การจุดพลุเฉลิมพระเกียรติ ณ บริเวณกลางสนามราชตฤณมัยสมาคม เวลาประมาณ 20.30 น. วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2549 ได้รับการสนับสนุนโดยไซโกแห่งญี่ปุ่น จัดแสดงพลุชุดพิเศษจำนวน 1,010 นัด โดยเป็นพลุขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 3 – 12 นิ้ว ความสูงของพลุตั้งแต่ 220 – 350 เมตร ซึ่งจะใช้ผู้จุดทั้งสิ้น 20 คน โดยในจำนวนนี้มี 3 คนที่เป็นระดับเลขาธิการของสมาคม Japanese Firework Association และเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตพลุขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น มาร่วมจุดด้วย และอีกหนึ่งคนเป็นแชมป์ชนะเลิศการจุดพลุ 4 ปีซ้อนซึ่งเป็นเจ้าของผลงานพลุในชุดสุดท้ายที่มาจุดในครั้งนี้
การจัดแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติของไซโก ใช้เวลาในการจุดประมาณ 20 นาที ประกอบด้วยพลุ 12 ชุด คือ
อันดับที่ 1 “ชุดโหมโรง” ซึ่งเป็นการประเดิมการแสดงด้วยเสียงดังสนั่นเพื่อสร้างสีสันก่อนเข้ารายการ (มีเฉพาะเสียง)
อันดับที่ 2 “ชุดเชิดชูเกียรติสยามประเทศ” เป็นพลุสีแดง ขาวและน้ำเงิน จะย้อมท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นผืนธงไตรรงค์ขนาดมหึมากลางท้องฟ้า เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติสยามประเทศ ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 220 เมตร )
อันดับที่ 3 “ชุดเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ” ซึ่งเป็นชุดไฮไลท์ของงานชุดหนึ่งที่จะรังสรรค์ตัวเลขมหามงคล 60 เป็นทั้งเลขไทยและเลขอารบิก ด้วยพลุหลายสิบชุดที่ยิงขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งจะสามารถเห็นตัวเลขได้ทุกมุมมอง เพื่อการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีครั้งแรกของโลก ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 220 เมตร )
อันดับที่ 4 “ชุดดอกไม้จากใจชาวญี่ปุ่น” เป็นพลุที่มีความสูงถึง 350 เมตร จะแตกตัวออกเป็นดอกเบญจมาศและดอก peonies บานสะพรั่งเต็มท้องฟ้า เป็นการน้อมถวายพระพรแต่พระองค์ท่าน ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบโดยนักประดิษฐ์ดอกไม้ชาวญี่ปุ่น
อันดับที่ 5 “ชุดทุ่งทองแห่งสวนสวรรค์” หรือ Star mines เป็นการแตกตัวอย่างรวดเร็วของดอกไม้ไฟไล่เรียงกัน ถักทอท้องฟ้าให้เป็นท้องทุ่งแห่งสวนสวรรค์ ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 220 เมตร )
อันดับที่ 6 “ ชุดรอยยิ้มยามค่ำคืน” จะเนรมิตท้องฟ้กลายเป็นผืนผ้าแสดงภาพสามมิติหลากหลายที่ให้ความหมายลึกซึ้ง เช่น รอยยิ้ม ดอกทานตะวัน และอื่น ๆ อีกมากมาย( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 350 เมตร )
อันดับที่ 7 ชุดสวนดอกไม้สีเหลืองแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นดอก peonies สีเหลืองที่สวยงามแสดงถึงสีประจำวันจันทร์ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน และดอกไม่ไฟรูปผีเสื้อบินว่อนบนท้องฟ้ายามราตรี ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 220 เมตร )
อันดับที่ 8 “ชุดช่อดอกไม้มหัศจรรย์” เป็นดอกไม้ไฟดอกเล็ก ๆ กระจายตเมท้องฟ้าคล้ายการเริงระบำของเหล่าดวงดาวระยิบระยับที่หาดูได้ยากยิ่ง ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 350 เมตร )
อันดับที่ 9 “ชุดมรกตตระการตา” เป็นดอกไม้ไฟสีม่วงและสีเขียวถูกจุดขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงสวนดอกลาเวนเดอร์ที่ประดับด้วยมรกตเต็มท้องฟ้า ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 220 เมตร )
อันดับที่ 10 “ชุดคาไลโดสโคปตระการตา” เป็นดอกไม้ไฟที่สวยงามและเปลี่ยนสีตลอดเวลาจะปรากฏสะท้อนให้เห็นความสวยงามของธรรมชาติประดุจดั่งการแต่งแต้มท้องฟ้ายามค่ำคืนโดยจิตรกรฝีมือเอก( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 350 เมตร )
อันดับที่ 11 “ชุดมงกุฎทองแด่องค์ราชันย์” เป็นสายฝนสีเหลืองทองที่โปรยปรายลงมาดุจดังพรของพระองค์ที่พระราชทานสู่พสกนิกรชาวไทยทั่วแผ่นดิน และ ตามด้วยพลุลูกใหญ่ มงกุฏทองแด่องค์ราชันย์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระบารมีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน ถือเป็นการปิดท้ายดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองครองราชย์ 60 ปี ( พลุแตกตัวที่ระยะความสูง 350 เมตร )
อันดับที่ 12“ชุดฟินาเล่” เป็นการปิดท้ายความยิ่งใหญ่ด้วยเสียงกึกก้องทั่วท้องฟ้า บ่งบอกถึงการสิ้นสุดการแสดง
[พลุเฉลิมพระเกียรติตระการตา...ดุจพระบารมีแผ่ไพศาล]
[คลิก! ชมภาพอลังการพลุไฟเฉลิมพระเกียรติ ชุด 2 – มีภาพพลุตัวเลข ๖๐]
[อลังการพลุเฉลิมพระเกียรติ]
