หมอจุฬาฯเผยอาการ "อิทธิพล สรวิทย์สกุล" ชายวัย 60 เหยื่อรุมสกรัมหน้าเซ็นทรัลเวิลด์อาการสาหัส หลังพบกระดูกบั้นท้ายหักเพิ่มอีกหนึ่งอาการ เจ้าตัวงง ร.พ.ตำรวจบอกให้กลับบ้านได้อาการไม่น่าห่วง แต่ยืนยันหลังหายดีจะลุกขึ้นไล่"แม้ว"ต่อ เชื่อเหตุ "คาร์บ็อง" หวังปิดข่าวลิ่วล้อกระทืบประชาชน สภาทนายรับดูแลคดี ในขณะที่ตำรวจเจ้าของคดียังอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
หลังจากเหตุการณ์รุมทำร้ายประชาชนที่เคลื่อนไหวแบบจรยุทธโดยการตะโกน “ทักษิณ...ออกไป” ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา นายอิทธิพล สรวิทย์สกุล ชายสูงอายุวัย 60 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรุมทำร้ายของชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ล่าสุด น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าของอาการบาดเจ็บของนายอิทธิพล ว่ามีอาการตามัวอันเนื่องมาจากจอตาเรจินาบวม และกระดูกบริเวณจมูกและเบ้าตาร้าวมีอาการฟกช้ำอันเนื่องมาจากแรงปะทะ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีอาการปวดหลังตลอดเวลา ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ แต่เมื่อแพทย์เจ้าของไข้ฉายรังสีเอกซเรย์เพื่อวินิจฉัยอาการ จึงพบว่ากระดูกปีกของกระดูกสันหลังข้อที่สองบริเวณบั้นท้ายหัก ซึ่งถือว่าเป็นผู้ป่วยรายนี้มีอาการสาหัส
ด้านนายอิทธิพล ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นวันที่ 8 แล้ว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อาการภายนอกดูจะไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจากแพทย์ระบุว่ากระดูกที่บั้นท้ายหักก็รู้สึกงง เพราะว่าก่อนหน้านี้แพทย์โรงพยาบาลตำรวจซึ่งรับตนเข้ารักษาในวันเกิดเหตุก็ฉายเอกซเรย์แล้วก็บอกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก ให้กลับบ้านได้เลย
“ทั้งๆ ที่ผมก็บอกกับหมอที่โรงพยาบาลตำรวจแล้วว่าปวดหัวมาก แทบจะทนไม่ไหว แต่เขาก็บอกว่าให้กลับบ้านได้ ส่วนอาการปวดหลังหมอก็ไม่ได้ว่าอะไร พอดีที่ ส.ว.การุณ (ใสงาม รักษาการ ส.ว.บุรีรัมย์) โทรมาให้ไปออกรายการ ผมก็ไป แล้วหมอของจุฬาฯ ก็ให้มารักษาที่นี่” เขากล่าว
นายอิทธิพลในวัย 60 ปี ให้ความเห็นว่า เหตุที่ทางโรงพยาบาลตำรวจไม่อยากจะรับตนเข้ารักษาเพราะอาจมีปัญหาตามมาในภายหลัง
**เชื่อ “คาร์บ๊อง” จัดฉากกลบข่าวรุมกระทืบ
นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า หลังจากเข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลก็ติดตามข่าวสารโดยตลอด สำหรับข่าวการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยพื้นฐานแล้วตนคิดว่าเป็นการสร้างภาพขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนเหตุการณ์ทำร้ายประชาชนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่หลังจากเป็นข่าวมาได้สองสามวันซึ่งมีการออกมาตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการจัดฉากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายประชาชนหรือการสร้างภาพถึงขนาดนี้
เขาระบุต่อว่า หากอาการบาดเจ็บหายดีเมื่อไหร่จะยังคงเดินหน้าเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณเหมือนที่ทำมาตลอดเวลา 10 เดือน นับตั้งแต่การเข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวคัดค้านการแปรรูป กฟผ. ร่วมกับขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคมปีกลาย จนถึงการชุมนุมร่วมกับพันธมิตรประชาชนฯ ทั้งที่สนามหลวง หน้าทำเนียบรัฐบาล และหน้าสำนักงาน กกต. ซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดยืนยันว่าไม่มีการจัดตั้งหรือว่าจ้างใดๆ ทั้งสิ้น
**สภาทนายฯ รับดูแลคดี
ด้านนายการุณ ใสงาม รักษาการ ส.ว.บุรีรัมย์ ซึ่งช่วยเหลือด้านคดีในเบื้องต้นระบุว่า ขณะนี้สภาทนายความได้เข้ามาดูแลคดีการทำร้ายร่างกายทั้งหมด แต่หลังจากมีการแจ้งความต่อ สน.ปทุมวันในเบื้องต้นแล้วก็ต้องดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ก่อน อย่างไรก็ตาม สุดท้ายอาจจะต้องมีการฟ้องร้องเองเพราะคงหวังพึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ยาก
ในขณะที่นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สำหรับคดีทำร้ายประชาชนที่หน้าสยามพารากอนและเซ็นทรัลเวิร์ลได้มีผู้เสียหายมาร้องขอความช่วยเหลือต่อสภาทนายความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการให้ถ้อยคำและข้อเท็จจริงเพิ่มเติม รวมไปถึงยังไม่มีการแสดงเจตประสงค์ว่าต้องการให้ทนายความจากสภาทนายความเข้าช่วยเหลือในการฟ้องร้องในคดีอาญาหรือคดีแพ่งหรือไม่
“ไม่ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ไปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนหรือไม่เพียงใด แต่ทางเราจะต้องรับทราบข้อเท็จจริงและต้องพิจารณารูปการของคดี ขณะนี้ก็มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว รอแต่เจ้าของเรื่องมาให้ถ้อยคำเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนฯ ได้ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ให้เร่งสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจหรือสนับสนุนให้มีการทำร้ายร่างกายประชาชนจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขีดเส้นให้มีผลปฏิบัติการภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 1 ก.ย.นี้
ด้าน พ.ต.ท.อาคม จันทนลาช รอง ผกก.สน.ปทุมวัน หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานและผู้เสียหายเพิ่มเติม หลังจากที่ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมไปถึง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 ยังต้องสอบปากคำจากนักข่าวและประชาชนผู้อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติมเพื่อให้มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ หลักฐานสำคัญที่เป็นภาพถ่ายกำลังขอความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบว่ามีใครเป็นผู้เสียหาย พยาน รวมไปถึงผู้ที่ต้องถูกดำเนินคดีบ้าง ในเบื้องต้นพบว่า มีผู้ที่ร่วมกันส่งเสียงเอะอะโวยวายกว่า 10 คน ซึ่งมีความผิดฐานส่งเสียงอื้ออึงในที่สาธารณะ ซึ่งจะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้
พ.ต.ท.อาคม กล่าวว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้รับใบแพทย์ ถึงอาการของผู้ที่ถูกทำร้าย ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ซึ่งระบุว่า ผู้เสียหายที่เข้ารับการรักษาได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะรอดูอาการคนเจ็บว่าต้องรักษาตัวเกิน 20 วันหรือไม่ อย่างไรก็ตามยังต้องรอใบแพทย์ของผู้เสียหายอีกส่วนหนึ่งที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น พ.ต.ท.อาคม กล่าวว่า ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ กรณีที่ปล่อยให้มีการทำร้ายกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่เข้าไปห้ามปราม รวมถึงต้องดูว่ามีใครบ้างที่เข้าข่ายว่ามีความผิดดังกล่าว ส่วนกรณี พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ที่มีภาพปรากฏในสื่อมวลชนว่า เป็นผู้สั่งล็อกตัวประชาชนนั้น ขณะนี้ได้มีผู้เสียหาย มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการชี้ตัว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการสอบสวนมีความคืบหน้าพอสมควร แต่ยอมรับว่าขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลา ซึ่งตำรวจต้องทำงานอย่างรอบคอบ และตรงไปตรงมา