xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” แฉงาบรถเอ็นจีวี 1.6 หมื่นล้าน – เชื่อ “กุหลาบแก้ว” ทำ “ระบอบแม้ว” พังทั้งยวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล
“สนธิ” เปิดประเด็นกลโกงรัฐบาลล่าสุด รถเมล์เอ็นจีวี ขสมก.2 พันคัน มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท ที่ต้องผ่อนจ่ายผ่าน ปตท.ไปให้บริษัทจากจีน ระบุเม็ดเงินคอร์รัปชันสูงถึง 1.6 หมื่นล้าน พร้อมเผยปมเร่งเลือกตั้ง 15 ต.ค. หวังฟอกตัวก่อน “สึนามิทางคดี” รุมถล่ม เชื่อมั่นความสุจริตอธิบดีกรมพัฒนาการค้า เอาผิด “กุหลาบแก้ว” ทิ่มระบอบทักษิณพังทั้งยวง

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 12 โดย สนธิ ลิ้มทองกุล

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 12 ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงวันที่ 18 ส.ค.ว่า กรณี ครม.มีมติเมื่อวันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2549 ที่อนุมัติในหลักการให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จัดซื้อรถเมล์ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 2,000 คัน มูลค่า 24,000 ล้านบาทนั้น เป็นโครงการคอร์รัปชันครั้งล่าสุดของรัฐบาลก่อที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งการมีมติดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลชุดนี้ ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว คือ 1.ได้สร้างภาพว่าส่งเสริมการประหยัดพลังงาน เพราะก๊าซเอ็นจีวีประหยัดกว่าน้ำมันหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ 2.ปตท.ได้กำไรจากการขายก๊าซ และ 3.ได้คอร์รัปชันหาเงินก่อนการเลือกตั้ง

นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อมีการประกาศจะซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 2,000 คัน ดังกล่าว บริษัทจากเกาหลี ญี่ปุ่นให้ความสนใจ แต่ก็ต้องรีบถอนตัวเพราะมีการเรียกค่าคอมมิชชันถึง 30 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นจึงไปติดต่อบริษัทจากจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการคอร์รัปชัน เป็นบริษัทจากเซี่ยงไฮ้ และพร้อมจ่าย 30 เปอร์เซ็นต์

ขบวนการคอร์รัปชันโครงการนี้เริ่มขึ้นด้วยการลดภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นก็เขียนเงื่อนไขทีโออาร์เพื่อเปิดประมูล ขณะที่ ขสมก.ก็บอกยังไม่มีงบประมาณ ทางจีนจึงตกลงให้ฟรีมาก่อนจำนวน 2,000 คัน แต่ต้องให้ ปตท.เอาเงินที่ ขสมก.จะจ่ายเป็นค่าก๊าซเอ็นจีวีสำหรับใช้ในรถเมล์จำนวนนี้ไปจ่ายคืนให้บริษัทจีนทีหลัง โดยให้บวกเข้าไปกับค่าก๊าซเอ็นจีวีอีก 12 บาท เพราะฉะนั้น จากราคาก๊าซเอ็นจีวีปกติลิตรละ 8.50 บาท ขสมก.จะต้องจ่ายลิตรละ 20.50 บาท เพื่อเอาเงินส่วนต่างลิตรละ 12 บาท ส่งไปให้บริษัทจีนเพื่อเป็นค่ารถเมล์ เป็นเวลา 15 ปี

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตามโครงการนี้เมื่อคิดคำนวณแล้ว ราคารถเมล์เอ็นจีวีที่ ขสมก.จะต้องจ่ายให้กับบริษัทจากจีนจะตกคันละ 12 ล้านบาท ทั้งที่ รถขนาดนี้ราคาไม่น่าจะเกินคันละ 4 ล้านบาท เพราะฉะนั้นจะมีเม็ดเงินที่ทุจริตคันละ 8 ล้านบาท รวมเม็ดเงินคอร์รัปชันในโครงการนี้ถึง 16,000 ล้านบาท

ส่วนรถเมล์เก่าที่ใช้น้ำมัน 600 คันก็จะเอาไปให้เทศบาลนครเชียงใหม่ อีก 3,000 คัน เอาไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศใช้ โดยคนที่เป็นต้นคิดโครงการนี้ ก็คือ “เจ๊แห่งบ้านทรายทอง” ที่ทำมาหารับประทานไม่หยุดหย่อนทั้งที่สามีตัวเองจะไปอยู่แล้ว

**แบ่งเกาะกูดให้เขมร

นายสนธิ ได้กล่าวถึงการแบ่งเขตทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปเจรจากับผู้นำประเทศนี้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสนธิ กล่าวว่า การแบ่งเขตดังกล่าว ทำให้หลายเกาะในทะเลตัวนออกถูกต่างชาติยึดไปแล้ว เพราะรัฐบาลเปิดให้เช่า มีการไล่ทหารเรือที่เคยอยู่ในบริเวณนั้นออกมา

และที่สำคัญ เส้นแบ่งเขตดังกล่าวได้แบ่งเกาะกูดออก แล้วครึ่งหนี่งก็ยกให้กัมพูชาไป “ถ้าไม่เรียกว่าขายชาติขายแผ่นดินก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว” นายสนธิ กล่าว

**“ป๋าเปรม” ห่วงใต้ – “แม้ว” ห่วงตัวเอง

นายสนธิ ยังได้กล่าวถึงการเดินทางลงไปตรวจเยี่ยมภาคใต้ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ว่า เป็นวันเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปทัวร์พเนจรภาคเหนือ แต่ต่างกันที่ พล.อ.เปรม ไปภาคใต้เพื่อแก้ปัญหา มีการประชุมร่วมกับผู้นำศาสนา นักวิชาการ ข้าราชการในท้องถิ่นอย่างจริงจัง เว้นแต่ไม่ประชุมกับตำรวจเท่านั้น เพราะเขาไม่ยอมรับ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปภาคเหนือ เพื่อที่จะให้คนมาถือป้ายต้อนรับแล้วจะได้ฟังเสียงตะโกน “ทักษิณสู้ๆ”

นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างอย่างตรงกันข้ามระหว่าง พล.อ.เปรม ที่เดินทางไปภาคใต้โดยมีเจ้าหน้าที่ติดตามไม่กี่คน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นพัน และส่งหน่วยล่วงหน้าเคลียร์พื้นที่

นายสนธิ ยังได้อ้างถึงคำพูดของ พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 ที่มาบรรยายที่วิทยาลัยกองทัพอากาศ ซึ่งบอกว่าปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้นเพราะว่ารัฐบาลไม่ส่งคนเข้าไปดูแลอย่างแท้จริง แต่ส่งไปเพื่อไปหาผลประโยชน์ ทำให้ชาวบ้านคนในพื้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้รับการดูแล โดยเฉพาะ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม ลงไปแทรกแซงการทำงาน ทำให้งานบางอย่างที่คิดว่าง่ายกลับยากขึ้น โดยเฉพาะการลงไปสั่งงานบางเรื่องที่มีงบประมาณ ผลประโยชน์ ทำให้การทำงานไม่เป็นเอกภาพเท่าที่ควร

นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไปภาคใต้ครั้งล่าสุด เมื่อ 9 เดือนที่แล้ว คือวันที่ 23 ธันวาคม 2548 และไปแค่หาดใหญ่ไม่กล้าไป 3 จังหวัดชายแดน เพราะกลัว และไม่ใส่ใจ ทำเหมือนเมืองไทยมีแค่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ครูจูหลิงถูกทำร้ายอาการโคม่ามาหลายเดือนก็ยังไม่ได้ลงไปดู

นอกจากนี้ ยังแสดงความเคียดแค้นต่อคนภาคใต้ โครงการที่เคยรับปากไว้ก็ยกเลิกหมด อาทิ ถนนบายพาส หอดูดาวอิสลามเพื่อการท่องเที่ยว โรงพยาบาลปัตตานี ทั้งที่เคยรับปากไว้ ก็อ้างว่าไม่มีงบประมาณ “ทักษิณ ไม่ใช่แค่ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯ เขาไม่มีความชอบธรรมที่จะมีชีวิตอยู่เป็นคนไทยด้วยซ้ำ” นายสนธิ กล่าว

**ปมปริศนาเร่งเลือกตั้ง 15 ต.ค.

กรณีที่พรรคไทยรักไทยเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2549 นายสนธิ อธิบายว่า เป็นเพราะหลังจากวันที่ 15 แล้วจะมี “สึนามิทางคดี” เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มากมาย

นายสนธิ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สู้อยู่ทุกวันนี้เพื่อที่จะให้ได้เงินจากการขายชินคอร์ป ครบ 73,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่ขณะนี้ยังได้ไม่ครบ เพราะมีข้อตกลงลับๆ กับเทมาเส็กของสิงคโปร์ว่าจะต้องไม่เกิดปัญหากับบริษัทในเครือชินคอร์ปทั้งหมดที่ซื้อไป ไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ดาวเทียมชินแซท ไอทีวี และแอร์เอเชีย

นายสนธิ อธิบายว่า ในการซื้อขายธุรกิจนั้น แม้แต่ 10 -20 ล้านก็ยังต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนซื้อ เพราะฉะนั้น ธุรกิจชินคอร์ปมูลค่า 7 หมื่นกว่าล้านจะต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างน้อยปีกว่า จึงจะตกลงซื้อได้ แต่กรณีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเงินเร็วเพื่อเอาไปลงทุนในธุรกิจพลังงาน จึงให้สิงคโปร์ซื้อไปก่อนแล้วมีข้อตกลงว่าจะรับประกันให้ ส่วนเงินก็ไม่ต้องจ่ายหมด โดยแบ่งครึ่งหนึ่งใส่ไว้ในกองทุนที่เรียกว่า Escrow รอจนกว่าจะตรวจสอบธุรกิจที่ซื้อไปแล้วเสร็จและไม่มีปัญหาแน่นอนแล้ว จึงจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือออกมา ซึ่งระยะเวลาอย่างเร็วที่สุดคือ 18 เดือน เท่ากับว่ากลางปีหน้า

แต่ปัญหามันเกิดขึ้น เพราะตอนขาย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่คิดว่า กฟผ.จะไม่ได้เข้าตลาด ไม่คิดว่าจะมีพันธมิตรฯ ออกมาขับไล่ ไม่คิดว่าจะต้องยุบสภา ไม่คิดว่าปฏิกิริยาต่อการขายหุ้น 7 หมื่นล้านไม่เสียภาษีจะแรงขนาดนี้

“และที่สำคัญ จริงๆ แล้วเขาพังเพราะความงก ความโลภของเขา ถ้าเขาเสียภาษีจากการขายหุ้นแล้วพวกเราจะพูดลำบาก จะมีคนไม่เห็นด้วย ออกมาด่าเรา หาว่าสร้างความวุ่นวาย แต่เพราะความงก ภาษีบาทหนึ่งก็จะไม่เสีย ทำให้ไฟมันลุกขึ้นมา” นายสนธิ กล่าว

**“กุหลาบแก้ว” ทำทักษิณพังทั้งยวง

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในการเข้ามาซื้อหุ้นชินฯ ของเทมาเส็ก ก็อยากจะซื้อจำนวนมากๆ ให้สำเร็จเลย แต่เมื่อมีข้อกำหนดเรื่องสัดส่วนหุ้นต่างชาติ จึงต้องตั้งบริษัทที่เป็นของคนไทยเข้ามาซื้อ เป็นที่ของการตั้งนอมินี เป็นนายหน้าให้สิงคโปร์ เพื่อทำให้การซื้อหุ้นชินฯ และบริษัทในเครือถูกกฎหมาย

แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ยื่นให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบบริษัท กุหลาบแก้ว ที่เป็นนอมินีมาซื้อหุ้นชินว่าที่จริงแล้วเป็นบริษัทคนไทยหรือไม่ ก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ บังเอิญว่า อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า น.ส.อรจิต สิงคาลวณิช เป็นคนซื่อตรง สมถะ ไม่มีครอบครัว จึงคำนึงถึงแต่ชื่อเสียงตัวเองและวงศ์ตระกูล จึงเซ็นว่าผิด และกำลังจะส่งผลตรวจสอบไป แต่ก็มีคนมาคว้าคำสั้งนั้นไปตรวจสอบใหม่ แต่เชื่อว่า ถึงอย่างไรคนที่เป็นอธิบดีต้องเซ็นว่าผิดอยู่ดี

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการ รมว.พาณิชย์ จึงชิ่งหนีจากเรื่องนี้ ให้นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รักษาการ รมช.พาณิชย์ มาดูแลแทน พยายามเข้ากำกับดูแลให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าบอกว่าไม่ผิด เพราะถ้าผิด คนทำต้องติดคุก สัมปทานในเครือชินคอร์ปต้องส่งคืนให้รัฐ แอร์เอเชียต้องถูกยุบ ไอทีวีต้องคืนสัมปทาน หมายเลขเอไอเอสต้องส่งคืน กทช.

“ตรงนี้คือหมัดพิฆาต มันพิฆาตตรงไหน มันพิฆาตว่าเมื่อผิดขึ้นมาแล้ว ข้อแรกเนี่ย คนขายติดคุก แน่นอนที่สุด ข้อที่สอง สัมปทานถูกยึดคืนหมด สัมปทานถูกยึดคืนหมด ไอทีวีถือว่าผิด ถือว่าต่างชาติมาเป็นเจ้าของ ต้องยึดคืนเลย คืนเข้ารัฐ แอร์เอเชียต้องยกเลิกการบินที่ใช้สิทธิการบินประเทศไทย ต้องยุบแอร์เอเชีย เอไอเอสต้องคืนหมายเลขให้กับ กทช.ไป นี่คือการล้มทั้งยืน พ่อแม่พี่น้อง เข้าใจหรือยัง

“กุหลาบแก้วเนี่ยมันแสบ นี่เรื่องจริง นี่เรื่องจริงเลย เขาถึงบอกว่ากรรมมันติดจรวด มันติดตรงนี้ ไม่เคยมีใครคิดว่ากุหลาบแก้วจะทำให้นายทักษิณพังทั้งยวง แล้วก็พังได้จริงๆ เพราะว่าเถียงไม่ได้ ขึ้นศาลเมื่อไรก็แพ้เมื่อนั้น ไม่มีทางชนะเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายระบุแล้วว่าต้องเป็นบริษัทคนไทย ไม่ใช่บริษัทต่างชาติ เมื่อนำสืบได้ว่าเป็นตัวแทนต่างชาติก็ต้องถือว่าเป็นบริษัทต่างชาติ เห็นหรือยัง” นายสนธิ กล่าวย้ำ

**อีกหลายคดีรอคิวเชือด

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นอกจากกรณีกุหลาบแก้วที่จะให้ทักษิณต้องพังทั้งระบอบแล้ว ยังมีคดียุบพรรค ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะตัดสิน ซึ่งเมื่อพรรคถูกยุบจะทำให้คนที่อยู่พรรคไทยรักไทย กลายเป็นเหมือนควายที่ไม่มีคอกไปทันที

“เมื่อการเลือกตั้งต้องเลื่อนจาก 15 ตุลาฯ ไป อย่างที่ผมบอก ผมเชื่อว่าดวงพรรคไทยรักไทยที่เขาตั้งมาเนี่ยเป็นดวงกาลกิณี และต้องถูกยุบพรรคแน่นอน ถ้าภายในเดือนกันยายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะยังไงก็ตาม จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม เกิดพิพากษามาบอกว่าไทยรักไทยต้องยุบพรรค ก็หมายความว่าบรรดาลิ่วล้อ ควายทั้งหลายจำนวนหลายร้อยคนในไทยรักไทย ไม่มีพรรค ไม่มีคอกที่จะเข้าไป ไม่มีคอกที่จะเข้า ต้องกลายเป็นคนตกงาน เล่นการเมืองไม่ได้อีกต่อไป” นายสนธิ กล่าว

ต่อมายังมีคดีที่ศาลปกครอง กำลังพิจารณาเรื่องสถานภาพความเป็นนายกฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากประกาศเว้นวรรคเมื่อวันที่ 4 เม.ย. และประกาศลาพักจนกว่าจะมีคณะรับมนตรีชุดใหม่ ซึ่งถ้าศาลปกครองมีคำวินิจฉัยออกมา รัฐบาลชุดนี้จะหมดสภาพทันที

อีกคดี เป็นกรณีที่นายมอนซัน นักธุรกิจชาวอเมริกันฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาให้การเท็จ ซึ่งศาลจะนัดอ่านคำวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับฟ้องในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าจะรับ แต่คดีนี้ เป็นคดีที่ยอมความได้ นายมอนซันอาจจะถอนฟ้องได้ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณเอาเงินไปให้นายมอนซัน ล่าสุดนายมอนซันออกมาพูดแล้วว่าถ้าจะให้เขาถอน ก็ต้องเอาไปให้ 1 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่คนที่งกอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณจะกล้าให้เงินมากขนาดนั้น และที่สำคัญนายมอนซันบอกว่า เขามีเมียเป็นคนไทย มีลูกแล้ว 2 คน เขาจะไม่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียหายอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะตอนนี้ยังถือว่า พ.ร.ฎ.เลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ยังมีผลอยู่ พ.ร.ฎ.ใหม่ที่ให้เลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม เป็นการแก้ไขจาก พ.ร.ฎ.เดิม เพราะฉะนั้น ถ้าเมื่อใดที่ได้ กกต.ใหม่ทั้ง 5 คน ก็สามรถที่จะยื่นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณไปหาเสียงโดยสัญญาว่าจะให้ และแจกของที่สนามหลวง ให้กกต.ชุดใหม่วินิจฉัยได้ทันที ถ้ามีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณก็จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองทันที

นายสนธิ ย้ำว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณหมดสภาพแล้วทั้งทางร่างกายและจิตใจ เขาจะต้องไปอย่างแน่นอน ไม่เกินสิ้นปีนี้ หรือเดือนตุลาคมนี้ ยิ่งลิ่วล้อออกมาบอกว่า ต้องให้พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่อ เพื่อเป็นนายกฯ ยิ่งแสดงว่า เขากลัวอย่างแรง

“พ.ต.ท.ทักษิณตอนนี้เหมือนคนที่ตกลงไปในเหวเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือแต่มือข้างหนึ่งที่คว้ากิ่งไม้เอาไว้ไม่ให้ตกลงไปก้นเหวเท่านั้น” นายสนธิ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทดลองขับรถเมล์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งบริษํทจากจีนส่งมอบมาให้ก่อนจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. - รถเมล์คันนี้ราคาตก 12 ล้านบาท ขณะที่ราคาจริงควรจะ 4 ล้านบาทเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น