xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 9-15 เมษายน 2549

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ ที่ ถ.ข้าวสาร เขตพระนคร กทม.

คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show


1.สงกรานต์ปี 49 ชื่นมื่น- ยอดอุบัติเหตุลดลง 10%


จบลงไปแล้วอย่างชื่นมื่นสำหรับเทศกาลวันสงกรานต์ ประจำปี 2549 โดยในปีนี้มีความคึกคักไม่แพ้กว่าปีที่ผ่านๆมา โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสารได้จัดขบวนแห่สงกรานต์ไปรอบบริเวณถนนข้าวสาร ซึ่งมีขบวนการละเล่นพื้นเมืองของไทยภาคต่าง ๆ เพื่อให้ต่างชาติได้รับรู้ประเพณีอันดีงามของไทย หลังจากที่การจัดงานที่ถนนข้าวสารมีต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเข้าจองห้องพักตามโรงแรมและเกสท์เฮาส์จนเต็มทั้งหมด คาดว่าจะมีเงินสะพัดถึง 1,000 ล้านบาท ส่วนที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทางกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดพิธีทำบุญตักบาตร โดยได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์มาประดิษฐาน ณ มณฑปบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน เพื่อให้ประชาชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยระหว่างทำพิธีได้นิมนต์พระราชาคณะ รวมทั้งพระสงฆ์จากวัดต่าง ๆ 224 รูป เพื่อให้ประชาชนร่วมทำบุญตักบาตร พบว่าประชาชนสนใจร่วมทำบุญจำนวนมาก

ส่วนในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ได้จัดให้มีมีพิธีตักบาตรบริเวณข่วงประตูท่าแพ ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมทำบุญในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก มีการแห่ขบวนพระพุทธรูปสำคัญ ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่มาให้ประชาชนได้สรงน้ำเป็นสิริมงคลด้วยเริ่มตั้งแต่ถนนเจริญเมืองไปจนสุดวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อีกทั้งยังกิจกรรมอื่นอีกมากมาย อาทิ การประกวดนางงามสงกรานต์ พร้อมกับการละเล่นต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ส่วนบรรยากาศรอบบริเวณคูเมืองนั้นคึกคักไปด้วยผู้คนที่เข้ามาจับจองพื้นที่ตลอดทั้งสี่ด้านพร้อมกับสาดน้ำกันสนุกสนาน

ที่ภาคอิสาน จ.นครราชสีมา บรรยากาศการเล่นน้ำเทศกาลสงกรานต์มีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง มีประชาชนและนักท่องเที่ยวพากันออกมาเล่นสาดน้ำ-ปะแป้งกันเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณถนนชุมพล และถนนราชดำเนิน ผ่านบริเวณด้านหลังและด้านหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นโซนนิ่งที่ทางจังหวัดฯ จัดให้มีการเล่นน้ำสงกรานต์พร้อมมีรถน้ำบริการฟรีตลอดทั้งวัน ทำให้บรรยากาศในบริเวณดังกล่าวเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่พากันเล่นน้ำด้วยความคึกครื้นสนุกสนานแบบชนิดสุดเหวี่ยง และมีรถติดเป็นระยะทางยาวเหยียด ขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้นำแป้งฝุ่นและอาหารมาตั้งจำหน่ายบริเวณริมถนนทั้งสองฝั่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ที่ภาคใต้ เมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ชาวหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ได้ออกมาเล่นน้ำสงกรานต์กันจำนวนมาก และเป็นไปอย่างสนุกสนานทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองคือ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1, 2 และ 3 และย่านถนนเสน่หานุสรณ์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ มีการประมาณการกันว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เข้าสู่เมืองหาดใหญ่มีหลายหมื่นคน ส่งผลให้โรงแรมเต็มเกือบทุกแห่ง และธุรกิจบริการต่างๆ มีผู้ไปใช้บริการแน่นขนัด

ส่วนยอดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2549 เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน แถลงข่าวสถิติผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2549 ว่า สำหรับ 8 วันที่ผ่านมาว่า เกิดอุบัติเหตุรวม 4,435 ครั้ง เปรียบเทียบกับปี 2548 (4,905 ครั้ง) ลดลง 470 ครั้ง หรือร้อยละ 9.58 จังหวัดที่มีอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงราย รองลงมา พิษณุโลก เชียงใหม่ และศรีสะเกษ มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมรวม 393 คน เปรียบเทียบกับปี 2548 (433 คน) น้อยกว่า 40 คน หรือร้อยละ 9.24 และจังหวัดที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก 16 คน (สูงกว่าประมาณการ 7 คน) รองลงมา นครราชสีมา (15 คน) ลพบุรี 14 คน (สูงกว่าประมาณการ 6 คน) ระยอง 13 คน (สูงกว่าประมาณการ 5 คน) ตามลำดับ ส่วนผู้บาดเจ็บสะสม มีจำนวน รวม 4,979 คน เปรียบเทียบกับปี 2548 (5,546 คน) น้อยกว่า 567 คน หรือร้อยละ 10.22 และจังหวัดที่มีจำนวนผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย รองลงมา พิษณุโลก เชียงใหม่ และศรีสะเกษ ตามลำดับ นายอนุชา ระบุด้วยว่า ตลอดช่วง 8 วันที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ ยังเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด พฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ ขับรถเร็ว ประมาท ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หลับใน

สงกรานต์ภูเก็ตเงินสะพัดหลายร้อยล้าน เอเชีย-ยุโรปเข้าพักเต็ม
สงกรานต์เชียงใหม่คึกคัก นักท่องเที่ยวออกสาดน้ำตั้งแต่เช้า
สงกรานต์เมืองย่าโมวันที่ 2 คึกคักสุดเหวี่ยง-6จว.อีสานใต้ตาย 40 ราย
นักเที่ยวมาเลย์นับหมื่นร่วมสาดน้ำสงกรานต์เต็มเมืองหาดใหญ่

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ (ซ้าย)
2."สนธิ"โต้ ตร.มุ่งให้ข่าวป้ายสี-แม้ว ยุลิ่วล้อ รุมฟ้องต่อ

แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเว้นวรรคไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในสมัยหน้า โดยอ้างว่า เพื่อสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ แต่เอาเข้าจริงๆ ยังคงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตามคุกคามแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไม่ลดละ โดยล่าสุด นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพัฒนธมิตรฯ ได้ให้สัมภาษณ์ หลังเดินทางกลับจากประเทศจีน เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีที่ถูกออกหมายเรียกในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่รู้สึกตื้นเต้น เนื่องจากมั่นใจในความบริสุทธิ์ ส่วนจะไปพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ และหากจะไม่ไปพบก็มีสิทธิ์ส่งหนังสือยืนยันพร้อมหลักฐานลงทะเบียน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 131 ซึ่งพนักงานสอบสวนรู้รายละเอียดของมาตรานี้ดี และว่ารู้สึกรำคาญพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ เนื่องจากเป็นตำรวจ ของนักการเมือง ที่มุ่งให้ข่าวใส่ร้ายป้ายสี ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้นำหมายไปค้นที่ดิน ในจ.เชียงรายนั้น ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ในจ.เชียงราย เพราะหากเกี่ยวข้องจริง คงถูกดำเนินการตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมยืนยันแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯทุกคนไม่เกรงกลัวกรณีที่มีการข่าวว่า รัฐบาลจะใช้กฎหมายจัดการกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุม เพราะมั่นใจว่าทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ด้าน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธสั่งให้เร่งสอบสวนในช่วงนี้โดยบอกให้ไปถามพนักงานสอบสวนว่าเหตุใดต้องมาออกช่วงนี้ แต่ก็ไม่เป็นห่วง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน รวมทั้งกรณีที่มีข่าวว่าต้องการเช็คบิลบุตรชายของนายสนธิ ในฐานะกรรมการบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเอสทีวี หรือ ASTV ด้วยว่า เป็นคดีค้างเก่ามานานที่กรมประชาสัมพันธ์ร้องทุกข์ กล่าวโทษไว้หลายเดือนแล้ว โดยก่อนหน้านั้นในการประชุมพรรคไทยรักไทย ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวระหว่างการประชุมว่า ตอนนี้มีคดีที่ฟ้องร้องทั้งสื่อและนายสนธิแล้วกว่า 50 คดี ซึ่งไม่ว่าจะฟ้องโดยตนหรือพรรค ขอให้ทุกคนออกมาช่วยกันเป็นเจ้าภาพดำเนินการในการหา ข้อมูล และช่วยกันตอบโต้ โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ให้ออกมาช่วยกัน เพราะไม่ใช่แค่ตนที่เสียหาย พรรคก็เสียหายด้วย ซึ่งที่ผ่านมารัฐมนตรีบางคน รักษาเนื้อรักษาตัวมากเกินไป ไม่ออกมาช่วยตอบโต้ อีกทั้งยังไม่สามัคคีกัน จนในที่สุดเหตุการณ์ก็ลุกลามบานปลาย กว่าจะออกมาตอบโต้ก็ช้าเกินไป โดนด่าจนไปไม่ไหว ตนก็ยอมรับว่า ออกมาช้าเหมือนกัน ผู้ใหญ่ของพรรคปล่อยเรื่องม็อบนานเกินไป ไม่จัดการอะไรเลย

“สนธิ” กลับถึงไทยแล้วลั่นไม่เคยคิดหนี-เดินหน้าสู้ “ระบอบทักษิณ
"แม้ว"ฉุนลูกหาบไม่ปกป้องนาย-ลั่นฟ้องพันธมิตรกว่า 50 คดี

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
3.“อลงกรณ์”บี้เอาผิด“เจ๊แดง” ร่ำรวยผิดปกติ

ประเด็นข่าวที่ได้รับความสนใจอีกเรื่องหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ กรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแฉว่า มีเอกสารหลักฐานข้อสงสัยว่านางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือ “เจ๊แดง” และครอบครัวร่ำรวยผิดปกติ โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอลงกรณ์ ได้หารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมดังกล่าว กับเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) โดย ปปง.ได้ให้ความเห็นว่า กรณีการทุจริตต่อหน้าที่เป็นความผิดตามมาตรา 3(5)หากมีการกระทำการฟอกเงิน จะผิดมาตรา 5 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 แสนบาท รวมถึงการยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน นอกจากนี้ ยังได้หารือกับเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใน 2 ประเด็น คือ 1.ขอทราบคดีร้องเรียนที่ยังค้างอยู่และจะหมดอายุความลงในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบดูว่าคดีดังกล่าวนี้จะดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้ขาดอายุความ 2.พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึง ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนางเยาวภา และสามี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำรายงานการสอบสวนเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของบุคคลดังกล่าว และพรรคประชาธิปัตย์ และป.ป.ช.จะได้ร่วมมือซึ่งกันและกันในการตรวจสอบเรื่องนี้ นอกจากนี้ ในวันที่ 17 เม.ย.จะเข้าพบ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หลังจากนั้นก็จะสรุปเรื่องทั้งหมดว่าจะดำเนินการยื่นสอบสวน นางเยาวภา ในช่องทางใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. ) ตามมาตรา 75 , คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง).และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรืออาจใช้ร่วมกันทั้งหมด เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนต่อไป นายอลงกรณ์ ยืนยันว่า จากเอกสารหลักฐานเบื้องต้นมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางเยาวภาและครอบครัวมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ และอาจจะเข้าข่ายการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปสู่บุตร ซึ่งแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เมื่อตรวจดูฐานะของบุตรชายและบุตรสาวแล้ว แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นในบางบริษัทก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีรายได้เป็นจำนวนพันล้านบาท ในช่วงเวลา 1-2 ปี สามารถไปเทกโอเวอร์บริษัท และเมื่อมีการตรวจสอบก็มีการเทขายหุ้นได้เงินสดไป ดังนั้นจึงจะต้องใช้กฎหมายของ ป.ป.ช. และ ปปง.ตรวจสอบต่อไป ด้าน ด้านนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ยืนยัน ยินดีที่จะให้มีการตรวจสอบ เนื่องจากเป็นนักการเมืองคนหนึ่ง ระบบการตรวจสอบเป็นเรื่องที่จะต้องทำ แต่ขอให้มีความสุจริตในการตรวจสอบ อย่าได้เลือกปฏิบัติ ระบุ ถ้านายอลงกรณ์เป็นสุภาพบุรุษ อย่านำครอบครัวของตนเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะจะไม่เป็นธรรมกับลูกที่ยังเป็นเด็กไม่ทราบอะไร ไม่ควรเอาการเมืองเข้าไปแปดเปื้อน พร้อมสอนนายอลงกรณ์ การเมืองจะต้องมีคุณธรรม จริยธรรม อย่าเกาะกระแสการเมืองดีกว่า

“อลงกรณ์” ยื่นหลักฐาน ป.ป.ช.เชือด “เจ๊แดง” มั่นใจเอาผิดได้
“อลงกรณ์” ลุยคุ้ยทรัพย์สิน “เจ๊แดง” รุดหารือ “จารุวรรณ” 17 เม.ย.นี้
“เจ๊แดง” ไม่หวั่นรวยผิดปกติ - เย้ยอากาศร้อนชี้นำพฤติกรรม “อลงกรณ์”

ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์  อดีตรองนายกรัฐมนตรี
4. "ดร.ปุ"ชื่นชมพันธมิตรฯ-ตร.ยึดหลักอหิงสา รองโฆษก ทรท.เตือนอย่าล้ำเส้น

หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ล่าสุด เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้ออกมาเปิดใจให้แฟนๆ ได้เห็นกันอีกครั้งหนึ่ง ในระหว่างเปิดตัวหนังสือ “ชีวิตนอกบ้าน ปุระชัย เปี่ยมสมบรูณ์ อยู่อย่างไรในนิวซีแลนด์” โดย ร.ต.อ.ปุระชัย ได้กล่าวถึงผลสำรวจของเอแบคโพลล์ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วยคะแนนอันดับหนึ่งว่า เป็นความดีใจและชื่นใจที่ประชาชนยังไม่ลืม ทั้งที่ห่างจากงานการเมืองมาแล้วปีเศษ เพราะสิ่งที่ทำผ่านมาก็เพื่อส่วนรวมและประโยชน์ต่อประเทศชาติ ที่สำคัญคือ ตนสามารถทำงานการเมืองได้ โดยไม่ต้องมีตำแหน่ง เพราะทุกวันนี้ก็ช่วยทำงานด้านการเมืองโดยไม่มีตำแหน่งอยู่แล้ว เพราะเรื่องของตำแหน่งต้องว่ากันไปตามกติกและตามขั้นตอน ร.ต.อ.ปุระชัย ยังกล่าวด้วยว่าเหตุผลที่เข้ามาร่วมรัฐบาลไทยรักไทยในปี 2544 เพราะประทับใจในประวัติศาสตร์ชาติไทยหลายตอน โดยเฉพาะชาวบ้านบางระจัน ที่ร่วมกันรักษาบ้านเมือง โดยไม่ได้หวังเป็นขุนเป็นหลวงเป็นพญา แต่ต้องการรักษาชาติบ้านเมืองให้ลูกหลาน นั่นคือสิ่งสำคัญที่ควรอยู่ในหัวใจทุกคน ร.ต.อ.ปุระชัย ยังได้แสดงความชื่นชมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ปรากฏการณ์นี้อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คนไทยได้เรียนรู้ประชาธิปไตยด้วยสันติธรรม ด้วยอหิงสา และทั้งสองฝ่ายก็ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ที่สำคัญกว่านั้นคือ การชุมนุมที่เกิดขึ้นทำให้ตำรวจได้เรียนรู้การกำกับดูแลการชุมนุมประท้วงด้วยสันติ ซึ่งแต่ก่อนตำรวจเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจอย่างเดียว สั่งมาอย่างไรก็ไปอย่างนั้น พร้อมกันนี้ ร.ต.อ.ปุระชัย ยังได้เตือนสติว่า ผู้นำที่ดีต้องมีธรรม 2 ประการคือ ทศพิธราชธรรม และพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นอกจากนี้ต้องทำหน้าที่พลเมืองที่ดีด้วย คือ การทำหน้าที่เสียภาษี ซึ่งตนก็ทำหน้าที่มาทุกปี ไม่ว่าจะเป็นภาษีที่ดิน ภาษีเงินได้ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ได้ออกมาโจมตีร.ต.อ.ปุระชัย ทันทีว่า เจ้าของฉายาคนดีไม่มีเสื่อม ที่คนไทยยกย่องและออกมาพูดว่ารักชาติ โดยยกตัวอย่างชาวบ้านบางระจันมาอ้างหลายครั้งนั้น ขอให้ ร.ต.อ.ปุระชัย ทำตัวให้เป็นตัวอย่างด้วย เพราะชาวบ้านบางระจันเกิดและตายในเมืองไทย ไม่ใช่ปากบอกว่ารักชาติ แต่กลับไปฝังตัวในนิวซีแลนด์

ทรท.ตั้งวงด่ากราดไปทั่ว-เดือดคำพูด “ปุ” ชูธงยก “บางระจัน” กู้ชาติ
“ปุ”เหน็บพลเมืองดีต้องเสียภาษี

นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา
5. "อ.โต้ง" แฉ ทักษิณล็อบบี้ขอพบ "แบลร์"

ฮือฮาอีกข่าวหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ กรณีนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา และประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ได้ออกมาแฉพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ล็อบบี้ฑูตอังกฤษขอพบกับนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ ของอังกฤษ ในระหว่างที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่อังกฤษ โดยนายไกรศักดิ์ ตำหนิว่าเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศเว้นวรรค อำนาจในการบริหารประเทศของเขาได้หมดสิ้นลงแล้ว ดังนั้นการเรียกฑูตเข้าเรียกไปเพื่อล็อบบี้ขอเข้าพบผู้นำประเทศจึงเป็นเรื่องที่น่าเกลียด และหากเป็นการล็อบบี้เรื่องโครงการเมกกะโปรเจคต์ตามที่มีกระแสข่าวออกมานั้นยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน ด้าน นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวเสริมว่า การกระทำแบบนี้ยิ่งจะสร้างความอึดอัดให้กับฑูตประเทศต่างๆและสร้างความสับสนว่าเขาควรจะคุยกับใครกันแน่ โดยเฉพาะฑูตไทยที่ประจำอังกฤษก็จะยิ่งงงว่าเขาควรจะต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในบทบาทอะไร ในฐานะมาพักผ่อนหรือเจรจาเรื่องการเมือง ทางที่ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะมองถึงเรื่องความเหมาะสมว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหน ซึ่งเรื่องนี้แต่ละคนจะต้องวิจารณญาณในการคิดเองเองว่าเหมาะสมหรือไม่ ด้านนายกันตธีร์ ศุภมงคล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปอังกฤษครั้งนี้ เป็นการไปพักผ่อนส่วนตัวเพื่อพบเพื่อนเก่าตนมองเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ถ้าเพื่อนคนไหนว่างก็นัดพบกันไม่มีเรื่องอื่น สำหรับกระทรวงการต่างประ เทศ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้ขอให้ทำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้จัดช่วยจัดการเรื่องวีซ่า และหนังสือเดินทาง ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าให้กระทรวงฯเป็นผู้ประสานเรื่องการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันชัดเจน เป็นเพียงการพูดตามข่าวเท่านั้น

"อนุทิน"โต้ข่าวติดกลุ่มรมต.-บินตาม"แม้ว"ท่องแดนเมืองผู้ดี
"กันตธีร์"ยัน"ทักษิณ"ไปนอกแค่พักผ่อนอึกอักถูกซักเซ้าซี้พบ"แบลร์"
“ไกรศักดิ์”-อดีตทูต จวก “แม้ว”สับสน ขอพบโทนี่แบลร์


6.กกต.ชี้แม้ว สัญญาว่าจะให้-ม็อบคาราวานหนุนไม่ผิด

เป็นไปตามคาด หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สืบสวนสอบสวนการกระทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ.2541 และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย โดยได้ยื่นเรื่องให้สอบสวนใน 4 ประเด็น คือ 1.กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานเปิดร้านค้าชุมชนเอสเอ็มแอลที่บ้านหนองผือ ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และปราศรัยตอนหนึ่งว่า “ปีนี้หนองผือได้เอสเอ็มแอล 3 แสนบาทต่อปี ปีหน้า 3 แสนบาท ปีต่อไปได้ 3 แสนบาท แต่มีข้อแม้ตนต้องได้เป็นนายกฯ” 2.กรณีนายคำตา แคนบุญจันทร์ เลขาธิการคาราวานคนจน จัดแสดงบนเวทีสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยมีการแสดงตลกและดนตรีไปพร้อมกัน 3. กรณีนางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร ได้แจกผ้าโพกหัวและเสื้อ “ทักษิณสู้ ๆ” ต่อคาราวานคนจนที่เดินทางมาให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สวนจตุจักร และ 4. การปราศรัยใหญ่ของพรรคไทยรักไทยที่วง เวียนใหญ่ กรุงเทพฯ มีการขายเสื้อและผ้าโพกหัว ราคา 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาด ซึ่งเรื่องนี้ อนุกรรรมการสืบสวนฯ ได้ข้อสรุปและได้รายงานให้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ทราบถึงผลการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว โดยสรุปออกมาว่า ประเด็นแรก เรื่องการปราศรัยในลักษณะสัญญาว่าจะให้นั้น หากดูจากเจตนาเป็นการประกาศผลงานในนามของรัฐบาล ซึ่งเรื่องกองทุนหมู่บ้าน (เอสเอ็มแอล) ถือว่าเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบ รวมทั้งได้พิจารณาว่าเงินที่จะนำมาแจกเป็นงบประมาณของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นในนามส่วนตัว หรือพรรคไทยรักไทย จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ ส่วนกรณีกลุ่มคาราวานที่ได้ปักหลักที่สวนจตุจักร สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ถือว่าเป็นการชุมนุมตามปกติที่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้มีการชุมนุมได้โดยสงบ ส่วนกรณี นางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร มารดาของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากยังขาดหลักฐานภาพถ่าย ขณะนางพจนีย์แจกจ่ายเสื้อและผ้าโพกหัว ข้อความ “ทักษิณสู้ ๆ” ให้กับกลุ่มคาราวานคนจนที่สวนจตุจักร ซึ่งที่ผ่านมาทางอนุกรรมการฯ ได้ประสานไปยัง สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เพื่อขอความร่วมมือนำภาพดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา แต่ปรากฏว่า ไม่มีสถานีใดส่งภาพให้อนุกรรมการสอบสวนฯ ด้านน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต ส.ว.อุบลราชธานี เปิดเผยถึงกรณีที่เคยถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.สั่งให้ใบเหลือง เนื่องจากมีผู้นำแผ่นโปสเตอร์แนะนำตัวของตนไปเยี่ยมเพื่อน และมีการผูกข้อมือและมอบเงินรับขวัญลูกเพื่อนว่า กรณีนี้เป็นธรรมเนียมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตนได้ชี้แจงกับกกต. โดยในขณะนั้นมีนายธีรศักดิ์ กรรณสูตร เป็นประธาน โดยได้อธิบายข้อเท็จจริงให้ฟัง แต่ก็ได้รับใบเหลืองในที่สุด หากนำกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย มาเทียบเคียงจะเห็นว่ามีความชัดเจนกว่าเรื่องของตน โดยเฉพาะการปราศรัยลักษณะสัญญาว่าจะให้ ที่บ้านหนองผือ จ.ขอนแก่น ซึ่งการที่อ้างว่าเป็นหนึ่งในนโยบายรัฐฐาลนั้น ตนกลับมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายที่มีผลทางปฏิบัติซึ่งเข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้อย่างชัดเจน อีกทั้งกรณีนางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร ก็ชัดเจนว่าเป็นการแจกเพื่อสนับสนุนบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยที่ไม่ต้องดูขนาดว่ามีการพูดให้เลือกพรรคไทยรักไทยหรือไม่ กกต.น่าจะพิจารณาได้เลยว่ามี ความผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ตามคาด กกต.ตัดสิน “แม้ว” ปราศรัยฯ - ม็อบเชลียร์หนุนไม่ผิด กม.เลือกตั้ง
อดีตส.ว.ระบุ“ทักษิณ”ทำผิดกม.เลือกตั้งชัดเจน


7.แนวโน้มราคาน้ำมันโลกพุ่ง-"วิเศษ"ยันดีเซลไม่ขาดตลาด

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เป็นที่หวั่นวิตกไปทั่วหลังจากบริษัทน้ำมันเจ็ทและคาลเท็กซ์ ได้พร้อมใจกันหยุดขายดีเซลชั่วคราว โดยเรื่องนี้ นายวิเศษ จูภิบาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมายืนยันว่า จากการตรวจสอบข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) บรรดาโรงกลั่นน้ำมัน และบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศพบว่า ขณะนี้น้ำมันดีเซลมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการใช้ ไม่มีปัญหาการขาดแคลนอย่างแน่นอน หลังจากโรงกลั่นได้เดินเครื่องตามปกติ รวมทั้ง ปตท. เชลล์และเอสโซ่ ได้มีการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากต่างประเทศเข้ามาจำนวน 200-300 ล้านลิตร มั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาดีเซลขาดแคลน และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีปั๊มของผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่จะปิดก่อนเวลา โดยอ้างว่าน้ำมันหมด หากใครพบเห็นก็สามารถแจ้งที่กรมธุรกิจพลังงานและกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้เพราะเข้าข่ายกักตุนน้ำมัน ด้านผู้บริหารของน้ำมันคาลเท็กซ์ และน้ำมันเจ็ท ก็ออกมาแก้ตัวว่า ยังคงจำหน่ายน้ำมันดีเซลผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศตามปกติ มีเพียงบางสถานีบริการที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาจประสบปัญหาการขาดน้ำมันดีเซลเพียงชั่วคราว ซึ่งจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการจัดส่งและเปิดจำหน่ายตามปกติต่อไป ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า แนวโน้มราคาน้ำมันโลกยังคงพุ่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งาเเหตุหลักปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบยังคงมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่องมาจากความวิตกว่า สหรัฐฯอาจเปิดฉากใช้กำลังทหารโจมตีอิหร่าน ชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีอิหร่านได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการเพิ่มความเข้มข้นแร่ยูเรเนียม เพื่อใช้ในโรงงานนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก

"วิเศษ"มั่นใจพ้นภาวะดีเซลตึงเร็วๆ นี้ การันตีไม่ขาดแคลน
คอโนโคฯยัน “ปั๊มเจ็ท” เปิดขายดีเซลทุกสาขา
รมว.พลังงานยันน้ำมันดีเซลไม่ขาดแคลน

กำลังโหลดความคิดเห็น