สมเด็จพระบรมฯ ทรงรับเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงรับเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ถวายช่อดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แด่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ

วันนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.20 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ทรงรับเจ้าชายเฮนริก พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถ มาร์เกรเธอที่ 2 แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก ที่เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 951 ถึงยังท่าอากาศยานกรุงเทพ เมื่อเวลา 06.00 น. เพื่อทรงร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สำหรับ เจ้าชายเฮนริก แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรไทยเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อเดือนมีนาคม 2542 เพื่อทอดพระเนตรแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและสิ่งแวดล้อมแห่งเดนมาร์ก และเคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีนาถ มาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเดือนมีนาคม 2544

ต่อมาเวลา 10.15 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ยังห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดีเลทซี ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีมาเซเนท โมฮาโต ซีโซ แห่งราชอาณาจักรเลโซโท ที่เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก เที่ยวบินที่ CX 713 มาทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สำหรับสมเด็จพระราชาธิบดีเลทซี ที่ 3 เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ.2543 เนื่องจากพระราชบิดาทรงอยู่ระหว่างการลี้ภัยทางการเมือง และทรงสละราชสมบัติเมื่อปี พ.ศ. 2538ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2540เสด็จขึ้นครองราชย์อีกครั้ง ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีมาเซเนต โมฮาโต เซเอโซ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2543มีพระราชธิดา2พระองค์ ส่วนสมเด็จพระราชินีมาเซเนต โมฮาโต เซเอโซทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยศเป็นสมเด็จพระราชินี เมื่อปี พ.ศ.2543สำหรับการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของทั้ง 2พระองค์ด้วย

เมื่อเวลา 12.15 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารและและพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา เป็นผู้แทนพระองค์รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย เพื่อทรงร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเสด็จพระราชดำเนินถึงยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศดอนเมือง

ในเวลา 12.40 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงรับแกรนด์ ดยุค อองรี แห่งราชรัฐลักเซมเบิร์ก ณ ห้องรับรองพิเศษท่าอากาศยานกรุงเทพ ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG923

สำหรับ แกรนด์ ดยุค อองรี เป็นพระโอรสพระองค์แรกในแกรนด์ ดยุค ฌอง และแกรนด์ดัชเชส โจเซฟิน-ชาล็อต เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2543 แกรนด์ ดยุก อองรี เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรไทย 3 ครั้ง ขณะดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งราชรัฐลักเซมเบิร์ก ครั้งแรกเมื่อปี 2536 โดยเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ครั้งที่ 2 ในปี 2539 เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรไทยเป็นการส่วนพระองค์ และเมื่อปี 2541 ทรงนำคณะนักธุรกิจราชรัฐลักเซมเบิร์ก เยือนราชอาณาจักรไทย

เวลา 13.20 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเสด็จรับเจ้าชายโฮกุ้น มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชาธิบดีเฮรัลด์ที่ 5 และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต มกุฎราชกุมารี และเจ้าชายสุแวรี แม็คนัสพระโอรส พระชันษา 6 เดือน ณ ห้องรับรองพิเศษท่าอากาศยานกรุงเทพ ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยสายการบินสแกนดิเนเวียน เที่ยวบินที่ SK 973

ต่อมาเวลา 12.48 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงรับเสด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 แห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ และเจ้าหญิงลาดูเบ พระชายาในสมเด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินมาทรงร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ในจำนวน 67 พระองค์ ในสมเด็จพระราชาธิบดีซบบูซา ที่ 2 และเป็นพระราชโอรสองค์เดียวในสมเด็จพระราชชนนีเนตอมบี โดยเป็นพระประมุขตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ปัจจุบันทรงมีพระชนมพรรษา 38 พรรษา

ต่อเวลา 13.36 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงรับเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่งเที่ยวบินพิเศษเพื่อทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในการนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ถวายช่อดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แด่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต แห่งญี่ปุ่นเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2532 จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเจริญพระราชไมตรีกับประเทศต่างๆ โดยเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกพร้อมกับสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เมื่อปี 2534 และขณะทรงพระราชอิสริยยศมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยหลายครั้ง

เวลา 14.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงรับเสด็จมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเจล วังชุก แห่งภูฏาน ณ ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินของสายการบินดรุกแอร์ เที่ยวบินที่ KB 122

ทั้งนี้ มกุฎราชกุมาร จิกมี เคเซอร์ นัมเจล วังชุก แห่งภูฏาน มีพระชนมายุ 26 พรรษา เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเป็นการส่วนพระองค์ และมีโอกาสทอดพระเนตรโครงการหลวงที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากสนพระทัยเรื่องพัฒนาชนบท เพื่อการพัฒนาประเทศ และได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าฯ บรมราชินีนาถ ณ พระตำหนังภูพิงค์ราชนิเวศ เมื่อเดือนมีนาคม 2546

ต่อมาเวลา 14.25 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงรับเสด็จเจ้าชายอาโลอิส มกุฎราชกุมารแห่งราชรัฐลิกเตนสไตน์ ผู้แทนพระองค์เจ้าชายฮันส์-แอดัมที่ 2 แห่งราชอาณาจักรลิกเตนสไตน์ ที่เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินของสายการบินสวิสแอร์ เที่ยวบินที่ LX 182 ถึงยังท่าอากาศยานกรุงเทพ

ปัจจุบัน เจ้าชายอาโลอิส มกุฎราชกุมารแห่งราชรัฐลิกเตนสไตน์ ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระราชบิดาเจ้าชายฮันส์-แอดัม ที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2547 ส่วนการเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรไทยครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพระองค์

เวลา 15.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงรับเสด็จเจ้าชายทูโพทัว มกุฎราชกุมารแห่งตองกาผู้แทนสมเด็จพระราชาธิบดีเทาฟาเฮา ทูโพที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 601 ถึงยังท่าอากาศยานกรุงเทพ

สำหรับ เจ้าชายทูโพทัว มกุฎราชกุมารแห่งตองกา เป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระราชาธิบดีเทาฟาเฮา ทูโพ ที่ 4 กับสมเด็จพระราชินีฮาเลวาลู ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2509 มีพระชนมายุ 18 พรรษา

ต่อมาเวลา 15.42 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ และสมเด็จพระราชินีราชา อิสตรี เป็งงีรัน อานัก ฮัจญะห์ ซาเลฮา แห่งบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ทรงเป็นพระโอรสพระองค์แรกในสุลต่าน เซอร์ มูดา โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2510 เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยครั้ง ทั้งเป็นการส่วนพระองค์และอย่างเป็นทางการเพื่อทรงร่วมประชุมผู้นำต่างๆ รวมทั้งทรงเป็นพระราชอาคันตุกะในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึง 2 ครั้ง การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้นับเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ และประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น