“สัก กอแสงเรือง” แฉ นอมินีซื้อชินคอร์ป มีต่างด้าวร่วมอีกเพียบ โดยเฉพาะ “กุหลาบแก้ว” เจอหุ้นต่างชาติถึง 49% เป็นเหตุให้ต่างชาติถือหุ้นชินคอร์ปเกิน 49% ซึ่งขัดกับกฎหมายประกอบธุรกิจโทรคมนาคม พร้อมเรียกร้อง ก.พาณิชย์ ต้องเร่งตรวจสอบความถูกต้อง ระบุ หากผิดจริง “ชินคอร์ป” มีแววสูญสลายคืนสู่สามัญ อาจถูกยกเลิกสัมปทานได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 12 ในช่วงสถานีข่าวสวนลุมพินี โดย น.ส.อัญชลี ไพรีรัก และนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 18.50 น.นายสัก กอแสงเรือง รักษาการ ส.ว.กทม.ขึ้นเวทีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 12 ในช่วงสถานีข่าวสวนลุมพินี ที่มี น.ส.อัญชลี ไพรีรัก และนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายสัก กอแสงเรือง กล่าวถึงกรณีการขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับเทมาเส็ก ซึ่งล่าสุดมีการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในบริษัท กุหลาบแก้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมซื้อหุ้นชินคอร์ป ว่า ในฐานะที่เป็น ส.ว.และร่วมกับคณะกรรมาธิการตรวจสอบการประพฤติทุจริตมิชอบของวุฒิสภา ได้ตั้งอนุฯขึ้นมาตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ป เมื่อเดือน มี.ค.2549 เราพบบริษัท กุหลาบแก้ว เราพบอีกว่า มีการแก้กฎหมายให้ต่างด้าวสามารถถือหุ้นบริษัทในประเทศไทยได้ 49% หลังจากนั้น ก็มีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปเกิดขึ้น
นายสัก กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า ในหุ้น 55% ของไทยถือหุ้นที่เทมาเส็กซื้อนั้น พบว่า มีกุหลาบแก้วซุกอยู่ โดยในกุหลาบแก้วมีต่างชาติถือหุ้นถึง 49% แต่ในหุ้นเหล่านั้น คนไทยมีสิทธิออกเสียงบริหารในบริษัทได้เพียง 5% และมีสิทธิได้รับปันผลแค่ 3% ต่างชาติได้ถึง 97% แล้วอย่างนี้ใช่การลงทุนแบบนอมินีใช่หรือไม่ เศรษฐีใหญ่อย่าง คุณพงส์ สารสิน เคยลงทุนกับต่างด้าวแล้วจะเคยยอมเสียเปรียบแบบนี้หรือไม่ ในตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในเมื่อเห็นว่าบริษัทที่คนไทยผู้ถือหุ้นเสียเปรียบต่างชาติขนาดนี้ ทำไมธนาคารยังยอมให้ปล่อยเงินกู้ได้ การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนที่ผิดปกติ และจะเรียกว่าเป็นการลงทุนแบบโง่หรือแกล้งโง่ดี
น.ส.อัญชลี ถามว่า ล่าสุด ดูเหมือนกระทรวงพาณิชย์พยายามทำให้บริษัท กุหลาบแก้ว ดูดีขึ้น นายสัก กล่าวว่า ถ้าพยายามหาเหตุและผลมาตอบคำถามได้ ก็คงจะชัดเจน เพราะพฤติการณ์ถือหุ้นแทนชัดเจน อย่างไรก็ตาม ต่อไปเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จะต้องจัดการต่อไป ส่วนดีลอื่นๆ ในการถือหุ้น ก็จะทำให้เป็นการซื้อขายหุ้นที่มิชอบโดยกฎหมาย และบริษัทที่ถือหุ้นโดยคนต่างด้าวนั้น ก็ไม่สามารถประกอบธุรกิจโทรคมนาคมได้ แล้วชินคอร์ปก็ต้องกลับสู่ฐานะเดิมหรือไม่ก็ต้องเรียกใบสัมปทานคืนสู่รัฐ ซึ่งต้องไปดูในข้อสัญญาที่ทำร่วมกัน และรัฐจะต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ของเราให้ได้
นายสัก กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หากวันไหนสัญญาที่ชินคอร์ปเคยทำกับรัฐถูกเปิดเผยได้ เราก็จะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของเรื่องนี้ เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ และอาจจะสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของคนไทย