คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show
1."สนธิ"รับสนองพระบรมราชโองการเป็น หน.คปค. -ยันไม่มีปฏิวัติซ้อน
หลังจากเมื่อวันที่ 20 ก.ย.49 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล่าสุด 22 ก.ย.พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.)และคณะ ได้เข้ามายังห้องรับสนองพระบรมราชโองการ และ พล.ต.มาโนช เปรมวงศ์ศิริ เจ้ากรมสารบรรณทหารบก ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอ่านว่า ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้นำความกราบบังคมทูลว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อันมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้สึกรู้รักสามัคคีของคนในชาติ อย่างที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัย ว่า การบริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานอิสระถูกการเมืองครอบงำ ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ แม้หลายภาคส่วนของสังคมจะได้พยายามประนีประนอม คลี่คลายสถานการณ์โดยต่อเนื่องแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ คณะทหาร ตำรวจ และพลเรือน ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้า ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองไว้ได้ และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้ประชาชนทั้งหลายจงอยู่ในความสงบ และให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่าย ฟังคำสั่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2549 เป็นปีที่ 61 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก วันเดียวกันนี้ ที่หอประชุมสโมสรกองทัพบก พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ โฆษก คปค.ได้เปิดแถลงข่าวว่า หัวหน้าคปค.ขอขอบคุณประชาชนชาวไทย ทุกหมู่เหล่าที่แสดงออกถึงพลังแห่งการรู้รักสามัคคี และการมอบดอกไม้และอาหารเพื่อให้กำลังใจกับทหาร นอกจากนี้หัวหน้าคปค.ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่ได้แถลงชี้แจงไปแล้ว โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอยู่ สำหรับงานอื่นๆที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน มีดังนี้ 1.การพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2550 จะดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อให้ภารกิจราบรื่น 2.การปรับย้ายข้าราชการทั่วประเทศ ผู้รับผิดชอบทุกกระทรวง ทบวง กรม อยู่ระหว่างจัดส่งข้อมูลและจะมีการพิจารณาให้เป็นไปตามความรู้ความสามารถและเป็นธรรม 3.ความคืบหน้าการทำงานของคปค.จะมีการประชุมทุกเช้า เพื่อพิจารณางาน ช่วงเวลา 10.00น.-12.00 น.ซึ่งผลการประชุมที่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อการประชุมเสร็จสินก็จะชี้แจงประเด็นที่ได้มีการหารือกันให้ประชาชนได้รับทราบ 4.การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยให้ทุกกระทรวงที่รับผิดชอบร่วมกับกองทัพไทย ดำเนินการช่วยเหลืออย่างดีที่สุด หัวหน้าคปค.ได้ขอขอบคุณทุกฝ่ายในระหว่างสภาวะทั้งหลายทั้งปวง และขอให้ติดตามความคืบหน้าของการปฏิบัติงานจากผู้ให้ข่าวของทางราชการ การคิดเห็นที่แตกต่าง อย่าได้หลงเชื่อข่าวปล่อย ข่าวลือ หากมีกำลังพลกองทัพประพฤติตัวไม่เหมาะสม ให้ติดต่อที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ได้ ที่ 02297-8307ได้ทุกระยะพร้อมระบุว่ากรณีการชุมนุมเพื่อต่อต้านการดำเนินการของคปค.นั้นขณะนี้ภาวะต่างๆกำลังไปสู่ภาวะปกติ การชุมนุมทางการเมืองขอควรอนุเคราะห์ว่า การเห็นแตกต่างนั้นมีได้ แต่ขอรออีกสักนิด และการดำเนินการเราก็อยากให้เกียรติทุกฝ่าย เพราะทุกคนอยากแสดงออก ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร แต่คปค.ขอความร่วมมือร่วมใจในเชิงสร้างสรรค์ พลังสามัคคีเพราะพี่น้องประชาชน 90 เปอร์เซ็นต์ ก็เห็นด้วย แต่ถ้าเห็นว่าไม่ดี ก็ขอให้ทนรออีกเพียง 10 กว่าวัน ทุกท่านก็มีสิทธิ์ดำเนินการได้ตามกรอบที่พึงกระทำได้ พร้อมกล่าวถึงกรณีข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้อนว่า ไม่มี เพราะทหารมีเอกภาพของกองทัพไทย และพี่น้องประชาชนก็จะเหมือนกัน ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นการทำงานของคปค.
คปค.ขอ 10 วันกำราบกลุ่มต้านฯ ปัดกระแสปฏิวัติซ้อน
โทรทัศน์รวมการฯ แพร่ภาพ “พล.อ.สนธิ” รับสนองพระบรมราชโองการฯ
2.พระบรมฯ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรเหตุบึ้มหาดใหญ่
หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดกลางตัวเมืองหาดใหญ่เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด 18.00 น. 17 ก.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อทอดพระเนตรสถานที่ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณหน้าศูนย์การค้าโอเดี้ยนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ถนนเสน่หานุสรณ์ และบริเวณร้านนิวเชอร์รี่นวดแผนโบราณ ตั้งอยู่ริมถนนเสน่หานุสรณ์ ซึ่งห้างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร โดยมีข้าราชการ พ่อค้าประชาชน เฝ้ารอรับเสด็จนับพันคนท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาตลอดเวลา โดยทั้งสองพระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จทั้งสองฝั่งถนน ในการนี้พระบรมโอรสาธิราชฯ และพระวรชายา ได้ทอดพระเนตรบริเวณจุดเกิดเหตุย่านถนนเสน่หานุสรณ์ทั้ง 3 จุดอย่างใกล้ชิดโดยจุดแรกทรงทอดพระเนตรร้านดีพวอนเดอร์มิวสิคบาร์ ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของห้างโอเดี้ยนฯ ซึ่งทั้งพระองค์เสด็จฯ ลงไปยังชั้นใต้ดินและมีพระราชปฏิสันถารกับเจ้าของร้านและลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสนพระทัย ต่อมาเสด็จฯไปยังจุดที่ 2 ซึ่งอยู่หน้าประตูทางเข้าห่างจากจุดแรกราว 2 เมตร เพื่อตรวจดูบริเวณโดยรอบที่เสียหายจากเหตุระเบิด จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินไปยังจุดที่เกิดระเบิด 3 ที่ร้านนิวเชอร์รี่นวดแผนโบราณ ซึ่งจุดนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 รายโดยหนึ่งในนั้นเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีทั้งชาวต่างชาติและญาติของผู้เสียชีวิตมาเฝ้ารอรับเสด็จ ในจำนวนนี้มีนางวรรณดี เลาะหะตานนท์ อายุ 40 ปี ภรรยาของนายธวัช เลาะหะตานนท์ อายุ 49 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตพร้อมลูกอีก 5 คนมาเฝ้ารอรับเสด็จด้วย ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มีพระราชปฏิสันถารด้วยความเป็นห่วงและเป็นเวลานานกว่า 20 นาที เนื่องจากครอบครัวของนายธวัช กำลังลำบากต้องขาดเสาหลักของครอบครัว ที่สำคัญนางวรรณดี ยังเป็นมะเร็งที่เต้านม ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้รับสั่งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือและพระราชทานกำลังใจให้กับครอบครัวให้เข้มแข็งและต่อสู้ชีวิตต่อไป และทรงรับสั่งว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงทราบข่าวและแสดงความห่วงใยครอบครัวผู้ประสบเหตุทุกครอบครัว จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์, โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี เพื่อทรงเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บยังความปลื้มปิติให้กับครอบครัวผู้ประสบเหตุเป็นล้นพ้น
สมเด็จพระบรมฯ เสด็จฯทอดพระเนตรที่เกิดเหตุระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่
3.คปค.ตั้ง 9 ป.ป.ช.สะสางทุจริต-"ปานเทพ"นั่งแทนปธ."กล้านรงค์-วิชา"ติดโผ
ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) คือ เมื่อ 22 กันยายนที่ผ่านมา คปค. ได้ประกาศให้ว่า 1.พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ. 2542 มีผลใช้บังคับต่อไป โดยให้งดการบังคับใช้บทบัญญัติที่เกี่ยวกับการสรรหา 2.ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มีผลใช้บังคับต่อไป 3.ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ.2542 ประกอบด้วย 1.นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ 2.นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ 3.นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ 4.นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ 5.ศ.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ 6.ศ.เมธี กรองแก้ว กรรมการ 7.นายวิชา มหาคุณ กรรมการ 8.นายวิชัย วิวิชเสวี กรรมการ และ 9.นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ คณะคปค.ทั้งหมดได้ร่วมประชุมกันโดยมี นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของคปค.เป็นผู้เสนอรายชื่อทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณา นอกจากนี้ทีมกฎหมายยังได้เสนอแนวทางการทำงานของป.ป.ช.ต่อคปค.ด้วยว่า อะไรที่เป็นไปตามกฎหมายก็ขอให้ทาง ป.ป.ช.และปปง.ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา สิ่งไหนผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย และดำเนินการตามขั้นตอน ทั้งนี้อยู่ที่ขบวนการการพิจารณาทางกฎหมายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาเรื่อง การซุกหุ้น หรือ การขายหุ้น และ การขายบริษัทชินคอร์ป ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น ป.ป.ช. ชุดนี้จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และ เป็นธรรมเกิดขึ้นโดยเร็ว ด้านนายทหารระดับสูงในคณะปฎิรูปการปกครองนายหนึ่ง กล่าวว่า อยู่ๆ คปค.จะไปออกคำสั่งให้ไปยึดทรัพย์คนนั้นคนนี้ เราคงทำไม่ได้ เพราะเราต้องการจะปลดล็อคทางการเมืองที่มันไม่ถูกต้องให้เกิดความชอบธรรม ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องเริ่มต้นทำงานอย่างเร่งด่วน และปราศจากการแทรกแซงจากคปค.อย่างแท้จริง และต้องปล่อยให้ ป.ป.ช.ทำงานอย่างอิสระ มีหน้าที่อะไรก็ทำไป ถ้าหากจำเป็นต้องยึดทรัพย์ก็จะต้องยึด ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อมูลหลักฐานที่แน่ชัดเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าคปค.จะเข้าไปแทรกแซงหรือ ตั้งคณะกรรมการไปไล่ยึดทรัพย์นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคนอื่นๆ เราคงไม่ทำด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ กล่าวว่า จะให้เชิญกรรมการทุกคนมาหารือกันวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อเตรียมงาน ทั้งนี้ คงจะคุยกับกรรมการทุกคนก่อนแล้วคงไปพบคปค.เพื่อแจ้งแนวทางการทำงาน แต่ยืนยันว่า การทำงานจะยึดหลักซื่อสัตย์ ยุติธรรม และต้องให้ข่าวสารของป.ป.ช.สู่ประชาชนให้มากที่สุด ต้องทำงานโปร่งใส และต้องมีความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น ผู้ว่าฯสตง.ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีการล้วงลูกจากฝ่ายใดได้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ นางรสนา โตสิตระกูล เครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า เมื่อได้เห็นรายชื่อคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหม่ทั้ง 9 คนแล้ว ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร มาจากสายไหน มีบางคนที่ตนรู้จักมีประวัติด้านลบ รายชื่อไม่ค่อยสะอาด ทำให้เป็นห่วงเพราะภารกิจต่อไปของป.ป.ช.มีความสำคัญต่อประเทศชาติมาก เราควรได้คนที่มือสะอาด ซื่อสัตย์ สุตจริต ไม่เคยรับใช้การเมือง มีความกล้าหาญทางจริยธรรม แต่คนที่ปรากฏชื่อ มีบางคนที่รู้จักไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม รับใช้การเมือง จะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งหากเลือกคนที่ไม่ได้รับเลือกจากการเป็นกกต. 5 คนมาเป็นคณะกรรมการป.ป.ช. พร้อมระบุว่า เหตุการณ์รัฐประหารที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายราคาแพง เมื่อมีค่าใช้จ่ายแพงเราควรมีจุดเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่ดี หากเริ่มจากจุดที่ผิดก็นำไปสู่สิ่งที่ผิด ขอเตือนว่า เชื้อชั่วไม่มีวันตาย รัฐประหารไม่ได้หมายความว่า ระบอบทักษิณจะยุติลง มีความพยายามแทรกซึม สอดไส้เพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่ เหมือนครั้งนี้ที่มีการสอดไส้รายชื่อของคนที่มีประวัติไม่ดี รับใช้การเมือง เข้ามาเป็นคณะกรรมการป.ป.ช.ทางที่ดี คณะปฏิรูปฯไม่ควรเอาคนที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณเข้ามาข้องเกี่ยว เพราะครั้งหนึ่งคนกลุ่มนี้เคยพูดว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยทุจริตเลย ด้าน นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวถึงรายชื่อ ป.ป.ช. 9 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คปค. ว่า ยังไม่ใช่ชุดดรีมทีม คปค.ควรหาคนทำงานได้ดีกว่านี้ เช่น นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายแก้วสรร อติโพธิ ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. คนที่เป็น ป.ป.ช.ต้องได้คนกล้าที่จะลงโทษผู้กระทำผิดอย่าลืมว่า เหตุผลของการยึดอำนาจครั้งนี้เพราะปัญหาการทุจริต ซึ่งเป็นเหตุผลที่ชอบธรรมที่สุด และต่างชาติก็ยอมรับว่า ประเทศไทยมีปัญหาทุจริตสูงจนต้องใช้อำนาจทหารเข้ามาจัดการ ฉะนั้น ถ้าคปค. ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ยอมให้บุคคลที่มีภาพไม่เป็นที่ยอมรับเข้าไปเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ก็จะมีปัญหาต่อภารกิจของการยึดอำนาจครั้งนี้ทันที เพราะอาจจะเข้าล็อกที่ว่าเป็นการซูเอี๋ย ประนีประนอมกับระบอบทักษิณแหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า รายชื่อป.ป.ช.ในครั้งนี้มีอยู่ 1-2 ราย ที่มีประวัติไม่ดี โดยก่อนที่จะมีการทำรัฐประหารได้ลงสมัครเพื่อคัดเลือกเป็น ป.ป.ช.และได้ผ่านการสรรหาในรอบแรก จนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบประวัติ แต่ยังไม่ทราบผลจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเสียก่อน ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการตรวจสอบประวัติ หนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด และในอดีตเคยมีปัญหาในการทุจริตร่วมกับอดีตรัฐมนตรีบางคน
ปปช.เริ่มงานจันทร์นี้-ลุยเช็กบิลทุจริตเครือข่าย"แม้ว"
อดีต ส.ว.ห่วง ป.ป.ช.ใหม่ ซูเอี๋ย “ระบอบแม้ว”
“สนธิ”ติง คปค.อ่อนข้อ“ระบอบทักษิณ” แต่ยันพร้อมเคียงข้าง“บิ๊กบัง” – กระตุ้นสื่อ ทบ.สู้ให้นาย
4. "สนธิ"จี้คปค.เร่งอายัดทรัพย์อดีตรัฐมนตรี-ติงสื่อในเครือทัพบกไม่ออกมาช่วยนาย
หลังแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เปิดแถลงข่าวยุติภารกิจการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และประกาศสนับสนุนการดำเนินงานของคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นั้น ล่าสุด 22 ก.ย.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวว่า การที่ คปค.ให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และนายวิษณุ เครืองาม เข้ามาอยู่ในคณะทำงานร่างกฎหมาย กลายเป็นคำถามที่คาใจประชาชน เพราะในสายตาประชาชนที่ร่วมต่อสู้มากับพันธมิตรแล้ว เขาถือว่านายบวรศักดิ์ กับนายวิษณุเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมสร้างระบอบทักษิณขึ้นมา ถ้าคนพวกนี้มาร่วมทำงานกับ คปค. เขารับไม่ได้ ซึ่งเข้าใจ ท่านผบ.ทบ. ว่า ทั้ง 2 เข้ามา เพราะคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ แต่ตนอยากจะเรียนว่า ทั้ง 3 คน เป็นนักกฎหมายที่มีส่วนร่างรัฐธรรมนูญทุกๆ ฉบับ แล้วก็ถูกฉีกทิ้งหมด อยากพูดถึงนายวิษณุ นายบวรศักดิ์ ว่า ถ้าตนเป็นท่านจะละอายใจที่เคยช่วยทักษิณมาก่อน ถ้าเป็นท่าน ตนจะปฏิเสธตำแหน่ง เพราะท่านทั้ง 2 ทำความเสียหายให้กับประเทศมากมาย จากการพายเรือให้โจรนั่ง คุณบวรศักดิ์ เคยพูดว่าจะเลิกเกี่ยวข้องกับการเมืองไม่ใช่หรือ คุณวิษณุจะไปสอนหนังสือไม่ใช่หรือ แล้วมาอีกทำไม หรือเพราะว่า คุณเข้าสู่วงจรอำนาจอีก เพื่อจะรับใช้ใคร นายสนธิ กล่าวถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ หนึ่งในคณะปฏิรูปฯ ว่า เป็นนายตำรวจที่รับใช้ทักษิณมาตลอด เห็นได้จากกรณีตำรวจสมคบอันธพาลทำร้ายคนแก่และผู้หญิง แต่พล.ต.อ.โกวิท ไม่เห็นบอกว่าจะตั้งกรรมการสอบสวน นอกจากนั้นยังพูดดูถูกตำหนิติเตียนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯตลอด แม้กระทั่งการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ศาลยโสธรไม่อนุมัติหมายจับและตำรวจยโสธรมีความเห็นไม่ฟ้องแล้ว แต่ตำรวจภาค 3 ซึ่งมีผู้บัญชาการเป็นเด็กคุณหญิงอ้อ กลับพลิกจะดำเนินคดีและเรื่องมาอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว พล.ต.อ.โกวิท ก็เฉย พร้อมระบุว่า มีเรื่องที่น่ากังวล เพราะในขณะนี้กำลังจะย้ายตำรวจอีก 100 กว่านาย มาทำงานกับ คปค. ซึ่งจะต้องเอาคนที่เห็นด้วยกับคณะปฏิรูปฯ ไม่ใช่ตำรวจที่เข้ามาเอาตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ก็มีคนวิ่งเต้นมาเป็นผู้บัญชาการกองปราบฯ ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องรีดไถ นี่เป็นตัวอย่าง เหมือนกับเราสู้กับโจรแล้ว ก็กำลังจะมีโจรอีกกลุ่มหนึ่งออกมา เราหลงดีใจได้ไม่กี่วัน พอเห็นเหคุการณ์ตามมา เราก็เริ่มกังวล นอกจากนี้ นายสนธิ ยังได้เรียกร้อง ผบ.ทบ. ที่เป็นหัวหน้า คปค. ไปทบทวนเหตุผล 4 ข้อในการยึดอำนาจที่ประกาศออกมา ว่าได้ทำอะไรบ้าง เพราะที่เชียงรายังมีคนอย่างนายยุทธตู้เย็น อุดรยังมีนายธีรชัย มีหมอวิขัย มีดีเจปากพล่อยอย่างนายขวัญชัย คนพวกนี้ปล่อยไว้ทำไม วิทยุชุมชนในกทม. มีหลายคลื่นของระบอบทักษิณ ยังทำงานอยู่ พิธีการทางโทรทัศน์ที่รับใช้ทักษิณ ก็ยังทำงานสนุกสนาน วันดีคืนดีก็กระแนะกระแหนคณะปฏิรูป ส่วนพวกที่ดูเอเอสทีวีก็ยังเป็นคนกลุ่มเดิม ทำไมไม่เอาคนอย่างอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง การุณ ใสงาม วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ หรือ อัญชลี ไพรีรัก ไปจัดรายการทางช่อง9 ช่อง 5 ให้คนรากหญ้าได้รับรู้ข้อมูลอีกด้านบ้าง โดยเฉพาะ ททบ. 5 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงในการรองรับนายของตัวเองที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯเลย ช่อง 5 ต้องแข็งขันกว่านี้ รายการไหนที่ไม่สนับสนุนเป้าหมายอุดมการณ์ ของท่านผบ.ทบ. ต้องยกเลิกให้หมด ใครที่จะทำความจริงให้ปรากฏสู่รากหญ้าได้ ท่านต้องไปเอามา ตอนนี้วิทยุ ทบ.หลายสถานียังปล่อยให้คนมาด่าการรัฐประหาร ก็ยังมี ท่านไม่ทำงานให้นายของท่านเลย ทำไมต้องปล่อยให้นายสนธิที่เป็นคนถังแตกบาดเจ็บสาหัสมาทำให้ นายสนธิ กล่าวต่อว่า จะตั้ง ป.ป.ช.ก็ตั้งไป เพราะเรื่องที่ ป.ป.ช.ขณะนี้ มีเรื่องค้าง 6,000 กว่าเรื่อง หลายเรื่องสามารถส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาได้ แต่ ณ ปัจจุบันต้องอายัดทรัพย์นักการเมืองในระบอบทักษิณเสียก่อน และนั้นคือสิ่งที่ประชาชนต้องการ เพราะประชาชนต้องการความชัดเจนว่าแล้วมันคอร์รัปชั่นจริงกันหรือเปล่า เพราะเราพูดไปบอกว่าเราเข้ามายึดอำนาจเพราะเขาคอร์รัปชั่น ต้องกล้าตัดสินใจตรงนี้ นอกจากนี้ นายสนธิ ได้เสนอให้เลื่อนเปิดสนามบินสุวรรณภูมิวันที่ 28 ก.ย.ออกไป เพราะไม่อยากให้เกิดกลียุค ในขณะที่ คปค. กำลังอยู่ในขั้นตอนการคัดสรรนายกฯคนใหม่ และกำลังออกประกาศเพื่อจัดดารเรื่องราวต่างๆ ถ้าเกิดกลียุคแล้วจะรับมือไม่ได้ จึงอยากให้เลื่อน แล้วตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ที่มาจากวิศวกรรมสถาน โดยขอให้นายต่อตระกูล ยมนาค เป็นประธาน เพื่อไปตรวจสอบสนามบินสุวรรณภูมิในฐานะคนกลาง ตรวจทุกจุด แล้วทำรายงานภายใน 15-20 วัน ว่าที่จริงแล้วเสร็จกี่เปอร์เซ็นต์ ยังเหลือจุดที่จะเป็นอันตรายกี่เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจาณาโครงการต่างๆ ว่ามีการทุจริตอย่างไรบ้าง นายสนธิ กล่าวว่าจากการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พล.อ.สนธิ และคณะเข้าเฝ้า จึงขอให้พระบารมีของพระองค์ท่านคุ้มครอง และขอให้องค์อัลเลาะห์ประทานพร แต่ลูกน้องของท่านจะต้องช่วยท่านให้มากกว่านี้ และในช่วงท้ายรายการ นายสนธิ กล่าวว่า หากพ้นระยะกฎอัยการศึก และมีรัฐบาลใหม่ จะประกาศให้พี่น้องประชาชนมาชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงสักครั้ง เพื่อทำการฉลองชัย และทำบุญไล่เสนียด รวมทั้งกำหนดวาระประชาธิปไตย และจะมีรายการแสดงพลังเพื่อสนับสนุนพล.อ.สนธิ กับสิ่งที่ท่านได้ทำ หลังจากนั้น ก็จะจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ตามสถานที่ต่างๆต่อไป
เมืองไทยรายสัปดาห์ ครบรอบ 1 ปี : "สนธิ"เตือนเชื้อชั่ว"ทักษิณ"ยังไม่ตาย-ไม่รีบจัดการอีก 1 ปีกลับมาแน่
5.คปค.เผยสเป็กนายกฯต้องเชี่ยวชาญด้านกม.-มี 5 คนอยู่ในข่าย
ประเด็นผู้ที่เข้ามานายกรัฐมนตีเพื่อเข้ามาปฏิรูปการเมือง ภายหลังคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ได้ล้มล้างรัฐบาลทรราชย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว ได้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากผู้คนในขณะนี้ โดยเมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) กล่าวว่า อีกไม่นานคงได้ข้อสรุปตรงนี้ คิดว่าจะพยายามค้นหาคัดเลือก ท่านที่เป็นกลางที่สุด และพยายามแก้ไขการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในบางประเด็นที่มีข้อขัดข้องให้เสร็จสิ้นให้เร็วที่สุด ซึ่งระยะเวลาในการได้ตัวนายกรัฐมนตรี คงต้องเร็ว เพราะนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะได้เตรียมตัว และ ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งต้องเต็มใจ ส่วนที่ว่านายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้เชียวชาญด้านเศรษฐกิจ หรือกฎหมายนั้น พล.อ.อ.ชลิตระบุว่า น่าจะรู้เรื่องกฎหมายด้วย เพราะเป็นประเด็นสำคัญ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจน่าจะให้รองนายกรัฐมนตี หรือ รัฐมนตรี เข้ามาดูแลได้ แต่การปฏิรูปครั้งนี้เป็นการปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ชื่อใคร อยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีการทาบทาม หลังจากพิจารณาแล้วคงจะได้ทาบทาม ซึ่งอาจจะอยู่ในข่ายพิจารณามากกว่า 5 คน เพราะผู้ที่เหมาะสมมีหลายคน ส่วนรัฐมนตรีร่วมคณะคงต้องรอนายกฯ ท่านใหม่ก่อน ด้านนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งถูกคาดหมายจะได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ คปค.ยังไม่มีการติดต่อทาบทามมาจึงยังไม่มีการรับปากอะไร วันนี้ยังเหมือนเดิมทำงานที่ศาลปกครองอยู่ และงานที่ศาลก็มีมากอยู่แล้ว ส่วนหากได้รับการทาบทามจะตัดสินใจรับตำแหน่งหรือไม่ นายอักขราทร กล่าวว่า ไม่มีคำว่า“ถ้า” และยังไม่มีการทาบทาม นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ คปค.กำลังสรรหาอยู่ควรจะเป็นคนที่มองภาพรวมและเข้าใจความขัดแย้งในมิติต่างๆ ของสังคมไทยออก ต้องไม่เลือกเทคโนแครตหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหนึ่งด้านใดเท่านั้น เพราะวิกฤติที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้คือการเร่งสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ และทำให้รัฐบาลเฉพาะกาลได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสร้างรอยต่อที่ดีของการเดินหน้า สู่การพัฒนาประชาธิปไตยในสังคมไทย และคณะรัฐมนตรีควรคำนึงถึงสัดส่วนจากผู้หญิงด้วย สำหรับภารกิจของรัฐบาลเฉพาะการจะต้องกล้าทบทวนนโยบายของรัฐบาลทักษิณที่สร้างปัญหา เช่น เขตการค้าเสรี หรือ FTA การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โครงการเมกะโปรเจกค์ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรระมัดระวังกลุ่มคนที่พยายามเข้ามามีบทบาทใน คปค. ซึ่งบางคน มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนระบอบทักษิณ เพราะหากบุคคลเหล่านี้กลับมามีบทบาทจะทำให้ประชาชนเริ่มเคลือบแคลงสงสัยและไม่แน่ใจในภารกิจของ คปค.ในระยะยาวด้วย
“สุริยะใส” แนะสเปกนายกฯใหม่ ต้องกล้ารื้อนโยบายทักษิณ
คปค.เผยคุณสมบัตินายกฯใหม่ต้องรู้ กม.- ถกตรวจสอบทรัพย์สิน “แม้ว”
6."ห้อย-ยุทธ"เข้ารายงานตัวแล้ว- น้องเขยแม้ว ถอดใจชิงลาออกจากปลัดฯ
หลังจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และผู้บัญชาการทหารบก ออกคำสั่งเรียกตัวนายเนวิน ชิดชอบ อดีต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ารายงานตัวที่กองบัญชาการกองทัพบก ภายในเวลา 12.00 น.ของวันที่ 21 ก.ย.นั้น ล่าสุด ในเวลา 11.30 น.ของวันดังกล่าว นายเนวิน ได้เดินทางพร้อมด้วยคนขับรถ และผู้ติดตาม 1 คน ด้วยรถตู้โตโยต้าแวน สีดำ ไปยังกองบัญชาการกองทัพบก โดยไม่มีรถนำขบวน และรถตามเหมือนเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด เมื่อรถของนายเนวิน มาถึงประตูทางเข้า บก.ทบ.นายเนวิน ได้สั่งให้จอดรถ และไขกระจกรถฝั่งซ้ายซึ่งตนเองนั่งอยู่ลง เป็นเหตุให้กลุ่มผู้สื่อข่าวกรูกันเข้าไปเพื่อจะสัมภาษณ์นายเนวิน จากนั้นประชาชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่ในละแวกดังกล่าวด้วยได้พร้อมใจตะโกนด่าทอนายเนวิน ด้วยถ้อยคำผรุสวาทต่างๆ นานา โดยตะโกนกันอยู่หลายครั้ง จนนายเนวิน เห็นท่าไม่ดีจึงได้รีบปิดกระจกรถ แล้วสั่งเคลื่อนรถเข้าไปยัง บก.ทบ.ทันที และเมื่อรถเข้าไปยังพื้นที่ภายในแล้ว ผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นว่า นายเนวิน ทำท่าเหมือนจะเปิดกระจกรถแล้วหันมองมายังกลุ่มประชาชนเหล่านั้น ประชาชนจึงได้ตะโกนกลับไปอีกว่า "มึงมองทำไมไอ้คนขายชาติ" ต่อมา เวลา 12.45 น.นายยงยุทธ ติยะไพรัช ก็ได้เดินทางด้วยรถเก๋งสีดำและรถผู้ติดตามอีก 1 คัน เพื่อมารายงานตัวด้วยเช่นกัน เมื่อรถของนายยงยุทธ ถึงหน้าประตูทางเข้า ซึ่งจะต้องเปิดกระจกรถ เพื่อให้ สห.ตรวจสอบความเรียบร้อยตามระเบียบนั้น กลุ่มผู้สื่อข่าวก็ได้กรูกันเข้าไปเพื่อจะขอสัมภาษณ์ ในขณะที่ประชาชนกลุ่มเดิมที่ได้ตะโกนด่าทอนายเนวิน ก็ได้ตะโกนด่าทอนายยงยุทธ ด้วยถ้อยคำผรุสวาท ว่าเป็นคนขายชาติเช่นกัน เมื่อนายยงยุทธ ได้ยินเช่นนั้น ก็ทำท่าฮึดฮัด เปิดประตูรถ ทำท่าว่าจะลงมาเอาเรื่องกับกลุ่มประชาชนดังกล่าว เป็นเหตุให้ สห.ต้องรีบเข้ามากัน และต้อนให้ขึ้นรถเข้าไปใน บก.ทบ.ทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวนายเนวิน และนายยงยุทธไปอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่โดยไม่เปิดเผยสถานที่ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ภายในหน่วยทหารในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ทหารได้เข้าควบคุมตัวนายพายัพ ชินวัตร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการอดีตนายกรัฐมนตรี ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน TG 923 ที่สนามบินจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นได้นำตัวขึ้นรถตู้ไปยังมณฑลทหารบกที่ 33 หลังจากการสอบปากคำประมาณ 3 ชั่วโมงก็ได้มีการปล่อยตัวกลับไปโดยไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่อย่างไร วันเดียวกันที่ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี นายวิชัย ชัยจิตวณิชกุล อดีตส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย ได้เดินทางเข้ารายงานตัวต่อพล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กลั่นเสนาะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 โดยพล.ต.ศักดิ์ศิลป์ เปิดเผยว่า ได้ความร่วมมือจากนายวิชัย ให้หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้อยู่ในความสงบ ขณะที่ นายธีระชัย แสนแก้ว และ นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ อดีตส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย ยังไม่ได้เข้ารายงานตัว จึงอยากให้บุคคลทั้ง 2 มารายงานตัวด้วย ในขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นหนังสือต่อคปค. ลาออกจากราชการแล้ว โดยให้เหตุผลว่า เพื่อไปประกอบอาชีพอื่น
“วิชัย” 1 ใน 3 ลิ่วล้อแม้วเมืองอุดรฯ รายงานตัวแล้ว - 2 เพื่อนซี้ “ธีระชัย-สุรชาติ” ยังเงียบ
เผย!!..คปค.กักตัว “ยี้ห้อย-ยุทธ ตู้เย็น” ไว้ในค่ายทหารใน กทม.
ทหารปล่อย “พายัพ” - น้องเขยถอดใจ ชิงลาออกปลัดฯ
7.นักโทษคุกยะลาป่วนแค้นถูกผู้คุมตีหัว-คุกเมืองนนท์เอาอย่างถูกยิงดับ 2 เจ็บ 18
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นภายในเรือนจำถึง 2 เหตุการณ์ด้วยกันคือ เช้าวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นภายในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี หลังกลุ่มผู้ต้องขังจำนวนประมาณ 300 คน ได้ก่อนเหตุประท้วงโดยมีการจับตัวเจ้าหน้าที่ฝึกอาชีพ 3 คนเป็นตัวประกันพร้อมยื่นข้อเรียกร้อง และเกิดมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าระงับเหตุ ทำให้ต้องมีการประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เข้าเสริมกำลังจึงสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ โดยนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า จากรายงานเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อการประท้วงมีจำนวนประมาณ 300 คน มีแกนนำเป็นผู้ต้องขังคดีอุกฉกรรจ์ที่ย้ายมาจากเรือนจำบางกลางขวางเนื่องจากปัญหาความแออัดของเรือนจำ โดยกลุ่มผู้ต้องขังได้ฉวยโอกาสที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง ประกอบกับวันดังกล่าวมีการประกาศเป็นวันหยุดราชการทำให้มีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติหน้าที่เพียงหนึ่งในสาม ก่อความวุ่นวายขึ้นโดยรวมตัวกันประท้วงเรียกร้องขอให้มีการปรับปรุงความเป็นอยู่ในภายเรือนจำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เข้าระงับเหตุและมีการเจรจากับทางแกนนำผู้ต้องขัง แต่ระหว่างการเจรจาปรากฏว่าทางกลุ่มผู้ต้องขังเกิดก่อความวุ่นวายขึ้นอีกและพยายามบุกเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำให้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังตอบโต้และเข้าช่วยเหลือตัวประกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงแกนนำผู้ต้องขังที่ก่อเหตุ เสียชีวิตจำนวน 2 คน และมีผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บอีก 18 คน ก่อนจะสามารถควบคุมสถานการณ์และช่วยเหลือตัวประกันเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย หลังเหตุการณ์สงบลง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ย้ายแกนนำผู้ต้องขังที่ก่อเหตุประมาณ 20 คนไปควบคุมไว้ที่เรือนจำบางขวาง ส่วนผู้ต้องขังที่เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายวรวิทย์ สุดสวาด อายุ 26 ปี และนายอนุชา กระสา อายุ 26 ปี เป็นผู้ต้องขังคดีปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นที่เพิ่งย้ายมาจากเรือนจำกลางบางขวาง ขณะที่ผู้ต้องขังที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้นำเข้ารักษาตัวที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำนนทบุรี และก่อนหน้านั้น เมื่อช่วงเช้า 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุนักโทษเรือนจำกลางจังหวัดยะลากว่า 100 คน ได้ก่อเหตุประท้วงไม่พอใจผู้คุมใช้เก้าอี้ฟาดหัวผู้ต้องขังทำให้ผู้บาดเจ็บเห็นว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินเหตุ จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่เรือนจำแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงได้ปลุกระดมเพื่อนนักโทษก่อหวอดประท้วง โดยเผาร้านสวัสดิการภายในเกือบวอดไปทั้งหลัง ต่อมา นายสมนึก พงษ์เพชร ผบ.เรือนจำ ได้นำนายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ยะลา พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก. พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.พ.ต.อ.พิทักษ์ เอียดแก้ว ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา ได้เข้าไปหากลุ่มผู้ก่อเหตุ และได้เจรจากันประมาณ 30 นาที กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงยอมสลายตัวและมารวมตัวกันอย่างสงบ ที่ลานสนามกีฬาภายในเรือนจำ เพื่อรับฟังการชี้แจงของผวจ.ยะลากับคณะ โดยนายบุณยสิทธิ์ รับปากจะตั้งกรรมการสอบสวน หากพบผิดจริงจะสั่งย้าย 3 ผู้คุมออกนอกพื้นที่ทันที นอกจากนี้ ผบ.เรือนจำ ได้อนุญาตให้นักโทษที่นับถือศาสนาอิสลามสามารถทำกับข้าวเองในช่วงเดือนรอมฎอนที่จะถึงนี้ด้วย ทำให้นักโทษต่างพอใจที่เรือนจำได้ให้โอกาสการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนสำคัญนี้เป็นอย่างมาก
ยิงกราด.!! ดับ 2 แกนนำนักโทษป่วนคุกเมืองนนท์
ม็อบคุกสลายตัว “ผู้ว่าฯ–ผบ.เรือนจำ” รับปากตั้ง กก.สอบ 3 ผู้คุม