xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 7-13 พ.ค. 2549

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show

1.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกๆ ปี ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เป็นประเพณีนี้ถือปฏิบัติตั้งแต่อดีตกาล โดยมุ่งหวังที่จะให้เป็นสิริมงคลแก่ฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ และบำรุงขวัญเกษตรกรของชาติเมื่อเข้าสู่ต้นฤดูกาลเพาะปลูกทุกปี

ในปีนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีฯ มีข้าราชการ ประชาชนมารอรับเสด็จจำนวนมาก สำหรับงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้ ผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา ได้แก่ นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนผู้ทำหน้าที่เทพีทั้ง 4 คน เทพีคู่หาบทอง นางสาวนภารัตน์ ประไพวงศ์ นักวิชาการ 5 กรมประมง นางสาวดวงจันทร์ เทพอุด นักวิชาการเงินและบัญชี 4 กรมปศุสัตว์ เทพีคู่หาบเงิน นางสาวรัตน์ติยา แจ้งจร เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 6 ว สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวคมจันทร์ สรงจันทร์ นักวิชาการเกษตร 5 กรมวิชาการเกษตร และพระโคแรกนา ได้แก่ พระโคล้ำ และพระโคเลิศ ซึ่งปีนี้พระยาแรกนาได้เสี่ยงทายหยิบผ้านุ่ง 6 คืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะน้อย นาในที่ลุ่มได้ผลบริบูรณ์ ส่วนนาในที่ดอนจะเสียหายบ้าง ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ และพระโคจะเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่ง ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่วเขียว งา เหล้า และหญ้า โดยปีนี้พระโคกินหญ้า พยากรณ์ว่าน้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร อุดมสมบูรณ์ดี

แรกนาขวัญ พระโคกินหญ้า - น้ำท่าบริบูรณ์ พืชพันธุ์ อุดมสมบูรณ์ดี
นร.-นศ.จำนวนมาก เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในวันวิสาขบูชา ที่วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.สุรินทร์
2.พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศแห่ร่วมพิธีเวียนเทียน

วันวิสาขบูชา เป็นวันที่สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งเกิดขึ้นในวันและเดือนเดียวกัน คือ ในวันเพ็ญ(ขึ้น 15 ค่ำ) เดือนหก ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับกิจกรรมเนื่องในวันวิสาขาบูชาในปีนี้พุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศได้ร่วมกิจกรรมการอย่างคึกคัก โดยที่ท้องสนามหลวง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารร่วมกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา พิธีเริ่มด้วยการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 224 รูป พระธรรมโกษาจารย์ เป็นประธานในพิธีถวายพระราชกุศลเจริญจิตภาวนา ถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จากนั้นประชาชนนับพันคนได้เข้าร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 224 รูป และพระธุดงค์จากทั่วประเทศ 560 รูป

ในขณะเดียวกันที่ริมถนนอุทยาน ตลอดเส้นถนนพุทธมณฑลสาย 4 ถึงเชิงสะพานคลองทวีวัฒนา พุทธศาสนิกชนจำนวนมากพร้อมด้วยข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมตักบาตรอาหารแห้งแด่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป จากนั้นมีกิจกรรมวอล์กแรลลี่ ตามหาพระธรรมวันวิสาขบูชา แบ่งการแข่งขันเป็น 2 รอบ ในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ทั้งนี้ ในเวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการบำเพ็ญพระราชกุศลเวียนเทียนแทนพระองค์ ณ บริเวณหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน โดยงานวันวิสาขบูชาที่พุทธมณฑล ได้ปิดลงในเวลาประมาณ 22.30 น.ของวันเดียวกัน

ส่วนในจังหวัดอื่นๆ ที่ จ.เชียงใหม่ ประชาชนชาวเชียงใหม่นับหมื่นคนเข้าร่วมพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์เจ้าครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่สร้างเส้นทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เมื่อ 76 ปีที่แล้ว บริเวณเชิงดอยสุเทพ เพื่อร่วมกันสืบสวนประเพณีเตียวขึ้นดอย หรืองานไหว้สาปาระมี ซึ่งจัดขึ้นติดต่อกันเป็นประจำทุกปี

ที่จ.สุรินทร์ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ร่วมกับวัดศาลาลอย พระอารามหลวงและวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ จัดกรรมเนื่องใน วันวิสาขบูชา เพื่อให้เยาวชนและนักเรียน-นักศึกษาตามสถานศึกษาต่างๆ ได้เข้าร่วมกิจกรรมฟังพระธรรมเทศนา สร้างความดีให้กับตัวเอง ครอบครัวพ่อ แม่พี่น้องและสังคม จากพระธรรมโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์

จ.ฉะเชิงเทรา พระภิกษุสามเณร ข้าราชการ และประชาชนชาวแปดริ้วและใกล้เคียงจำนวนหลายพันคน พร้อมใจกันเดินทางมาร่วมเวียนเทียนโดยรอบพระอุโบสถหลังใหม่วัดโสธรวรารามเนื่องในวันวิสาขบูชา ทำให้บรรยากาศโดยรอบพระอุโบสถวัดโสธรเต็มแน่นไปด้วยผู้คนประชาชนที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

จ.ตรัง นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เป็นประธานในพิธีจัดงานเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี 2549 ณ มณฑลพิธีวิทยาลัยเทคนิคตรัง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยมีพระสังฆาธิการ พระภิกษุสามเณร คณะกรรมการวัด ข้าราชการ และพุทธศาสนิกชน มาร่วมงานประมาณ 1,000 คน ซึ่งแม้ว่าท้องฟ้าจะมืดครึ้มเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ปรากฏฝนตกลงมาใดๆ เลย สำหรับในปีนี้มีความพิเศษมากกว่าทุกๆ ปี เนื่องจากได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราช 2 ประเทศ คือ สมเด็จพระสังฆราชของประเทศไทย 9 พระองค์ และสมเด็จพระสังฆราชของประเทศศรีลังกา 9 พระองค์ รวมพระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ มาเพื่อให้คนไทย โดยเฉพาะประชาชนชาวตรัง ได้ร่วมสักการบูชา

พุทธศาสนิกชนทำบุญตักบาตรเนืองแน่น “วันวิสาขบูชา”
พุทธศาสนิกชนนับหมื่นร่วมประเพณี “เตียวขึ้นดอย”
‘วิสาขบูชา’เมืองช้างมุ่งจัดกิจกรรมดึง‘วัยโจ๋’เข้าวัด

นายวันชัย สร้อยทอง อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา
3.ตร.กัดไม่ปล่อยเตรียมออกหมายเรียกเพิ่มอีก 17 คนกู้ชาติ-อัยการปล่อยตัว “สนธิ” ไม่ต้องประกัน

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลยังคงมีพฤติกรรมคุกคามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เลิก โดยล่าสุด 12 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าทีมสอบสวนคดีพันธมิตรฯชุมนุมไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเดินหน้าเอาผิดผู้เกี่ยวข้องโดยเตรียมออกหมายเรียกกรรมการและโฆษกเพิ่มอีก 17 คน เพื่อมารับทราบ 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดมิใช่เป็นการกระทำโดยความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความเห็น ติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย 2.มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและมีผู้เป็นหัวหน้าสั่งการ 3.ร่วมกันเดินขบวนลักษณะเป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันวาง ตั้งหรือแขวนสิ่งใดในลักษณะกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 5.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้เป็นข้อหาเดียวกับที่เคยดำเนินคดี 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้นำสำนวนการสอบสวน และ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ส่งมอบให้กับพนักงานอัยการกองคดีอาญา พร้อมมีความเห็นสั่งฟ้อง ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีคำสั่งฟ้อง และอัยการนัดผู้ต้องหามารายงานตัวอีกครั้งเพื่อฟังคำสั่งต่อไปในวันที่ 29 พ.ค.นี้ สำหรับกลุ่มพันธมิตรฯ อีก 17 คนที่จะถูกออกหมายเรียกเพิ่มนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญของพันธมิตรฯ และผู้ที่ปรากฏตัวปราศรัยบนเวที อาทิ นายสุริยะใส กตะศิลา , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายสุวิทย์ วัดหนู, นายสำราญ รอดเพชร, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายภูวดล ทรงประเสริฐ เป็นต้น ด้านนายสุริยะใส กตะศิลาและ นายสุวิทย์ วัดหนู กล่าวว่า พอรู้มาก่อนแล้วว่าเป้าทั้งหมดจะไม่ใช่แค่ 5 แกนนำ แต่จะขยายไปกรรมการคนอื่นๆ และผู้ที่มาขึ้นเวทีปราศรัยด้วย เพราะเรื่องนี้ เป็นนโยบายของฝ่ายการเมืองที่สั่งการไปที่ตำรวจบางนาย ซึ่งตำรวจที่มารับผิดชอบคดีนี้คือ พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ซึ่งมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการชุมนุมโดยสันติของประชาชนมาตั้งแต่ต้น ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ตำรวจดำเนินการเช่นนี้ ถือเป็นการกลั่นแกล้งให้ กลุ่มพันธมิตรถูกดำเนินคดี ทั้งๆที่ไม่ได้กระทำความผิด นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังความคืบหน้ากรณีตำรวจกองปราบฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง โดยล่าสุดของคดีนี้ เมื่อ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ และ และนายเฉลียว พงษ์สุข บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ได้ไปรายงานตัวนัดแรกต่อนายวันชัย สร้อยทอง อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาและคณะ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นตามกระบวนการแล้ว พนักงานอัยการได้ปล่อยตัวนายสนธิ โดยไม่ต้องมีการประกันตัวเหมือนเช่นในชั้นพนักงานสอบสวน โดยนายวันชัย เปิดเผยว่า เมื่อผู้ ต้องหาเข้าหาพนักงานสอบสวน จึงเพียงแต่ทำบันทึกทราบนัดแล้วปล่อยตัวไปชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว ซึ่งการปล่อยตัวชั่วคราวใช้หลักทรัพย์หรือไม่ใช้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ แต่เท่าที่ผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนก็ถือว่าไม่จำเป็นต้องมีพฤติกรรมที่จะต้องควบคุมตัวไว้ ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายสนธิ กล่าวว่า ในสำนวนคดีหมิ่นได้นัดให้มาฟังคำสั่งในวันที่ 8 มิ.ย.เวลา 10.00 น. และหากทางเรามีหลักฐานเพิ่มขึ้น ทางอัยการจะทำการสอบสวนให้ ซึ่งเวลาก็อาจจะเลื่อนออกไป โดยจะประสานมาทางอัยการอีกครั้ง

อัยการปล่อยตัว “สนธิ” ไม่ต้องประกัน - ติง ตร.อย่าลืมเพิกถอนหมายจับ
ตร.กัดไม่ปล่อย! เตรียมจับเพิ่ม 17 พันธมิตรฯ

น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทยและ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคฯ แถลงข่าวโต้พรรคประชาธิปัตย์
4.เอกสารลับอนุฯ กกต.มัด ทรท.จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง

ฮือฮาอย่างมากในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสื่อมวลชนได้เผยแพร่เอกสารลับด่วนที่สุดของคณะอนุกรรมการฯ ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน ส่งไปถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่ม ลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นผลสอบสวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมสรุปกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหามีกระบวนการว่าจ้างพรรคการเมืองให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 พบว่า มีปรากฏหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยงไปถึงบุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทยหลายคนในการจ่ายเงินให้ผู้สมัครของพรรคเล็กเพื่อว่าจ้างให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะได้ไม่ต้องได้คะแนนเสียงถึงร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทย ในเอกสารผลสรุปการสอบสวนจำนวน 17 หน้าของอนุกรรมการฯ ดังกล่าว ยังระบุว่า บุคคลสำคัญของพรรคไทยรัก ไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจ่ายเงินจ้างผู้สมัครพรรคเล็ก 2 พรรคในเบื้องต้นประกอบด้วย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้ง พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการ รมว.กลาโหม ในฐานะรอหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงกับไม่ยอมรับโทรศัพท์ทุกสายที่โทร.เข้า โดยเฉพาะผู้สื่อข่าว ซึ่งให้เจ้าหน้าที่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ท่านไม่ขอรับสายโทรศัพท์” อย่างไรก็ตาม มีการระบุด้วยว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ ถึงกับบ่นเลยว่า “ปวดหัว” ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ชี้ว่า หลักฐานที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบสวนกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กทั้งหมด ล้วนเกี่ยวข้องกับนายไทกร พลสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนไทย แทบทั้งสิ้น ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์และนายไทกร เป็นบุคคลเดียวกัน ที่ร่วมกันใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่าการดำเนินการต่าง ๆ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนและหลักการ แต่ตามกระบวนการทางกฎหมายต้องมีการเชิญผู้ถูกกล่าวหาไปชี้แจง แต่เท่าที่ทราบยังไม่มี ซึ่งตามหลักการแล้วต้องให้ความยุติธรรมและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย อย่ามั่ว ๆ สรุปแล้วกัน เพราะในทางกลับกันก็มีพยานชี้ให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามใส่ร้ายขุดหลุมล่อพรรคไทยรักไทยเหมือนกัน

เปิดเอกสารลับ! อนุฯ กกต.มัด ทรท.จ้างพรรคเล็กชี้ผิด “ธรรมรักษ์-พงษ์ศักดิ์-เสธ.ไอซ์”
ทรท.ดิ้นพล่านข้อหาจ้างพรรคเล็กโวยปชป.สมคบใส่ร้าย
"ไทกร"แฉตัวละครเพิ่มอดีตอธิบดีผู้สมัครทรท.จ้างพรรคเล็ก
ทรท.ตะแบงผลสอบจ้างพรรคเล็กมั่ว - โวยเป็นเหยื่อนกต่อทำลาย
“ชิดชัย” ซัดสื่อเสี้ยมทำวุ่น - ปิดปากผลสอบ ทรท.จ้างพรรคเล็ก
“ธรรมรักษ์” เครียดปิดโทรศัพท์หนี - “เสธ.ไอซ์” เชื่อเกมการเมืองโค่น “แม้ว”

นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
5.คำวินิจฉัยกลางย้ำ การเลือกตั้ง 2เม.ย.ไม่ชอบด้วยรธน.-สั่งแก้ไข พ.ร.ฎ.เลือกตั้งภายใน 60 วัน

กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา198 กรณีการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 เมษายนจนถึงปัจจุบันว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ล่าสุดกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แถลงเกี่ยวกับคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ โดยสรุปเนื้อหาของคำวินิจฉัยระบุว่า การดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป 2 เมษายน 2549 มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวกับกำหนดวันเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2549 ตลอดจนการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้งเกี่ยวกับมติในการจัดคูหาเลือกตั้งที่เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้ง ไม่เป็นการลงคะแนนโดยลับ เป็นการเลือกตั้งที่ทำให้เกิดผลของการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม ไม่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 เมษายน 2549 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเสียแล้ว ย่อมส่งผลให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรับรองผลดังกล่าวตามประกาศผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดต้องเสียไปด้วย มีผลเป็นการเพิกถอนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามประกาศผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าว แต่เมื่อกำหนดระยะเวลาที่จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปอันเนื่องจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2549 ได้ล่วงพ้นหกสิบวันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 วรรคสอง ไปแล้ว และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป ดังนั้น จึงให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้มีพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 วรรคสองต่อไป

คำวินิจฉัยกลางคลอด - สั่งแก้ไข พ.ร.ฎ.เลือกตั้งภายใน 60 วัน
นายผัน จันทรปาน ตุลาการศาลปกครอง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ
6. 3 ศาล แนะ"กกต."ลาออกเพื่อชาติ-ปริญญา ลั่นเดินหน้าเลือกตั้ง


ลุ้นมากันหลายวันกรณีการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือก(กกต.) เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ล่าสุด 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลฎีกา นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นายผัน จันทรปาน ตุลาการศาลปกครอง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ และนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้ร่วมกันประชุมปรึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตการเมืองของชาติ ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติว่าการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือก(กกต.) เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และมีมติให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ หลังจากใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา แถลงผลการประชุมว่า ได้หารือถึงการทำงานร่วมกันของสามศาล และมีมติร่วมกันใน 2 ประเด็น คือ เห็นด้วยในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.49 ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งตุลาการเสียงข้างมาก 8 เสียงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่าเหตุสำคัญที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชอบ เพราะการจัดการเลือกตั้งไม่เป็นความลับ เนื่องจากการดำเนินการไม่ถูกต้องของ กกต. ประการที่ 2 มีการหารือกันว่า ภารกิจของสามศาลในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และในบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา บรรลุเป้าหมายและจบเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ ซึ่งประธานทั้งสามศาลมีมติตรงกันว่า ภารกิจ ของศาลยังไม่เสร็จสิ้น ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยล้มการเลือกตั้ง เนื่องจากจะต้องดูแล และรับภาระในการแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาด้านคดีความเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งทางความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซึ่งอาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงของประชาชนได้ ศาลจำเป็นจะต้องรับภาระดูแล ให้การดำเนินการการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นใหม่ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้จบสิ้นด้วยการเรียบร้อยถูกต้อง เป็นที่ถูกใจของประชาชน หลังจากนั้นภารกิจของสามศาลถึงจะยุติลง ด้านนายจรัญ ระบุว่า อำนาจของศาลในการเข้าไปช่วยดูแลการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ มีช่องทางกฎหมายเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ 1.การใช้รัฐธรรมนูญ ตาม มาตรา 145(2) ที่ กกต.ขอความสนันสนุนช่วยเหลือจากศาลให้เข้าไปช่วยดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งศาลก็จะขออนุมัติจากคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ ในศาลยุติธรรม หรือ กต.อนุมัติให้ ผู้พิพากษาศาลต่างๆ โดยเฉพาะ ศาลชั้นต้นเข้าไปช่วยเหลือ แต่ช่องทางดังกล่าวก็มีปัญหาที่จะต้องวิเคราะห์ว่า ถ้าองค์กรจัดการเลือกตั้ง คือ กกต.ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการจัดเลือกตั้งที่ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ แต่ช่องทางที่เป็นไปได้มาที่สุดคือ ให้กกต. แสดงความรับผิดชอบ แสดงความเสียสละเปิดโอกาสให้ศาลได้เข้าไปดูแลในการจัดการเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (3) ที่เปิดโอกาสให้ศาลฎีกา ทำหน้าที่เสนอชื่อผู้สมควรจะทำหน้าที่ ด้าน กกต. ยังเดินหน้าประชุมกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป โดยนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต.ระบุว่า จะนัดหารือพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อรวมกันกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันจันทร์ที่ 15 พ.ค.นี้ พร้อมระบุว่า กรณีพรรคการเมืองไม่เข้าร่วมหารือ เพราะต้องการกดดันให้ กกต.ลาออกนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งหากมีการเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรอง ก็ยิ่งไม่อยู่ในรัฐธรรมนูญ กกต.ได้พยายามทำถึงที่สุดแล้ว ถ้าย้อนกลับมาถามว่า การเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตยก็น่าจะรู้ว่าเกิดจากอะไร พรรคการเมืองที่ไม่ส่งผู้สมัครน่าจะตอบข้อนี้ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชี้ว่า กกต.หมด ความชอบธรรมจัดการเลือกตั้งแล้ว เตือนหยุดท้าทาย 3 ศาลแล้วลาออก ระบุ เป็นโอกาสสุดท้ายของชีวิตก่อนเจอวิบากกรรมข้างหน้าหนักหน่วงจากอำนาจตุลาการแน่ อย่างไรก็ตามล่าสุด หลังจากมีะกระแสถูกกดดันจากหลายๆฝ่าย มีรายงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 145 โดยขอให้ศาลเข้ามาทำหน้าที่ในการให้ใบเหลือง-ใบแดงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นข้างหน้า ซึ่งเรื่องนี้ล่าสุด มีรายงานข่าวจากศาลฎีกาว่า เรื่องดังกล่าวค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ซึ่งทางศาลเอง ก็กำลังหาทางออกว่าจะมีทางเป็นไปได้อย่างไรบ้าง ซึ่งในข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เสมือนหนึ่งนำศาลไปเป็นเครื่องมือให้กกต. ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ขึ้นอยู่กับกกต.ว่าจะตัดสินใจเสียสละลาออกหรือไม่ เพราะหากกกต.จะเป็นผู้จัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ หากมีความเรียบร้อย ราบรื่นเป็นที่ยอมรับของประชาชน ก็รอดตัวไป แต่ในทางตรงกันข้าม หากการจัดการเลือกตั้งแล้วเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมา เกิดการต่อต้านจากประชาชน กกต.จะต้องเป็นผูรับผิดชอบทั้งหมด

4 กกต.พลิกเกมดิ้นดึงศาลร่วมคุมเลือกตั้งให้ชูใบเหลือง-แดง
ปชป.เตือน กกต.หยุดท้าทาย 3 ศาล - สมคบ ทรท.ล็อกวันเลือกตั้ง
ศาลฎีกาไม่รับเป็นผู้ชักใบเหลือง-แดงแทนกกต.

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการ คปส.
7.เฮลั่น! ศาลปค.ถอนคำตัดสินอนุญาฯ สั่งไอทีวีจ่ายค่าสัมปทานเพิ่ม -หุ้นร่วงกราวรูด

ข่าวคราวที่คอการเมืองเฮลั่นอีกประเด็นหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ กรณีศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ กรณีให้ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าสัมปทานปีละ 230 ล้านบาท จากที่ต้องจ่ายปีละ 1,000 ล้านบาท รวมทั้งให้ไอทีวีปรับลดสัดส่วนนำเสนอข่าวสาร สาระและบันเทิง จากเดิม 70:30 เป็น 50:50 ตามที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ร้อง ด้านนายจุลยุทธ หิรัณวยะกุล รองปลัด สปน.ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เพราะจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษา ทางบริษัทไอทีวี สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายในระยะเวลา 30 วัน และยังคงดำเนินรายการตามผังรายการในช่วง Prime-time ตามปกติไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่วนผลประโยชน์ตอบแทนค่าสัมปทานจำนวน 230 ล้าน ก็ยังคงเหมือนเดิมเพราะยังอยู่ในช่วงอุทธรณ์ คดียังไม่สิ้นสุด สำหรับทาง สปน.คณะกรรมการประสานงานและอัยการคดี จะประชุมหารือถึงคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง โดยจะร่วมกันพิจารณาแนวทางในการต่อสู้ทางคดีต่อไปหากไอทีวีจะยื่นอุทธรณ์ โดยจะยึดแนวทางต่อสู้คดีจากคำพิพากษาของศาลปกครอง ในขณะที่นายชัยวัธ มะระพฤกวรรณ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)ให้กล่าวว่า หลังจากนี้ทางไอทีวีจะมีการอุทธรณ์แน่นอน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นวันใด ด้านนางสาวสุภิญญา กลางรณงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.)กล่าวว่า ในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ ที่สำคัญไปกว่านั้นต้องมีการปฏิรูป ด้วยการทวง คืนสถานีโทรทัศน์ไอทีวีกลับคืนมา เป็นทีวีเสรี ซึ่งอยากจะให้รัฐบาลชุดใหม่ ที่ต้องไม่ใช่รัฐบาลทักษิณ กล้าพอที่จะยกเลิกสัมปทานไอทีวี เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อนำกลับมาปฏิรูปสื่อ ด้านการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ไม่ใช่นำเสนอข่าวเฉพาะฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ส่วนความเคื่อนไหวราคาหุ้น บริษัทไอทีวี จำกัด มหาชนหรือ ITV เมื่อ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า ท่ามกลางแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนาแน่น เพราะนักลงทุนกังวลกับคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง และยังคงมีแรงทิ้งหุ้นออกมาอย่างหนาแน่นและต่อเนื่องในช่วงช่วงบ่าย หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ไอทีวี กลับไปตามยึดสัมปทานเดิม โดยราคาหุ้น ITV ปรับตัวลดลงไปทำราคาต่ำสุดและปิดที่ 6.55 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 2.80 บาท หรือคิดเป็น 29.95 % ซึ่งเป็นหุ้นที่มีราคาปิดลดลงมากที่สุดประจำวัน และมีมูลค่าซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,737.68 ล้านบาท ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดมีการตัดสินให้ ไอทีวี จ่ายค่าสัมปทานปีละ 1,000 ล้านบาท จะทำให้ไอทีวีต้องมีการจ่ายค่าสัปทานย้อนหลังถึง 1,490 ล้านบาท

ศาล ปค.ถอนคำตัดสินอนุญาโตตุลาการสั่งไอทีวีจ่ายค่าต๋งเพิ่ม
รายงานพิเศษ : เบื้องหลังชัยชนะ...คดีค่าโง่ไอทีวี!!


8.ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก "เป๊าะ"กับพวก 3 ปี 4 เดือน

ประเด็นข่าวที่ได้รับความสนใจอีกประเด็นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ กรณีศาลจังหวัดชลบุรี ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีการจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะของเมืองพัทยา 140 ไร่ มูลค่า 93 ล้านบาท โดยมีอัยการจังหวัดชลบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 2295/2540 คดีหมายเลขแดงที่ 843/2546 นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ" เป็นจำเลยที่ 1, นายศิวดล สุคนธสิทธิ์ จำเลยที่ 2, นายวินัย สมทรัพย์ จำเลยที่ 3, นายวิริยะ บุญกูล จำเลยที่ 4 และนายประเสริฐ ภู่พงษ์ จำเลยที่ 5 ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนตามศาลขั้นต้นให้นายสมชาย จำคุก 3 ปี 4 เดือน ฐานความผิดสนับสนุนให้พนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและใช้ตำแหน่งโดยทุจริต ในคดีร่วมกันทุจริตจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้ว การนัดอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ เป็นผลมาจากการเลื่อนนัดครั้งที่ 3 โดยครั้งสุดท้าย ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 เม.ย.49 ที่ผ่านมา ซึ่งกำนันเป๊าะ ไม่ไปตามนัดศาลและได้มีการออกหมายจับกำนันเป๊าะ ไปแล้ว และในเมื่อกำนันเป๊าะ ก็ยังไม่ได้เดินทางมาศาลจังหวัดชลบุรีตามนัดอีก มีเพียงจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ที่เดินทางมา ศาลจึงได้นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายสมชาย คุณปลื้ม จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน, จำเลยที่ 3 จำคุก 3 ปี 4 เดือน, จำเลยที่ 4 ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลฎีกาจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ส่วนจำเลยที่ 5 ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ภายหลังการอ่านคำพิพากษาฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายวินัย สมทรัพย์ จำเลยที่ 3 เข้ารับโทษในเรือนจำทันที ด้าน พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.ภ.2 เปิดเผยว่า ศาลได้ออกหมายจับกำนันเป๊าะ ส่งมาให้ทางตำรวจเพื่อตามจับกุมตัวมาลงโทษแล้ว ซึ่งตนได้ส่งหมายจับไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบการเข้า-ออก ซึ่งหากตำรวจผู้ใดพบเห็นก็สามารถจับกุมตัวตามหมายศาลได้ทันที สำหรับระยะเวลาในการติดตามตัวกำนันเป๊าะ มาภายในอายุความ ซึ่งความผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษคดีนี้มีอายุความ 10 ปีในระหว่าง 10 ปี นี้ทางตำรวจมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามจับกุมตัวกำนันเป๊าะ มาลงโทษ ตามคำพิพากษาของศาล หากพ้นกำหนด 10 ปีแล้วยังจับกุมตัว กำนันเป๊าะ มาลงโทษไม่ได้ หมายจับก็จะหมดอายุความ ถือว่าพ้นเวลาล่วงเลยการลงโทษไปแล้ว ไม่สามารถจับกุมตัวมาได้อีก ส่วนคดีการจ้างวานฆ่ากำนันประยูร สิทธิโชติ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 25 ปีนั้นหากศาลฎีกาพิพากษายืนลงโทษตามศาลอุทธรณ์ก็จะมีอายุความยาวถึง 20 ปี

ตำรวจไร้น้ำยานำตัว “กำนันเป๊าะ” ฟังคำพิพากษา
ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก “กำนันเป๊าะ” 3 ปี 4 เดือน

กำลังโหลดความคิดเห็น