“สนธิ” เชื่อวาระสุดท้าย “ทักษิณ” กำลังมาถึงแล้ว หลังจากเทียนแห่งปัญญาถูกจุดติดในบ้านเมืองแล้ว ทำให้ไม่มีใครกลัวอำนาจอธรรมอีกต่อไป ไปที่ไหนก็มีแต่ถูกขับไล่สาปแช่ง คนใกล้ตัวกระโดดหนี ล่าสุดเกิดอาการทางจิตระแวงหนักจนต้องมีกองกำลังเอาไว้คุ้มกันภัย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เมืองไทยรายสัปดาห์คอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 12 โดย สนธิ ลิ้มทองกุล
คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอคลิป รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ช่วงที่ 2(56k) | (256K)
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์คอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 12 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมรับฟังจนเต็มหอประชุมใหญ่
ก่อนเริ่มรายการ นายสนธิได้เล่าเหตุการณ์บนเครื่องบินของการบินไทยเที่ยวบินจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯเที่ยวบินทีจี 111 เลขที่นั่ง 11 เอ ที่มีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีเดินทางมาด้วย แล้วถูกนักธุรกิจคนหนึ่งที่นั่งมาด้วยในเที่ยวบินนั้นแสดงท่าทางรังเกียจ สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนคนในตระกูลก็จะมีแต่คนสาปแช่ง
นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่มาลงที่สนามบินเพื่อขนส่งอุปกรณ์ขนาดใหญ่จากเมืองไทยออกไปแล้ว ซึ่งแม้ว่าไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรแต่เชื่อว่าต้องเป็นสิ่งสำคัญของคนบางคนแน่นอน
ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ยังย้อนคำพูดในอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการสัญญาว่าจะทำพรรคไทยรักไทยให้เป็นสถาบัน ทำการเมืองให้โปร่งใส หรือยืนยันจะทำให้คนไทยหายจนภายใน 4 ปี
นอกจากนี้ นายสนธิยังชี้ให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมของป้ายเชลียร์ที่ระบุว่า “นายกฯ อย่าทิ้งประชาชน” เพราะบังเอิญว่าคำพูดนี้เคยเกิดขึ้นจากปากของพสกนิกรที่ขอร้องพระเจ้าอยู่หัวระหว่างที่เดินทางไปศึกษาต่างประเทศเมื่อหลายสิบปีก่อน
นายสนธิ ยังชี้ให้เห็นอาเพศของบ้านเมืองขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเชียงใหม่ โดยก่อนเดินทางไปถึงเพียงหนึ่งวันคือวันที่ 13 ส.ค.ได้เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมดินถล่มดอยสุเทพ ขณะเดียวกัน เมื่อเดินทางไปถึงสนามบินที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ก็ยังพบกับคนต่อต้านแทนที่จะมีแต่คนชูป้ายต้อนรับ ทำให้เกิดอารมณ์เสีย และเกิดความกลัว ไม่อาจสร้างภาพได้
ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ยังแฉอีกว่า เดิมวันที่ 15 ส.ค.มีกำหนดจะไปปางสวนแก้วซึ่งส่วนใหญ่มีคนชั้นกลางอยู่มาก กลัวถูกด่าจึงไม่กล้าไป แต่สาเหตุที่แท้จริงคือไม่กล้าสู้หน้าหอการค้าที่มาทวงสัญญาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยสัญญาเอาไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน เช่นสัญญาว่าจะสร้างศูนย์กระจายสินค้า โรงขยะ สร้างอุโมงค์ที่แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.บอกว่าจะปล่อยวางกับกลุ่มพันธมิตร หรือกับนายสนธิ แต่พอตกบ่ายก็ไฟเขียวให้กองกำลังป่าไม้ไปทำร้ายพันธมิตรฯ ที่จังหวัดตาก อย่างไรก็ตาม เดิมมีกำหนดจะไปอำเภอแม่สอด แต่ไม่กล้าไป เพราะก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียวแม่ทัพภาคที่ไปกำชับทหารพรานให้เตรียมรับมือกับกองกำลังนอกกฎหมาย ทำให้ไม่กล้าไป
“นายทักษิณประกาศว่าจะเช็กบิลฝ่ายต่อต้านหลังเลือกตั้ง คุณพูดอย่างนี้แน่ใจหรือว่าจะมีเลือกตั้ง” นายสนธิ กล่าว และว่าคำพูดเว้นวรรคของนายพินิจ จารุสมบัติ เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และที่อ้างถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่จะเว้นวรรคก็เป็นเรื่องจริง แต่ด้วยความที่ไม่กล้าจึงต้องให้ นายพินิจมาพูดแทน ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายคนที่กระโดดหนี
“เวลานี้ทักษิณไปที่ไหนก็มีแต่คนไล่ ตอนนี้เทียนจุดติดแล้ว ไม่มีใครกลัวคุณแล้ว จึงต้องใช้วิชามารใช้กองกำลังส่วนตัวป้องกัน และรังแกฝ่ายตรงกันข้าม” นายสนธิ ระบุ
/0110