คนไทยในแอลเอ แฉตัวตนที่แท้ “ชะบา-ลิ่วล้อแม้ว” หลอกแต่งสามีเพื่อเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ที่คนไทยในสหรัฐฯ ตั้งขึ้นเพื่อพิมพ์เอกสารต่อต้านเผด็จการ แต่กลับถูกแปรเจตนาเอาไปรับใช้ทรราช แฉพฤติกรรมสุดแสบ รับพนันบอล แทงหวยเถื่อน เข้าข่ายทำผิดกฎหมายสหรัฐฯ ส่อถูกยกเลิกกรีนการ์ด ยังสะเออะจะมาห้าม “สนธิ-พันธมิตรฯ” ไปอเมริกา
ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 12 ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา “กำนันจุ๊น” หรือ “จอน แอลเอ” คนไทยจากจังหวัดภูเก็ต ที่ไปตั้งรกรากในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นเวที ในช่วง “สถานีข่าว” เพื่อเปิดโปงเบื้องหลังนางชะบา จตุระบุล แกนนำกลุ่มคนไทยรักประเทศไทยในอเมริกา ที่มีบทบาทในการปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไม่ลืมหูลืมตา และล่าสุดได้เคลื่อนไหวจะไม่ให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางไปปราศรัยที่สหรัฐอเมริกา รวมทั้งได้ออกใบปลิวโจมตีนายสนธิและพันธมิตร โดยใช้โรงพิมพ์ Budget Printing ของตัวเอง ทำการจัดพิมพ์แจกจ่ายตามร้านอาหารไทยในแอลเอ กว่า 5,000 ชุด
กำนันจุ๊น ได้กล่าวถึงความเป็นมาของร้าน Budget Printing ว่า ความจริงแล้วเป็นร้านที่พวกตนและเพื่อนๆ ร่วมกันก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัย 14 ตุลา เพราะขณะนั้นต้องทำเอกสารออกแจกจ่ายคนไทยในสหรัฐฯ เพื่อร่วมกันต่อต้านเผด็จการ และเพื่อเป็นการลดต้นทุนจึงร่วมกันลงขันตั้งโรงพิมพ์เล็กๆ ขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดพิมพ์เอกสารให้การศึกษาคนไทยในอเมริกา ให้ข่าวสารแก่คนไทย ส่วนใหญ่ออกเอกสารต่อต้านเผด็จการ
“ผมอยู่แอลเอมา 37 ปีแล้ว ผ่านเหตุการณ์ต่อต้านเผด็จการมาแล้ว 3 ครั้ง พวกผมได้สร้าง Budget Printing ก็หาคนมาดูแล ก็คือคุณประสงค์ จตุระบุล หรือยิ้ม ซึ่งเป็นเพื่อนผมเอง หลังจากนั้นก็มีปัญหาเยอะแยะก็ยกให้ 2-3 คนไปทำเลย สุดท้ายก็ให้คุณประสงค์ไปทำ แต่จุดประสงค์ต้องให้ความรู้คนไทย คุณยิ้มทำแล้ว เราก็ถอนตัว ก็เลยไม่มีคนช่วย”
กำนันจุ๊น กล่าวต่อว่า เมื่อนางชะบาไปอเมริกาใหม่ๆ ก็ไปสมัครงานที่ร้าน Budget Printing ซึ่งเข้าใจว่านางชะบาไม่ได้ไปเรียนหนังสือ แต่เป็นโรบินฮู้ด หรือไปเพื่อหางานทำ เมื่อนางชะบาได้ทำงานที่ร้านแต่วีซ่าหมดอายุ ขณะที่นายประสงค์ก็อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ นางชะบาก็เลยต้องหาทางแต่งงานกับนายประสงค์เพื่อให้ได้สิทธิในการอยู่ในอเมริกา
“เท่าที่ทราบ พี่น้องของคุณยิ้มต่างพากันคัดค้านไม่มีใครยอม แต่ไม่รู้ว่าคงเป็นเพราะทำงานด้วยกันทุกวัน คุณยิ้มไปรับไปส่งทุกวันก็เลยได้แต่งงานกัน” กำนันจุ๊น แอลเอ กล่าว
กำนันจุ๊น กล่าวต่อว่า ที่ตนต้องมาพูดถึงนางชะบาวันนี้ก็เพราะนางชะบาเอาร้าน Budget Printing ไปเป็นฐานรับใช้ทรราช คนที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง และยังมาต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตนจึงต้องออกมาพูด และยืนยันว่ามีเพื่อนอีกหลายคนที่พร้อมจะออกมาแฉเบื้องหลังของนางชะบา
“เพื่อนๆ หลายคนบอกผมว่าเราจะทวงคืนโรงพิมพ์กันมั้ย ผมก็บอกว่าตอนนี้แค่อยากให้ยิ้มกลับใจ ชะบาจะกลับไม่กลับผมไม่สน แต่เพื่อนๆ ทุกคนมองยิ้มอยู่ อยากให้ยิ้มคิดเสียใหม่ เพราะไม่งั้นจะไปหาเพื่อนๆ ได้ยังไง เพื่อนๆ ที่ลงทุนให้ยูทำ”
กำนันจุ๊น กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนยังสงสัยอยู่ว่านางชะบาอยู่ในสหรัฐฯ ในฐานะอะไร เป็นโรบินฮู้ดได้กรีนการ์ด หรือโอนสัญชาติเป็นอเมริกัน แต่คาดว่าน่าจะได้กรีนการ์ด และเท่าที่ทราบนางชะบานอกจากจะเป็นเจ้าของร้านรับพิมพ์งานแล้วยังรับแทงพนันฟุตบอล และรับหวยเถื่อนด้วย
“ที่จะไม่ให้คุณสนธิเข้าอเมริกาน่ะ มีสิทธิอะไรจะมาห้าม แล้วตัวเองจะเอาตัวรอดหรือเปล่า เพราะคนที่ถือกรีนการ์ด ถ้าทำผิดกฎหมายสหรัฐฯ ก็จะถูกยกเลิก ตอนนี้ชะบารับหวยก็ถือว่าทำผิดกฎหมายสหรัฐฯ แล้ว”
ส่วนกรณีที่นางชะบาจะรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นหนังสือกดดันสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ให้นายสนธิและพันธมิตรฯ เข้าอเมริกานั้น กำนันจุ๊น กล่าวว่า ถ้านางชะบายื่นจริง ตนอยากแนะนำให้นายสนธิฟ้องนางชะบา เพราะสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับสิทธิส่วนบุคคลมาก การจะห้ามไม่ให้ใครเดินทางเข้าไปโดยไม่มีเหตุมีผลถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ
“ที่เขาบอกว่าคนไทย 80 เปอร์เซ็นต์ที่นั่น เชียร์ทักษิณนั้น ผมอยากจะถามว่าคนไทยในแอลเอมีเป็นแสน เขาจะเอาคนที่ไหนมา 8 หมื่น แต่ทุกครั้งที่มีการชุมนุมต้านเผด็จการ เราเรียกคนได้เป็นพัน นี่ถ้าเขาจะประท้วงคุณสนธิ ผมจะรอดูว่าจะได้ถึง 30 คนหรือเปล่า” กำนันจุ๊นกล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวจากพันธมิตรฯ ในแอลเอ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในการจัดพิมพ์ใบปลิวโจมตีพันธมิตร ซึ่งออกมาแล้ว 5 ครั้ง นางชะบาได้เงินทุนมาจากที่ใด โดยครั้งล่าสุดนางชะบาได้พิมพ์ใบปลิวชุดละ 16 หน้า จำนวน 5,000 ชุด ออกวางตามร้านอาหารในย่านไทยทาวน์ของแอลเอ ซึ่งต้นทุนการพิมพ์ 16 หน้า หน้าละ 4 เซ็นต์ จะตก 64 เซ็นต์ต่อชุด ถ้าพิมพ์ 5 พันชุด ก็ 3,200 เหรียญ และคาดว่าจะพิมพ์เพิ่มแน่นอน และอาจจะถึง 10,000 ชุด เมื่อรวม 4 ครั้งก่อนหน้านี้ คำนวณคร่าวๆ ต้องหมดเงินไปกว่า 1 หมื่นเหรียญ และไม่น่าเชื่อว่านางชะบาจะใช้เงินของตัวเอง เพราะค่อนข้างตระหนี่ และไม่ได้มีฐานะอะไร
