xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” แฉ “แม้ว” ปั้นตัวเลข ศก.แหกตา - ไปเขมรงุบงิบฮุบธุรกิจพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
“สนธิ” จับโกหก “รัฐบาลทักษิณ” ถังแตกสร้างตัวเลข ศก.ลวงโลก ต้องให้คลังนำหุ้น อสมท ไปจำนำกับธนาคารออมสิน 3 พันล้านบาท ไปอุ้ม “ทหารไทย” ซึ่งมีนอมินีถือหุ้น แฉไปกัมพูชามีวาระซ่อนเร้น เรื่องธุรกิจก๊าซ-น้ำมัน ชี้ เป็นการงุบงิบกันปล้นทรัพยากรของชาติเข้ากระเป๋า ขณะเดียวกัน ยังใช้เล่ห์ปล่อยกู้ 1.3 พันล้าน เพื่อเรียกค่าคอมฯ 390 ล้านบาท เรียกร้องสะสางเครือข่าย “3 หนา” และปฏิรูปฯก่อนเลือกตั้ง ป้องกันวงจรอุบาทว์กลับมาอีก

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 11 โดย สนธิ ลิ้มทองกุล


วันนี้ ( 11 สิงหาคม) เวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวบนเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ คอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 11 ที่สวนลุมพินี กรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่อนุมัติ ให้กระทรวงการคลังขายหุ้นในองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) กับธนาคารออมสิน จำนวน 3 พันล้านบาท เพื่อมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในธนาคารทหารไทย ที่นายทนง พิทยะ เคยเป็นอดีตผู้บริหารจนเจ๊ง แล้วใช้อำนาจรัฐนำไปควบรมกับบรรษัทเงินอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ไอเอฟซีที จากนั้นนำตึกของไอเอฟซีทีไปขายให้กับพรรคไทยรักไทยในราคาถูก ขณะที่ธนาคารทหารไทยก็ไปควบรวมกับธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ นั้น จากมติ ครม.ดังกล่าว ได้มีการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใน อสมท. โดยให้เปลี่ยนคำว่า กระทรวงการคลังถือหุ้น เป็นภาครัฐถือหุ้น ถ้าถามว่าทำไมธนาคารไทยไม่ใช่เป็นของรัฐ ทำไมต้องเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดรัฐบาล แต่ถือในนามนอมินีแทนที่จะเป็นการลดทุนเพื่อตัดการขาดทุน แล้วค่อยเพิ่มทุนในภายหลัง

นายสนธิ ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปเขมรว่า มีวัตถุประสงค์ 2 เรื่อง คือ ให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้กว่า 1.3 พันล้าน เพื่อก่อสร้างถนน ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวมีเงื่อนไขให้ผู้รับเหมา ใช้วัสดุก่อสร้างจากประเทศไทย เพื่อรับเงินค่าคอมมิชชั่นจากผู้รับเหมา 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินประมาณ 390 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้สมทบในการเลือกตั้ง เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา ที่ได้คอมมิชชั่นจากการซื้อเครื่องบินให้การบินไทย

ส่วนเรื่องที่สอง คือ การเจรจาเรื่องก๊าซและน้ำมันในเขตพื้นที่ทับซ้อนกลางอ่าวไทย จนมีวาระซ่อนเร้น เพราะตามปกติ การเจรจาในลักษณะพื้นที่ในเขตทับซ้อนทางทะเล จะต้องมีการพิจารณาเรื่องความมั่นคงควบคู่ไปด้วย และต้องนำผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ทางทหารไปร่วมเจรจา เนื่องจากเป็นพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับพิจารณาแต่เรื่องธุรกิจ ที่มีแต่พรรคพวกที่ได้รับผลประโยชน์

“แล้วเขาเล่าให้ฟังว่ามีการไปแทรกแซงการทำงานของผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผนที่ทหาร กดดันให้เขายอมรับการสูญเสียสิทธิเหนือดินแดนทางทะเล เหมือนกับห่วง เหมือนกับการยกผลประโยชน์ทางท้องทะเลให้กับเพื่อนบ้านไปเลย ถ้าแน่จริงเรื่องนี้ต้องโปร่งใส เรื่องนี้ต้องประชุมนักวิชาการทางทะเล บอกว่า ที่เขมรบอกมาเป็นอย่างนี้เราว่าอย่างไร เชิญเขมรมาประชุมที่กรุงเทพฯก็ได้ แล้วอย่างุบงิบกันระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร กับนายวิเศษ จูภิบาล คุณเปิดเผยซิ คุณโปร่งใสหน่อยซิ”นายสนธิกล่าว

นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการขายหุ้นชิน เพื่อนำไปลงทุนธุรกิจด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูป ปตท.มีการถือหุ้นโดยกองทุนที่ที่มีนอมินีบางกลุ่มเข้าไปถือหุ้น อีกทั้งการเจรจากับกัมพูชาครั้งนี้ก็จะให้ ปตท.เข้าไปทำธุรกิจ คาดว่า จะเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทนอมินีของกัมพูชา และมาลงทุนในเขตเศรษฐกิจทับซ้อนดังกล่าว ดังนั้น การไปครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์สองต่อ เพราะทั้ง ปตท.และบริษัทในกัมพูชาก็เป็นพวกเดียวกัน นี่เป็นการปล้นทรัพยากรของชาติ

“เมื่อเป็นสิทธิของเราแล้ว เรายกให้ใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีข้อพิพาทกัน ก็ต้องตกลงกันเสียก่อนด้วยการตีแผนที่ให้ชัด ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญแผนที่ไป ไม่ใช่เอาไปเฉพาะนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เอาไปเพื่อจับมือกันว่าเรามาร่วมกันพัฒนาไอ้พื้นที่สีเหลือง ทำไมผมต้องพูดเรื่องนี้ ผมต้องพูดโยงต่อไปให้ฟัง ว่าทำไมทักษิณ ชินวัตร มีความประสงค์ที่ขายชินคอร์ปทิ้งไปเนี่ย เพราะต้องการเอาเงินไปลงทุนที่พลังงาน ไม่เห็นการแปรรูป ปตท.เหรอ แปรรูป ปตท.”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ เร่งรัดเจรจาทั้งที่เป็นรัฐบาลรักษาการ และยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไปร่วมหารือทั้งเป็นเรื่องความมั่นคง ทุกอย่างทำอย่างปิดลับ หรือทำไมไม่เปิดให้มีการเจรจาระหว่างผู้เชี่ยวชาญให้เกิดความโปร่งใส

นายสนธิ กล่าวถึงการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิว่า ที่ผ่านมาเคยพูดถึงการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า จะเปิดในวันที่ 28 ก.ย.นี้ และจะเกิดกลียุค เนื่องจากไม่มีความพร้อม แต่เมื่อมีคนรู้ทัน และจะทำให้แผนโฆษณาชวนเชื่อในช่วงเลือกตั้งเพื่อหลอกรากหญ้า เพราะข้อเท็จจริง องค์กรการบินระหว่างประเทศไม่รับรอง ดังนั้นจึงกลัวว่า จะไม่มีสายการบินต่างชาติมาลง ทำให้ต้องเลื่อนมาเปิดในวันที่ 15 ก.ย.แทน โดยให้สายการบินในประเทศมาลงแมน เนื่องจากอยู่ในการสั่งการของนายกฯ ซึ่งก็มีการบินไทยเท่านั้นที่ยอม แต่ก็ยังมีการต่อต้านจากสหภาพฯเนื่องจากเห็นว่า จะเกิดความเสียหายในเรื่องการต่อเครื่องบินของผู้โดยสารต่างประเทศ จึงต้องเลือกเฉพาะแค่สามเส้นทางมาลงเท่านั้น พิษณุโลก- สุวรรณภูมิ อุบล-สุวรรณภูมิ และเชียงใหม่-สุวรรณภูมิ เพื่อทำให้เห็นว่าสนามบินเปิดใช้แล้ว พร้อมทั้งยังท้าทายว่า หากเกิดเหตุการณ์ผิดพลาด จะกล้ารับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่

“เลยใช้วิชามาร มีอยู่ 3 เที่ยวบินที่บินจากสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก วันละ 3 เที่ยว สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี วันละ 1 เที่ยว สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่ วันละเที่ยว ต่อวัน นี่ทำไปทำไมน่ะ ทำไปก็เพื่อให้เห็นว่าสายการบินในประเทศลง 3 เที่ยวต่อวัน ถือว่าเปิดแล้ว เห็นหรือยังพ่อแม่พี่น้อง แล้วที่คุยเอาไว้ไงล่ะว่า 28 ต้องเปิด หายไปไหนแล้วล่ะวันนี้”

นายสนธิ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสานของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อหาเสียงอีกว่า เศรษฐกิจดี สร้างสนามบินสุวรรณภูมิได้สำเร็จ หาเสียงกับโครงการเอสเอ็มแอล 30 บาทรักษาได้ทุกโรค แต่ไม่พูดถึงโครงการกองทุนหมู่บ้านเนื่องจากเจ๊งไปแล้ว นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีความสับสนทางอารมณ์ ลองย้อนไปเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ทันทีที่มีการโปรดเกล้าฯให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาพูดว่า ให้รีบดำเนินการสรรหา กกต.เพิ่มอีก 2 คน จากนั้นในวันรุ่งขึ้นก็ไปพูดที่สมาคมชาวเหนือ แขวะพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย จากนั้นก็ไปโรงพยาบาลศิริราช พร้อมกับคุณหญิงพจมาน แต่ก็ขึ้นไปชั้นที่ 16 ไม่ได้ จนกระทั้งในวันที่ 14 ก.ค.ได้ให้ นพ.สุรพงษ์ ออกมาพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะลงบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่ง แต่เมื่อในวันที่ 25 ก.ค.3หนาก็ติดคุก ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สติแตก ถึงกับสั่งระดมคนจำนวน 3 พันคน ซึ่งการแสดงออกแบบนี้เป็นลักษณะของการช็อก

นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มตั้งหลักเมื่อต้นเดือน ส.ค.และเริ่มเดินสายหาเสียงในภาคอีสาน เหนือ เตรียมแจกวัว ส.ป.ก.จักรยาน มีกำหนดการแจกของดังกล่าวอย่างชัดเจนแต่ในที่สุดก็ไม่กล้า กลัวความผิด เนื่องจากถูกคนทั่วไปจับจ้อง อีกทั้ง กกต.ไม่ได้เป็นพวกของตัวเอง นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังโกหก ชอบข่มขู่ประชาชนจากการที่ระบุว่า หากไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีบ้านเมืองไปไม่รอด หรือบ้านเมืองจะแก้ไขไม่ได้ นอกจากนี้ยังจับประชาชนและประเทศเป็นตัวประกันอยู่ตลอดเวลา

**แฉปั้นตัวเลขเศรษฐกิจแหกตา

นายสนธิ ยังกล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า เศรษฐกิจดี โดยจีดีพีเพิ่มขึ้น จาก 2.2 เป็น 4.5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เป็นการสั่งให้สภาพัฒน์ฯปั้นตัวเลข และก็เป็นอัตราการเติบโตตามเศรษฐกิจโลก ประเทศเพื่อนบ้านก็เติบโตในอัตรานี้หมด ต่อให้ใครมาเป็นนายกก็จะเติบโตในอัตรานี้

“พูดง่ายๆ ไม่ต้องมีนายทักษิณ คนไทยนั่งผายลมเฉยๆ จีดีพีก็โต 4 เปอร์เซ็นต์ ชอบโกหกนัก เหมือนบอกว่า สมัยเขาเขามา ราคายางสูง จำได้หรือเปล่าผมเล่าให้ฟังราคายางสูงเพราะอะไร เพราะจังหวะนั้นจีนแดงกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์จีนโตอยางมหาศาล คนจีนมีพันกว่าล้านคนเพราะฉะนั้นความต้องการยางเลยทำให้ราคายางดิบสูงขึ้น ไม่ใช่ฝีมือนายทักษิณเลยแม้แต่นิดเดียว

“เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเศรษฐกิจมันเชื่อม ฝีมือเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นจากคนที่นั่งในที่นี้ทั้งนั้น ใครที่ทำมาหากินโดยสุจริต ใครที่มีโรงงาน กรรมการบ้านเรา ฝีมือดี ฝีมือมีคุณภาพ ค่าแรงไม่แพง มันก็ขายของออกไปได้ ทำให้เศรษฐกิจโตไม่ใช่ฝีมือของเขา เพราะฉะนั้นแล้วช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานายทักษิณกินบุญเก่าของประเทศไทย ไม่ทำอะไรให้ประเทศเลย”นายสนธิกล่าว

ขณะเดียวกันนายสนธิได้กล่าวถึงปัญหาหนี้สินในช่วงรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น เพิ่มจาก 7 หมื่นบาท เป็น 1.4 แสนบาท แสดงว่าคนไทยจนลง เพราะเป็นหน้าเพิ่ม

“เขาบอกว่าประเทศไทยนั้นมีหนี้ลดลงจาก 57 เปอร์เซ็นต์ พ่อแม่พี่น้องฟังให้ดีๆ หนี้ทั้งหมดของประเทศเนี่ย เขาบอกลดลงจาก 57 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ก็คือว่าถ้าจีดีพีมี 100 บาท หนี้เนี่ย แต่ก่อนมี 57 บาท เหมือนกับว่าเรามีหนี้ 57 บาท แล้วเรามีปัญญาที่จะค้าขาย ทำผลิตผลออกมาได้ 100 บาท ตกลงเรามีหนี้ 57 ต่อ 100 เขาบอกว่าตอนนี้เนี่ยหนี้เขาลดเหลือแค่ 41 จาก 57 เหลือ 41 บอกว่าเขาเก่ง พ่อแม่พี่น้องครับ ขออนุญาตพูดหน่อยครับว่าเขาตอแหลเก่งที่สุดในโลก”นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังอยู่ในสถานะถังแตก เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ให้กระทรวงการคลังขายหุ้น อสมท.ให้กับธนาคารออมสิน เพื่อเพิ่มทุนให้กับธนาคารไทยอย่างแน่นอน

“เอาล่ะ โม้นัก ว่ารายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น จาก 70,000 บาท เป็น 100,000 บาท แต่ไม่ยอมพูดเรื่องหนี้ครัวเรือน หนี้ครัวเรือนเพิ่มจาก 70,000 บาท เป็น 140,000 บาท หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นแต่ว่าชินคอร์ปรวยมากขึ้น 400 เปอร์เซ็นต์ จำได้หรือเปล่าพ่อแม่พี่น้อง แปลว่าตลอดระยะเวลา ระบอบทักษิณ 5 ปี คนไทยจนลง เป็นหนี้มากขึ้น วันนี้บุญเก่าที่นายทักษิณมาแอบอ้างใช้กำลังจะหมดไปแล้วเพราะเศรษฐกิจจะเริ่มตกแล้ว จำได้หรือเปล่าว่าสนธิเป็นคนแรกในที่นี่ที่บอกว่า รัฐบาลถังแตกแล้ว”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า กรณีสนามบินสุวรรณภูมิ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ที่ดำเนินการต่อเพราะผลประโยชน์มหาศาล คล้ายกับโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน ไม่ได้ก่อสร้างเพิ่มเติม จากที่จะทำ 10 สาย ขณะนี้ลดลงมาเหลือแค่ 3 สาย หรืออาจจะไม่ได้ก่อสร้างโครงการลอจิสติกส์ก็ไม่คืบหน้า มีเพียงยุบ รสพ.แล้วให้พรรคพวกเข้าไปหากินเท่านั้น โครงการอิลิทการ์ดก็ล้มเหลว

“ระบบลอจิสติกส์ โม้นักโม้หนา มีสัมมนามีเวิร์กชอป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มีอะไรเกิดขึ้น มีการยกบริษัท ไทยเรือเดินทะเล และ รสพ.ให้พรรคพวกไปทำมาหากิน เห็นหรือยังลอจิสติกส์ของมัน ระบบสื่อสารมีอะไรใหม่ ไม่มีผูกขาดกันอยู่เหมือนเดิม โครงการแลนด์บริดจ์ภาคใต้เงียบไปแล้ว โครงการพลังงานทดแทนไม่พูดเลย โอท็อปเจ๊ง ไม่มีอะไรเลย ไปเอากระเบื้องด่านเกวียนมาเป็นโอท็อป กระเบื้องด่านเกวียนเขาทำกันมาตั้งเป็นสิบๆ ปีตั้งแต่สมัยพ่อสมัยแม่เขา เอามาบอกนี่ไงโอท็อปที่ประสบผลสำเร็จ ส่งเสริมโอท็อปเลยมีชาวบ้านกู้เงินมาทำโอท็อปเจ๊งกันหมดทุกคน

“องค์ความรู้ นายทักษิณอยากให้ประเทศไทยมีองค์ความรู้ พ่อแม่พี่น้องขนาดรัฐมนตรีของตัวเองยังไม่มีความคิดของตัวเองเลยแล้วจะให้ประเทศไทยมีองค์ความรู้ได้อย่างไร ขนาดพวกเราจะรู้ความจริงยังต้องมานั่งอยู่บนพื้นตรงนี้ มาตากแดดตากฝน ยังไม่มีปัญญานั่งอยู่ที่บ้านแล้วเปิดทีวีได้ฟัง ได้ดู แล้วมันมาโม้ว่าจะให้เมืองไทยเป็นองค์ความรู้ องค์ความรู้ของคุณไม่ใช่องค์ความรู้ของคนอื่น องค์ความรู้ของนายทักษิณคืออะไร คือว่า จ้างคนมาอ่านหนังสือ ที่โม้ๆ หนังสือภาษาอังกฤษตัวเองไม่ได้อ่านหรอกจ้างคนอื่นมาอ่านให้ แล้วมาสรุปให้ฟัง
เอามาเล่าอวดภูมิตัวเองใน ครม.”นายสนธิกล่าว

นายสนธิ ยังกล่าวในตอนท้าย โดยกล่าวให้กำลังใจผู้อ่านการเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกเป็น กกต.ทั้ง 10 คน เนื่องจากเป็นคนดี แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการเลือกโดยที่ยังไม่มีการสะสางเครือข่ายของอดีต 3 กกต.ทั้ง 76 จังหวัดเสียก่อน รวมทั้งยังไม่มีการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ไม่เช่นก็จะเข้าสู่วงจรอุบาทว์ พร้อมกันนี้ยังขอเรียกร้องให้ทุกพรรคร่วมกันปฏิรูปการเมืองหลังการเลือกตั้งและยุบสภา ขณะเดียวกันยังขอให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง







กำลังโหลดความคิดเห็น