“รีพอร์ตเตอร์” แจ้นเสนอผลสืบสวนดีเอสไอ อ้างคนในรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องเว็บหมิ่นสถาบัน พร้อมเผยชื่อคนทำเป็นกลุ่มเดียวกับเว็บพูโล ซุ่มทำเว็บอุบาทว์ที่สวีเดน ออกหมายจับมาดำเนินคดีแล้ว 2 ราย ยันทำเว็บใช้แค่ 200 บ./เดือน ไม่จำเป็นต้องให้ใครส่งเงินให้
หลังจากที่ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาแฉเบื้องหลังคนใกล้ชิดรัฐบาลสนับสนุนเงินให้กับเว็บไซต์มนุษยดอตคอม ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 16 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด เว็บไซต์ รีพอร์ตเตอร์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้กับพรรคไทยรักไทย จนถูกสื่อมวลชนด้วยกันขนานนามว่าเป็น “สื่อเทียม” ได้รีบเผยแพร่ รายงานการสืบสวนกรณีเว็บไซต์ขบวนการพูโล และมนุษยดอตคอม เพื่อแก้ต่างให้รัฐบาลทันที
รายงานการสืบสวนดังกล่าว ลงนามโดย พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม แต่ไม่ได้ระบุวันที่แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้ระบุว่าเป็นรายงานที่นำเสนอต่อใคร
เนื้อหาในรายงาน สรุปได้ว่า ทางการได้พยายามสกัดกั้นเว็บไซต์ทั้งสองแห่งมาตั้งแต่ปี 2547 และจากการตรวจสอบ พบว่า เว็บไซต์ขบวนการพูโล และมนุษยดอตคอมได้ใช้บริการเครื่อง Server และเครือข่ายของบริษัท Netfirms ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนนาดา ซึ่งจากการตรวจสอบทางเทคนิค ยืนยันได้ว่า ใช้จากบ้านที่เมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน และจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้เกี่ยวข้องที่ได้กระทำผิดในเบื้องต้น คือ นายชิบลีย์ ปูตรา เจะเง๊าะ (Shiblee Putra Jehngoh) และ นายอับดุลรอสะ เจะเงาะ (Abdulrosa Basil Jehngoh)
รายงานดังกล่าว ระบุอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนตลอดมานั้น ยังไม่เคยมีหลักฐานสิ่งใดบ่งชี้ว่า เว็บไซต์ทั้งสองนั้น เคยใช้ Server ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย แต่อย่างใด และยังไม่เคยมีหลักฐานสิ่งใดบ่งชี้ว่า มีคนไทยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่กลุ่มบุคคลดังกล่าว แต่อย่างใด (เพราะในข้อเท็จจริงนั้น การทำเว็บไซต์ดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย คือประมาณเดือนละ 200 บาทเท่านั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องรับการสนับสนุนด้านการเงินจากผู้ใด)
ในด้านการดำเนินคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ให้กรณีกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 31/2547 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ซึ่ง สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน แสวงหาหลักฐานต่างๆ ตลอดมา จนสามารถขออนุมัติต่อศาลอาญา เพื่อออกหมายจับ นายชิบลีย์ ปูตรา เจะเง๊าะ และ นายอับดุลรอสะ เจะเง๊าะ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3758/2548 ลง วันที่ 30 กันยายน 2548 และหมายจับศาลอาญาที่ 235/2549 ลง วันที่ 17 มกราคม 2549 ตามลำดับ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ต่อไป
รายงานระบุอีกว่า เว็บไซต์พูโล และ มุนษยดอตคอม ได้แบ่งหน้าที่กันเผยแพร่ข่าวสารโดย เว็บไซต์พูโลจะทำหน้าที่บิดเบือนข่าวสาร ยุยงให้เกิดความแตกแยกระหว่างชาวไทยมุสลิมกับชาวไทยพุทธ มุ่งหวังที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน ส่วนเว็บไซต์ มนุษยดอตคอมจะทำหน้าที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เพื่อลดความศรัทธาต่อสถาบัน เพราะชาวไทยในเขต 3 จังหวัดภาคใต้นั้น ส่วนใหญ่ยังคงให้ความเคารพศรัทธาต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างเหนียวแน่น
การที่เว็บไซต์ทั้งสอง ได้แบ่งหน้าที่กันเผยแพร่ และได้พยายามปกปิดสถานะที่แท้จริง ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่อาจทราบได้ว่า กลุ่มผู้จัดทำเว็บไซต์มุนษยดอตคอม ซึ่งกล่าวโจมตี จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้น ที่แท้จริง คือ กลุ่มเดียวกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนพูโล
บางครั้งกลุ่มพูโลได้ใช้กระดานข่าวในเว็บไซต์ชั้นนำต่างๆ เป็นเครื่องมือในการโจมตีรัฐบาล บิดเบือน แต่งเรื่องสร้างข่าว โดยการทำเป็นชาวไทยพุทธด่าว่าไทยมุสลิม และทำเป็นชาวไทยมุสลิมด่าว่าชาวไทยพุทธ เพื่อสร้างความแตกแยก ทั้งๆ ที่เป็นชาวไทยด้วยกัน
ผลสอบสวนของดีเอสไอ ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันกลุ่มพูโลได้อาศัยเหตุการณ์ทางการเมืองพยายามบิดเบือนสร้างกระแส โดยได้ทำการเผยแพร่ข่าวสารทางเว็บไซต์ กระดานข่าวและอีเมล โยนความผิดและกล่าวหาว่าเว็บไซต์มนุษยดอตคอม จัดทำโดยคนในรัฐบาล โดยมีที่ตั้ง Server ของเว็บไซต์อยู่ในทำเนียบรัฐบาล และได้รับการสนับสนุนการเงินจากคนในรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวมุ่งหวังให้เกิดความแตกแยกขึ้นในระหว่างประชาชนกับรัฐบาล อันจะเป็นประโยชน์ต่องานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโดยตรง รายละเอียดปรากฏตามพยานหลักฐานที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
“จึงขอกราบเรียนให้ พี่น้องประชาชนชาวไทย ได้ทราบในข้อเท็จจริง เพื่อโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารต่อไป” เนื้อความในตอนท้ายของรายงาน ระบุ