคำพูดที่ผมพูดกับคุณคำนูณ จะเอาอะไรวะ เมืองไทยรายสัปดาห์ไปออก 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน พี่ไม่เอา เมืองไทยรายสัปดาห์อยู่กับเอเอสทีวี แล้วก็จะอยู่กับเอเอสทีวีตลอดไปจนกว่ามันจะตาย ผมไม่ต้องการไป ผมก็บอกคำนูณเช่นนี้ คำนูณเองยังไปพูดเลย พี่ ถ้าเขาให้มาจริงเราก็เอาไว้เสียก่อน ผมว่า อย่าเพิ่งเลย นี่คือข้อเท็จจริง ให้คุณทราบเอาไว้ด้วยว่าผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว ผมมีความสุข ผมสู้กับคุณทักษิณมาปีกว่า ผมอยู่ของผมได้อย่างนี้ ผมทำไมจะต้องไป ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมองเห็นว่า นอกจาก 15 ล้านคน 10 กว่าล้านคน ที่ดูเอเอสทีวีทั่วประเทศไทยและทั่วโลกแล้ว มันยังมีประชาชนที่ไม่สามารถจ่ายค่าเคเบิลเดือนละ 300-400 แล้วไม่มีเงินซื้อจานรับสัญญาณดาวเทียมดูด้วยตัวเอง คนพวกนั้นยังกระหายข้อมูลข่าวสารอีกด้านหนึ่งซึ่งผมควรจะเป็นคนเสนอให้ ผู้หลักผู้ใหญ่เขามองเพียงแค่นี้

สนธิ - เอาล่ะ เรื่องรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ พวกคุณมาหาว่าทำไมจะต้องให้ไปทำข่าวเมืองไทยรายสัปดาห์ ผมไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้เรื่องว่าคุณพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร อาจารย์ป๋อง หรือพี่ป๋องของผม เป็นคนไปพูดกับพวกคุณ ผมมารู้เอาเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เมื่อมีโอกาสเจออาจารย์ป๋อง อาจารย์ป๋องบอก สนธิ พี่บอกให้เขา บอกว่าสนธิเป็นคนในข่าว สนธิพูดจาอะไรออกมาเป็นประเด็นหมด พี่ก็บอกว่าในเมื่อมันเป็นประเด็นแล้วทำไมถึงไม่ไปทำข่าวเมืองไทยรายสัปดาห์แล้วเอามาออกบ้าง เพื่อให้ประชาชนเขาได้เห็น ผมก็บอกว่า พี่ป๋องเอากันอย่างนั้นเลยเหรอ บอก ก็พี่มองในแง่ของมืออาชีพของการทำข่าวก็ต้องทำอย่างนั้น อาจารย์ป๋องเสนอด้วยจรรยาบรรณของนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพ แล้วเดี๋ยวผมจะพูดถึงเรื่องอาจารย์ป๋อง กับ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ให้พวกคุณบางคนที่ไปดูถูกเหยียดหยามเขา พวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพวกนี้ เดี๋ยวผมจะแนะนำอะไรคุณอย่าง คุณรู้จักคนที่ชื่อพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และก็ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ น้อยจนเกินไป แล้วไปเที่ยวดูถูกเขาอย่างนั้น ผมก็บอกอาจารย์ว่า แล้วแต่ละกัน เอ้าแน่นอน ผมทำรายการของผมอยู่ ถ้าใครอยากมาทำข่าวก็โอเค ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ผมไม่ได้กระสันต์ที่อยากจะเอารายการผมไปออกช่องคุณหรอก เพียงแต่อาจารย์ป๋องเขามองในแง่ของการทำข่าว พวกคุณบางคนก็มาบอกว่า เมืองไทยรายสัปดาห์มีอะไรดี ดีแต่พูดว่าคนโน้นคนนี้ อย่างน้อยที่สุด ดี ไม่ดี ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าคนดูเอเอสทีวีและดูรายการผม เนี่ย วันนี้มีประมาณ 15 ล้านคน คำถามที่เข้ามาหาผม เต็มไปหมดเลย พิมพ์แทบไม่ทัน อย่างน้อยที่สุด ผมเป็นคนที่เอาเรื่องการทุจริตตั้งคำถามให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 40 ข้อ ให้ท่านตอบ แล้วคำถามเรื่องราวที่ผมทำมานั้น พวกคุณที่อ้างว่าคุณเป็นสื่อมวลชนคุณไม่ต้องการให้ใครมาแทรกแซง คุณไม่เคยทำเลย ไม่ว่าเรื่องทุจริตกล้ายาง ไม่ว่าเรื่องเครื่องบินซู 30 ไม่ว่าเรื่องเครื่องบินขนส่งซี 130 ไม่ว่าหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าเรื่องการประกอบพิธีในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผมทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ผมใช้แนวสื่อมวลชนที่แท้จริง พวกคุณเที่ยวไปว่าอาจารย์ป๋อง ขาดสัมมาคารวะ คุณไปหลุดคำพูดว่า สมัยที่เรียนกับอาจารย์ อาจารย์พูดไม่รู้เรื่องมาจนกระทั่งวันนี้ก็ยังพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม คุณรีบตบปากคุณซะ เพราะถ้าคุณไม่ตบปากคุณ อย่าให้ผมรู้ว่าใครพูดผมจะตบปากคุณเอง คุณรู้ไหมเวลาเราไหว้พระ เรากราบพระเราอรหังสัมมาเสร็จเรียบร้อย เรายกมือกราบ กราบครั้งที่ 1 คุณพระพุทธ ครั้งที่ 2 คุณพระธรรม ครั้งที่ 3 คุณพระสงฆ์ ครั้งที่ 4 คุณพ่อแม่ ครั้งสุดท้ายคุณครูบาอาจารย์ เป็นอาจารย์กันวันหนึ่งเป็นอาจารย์กันตลอดชีวิต คุณปากเสีย คุณพูดจาแบบนี้ คุณรู้ไหมผมก็สอนอยู่ธรรมศาสตร์ ผมสอนปริญญาโท แล้วผมเคยสอนปริญญาเอกด้วยซ้ำ วารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ พวกคุณหลายคนในนั้นลูกศิษย์ผม มิน่าล่ะคุณถึงไม่มีเจริญ เพราะคุณปากไม่ดีว่าครูบาอาจารย์ คุณไปพูดอย่างนั้นได้อย่างไร คุณอายบ้างไหม คนที่พูด คุณต้องอาย อาจารย์พงษ์ศักดิ์ พยัควิเชียร พี่ป๋องกับผมรู้จักกันมาตั้งนานแล้วเพราะเราอยู่ในวงการเดียวกัน อาจารย์พงษ์ศักดิ์ซึ่งริเริ่มสำนักข่าวไทยของพวกคุณ สำนักข่าวไทยของพวกคุณอาจารย์พงษ์ศักดิ์เป็นคนริเริ่ม จนกระทั่งคุณเติบโตมาทุกวันนี้เกิดจากมิติ แนวความคิด กระบวนทัศน์ของอาจารย์พงษ์ศักดิ์ อาจารย์พงษ์ศักดิ์เป็นนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพ คุณไปว่าอะไรอาจารย์พงษ์ศักดิ์ คุณวุฒิคุณก็สู้เขาไม่ได้ อาจารย์พงษ์ศักดิ์นี่ปริญญาโทมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน 1 ใน 10 ของมหาวิทยาลัยในอเมริกา คุณไปว่าอะไรอาจารย์พงษ์ศักดิ์ แกอาจจะเป็นคนอายุมาก แก 60 กว่าแล้ว แกอาจจะพูดเรื่อยเปื่อยไป แต่การพูดของแกนั้นแกพูดโดยมีท่วงทำนอง วิถีทางของแก คนเราพูดจาไม่เหมือนกัน ผมพูดจาลักษณะหนึ่ง อาจารย์พงษ์ศักดิ์พูดจาลักษณะหนึ่ง คุณต้องดูเจตนาแก แกจะลงไปเปลืองตัวทำไม คุณดูถูกเหยียดหยามแก คุณประชุมกับแก แกยังไม่ทันพูดคุณก็โห่แกแล้ว แล้วคุณอ้างว่าคุณเป็นสื่อสารมวลชน คุณลืมจริยธรรมที่ผมอ่านให้คุณฟังหรือยังเมื่อกี้ 4 ข้อ จริยธรรมนี่ผมไม่ได้เขียนนะ อาจารย์พงษ์ศักดิ์ไม่ได้เขียน พวกคุณเขียนกันเองนะ นี่ไงเอกสารที่ถอดเทปจากที่พวกคุณประชุม คุณไปโห่เขา คุณไปไล่เขา คุณพูดจาจาบจ้วงเขา เอกสารพวกนี้ผมจะดาวน์โหลดลงเว็บไซต์ผู้จัดการให้เป็นหลักฐานเก็บเอาไว้ แช่มันตลอดไปเลย ใครอยากเข้าไปดูจะได้ดู จะได้รู้ว่าพวกคุณอสมทฯ ที่แท้จริงเป็นคนอย่างไร เห็นหรือยัง แล้วคุณชิตณรงค์ คุณเป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไร ถ้าคุณไปบอกเด็กซะว่า ในนั้นคุณเป็นคนเสนอเอง เรื่องจากหนักก็เป็นเบา แล้วคุณยังมีหน้า พอเขาบอกว่าจะเอาผมไปออกรายการ คุณบอกว่า คุณสนธิถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วจู่ๆ ก็มาถอน ทำไมจู่ๆ ถึงมาถอน เฮ้ยคุณซี้ซั้วพูดอย่างนี้ได้ยังไง คุณรู้ได้ยังไงว่าทำไมเขาถอน เขาต้องมีเหตุผลการถอนสิ เวลาเขาฟ้องผม ผมยอมรับโดยดุษณีภาพ คุณอยากฟ้อง ฟ้องไป ผมสู้คดีในศาล แต่ถ้าคุณถอนผมก็ยอมรับโดยดุษณีภาพว่าคุณถอน การถอนมีเหตุผลเยอะแยะไปหมด แล้วก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าไม่คุ้มที่จะฟ้อง เพราะว่าฟ้องแล้วแพ้ แพ้แล้วคนสูญเสียคืออัยการสูงสุด คุณมาพิพากษาผมได้ยังไงว่า เฮ้ย ไหนส่งฟ้องศาลแล้วมาถอน คุณกำลังพูดว่ามีกระบวนการมาบีบให้อัยการถอนฟ้องผมเหรอ แล้วคุณมาบอกว่าคุณสนธิมีคดี อย่างนี้ไม่ควรจะมาจัดรายการที่ อสมทฯ อสมทฯ เป็นของคุณเหรอ คุณชิตณรงค์ คุณแน่ใช่ไหม เว็บไซต์ผู้จัดการเนี่ยเกิดขึ้นหลังเว็บไซต์ อสมทฯ กี่ปี ทำไมเว็บไซต์ข่าวผู้จัดการถึงเป็นเว็บไซต์ข่าวอันดับ 1 มีคนเข้าวันละ 6 แสนคน 1-10 เว็บไซต์ อสมทฯ ผมยังไม่เห็นติดเลย แล้วคุณดูแลเว็บไซต์อยู่ไม่ใช่เหรอ อสมทฯ คุณเองก็เป็นแฟนของเว็บไซต์ผู้จัดการ คุณอยากดูใช่ไหมว่าคนเอเอสทีวี คนผู้จัดการเป็นคนยังไง ผมจะถามคุณหน่อย คุณอยากดูใช่ไหม

สนธิ - 2548 เด็กผู้จัดการ เด็กเอเอสทีวี ทำข่าวเรื่องทุจริตกล้ายาง ได้รับรางวัลอะไรล่ะ นี่ไงทุจริตกล้ายาง ในรูปที่ออกน่ะ ได้รับรางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ สาขาข่าวสืบสวนสอบสวนชมเชย คุณเจนจัด สุขทนต์ (***) ข้อที่ 2 เราทำเรื่องทุจริตซีทีเอ็กซ์ โดยคุณจิตฤดี บรรเทาพิศ (***) เรื่องที่ 3 เราทำเรื่องทุจริตท่อร้อยสายไฟสนามบินสุวรรณภูมิ โดยคุณวรรัตน์ ภูษาทอง เรื่องที่ 4 เราทำเรื่องทุจริตแอร์พอร์ตลิงก์ทางสายรถไฟสายอัปยศ โดยวรรัตน์ ภูษาทอง เรื่องที่ 5 เราทำทุจริตพืชสวนโลก โดยสุกัญญา สิงคจิต (***) เรื่องที่ 6 เราทำเรื่องทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสีย โดยสิริพร ปาลกวงษ์ ณ อยุธยา เรื่องที่ 7 เราทำเรื่องทุจริตรถพยาบาล โดยสุกัญญา สิงคจิต เรื่องที่ 8 เราทำเรื่องทุจริตคุณหญิงอ้อซื้อที่ดินราคาถูกถนนย่านรัชดาภิเษก นี่คือเพียงตัวอย่างคนของเอเอสทีวี ถ้าคุณยังมีจิตวิญญาณสื่อมวลชนที่คุณพยายามอ้างตลอดเวลาว่าคุณมีจิตวิญญาณสื่อมวลชน คุณหันกลับไปดูสิว่าคุณเคยทำเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ในรัฐบาลชุดที่แล้วบ้างหรือเปล่า ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำหรอก สำหรับคุณแล้ว อสมทฯ คือการปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ แต่งตัวสวยออกมานั่งอ่านข่าว แค่นั้นเองเหรอ ผมจะบอกให้คุณรู้ คนเอเอสทีวีวัดกับคุณตัวต่อตัว เหนือกว่าหลายขุมอย่างที่ผมพูด ใจก็เหนือกว่าด้วย

สนธิ - ผมไม่จำเป็นจะต้องไปร่วมสร้างกับใคร ไม่จำเป็น ผมไม่จำเป็นต้องไปเอาคุณสรยุทธ สุทัศนจินดา บริษัทไร่ส้ม มาร่วมทำรายการ รายการทุกรายการ คนเอเอสทีวีทั้งสิ้น รายการคนในข่าว คุณเติมศักดิ์ จารุปาล (***) คุณอัญชลีพร กุสุม (***) คุณแอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ คนพวกนี้เป็นคนซึ่งอยู่ในระบบไอทีวีไม่ได้ ช่อง 3 ไม่ได้ ต้องออกมา เพื่อมาหาอิสระเสรีภาพที่นี่ คนพวกนี้คนของเรา รายการของเราหมดทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรายการตอนบ่าย หรือรายการตอนเช้า คุณบัณฑิต คุณเก๋ กมลพร เด็กเพิ่งจบมา 2-3 ปี อยู่กับเรา ทำกับเรามาตั้งแต่เช้า ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว เราไม่มี รายการรู้ทันประเทศไทย คือรายการซึ่งเราจัดเวลา ขายเวลาให้อาจารย์เจิมศักดิ์แกไป เราไม่ต้องร่วมทำ อาจารย์เจิมศักดิ์แกจัดของแกเองไปเลย คุณบอกว่าคุณเก่าแก่ คุณเก่าแก่มากี่ปีแล้วคุณยังพัฒนาคนของคุณมาจัดรายการเองไม่ได้เชียวหรือ จัดไม่ได้เชียวหรือ ที่คุณเห็นในภาพ คุณเก๋ กมลพร คุณอุษณีย์ เอกอุษณีย์ เพราะฉะนั้นแล้วผมจะเรียนให้คุณทราบ สิ่งที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณสำราญ รอดเพชร นี่ยังไม่นับคุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ คนของเราที่พูดภาษาอังกฤษเหมือนพูดภาษาไทย คนของเราอยู่กับเรา ไม่ได้ว่าจ้างมาพิเศษเหมือนพวกคุณ องค์การสื่อสารมวลชนฯ อสมทฯ ที่คุณมิ่งขวัญมีเงินเป็นพันๆ ล้าน ที่จะสร้าง MCOT 1 MCOT 2 แต่ไม่มีปัญญาสร้างคน อสมทฯ ขึ้นมา ทำไมคุณไม่มองย้อนหลังบ้างล่ะ คุณอย่าไปมองแค่ราคาหุ้น คุณมองย้อนหลังไปเสียหน่อย ว่าตั้งกี่ปีมาแล้วที่พวกคุณอยู่วันนี้ คุณพัฒนาได้อย่างมากที่สุด คุณอรวรรณ จัดรายการวิทยุ 96.5 บางรายการผมก็เป็นแฟนประจำ คุณวิศาลนี่ใช้ได้ แต่ผมไม่เห็น ทำไมคุยคุ้ยข่าวไม่ใช้คนของ อสมทฯ ทำ กลับไปจ้างบริษัทไร่ส้มเข้ามา แล้วคุณก็โอย ปีที่แล้วเราเอาเขามาตั้ง 150 ล้าน ปีนี้เอามาอีก 150 ล้าน โห ถ้าเวลาไร่ส้มหายไปนี่นะ ถ้าเอานายเจิมศักดิ์เข้ามา นายสนธิเข้ามาแล้วรายได้มันจะตก หุ้นมันจะตก คุณคิดเป็นเพียงแค่นี้เหรอ แล้วคุณทำงานกับไร่ส้มนี่คุณไม่อายตัวคุณเองบ้างเหรอ คุณต้องคิดหน่อยสิ เอ อสมทฯ เนี่ยทำไมมันพัฒนาคนไม่ได้เชียวหรือ ทำไมรายการวิทยุถึงต้องไปจ้างบางคนอย่างเช่นนายธีรภัทร สัจจกุล ลูกชายบิ๊กหอย แล้วก็มาปากเสีย มาถามอาจารย์พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ว่าเข้าใจสาระของคำว่าโมเดิร์นไนน์หรือเปล่า อาจารย์พงษ์ศักดิ์เนี่ย เขาเข้ามาสู่วงการสื่อมวลชนมืออาชีพ ตั้งแต่คุณยังเป็นวุ้นอยู่เลย เผลอๆ ยังไม่ได้เป็นวุ้นด้วย เป็นวิญญาณอนาถาที่ไหนก็ไม่รู้ คุณมันไอ้เด็กเมื่อวานซืน คุณนึกว่าการซึ่งคุณจัดซี้ดเรดิโอ แหกปากให้ชาวบ้านเขาหูตึง หูหนวก เป็นที่ชื่นชอบของคนมากนักเหรอ คุณเนี่ยมีสาระแค่ไหน คุณมาเที่ยวว่าคนเขา ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ที่พวกคุณไปประณามเขาเนี่ย ผมถามคุณ คุณรู้จักเขามากน้อยแค่ไหน คุณไปเที่ยวประณามเขา ไปให้เขาลาออก แล้วคุณไปเที่ยวเปรียบว่า อสมทฯ ภายใต้ ดร.ธีรภัทร์ ยังสู้ภายใต้เนวิน ชิดชอบ ไม่ได้ คุณยังยืนยันคำพูดนี้อีกหรือเปล่า ผมจะได้แจ้งประชาชนทั่วประเทศไทยให้เขารู้ว่าคน อสมทฯ คิดเป็นเพียงแค่นี้ คุณรู้จักคุณเนวินแค่ไหน คุณบอกคุณเนวินไม่เคยแทรกแซง ก็คุณภาพอย่างพวกคุณทุกวันนี้เขาจะไปแทรกแซงทำไมล่ะ เขาแฮปปี้ที่คุณเป็นอย่างนี้ดีอยู่แล้ว เขาเลยไม่ต้องแทรกแซงไง เข้าใจหรือยังล่ะ หือ เข้าใจหรือยัง ก็มันไม่จำเป็นต้องแทรกแซง มันเห็นคุณเช้าชามเย็นชามอย่างนี้ ก็บอก ปล่อยมันเถอะ ไม่เสียหาย จะสั่งเป็นครั้งๆ ไปก็แล้วกัน อาจารย์ธีรภัทร์ แกเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น เขียนนโยบาย หวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ที่จะให้ประเทศชาติบ้านเมืองเจริญเติบโตไปด้วยวิถีทางที่คิดใหม่ทำใหม่จริงๆ เชื่อ ถึงตาดูดาวเท้าติดดิน แต่ว่าในที่สุดแทบสิ้นชาติ ตาดูดาวเท้าติดดินแทบสิ้นชาติ อาจารย์ธีรภัทร์ ต่อมคุณธรรมอาจารย์ธีรภัทร์สูงมาก สะกิดตลอดเวลา อาจารย์ธีรภัทร์เลยต้องขอลาออก ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคไทยรักไทยมาตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค หลังจากตั้งแล้ว อาจารย์ธีรภัทร์รับไม่ไหว คนอย่างนี้คุณยังมาเทียบเหรอว่ามาเทียบกับคนอย่างนายเนวิน ชิดชอบ คุณคิดผิดหรือเปล่า แสดงว่าคุณไม่ได้ศึกษา ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เขาเป็นคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คุณวุฒินายเนวินก็สู้เขาไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นแล้ว ต่อมคุณธรรมเขามีเต็มร้อย นายเนวินติดลบ อย่าว่าแต่ศูนย์เลย ยังติดลบ แล้วคุณมาบอกว่า อสมทฯ ยุคเนวิน ชิดชอบ ดีกว่ายุคธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ นั่นล่ะคือคำตอบว่าทำไมคุณต้องประท้วง เพราะว่าคุณยังชอบเนวิน ชิดชอบ อยู่ ใช่หรือเปล่า คุณบอกประชาชน พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทยเลย คุณอายตัวคุณเองบ้างไหม ผมเนี่ยอายพวกคุณแทน ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ผมสงสาร เอ่ยไปเดี๋ยวก็ลำบากใจไป ผมจะบอกอะไรให้คุณรู้นะ ข้อมูลบางข้อมูลคุณโกหก คุณพูดจาไม่ตรง คุณชอบพูดว่าจู่ๆ มาสั่งให้เลิกรายการประจำแล้วถ่ายทอดรัฐบาล ถามจริงๆ เถอะพวกคุณไม่เคยทำเลยเหรอ ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร น่ะ คุณทำบ่อยจะตายไป แล้วคุณบอกว่าจู่ๆ ก็มาเปลี่ยนรายการ ยกเลิกรายการ คนที่เขาเช่าเวลาอยู่เขาเดือดร้อน เอ๊ะ คุณพูดกับใครเนี่ย คุณพูดกับสนธิ ลิ้มทองกุล คนที่เคยทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่วันดีคืนดีพออาทิตย์นี้ วันพฤหัสฯ ผมจะเริ่มไปทำ คุณโทรศัพท์มาบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว เพราะว่าวันศุกร์พรุ่งนี้จะมีรายการพิเศษ ขอยกเลิกรายการคุณสนธิก่อน ก่อนคุณพูด คิดเสียก่อนสิ คุณเนี่ยทำเป็นประจำ วันนี้ผมพูดกับคุณเนี่ยผมไม่ได้โกรธคุณ แต่ผมเห็นใจคุณ แล้วผมก็ไม่สงสารคุณ คุณไม่ต้องการการสงสารหรอก แต่ผมกำลังชี้แนะให้คุณรู้ ว่าอะไรถูกต้องว่าเป็นถูก อะไรผิดต้องว่าเป็นผิด 6 ปีที่ผ่านมา คุณไม่ได้ทำหน้าที่ที่คุณควรจะทำ คุณไม่ได้ทำเลยนะ คุณรับใช้ระบอบทักษิณมาตลอด ซึ่งผมไม่ว่า แต่วันนี้รัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาฟื้นฟูประเทศไทย สร้างสังคมไทยให้มีคุณธรรมเหมือนเดิม ล้มล้างระบอบคอร์รัปชั่น ถ้าคุณพร้อมที่จะรับใช้ระบอบทักษิณ ทำไมคุณไม่พร้อมที่จะรับใช้ระบอบสุรยุทธ์บ้าง หรือคุณคิดว่าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่ดี ถ้างั้นคุณประกาศตัวออกมาสิ ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็คือรัฐบาล เขาก็จะได้ชี้แจงได้ถูกไง ว่าในเมื่อคุณเป็นลูกจ้างของบริษัท อสมทฯ แล้ว เมื่อคุณไม่ทำตามนโยบาย ถ้าคุณไม่ลาออก คุณอยากได้ซองขาว ก็ให้เขาให้ซองขาวพวกคุณไปให้หมดเลย แล้วผมเชื่อว่าภายใน 24 ชั่วโมง จะมีคนมาแทนที่ได้ทันทีเลย

สนธิ - ที่คุณอวดดีทุกวันนี้เพราะคุณไปหลงว่าคุณเป็นเจ้าของ อสมทฯ คุณไม่ใช่เจ้าของ อสมทฯ คุณสับสน พูดจาขัดแย้งกับตัวคุณเอง ปากบอกไม่ใช่เรื่องหุ้น แต่ให้สัมภาษณ์ไปสักพักคุณหลุดออกมาว่าจะต้องดูแลผู้ลงทุน ปากคุณบอก คุณจะรักษาสมบัติของชาติ สักพักคุณลืมตัว คุณบอกว่า ตอนนี้เป็นบริษัทมหาชนแล้วเราต้องคำนึงถึงกติกาของตลาดหลักทรัพย์ คุณจะเอาอย่างไรเอาให้แน่ จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรที่มันมากไปกว่านี้ เพราะถ้าพูดแล้วมันไม่ค่อยดี เพราะผมมีความรู้สึกว่า คุณเป็นหนี้บุญคุณอาจารย์พงษ์ศักดิ์ แล้วคุณติดหนี้อาจารย์พงษ์ศักดิ์ที่คุณต้องขอโทษท่าน คุณไม่มีจริยธรรมต่อผู้บังคับบัญชาของพวกคุณเลย ผมจะบอกให้คุณรู้ พวกรองคุณ รองผู้อำนวยการคุณบางคนคือตัวการ ตั้งขุมอำนาจ ชอบสร้างข่าวลือ ตัดตอนคำพูด พูดกับผู้ใหญ่อย่างหนึ่งแล้วไปพูดกับเด็กอีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นสันดานของหัวหน้าคุณ แล้วทำไมคุณไม่โวยบ้างล่ะ อดีตผู้อำนวยการ อสมทฯ คุณเงินเดือน 700,000 บาท ปีละ 8,400,000 บาท บวกโบนัส ปีละ 10 กว่าล้านบาท ทำไมคุณไม่พูดบ้างล่ะว่า ค่าสัมปทานยูบีซี ค่าสัมปทานช่อง 3 ค่าสัมปทานคลื่นวิทยุ 62 คลื่น อันนี้เป็นของชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ คุณเอามาแจกแจงเอามาจ่ายเป็นรายได้ของอสมทฯ แล้วแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างไร ถ้าคุณแน่จริง ถ้าคุณมีจิตใจเป็นธรรม ถ้าคุณถือว่าคุณกำลังปกป้องสมบัติของชาตินะ เพราะคุณพูดเองคุณปกป้องสมบัติของชาติ ก็ต้องเอารายได้จากสัมปทานยูบีซี รายได้จากสัมปทานวิทยุ รายได้จากสัมปทานทีวีช่อง 3 ทั้งก้อนเลย ส่งคลังให้หมด ที่เหลือที่คุณขายโฆษณาได้อันนั้นคุณเอามาแบ่งกันกับผู้ถือหุ้น ถ้าอย่างนี้ผมจะยอมรับ ทำไมคุณไม่ทำ ทำไมคำถามนี้คุณไม่ตอบบ้าง วันนี้ผมถามคำถามคุณมาเยอะเลยวันนี้ คุณตอบให้ผมหน่อย ทำไมคุณไม่ตอบ ก็เมื่อสัมปทานทั้งก้อนรัฐบาลเคยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จู่ๆ วันนี้ต้องมาแบ่งทำไม ทุก 100 บาท รัฐบาลเคยได้ 100 บาท แต่วันนี้ต้องมาแบ่งให้คุณ 23 บาท เพื่ออะไร แล้วค่าใช้จ่ายคุณ หักค่าใช้จ่ายเสร็จเรียบร้อย คุณบอกคุณกำไร 2,000 ล้าน หักค่าใช้จ่ายจริงๆ แล้วคุณกำไรจริงๆ 1,400 ล้าน พัน 1,400 ล้านที่คุณกำไรคุณหักออก 700 ล้าน คือค่าสัมปทานยูบีซี ค่าสัมปทานช่อง 3 และค่าสัมปทานวิทยุ คุณหักไป 700 กว่าล้านเกือบ 800 ล้าน คุณเหลือจริงๆ ไม่ถึง 700 ล้าน 50 เปอร์เซ็นต์ของไม่ถึง 700 ล้าน นั่นคืองบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลที่ให้มา ถ้าตัดตรงนี้ออกไปโฆษณาที่คุณได้จริงๆ แค่ 200 กว่าล้านบาทเอง ถ้าคุณแน่จริงทำไมคุณไม่บอกรัฐบาลล่ะ คุณประท้วงรัฐบาล เอาละจากนี้ไปงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์รัฐบาลทุกอันไม่ต้องมาลงที่ อสมทฯ รัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โอนงบประมาณโฆษณาสนามบินสุวรรณภูมิ 45 ล้านบาทมาให้คุณคนเดียวเลยช่องอื่นไม่ได้ งบโฆษณากระทรวงสาธารณสุข งบการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โอนมาที่นี่หมดช่องอื่นไม่ได้ อันนี้ฝีมือคุณเลย สุดท้าย ธรรมาภิบาลตะหวักตะบวยอะไรของคุณ คุณมีบริษัท ไร่ส้ม ของคุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ที่พิสูจน์แล้วว่ายักยอกเงินค่าโฆษณาส่วนเกิน พิสูจน์แล้วว่าผิดเพราะว่ามีการเอาเงินมาคืน แล้วคนที่โชคร้ายต้องรับผิดชอบก็คือเด็กตัวเล็กๆ ถ้าไม่ผิดไร่ส้มมาคืนทำไมตั้ง 90 ล้าน 120 ล้าน แสดงว่ายักยอกจริงใช่ไหม ถ้าไม่จริงเอามาคืนทำไม เมื่อยักยอกจริงแล้วแสดงว่ามีการทุจริตใช่ไหมในอสมทฯ แล้วพวกคุณไปเสียเวลาแต่งชุดดำประท้วงที่ทำเนียบทำไม ที่คุณต้องแต่งชุดดำประท้วงคือต้องประท้วงใน อสมทฯ เอง คุณอยู่บ้านหลังหนึ่งแล้วมีคนในบ้านขโมยของไป แล้วคุณจับได้แล้วคุณเฉยๆ ผมถามคุณอย่างหนึ่ง คุณไม่ต้องห่วงหรอก รายการของผมไม่กลับไปที่ อสมทฯ คุณไม่ต้องกังวลหรอก รายการนะไม่ใช่ผม ผมถามคุณอย่างหนึ่ง แล้วถ้าคนอย่างอาจารย์เจิมศักดิ์ สุทธิชัย หยุ่น หรือแม้กระทั่งคนอย่างคุณสมเกียรติ อ่อนวิมล หรือคนที่มีความคิดดีๆ ถ้าเขาไปทำรายการที่ อสมทฯ คุณคิดว่ามันจะทำให้ อสมทฯ ตกต่ำขนาดนั้นเชียวหรอ เพราะชีวิตของพวกคุณในยุคทักษิณที่ผ่านมา 6 ปี คุณต่ำสุดๆ อยู่แล้วคุณไม่ต่ำไปกว่านี้อีกแล้วมีแต่ดีขึ้น คนพวกนี้เป็นคนมีคุณธรรม เป็นคนมีจริยธรรม เป็นคนที่ต่อสู้กับความไม่โปร่งใส เป็นคนที่ต่อสู้กับระบบทรราช เป็นคนที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมมาตลอด ทำไมคุณไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้เห็น ได้ฟัง ได้ยินคนพวกนี้ ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่ใช่เจ้าของ อสมทฯ คุณมาบอกเขาแบ่งเค้ก แบ่งอย่างไร คุณตอบผมซิเขาแบ่งอย่างไร เค้กอะไรกัน ยังไม่ทันมีอะไรขึ้นมาเลย คุณมาบอกแบ่งเค้กแบ่งขนมนมเนยกันแล้ว คุณอย่ามีอคติซิครับ แล้วที่สำคัญ คุณต้องถามตัวคุณเองว่า ตั้งแต่นายมิ่งขวัญเข้ามาใน อสมทฯ 4-5 ปี ได้ทำอะไรเพื่อพัฒนาพวกคุณบ้างไม่มีเลย มีแต่ดึงคนนอกเข้ามาทำ ทำไมคุยคุ้ยข่าว คุณอรวรรณไม่ทำ ทำไมคุยคุ้ยข่าวต้องเป็นคุณสรยุทธ์กับคุณกนก ทำไมคุณสรยุทธ์ไม่เอาคุณอรวรรณมานั่ง ต้องถือว่าเป็นการพัฒนาไปเหมือนกันใช่ไหม คุณอรวรรณถามตัวเอง ทำไมช่อง 9 เขาไม่ส่งเสริมคนข้างใน ไม่ส่งเสริมเลย แต่สามารถเอาตามใจบริษัทไร่ส้มได้ จริงๆ มีเรื่องคุยกับคุณเยอะ แต่ผมคิดว่าคำถามที่ผมถามพวกคุณอยู่มันมากพอสมควร ที่ผมก็รู้ว่า คุณอยู่ในสถานภาพที่คุณเอง คุณก็ตอบไม่ค่อยได้เหมือนกัน ช่างมันเถอะ แต่คุณอย่าเกเร ให้คุณมีสัมมาคารวะนิดหนึ่ง เสียงแล้วบันทึกที่ผมถอดเทปออกมาในวันประชุมระหว่างพวกคุณกับอาจารย์พงษ์ศักดิ์ มันจะตราตรึงเป็นตราบาปให้กับพวกคุณไปตลอดชีวิต ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ทำความไม่ดีในนั้นต้องรู้สึกตัวไว้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณได้ทำผิดอย่างมหัน โดยเฉพาะผิดอย่างครูบาอาจารย์อย่างเช่น คุณพงษ์ศักดิ์ พยัควิเชียร และที่สำคัญคือ คุณชิตณรงค์ ซึ่งเดิมทีมีตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ อสมทฯ คุณรองพล อดีตรักษาการปลัดสำนักนายกฯ เขียนบอร์ด อสมทฯ มาเรียบร้อยแล้ว แล้วตั้งคุณชิตณรงค์เป็นรักษาการ เผอิญคุณธีรภัทร์เข้ามาเป็นรัฐมนตรีเลยสั่งให้รื้อบอร์ด แล้วบอร์ดให้อาจารย์พงษ์ศักดิ์มารักษาการผู้อำนวยการ อสมทฯ คุณชิตณรงค์เลยไม่ได้เป็น นี่คือข้อเท็จจริงที่คุณต้องรับรู้ไว้ด้วย และข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุด พวกเรา คุณเจิมศักดิ์ คุณสุทธิชัย และ ดร.ธีรภัทร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไม่ได้เป็นคนเรียกร้องว่าเราต้องการรายการกี่โมง คุณชิตณรงค์ คุณเป็นคนเสนอเอง ประจักษ์พยานมี คุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณอดิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการเครือเนชั่น และ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง คุณไปถามได้ คุณไม่อยากทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คุณไม่ต้องทำหรอก มีประชาชน 10.5 ล้าน 14 ล้านคน 13 ล้านคน 15 ล้านคน ดูอยู่ประจำ ทั้งประชาชนทั่วต่างประเทศ ถ้าคุณบอกรายการผมห่วย รายการสภาท่าพระอาทิตย์ห่วย คุณพูด เครือผู้จัดการห่วย แต่เท่าที่ผมพูดกับคุณ พูดไปพูดมามีแต่พวกคุณห่วย คุณภาพคุณก็สู้พวกผมไม่ได้ ใจพวกคุณก็สู้ผมไม่ได้ สาระพวกคุณก็สู้ผมไม่ได้ คุณที่มาประท้วงที่อยู่ฝ่ายการตลาด คุณยอมรับไหม คุณสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณยอมรับไหม ว่าตอนที่ผมจัดเมืองไทยรายสัปดาห์นั้น เรทติ้งของผม เอซีนิวส์สัน ประกาศออกมาแล้วว่า สูงกว่าถึงลูกถึงคน มากมาย เรทติ้งสูงมาก อันดับ 1 เลย เพราะถ้าเรทติ้งไม่สูงขนาดนั้นนายมิ่งขวัญถอดไปตั้งนานแล้ว แล้วพวกคุณต้องเตะผมออกไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนั้นผมอยู่กับพวกคุณผม ยุคนั้นเป็นหน้าเป็นตาพวกคุณนะ คุณยังไม่รู้อะไรอีก ปัดโธ่

สนธิ - เดี๋ยวผมจะดูคำถามนิดหนึ่งครับ โอ้โหคำถามเยอะเหลือเกินไม่รู้จะตอบอย่างไรได้ จากสระบุรีบอก อสมทฯ เป็นเด็กกร้าวร้าว / ปทุม อยากให้กำลังใจคุณสนธิ เกลียดตำรวจ - อ้าวตำรวจมาเกี่ยวข้องอีกแล้ว / ลำนารายณ์ ถามว่า ตอนที่ประเทศชาติมีปัญหาคุณอรวรรณไปอยู่ที่ไหนมา / ขอนแก่น คุณชิตณรงค์เป็นใครมาจากไหนอยากทราบประวัติ - เล่าให้ฟังแล้วนะครับ / ราชบุรี เชื่อที่คุณสนธิบอกว่าช่วงหลังจะเหนื่อยมากกว่าช่วงแรก / ลำปาง คนอสมทฯ ทำไม่ถูกเอาเวลารายการวิทยุของตัวเองมาด่าคณะกรรมการบอร์ดของตัวเอง - ซึ่งเป็นเรื่องจริง คุณอรวรรณคุณใช้คลื่น 96.5 มาวิพากษ์วิจารณ์เจ้านายคุณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผมว่าถ้าคุณไม่พอใจคุณลาออกไปดีกว่า คุณอย่าทำอย่างนี้เลย / มีโอกาสจะได้ดูรายการเมืองไทยฯ ในช่องฟรีทีวีบ้างหรือไม่ - ตอบไปแล้วครับ / พุทธมณฑล อยากให้ช่วยเปิดเผยว่าตำรวจที่ดีมีใครบ้างอยากทราบ - ไม่เกี่ยวครับวันนี้ คุณโกวิทจะมีอีกรายการหนึ่งตอนขากลับจากเมืองนอก / ชลบุรี คน อสมทฯ แย่มากที่แสดงพฤติกรรมแบบนี้ / พนักงานตัวเล็กๆ ของอสมทฯ บอกว่า มีการดึงพนักงานจากไหนมาร่วมประท้วงบ้างหรือเปล่า เพราะพนักงานบางส่วนไม่ทราบเรื่องการประท้วง / ทำไมคุณอรวรรณเพิ่งออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมเพราะถูกแทรกแซงมานานแล้ว - นี่แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ใจกว้างกับคุณมากนะ สมัยทักษิณคุณกล้าแทรกแซงไหม ถ้าคุณแทรกแซงคุณก็โดนเขาบี้ เห็นหรือยัง คุณต้องขอบคุณเขา / ม็อบที่สนามหลวงวันพรุ่งนี้ใช่ของคุณสนธิหรือเปล่า - ท่านผู้ชมครับ ผมเคยเรียนท่านผู้ชมแล้วว่ามันหมดยุคของพวกเราที่จะมารวมตัวกันแล้วในขณะนี้ อย่าไปเชื่อนะครับ ให้ระวังตัวไว้ดีๆ กำลังมีคนเสี้ยมให้พวกเราชนกันกับคลื่นใต้น้ำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วจะเข้ามาปราบปรามทั้งคู่เลย ไม่ใช่หน้าที่เราครับ ถ้าคลื่นใต้น้ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเกิดขึ้นก็ให้เขาเจอกับ คมช.โดยตรง เพราะ คมช.เป็นคนยึดอำนาจ คมช.ต้องแก้ปัญหานี้ พวกเราไม่มีหน้าที่ไปแก้ให้เขา อย่าไปพลาดนะครับ พ่อแม่พี่น้องไม่ต้องฟังผมเพราะประเดี๋ยวผมจะกลายเป็นผู้นำม็อบอีกแล้ว ผมไม่ใช่ ผมเป็นผู้ที่ให้ความรู้แก่พ่อแม่พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องคิดดีๆ ฟังให้ดีๆ ถ้าผมจะนำพ่อแม่พี่น้องอีกผมจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ อย่าไปเชื่อใครนะครับ อยู่กับบ้านดีที่สุด / พิจิตร ขอดูรายการห่วยๆ ดีกว่าดีรายการจาก อสมทฯ / กทม. หุ้นอสมทฯ ขายให้สิงคโปร์กี่หุ้นแล้ว - หุ้นอสมทฯมีอยู่ประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่างชาติถืออยู่ แล้วต่างชาติเป็นนอมินีหมด แล้วน่าสนใจพ่อแม่พี่น้อง นอมินีส่วนใหญ่ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์มาจากสิงคโปร์ทั้งสิ้น แล้วเป็นนอมินีที่ไม่บอกชื่อด้วยว่าเป็นใคร จะให้เดาก็พอจะรู้ว่าใครถืออยู่ / พิษณุโลก ทักษิณจบจากมหาวิทยาลัยไหน - ปริญญาโทจบจากอิสเทิร์นเคนทักกี้ ปริญญาเอกจบจากแซมฮิวตัน / อุดร อาจารย์สมเกียรติเกลียดคุณสนธิเรื่องอะไรทำไมบอกว่าคุณสนธิไม่ใช่สื่อที่แท้จริง - คุณสมเกียรติเป็นสื่อที่แท้จริงคนเดียวในโลกนี้ ผมยอมรับครับว่าผมไม่ใช่สื่อที่แท้จริง เพราะผมเป็นสื่อที่ยืนข้างประชาชน เล็กๆ น้อยๆ สื่อมวลชนที่อ้างว่าตัวเองเป็นสื่อที่แท้จริงนั้นมักจะมองปัญหาที่ ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ใคร คือ Who อะไร คือ Wath ที่ไหน คือ Whree เมื่อไหน คือ When Who Wath When Whree ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ นี่คือสื่อที่แท้จริงของหลายๆ คน รวมทั้ง อาจารย์สมเกียรติ อ่อนวิมล แต่ผมมันทะลึ่งเป็นสื่อที่เติมข้อสุดท้าย ผมเติมคำว่า ทำไม เพราะว่าผมมองว่า สังคมไทยถ้าจะให้เกิดสังคมสัมมาปัญญา ต้องมีคำถามว่า ทำไม เพราะว่าถ้ามีคำถามว่าทำไมแล้ว มันจะทำให้คนที่รับสัมมาปัญญามีปัญญาที่จะคิดว่า ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะอย่างนี้ใช่ไหม ต้องมีคำว่าทำไมทุกเรื่อง และนี่คือที่มาของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ให้คำตอบของคำว่า ทำไมคุณทักษิณถึงต้องไปทำพิธีในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทำไมคุณใจกล้าอย่างนั้น ทำไมคุณไม่รู้หรือว่า ที่นั่นคือที่ของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเขาทำ เห็นหรือยังนี้คือทำไม ทำไมน้องสาวคุณทักษิณต้องใช้เครื่องซี 130 บินพาพรรคพวกไปเลี้ยงฉลองบ้านใหม่และวันเกิดที่เชียงใหม่ ทำไมไม่เช่าเหมาเครื่องบินไป ทำไมไม่ซื้อตั๋วไป ทำไมกองทัพอากาศถึงให้บริการเขา ที่คือคำถามที่ผมถาม ทำไม สื่อมวลชนที่แท้จริงที่อาจารย์สมเกียรติพูดไม่ค่อยได้ถามทำไม แล้วไม่กล้าถามทำไมในยุคที่ทักษิณมีอำนาจ หรือยุคที่เผด็จการมีอำนาจ ปล่อยให้ผมถามอยู่คนเดียวว่าทำไม แล้วพอผ่านไปหมดแล้วอันตรายหมดแล้ว มาบอกว่า ผมไม่ใช่สื่อที่แท้จริง ไม่เป็นไรช่างมัน สื่อที่แท้จริงในอุดมคติในคำจำกัดความของคุณ คือ ไม่ถามว่าทำไมในยุคที่มีภัย แต่สื่อจอมปลอมสื่อเทียมอย่างผม รู้จักถามทำไมในทุกยุคไม่ว่าจะมีภัยหรือไม่มีภัย นั่นคือสื่อปลอมของผม ผมขอยืนอยู่ข้างสื่อปลอมของผมดีกว่า / อสมทฯ อวัยวะใหญ่แต่ปัญญานิดเดียว / ยะลา ให้กำลังใจ ยะลาติดเอเอสทีวีทุกบ้าน / เยาวราช รับชมรายการทุกวันศุกร์ / กทม. คุณสนธิท่าทางเหนื่อย อยากให้รักษาสุขภาพด้วย / เกาะพงัน เบื่อกระบวนการ อสมทฯ มีแต่กระบวนการกระเทยไร้สาระ รับข่าวสารเพียงด้านเดียว / นครนายก เมื่อวันที่ 18 กันยายน เห็นคุณอรวรรณเดินกับคุณทักษิณที่อเมริกา - อันนั้นผมไม่ทราบนะครับ คุณอรวรรณคนที่นครนายกบอกมา จริงไม่จริงผมไม่รู้ / ภูเก็ต รับชมรายการห่วยๆ จากผู้จัดการดีกว่ารับชมรายการจาก อสมทฯ ที่รับใช้ทักษิณ / ขอนแก่น อสมทฯ เป็นของรัฐ หรือพนักงาน อสมทฯ - ตอบไปแล้ว / กทม. ทีมงาน อสมทฯ สู้ทีมงานเอเอสทีวีไม่ได้ / ภูเก็ต เสียใจกับตุ้ย-ธีรภัทร ที่ออกมาประท้วง ทำไมต้องรับใช้ อสมทฯ / ภูเก็ต รับชมรายการเอเอสทีวีแล้วมีความสุขมาก ตอนนี้ไม่รับชมช่องอื่นเลย

สนธิ - เยอะครับเยอะมากๆ อย่าอ่านเลย อ่านแล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นทับถม ท่านผู้ชมครับเห็นหรือยังที่ผมเรียนท่านผู้ชมว่า ศึกสงครามเสร็จสิ้นแล้วปัญหายังมี ท่านผู้ชมท่านหนึ่งเขียนมาบอกว่า เชื่อแล้วที่ผมบอกว่า ครั้งนี้จะเหนื่อยมากกว่าเก่า เหนื่อยมากครับ เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยที่จะต้องสร้างสัมมาปัญญากับคนอีกมาก เหนื่อยที่มีคนบางคนที่ร่วมสู้กับผมมาแล้วบอกว่า คุณสนธิตอนนี้ทหารเข้ามาแล้วก็จบได้แล้วหยุดได้แล้ว เหนื่อยตรงนี้ เพราะว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหาเท่านั้นเอง ปัญหาใหญ่ที่สุดคือปัญหาของสัมมาปัญญา ผมจะต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป ผมจะต้องพรวนดิน ดินคือประชาชน ผมจะต้องร่วมกับประชาชนให้ความรู้ประชาชนไปตลอด เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสแค่ไหนก็ต้องทำ ต้องเจอคนประเภทนี้ ชุดดำประท้วง อสมทฯ เจอคนต่อว่าต่อขาน เจอคนกระแหนะกระแหน ไม่เป็นไร ยุคทักษิณด่าผมมาเป็นกระบุงแล้ว ใส่รถได้ไม่รู้กี่สิบคันรถแล้วผมยังเฉยๆ เพราะว่าเป้าผมชัดเจน เมื่อใดประชาชนมีสัมมาปัญญาเมื่อนั้นประเทศชาติจะมีสันติสุข เมื่อใดประชาชนรู้อะไรผิดอะไรถูก อะไรชอบอะไรไม่ชอบ อะไรควรอะไรไม่ควร เมื่อนั้นสังคมไทยจะไม่มีทักษิณ 2 ทักษิณ 3 ทักษิณ 4 ทักษิณ 5 อีก ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ยุทธการคว่ำฟ้าพลิกดิน ผมใช้ยุทธการเปิดฟ้าพรวนดิน เทิดทูนฟ้า สร้างฟ้าให้เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของสังคมไทย พรวนดินให้สังคมไทยทุกระดับชั้นเข้าใจว่า ชาตินั้นต้องมีศาสนา พระมหากษัตริย์ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ นั่นคือภารกิจของผม ซึ่งพ่อแม่พี่น้องครับ ท่านผู้ชม ภารกิจนี้หนักหนาสาหัสมาก ผมสัญญากับตัวผมเองว่า ผมจะทำงานชิ้นนี้ต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี แล้วเรื่องสุดท้ายผมต้องกราบขอโทษพ่อแม่พี่น้องที่ผมบอกว่าผมจะบวช แล้วผมจะแอบไปบวชเงียบๆ มีคนติติงมาเยอะ เมื่อใดผมจะบวชตามคำมั่นสัญญา ผมจะแจ้งพ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทยในวันที่ผมบวช เพื่อจะมาร่วมทำบุญกัน แต่วันที่สองผมขอหายตัวไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่า แต่วันแรกนั้นขอเชิญพ่อแม่พี่น้องมาร่วมอนุโมทนา สำหรับวันนี้เมืองไทยรายสัปดาห์จำเป็นต้องลาพ่อแม่พี่น้องไปก่อน แล้วเพื่อนๆ ชาว อสมทฯ อย่าโกรธกัน นึกซะว่าเป็นคำติ คำเตือน จากผู้อาวุโสในวงการ เชื่อก็ขอบคุณมาก ถ้าไม่เชื่อจะด่าผม จะกระแนะกระแหนผมเชิญตามสบาย เพราะระบอบทักษิณก็ทำอะไรผมไม่ได้ คำกระแนะกระแหนคุณก็ทำอะไรผมไม่ได้เหมือนกัน แต่เอาสิ่งที่ผมพูดไปตริตรองคิดดูสักนิดนึ่งว่ามีเหตุมีผลไหม ถ้ามีเหตุมีผลรับฟังกันได้ก็ขอบพรุะคุณมาก อาทิตย์หน้าพัก 1 อาทิตย์ ผมต้องไปให้ความรู้ต่อกับคนไทยแต่ต่างชาติที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 24 เป็นวันที่ผมกลับมา และจะมาออกรายการให้ทัน สวัสดีครับ ขอบพระคุณครับ




กำลังโหลดความคิดเห็น