xs
xsm
sm
md
lg

จับโกหก ฝีปากสร้างภาพ “พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นับตั้งแต่กระแสขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขยายวงออกไปทั่วประเทศเมื่อปี 2548 เป็นต้นมา พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มักจะแสดงบทบาทนักวิเคราะห์ทางการเมืองที่ทำทีทำท่าเป็นบินสูงและเป็นกลางอยู่เสมอ แต่แท้ที่จริงแล้วคือยืนข้างผู้นำ ดังคำพูดที่ถูกจับโกหกได้ต่อไปนี้

24 พ.ย. 48 คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าคดีไม่มีมูล หรือรูปคดีไม่พอฟ้อง ศาลจึงไม่ออกหมายเรียก หรือหมายจับ ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถอุทธรณ์คำสั่งศาลได้ ซึ่งตนคงไม่สามารถตอบแทนพนักงานสอบสวนได้ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งอย่างนี้ตำรวจต้องถอยเพราะทราบว่าศาลได้ประชุมองค์คณะ แล้วและเห็นว่าคดีไม่มีมูลเลย”

25 พ.ย. 48 คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เรื่องดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของ ผบช.ภ.4 ที่สั่งให้ดำเนินการและไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง …หากสุดท้ายแล้ว การรวบรวมพยานหลักฐานไม่พบความผิด ก็ไม่มีการดำเนินคดี แต่หากมีหลักฐานเพียงพอ ก็จะต้องผ่านการสอบสวนในรูปของคณะกรรมการตามปกติ ดังนั้น ขอให้นายสนธิไม่ต้องห่วงว่าตำรวจจะกลั่นแกล้ง” พร้อมกับยืนยันว่า “ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่มีเจตตาดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง”


5 ธ.ค. 48

“ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ให้กับประชาชนที่เดินทางมาร่วมชมรายการ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา และตำรวจก็จะไม่มีการสกัดกั้น เนื่องจากถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะเดินทางมาชม”

18 ม.ค. 49

ถ้าขออนุมัติออกหมายจับไปแล้ว ไม่ได้อนุมัติ ตำรวจก็จะเกิดความเสียหาย ดังนั้นขณะนี้การสอบสวนจึงดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง มีการนำเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งนำภาพถ่ายจากสื่อต่างๆ มาประกอบการสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งหากหลักฐานพาดพิงไปถึงใครก็ต้องดำเนินการตามนั้น”

22 ก.พ. 49 ระเบิดสันติอโศก

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่พบหลักฐานสายไฟ ไม่มีเชื้อปะทุโลหะ ไม่มีแบตเตอรี่หรือชิ้นส่วนโทรศัพท์ คาดว่าเป็นระเบิดที่ประกอบขึ้นเอง และคนร้ายไม่น่าจะประสงค์ให้เกิดความเสียหายถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต และลักษณะใกล้เคียงกับเหตุระเบิดหน้ากระทรวงมหาดไทยและห้างสรรพสินค้าโตคิว แต่แตกต่างจากระเบิดที่สวนลุมพินี เนื่องจากมีชิ้นส่วนนาฬิกา ส่วนระเบิดที่กระทรวงยุติธรรมมีแอมโมเนียไนเตรต และใช้ระเบิดแสวงเครื่องมี สายไฟฟ้าครบถ้วน สำหรับระเบิดหน้าสำนักงาน ผู้จัดการ เป็นระเบิดแรงงานต่ำ แต่การจุดระเบิดจากนาฬิกาและแบตเตอรี่ประกอบกัน แต่สังเกตเห็นว่าจุดใดที่มีข่าวและมีความขัดแย้งกับรัฐบาล ตรงจุดนั้นมักจะเกิดสาเหตุการวางระเบิดแรงดันต่ำ เกือบทั้งหมด และเป็นไปได้ว่าเกิดจากการยั่วยุ หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง”


28 ก.พ. 49

“การชุมนุมใดเมื่อมีจำนวนผู้ชุมนุมลดน้อยลง ย่อมเป็นสิ่งบอกเหตุว่าการตอบรับของประชาชนเป็นอย่างไร แต่ตำรวจก็ไม่ประมาท หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม ได้เตรียมความพร้อมในการรับสถานการณ์ทุกกรณีอยู่แล้ว...”

6 มี.ค. 49 ตำรวจไม่ไหวแล้ว (ชุมนุมที่สนามหลวง)

“ตำรวจไม่ไหวแล้วครับ ...ตำรวจหรือ ผบ.ตร.จำนวนกว่าเกือบหมื่นชีวิตต้องอดหลับอดนอนวันแล้ววันเล่า ตั้งแต่เริ่มมีขบวนการต่อสู้ทางการเมืองทั้งหมด ...ตำรวจลำบากเหลือทน การเป็นมนุษย์ก็ต้องอยากพักผ่อนเช่นเดียวกัน แต่ถ้าการชุมนุมต่อสู้ทางการเมืองยังไม่ยุติ เป็นไปอย่างนี้ ตำรวจทั้งหมดจะไม่มีโอกาสพัก แล้วคนที่ไม่พัก ออกซิเจนในสมองจะน้อย จะขาดสติได้ง่าย ...ตำรวจเป็นคนกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตำรวจเป็นหมาเฝ้าบ้าน แต่ไม่ใช่สุนัขรับใช้ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หมาเฝ้าบ้านนั้น เฝ้าบ้านให้ประชาชน”

7 มี.ค. 49

“ตั้งแต่ออกมาแสดงความรู้สึกของตำรวจ ในเว็บไซต์ก็มีการด่าว่าเหมือนตำรวจไม่ใช่มนุษย์ ผมรับไม่ได้ บ้านเมืองเราประชาชนคนไทยขาดเมตตา อารมณ์ขัน บางกลุ่มบางพวกคิดแต่เอาชนะ ถึงเวลาแล้วอยากให้คนส่วนใหญ่ที่เงียบเฝ้าดูจนเกิดความเหนื่อยหน่ายได้แสดงพลังบ้างด้วยสันติวิธี โดยช่วยกันประชาสัมพันธ์ข้อความ ถ้ารักพ่ออย่าทะเลาะกัน สนับสนุนให้ทุกฝ่ายเจรจาด้วยสันติวิธี กรุณาเปิดไฟหน้ารถทั้งเมืองทั้งประเทศ ส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายมาตั้งโต๊ะเจรจากัน ผมขอยืนไม่ได้เป็นเครื่องมือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ แค่เพียงยก ห.หีบออกแล้วนำ ญ.หญิง ใส่ตัวเดียว ก็เป็นปัญญา อย่าให้ทางออกเป็นปัญหา ปีนี้เป็นปีมหามงคลคนไทยต้องร่วมใจช่วยกันรักษาบ้านเมือง”

9 มี.ค. 49

“อยากขอร้องให้กลุ่มพันธมิตรลดการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและกระตุ้นให้เกิดความแตกแยก เพื่อป้องกันเหตุการณ์บานปลาย”

12 มี.ค. 49

“ผู้ชุมนุมต้านใช้ถ้อยคำรุนแรง และหยาบคาย ตำหนิประชาชนที่มีการศึกษาน้อย เกรงว่าจะเป็นชนวนยั่วยุให้เกิดการปะทะกันขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดหลักสันติวิธี ถ้ามีเหตุรุนแรงขึ้น ทุกฝ่ายที่มีส่วนทำให้ประเทศเกิดความแตกแยกต้องร่วมกันรับผิดชอบ ทั้งนี้ผมเห็นว่าทั้งผู้ชุมนุมต้านและผู้ชุมนุมหนุนนายกฯ ล้วนมาจากการจัดตั้ง มีส่วนน้อยเท่านั้นที่มาชุมนุมด้วยความสมัครใจ”


22 มี.ค. 49

“ตำรวจรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ และตำรวจก็ทำงานหนักโดยเฉพาะการดูแลด้านอาหารการกินให้ตำรวจทั้งหมด เป็นภาระที่หนักมาก …ผบ.ตร. มีนโยบายจ่ายเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมเพิ่มจากเบี้ยเลี้ยงปกติตามสิทธิที่จะได้รับ โดยค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 3-7 แสนบาท”

27 มี.ค. 49 พันธมิตรฯ เรียกร้องให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ

“ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ ซึ่งหลังจากรับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ได้ลงนาม พร้อมมีหนังสือส่งเรื่องไปที่เลขาธิการ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการตามที่กลุ่มพันธมิตรกล่าวโทษ”

28 มี.ค. 49 พันธมิตรชุมนุมหน้าห้างสยามพารากอน

“หากผู้ใดคิดว่าตัวเองได้รับผลกระทบจากการชุมนุมบริเวณดังกล่าว ก็สามารถไปแจ้งความได้ที่ สน.ปทุมวัน โดยเราจะเตรียมพนักงานสอบสวนเอาไว้คอยรองรับ”

2 พ.ค. 49

“การดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ได้ล่าช้าตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต อย่างไรก็ตามตนไม่อยากให้ทุกฝ่ายดึงเบื้องสูงลงมา อีกทั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคดีฟ้องร้องกันที่ศาลแล้วกว่า 10 คดี และเชื่อว่าจะมีมากกว่า 100 คดี จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องไปฟ้องร้องต่อศาลเอง เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระตำรวจ ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะยื่นฟ้องตำรวจในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ปกติตำรวจก็ถูกฟ้องเป็นประจำอยู่แล้ว จึงอยากให้ฟ้องได้เลย”


21 ส.ค. 49

“ผมขอฟ้องประชาชนว่าทั้งฝ่ายพันธมิตรฯ และฝ่ายรัฐบาลเขารู้จักกันมาก่อน แต่เนื่องจากความขัดแย้งทางธุรกิจและผลประโยชน์ ซึ่งข้อมูลนี้มีอยู่จริง ...ค้านและฝ่ายรัฐบาลนั้นเคยร่วมงานกันมาก่อน มีใครบ้างไม่เคยร่วมงานกับรัฐบาล เพราะผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ อีกทั้งพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน พรรคประชาราช บุคคลในพรรคต้องเคยมีคนได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมาก่อนทั้งนั้น เมื่ออยู่ฝ่ายเดียวกันก็ดีต่อกันหรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าเคยจูบปากกัน”

23 ส.ค. 49

“ไม่ว่ามีหลักฐานจากภาพถ่ายวีซีดี ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเทปบันทึกเสียงที่อัดเสียงการสั่งการไว้ พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีทั้งหมด เราจะปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งตำรวจทำผิด หากไม่ดำเนินการ ก็เปรียบเหมือนเป็นโจรลงเหวเสียเอง ...ขอความร่วมมือไปยังสื่อมวลชนขอภาพถ่ายมาประมวลดูภาพเหตุการณ์ขณะที่มีชายวัยรุ่นและชายพิการถือไม้เท้ามาตะโกนไล่ กลุ่มต่อต้านซึ่งจะตั้งคณะกรรมการพิจารณามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับทั้งสองฝ่าย คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการรวบรวมสำนวนประมาณ 1 เดือน เนื่องจากต้องรอผลตรวจจากแพทย์ประมาณ 20 วัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น