xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 12-18 มีนาคม 2549

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show

1."สมเด็จพระราชาธิบดี-สมเด็จพระราชินี"ทั่วโลก ร่วมฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี

ความคืบหน้าการงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ล่าสุด 16 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี ซึ่งย้ายจากตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มาประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อหวังหลบผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมกันอยู่หน้าทำเนียบฯ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการที่เสนอเข้าร่วมงาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการจัดประชุมอธิการบดีโลก เฉลิมพระเกียรติฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าของโครงการ 2.โครงการอุทยานการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติฯ ที่ประกอบไปด้วยห้องสมุดทั่วไป ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ อินเทอร์เน็ต คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้สำหรับเด็ก ห้องฉายภาพยนตร์และวิดีทัศน์ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับท้องถิ่น โดยเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าของโครงการ 3.โครงการส่งเสริมราชการและประเทศไทยใสสะอาด รวมพลังแผ่นดิน คิดดี ทำดี เพื่อร่วมน้อมเกล้าฯ ถวายในหลวงเฉลิมพระเกียรติฯ สำนักงาน ก.พ. เป็นเจ้าของโครงการ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่าการประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ การประชุมครั้งต่อไปจะเป็นการประชุมของรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป โดยรักษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่อยากให้มีสิ่งใดเป็นอุปสรรค ในการเตรียมการจัดงาน เพราะการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในวันที่ 12 และวันที่ 13 มิถุนายน 2549 เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยและเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของโลก จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำอย่างเต็มที่ ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีจากต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมงานทั้งหมด 26 ประเทศ โดยมี 14 ประเทศ ที่พระประมุขจะเสด็จพระราชดำเนิน เข้าร่วมงานด้วยพระองค์เอง และอีก 12 ประเทศ จะส่งผู้แทนพระองค์เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะมีสถานการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเตรียมงานแต่อย่างใด

กษัตริย์ทั่วโลกร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติ60ปี
รัฐเผยครองราชย์ 60 ปีในหลวง 26 ชาติร่วมถวายพระพรคับคั่ง


2. "แม้ว"หนีหัวซุกหัวซุน -สนธิ จวก โมฆะบุรุษ

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นรัฐบาลจรจัดไม่มีที่ลง หลังถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกดดันอย่างหนัก โดยล่าสุดกระทั่งกำนดการประชุมเตรียมความพร้อมจัดงานเฉลิมฉลองสิริราช สมบัติครบรอบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่นายกรัฐมนตรีประกาศว่า จะมาเป็นประธานการประชุมด้วยตัวเองที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. 16 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ในที่สุดก็มีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมกระทันหัน ไปที่กระทรวงการต่างประเทศแทน ก่อนที่ให้การต้อนรับ นายยูน จี จอน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสเข้าอำลา ซึ่งเดิมทีจะเข้าพบทำเนียบรัฐบาล แต่ต้องมีการเปลี่ยนหมายกำหนดการกระทันหัน โดยให้ไปพบที่บ้านพิษณุโลกแทน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่จะไม่เข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลระหว่างที่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า "อู๊ย...เดี๋ยวนี้โลกยุคใหม่ Where ever you are just one telephone call away (ที่ไหนในโลก ก็สามารถสื่อสารกันได้ด้วยโทรศัพท์ ) อยากเข้า ก็เข้า ไม่อยากเข้า ก็ไม่เข้า" ซึ่งมีรายงานข่าวว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนและมีการแผนหมายอย่างกระทันหันนี้ ได้เกิดเหตุระหว่างที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อไปยังที่ทำการพรรคไทยรักไทย ถ.เพชรบุรี ระหว่างที่ขบวนกำลังเลี้ยวจาก ถ.รัชดาภิเษก เข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ปรากฎว่าได้มีมอเตอร์ไซค์ขี่ตัดหน้ารถยนต์ของสำนักข่าวไทยไทม์ ซึ่งตามอยู่ในขบวนทำให้คนขับต้องเบรกกระทันหัน เป็นเหตุให้รถของผู้สื่อข่าวที่ตามมาเป็นจำนวนมากเบรกไม่ทัน ทำให้เสยท้ายกันเป็นทอดๆรวม 7คัน โดยรถคันที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ รถของหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่กระโปรงรถเปิด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ได้ขึ้นปราศรัยกับผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกมิสักวัน ถนนราชดำเนิน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ปากกล้า ขาสั่น เมื่อเช้าวันที่ 15 มี.ค.พูดออดอ้อน ขอความเห็นใจว่าเหนื่อยแล้ว แก่แล้ว อยากจะหยุดพักเล่นการเมือง พอตกเย็น คุณไสยมันเข้าตัว ของที่นายเนวิน ชิดชอบทำใส่มันออกฤทธิ์ เลยบอกว่าจะมาทำเนียบฯ ไม่กลัว พอรุ่งเช้า เจออาทิตย์แดดจ้าหน่อย พอเข้ามาในกรุงเทพฯ เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของผู้ชุมนุม คุณไสยเขมร เลยหนีจากทำเนียบฯ ไปอยู่กระทรวงการต่างประเทศ ตอนนี้นายเนวิน คงพยายามเอาคุณไสยใส่เพิ่มเติม เดี๋ยวเย็นมันก็ปากกล้าอีก แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ขาสั่นต่อไป พร้อมระบุ เรามีนายกรัฐมนตรีที่เป็นโมฆะบุรุษ นอกจากเป็นโมฆะบุรุษแล้ว จิตยังไม่ปกติ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกนี้ที่มีคนบ้าเป็นนายกรัฐมนตรี อับอายขายหน้าเขาไปทั่วโลก ระดับความบ้าของนายกฯ คนนี้โรงพยาบาลบ้าก็เอาไม่อยู่ ก็เลยต้องไล่ให้ไปสิงคโปร์ เพราะมันบ้าทั้งเกาะเลย

‘จำลอง’ ชี้ ‘ทักษิณ’ หัวหดไม่เข้าทำเนียบ-ไม่กล้าสู้ความจริง
การ์ด ‘ทักษิณ’ กระทบกระทั่ง ‘นักข่าวออสซี่’ จนได้เลือด
“แม้ว” ว่างจัด ควงขันทีหนีเข้าสปา - ฮัม “ดา ดา ดา” เย้ยม็อบกู้ชาติ


3.การเลือกตั้งป่วนผู้สมัคร ส.ส. มือปืนรับจ้างขาดคุณสมบัติเพียบ

แผนส่งผู้สมัครรับจ้างเพื่อเพื่อหนีกฎร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่อเค้าล่มเสียแล้ว หลัง กกต.ตรวจพบว่า มีผู้สมัครที่เข้าข่าย มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 200 ราย เนื่องจาก 1.ไม่มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ลงสมัครปรากฏในฐานข้อมูลของนายทะเบียนพรรคการเมือง 2. ไม่พบชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามบัญชีรายชื่อสมาชิกที่พรรคการเมืองนั้นๆ แจ้งให้กับนายทะเบียนทราบ ณ วันที่ 31 ม.ค. 2549 แต่กลับมีชื่อเป็นสมาชิกปรากฏในบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคที่ทางกกต. ขอความร่วมมือให้แจ้งเพิ่มเติมมาหลัง 31 ม.ค. 2549 ทั้งที่บุคคลนั้นตามบัญชีระบุว่าสมัครเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ก่อนเดือน ธ.ค. 48 3. มีรายชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรคการเมือง 4. พบว่า เป็นบุคคลที่เสียสิทธิเนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ หากผอ.กต.เขต.มีความเห็นไม่ประกาศให้บุคคลทั้ง 200 กว่าราย ที่ตรวจสอบพบเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งก็จะทำให้เขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครจากพรรคการเมืองเดียว ซึ่งเดิมมีอยู่ 131 เขตเลือกตั้งสูงขึ้นเป็น 300 กว่าเขตเลือกตั้งทันที นอกจากนี้ กรณีพระเปรมศักดิ์ หรือนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ ซึ่งเป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีลำดับที่ 93 ของพรรคไทยรักไทยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พร้อมกับลาบวช ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะโยงกับการไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ เพราะจะมี ส.ส.ไม่ครบ 500 คน หากพรรคไทยรักไทยได้รับเลือก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อครบ 100 คน ซึ่งในเรื่องนี้ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. กล่าวว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งและประกาศรายชื่อ ส.ส. แต่หากเปิดประชุมไม่ได้เป็นเรื่องของทางสภา เกี่ยวกับเรื่อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ได้เชิญคณะที่ปรึกษากรรมการด้านกิจการพรรคการเมือง มาหารือเพราะหวั่นเกรงว่า หลังการเลือกตั้งอาจจะไม่สามารถประกาศส.ส.ได้ครบ 500 คน ทำให้ไม่สามารถเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎนัดแรกได้ภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง โดยเกรงว่า ถ้ากกต.ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้จะผิดกฎหมาย ซึ่งทางคณะที่ปรึกษาฯ ระบุว่า หาก กกต.ไม่สามารถทำให้ได้ส.ส.ครบตามจำนวน ที่กฎหมายกำหนดน่าจะผิดกฎหมาย รวมถึงอาจจะถูกตั้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตามคณะที่ปรึกษาเห็นว่าในกรณีที่ไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้หากมีส.ส.ไม่ครบ 500 คน ให้กกต.ส่งชื่อ ส.ส.ที่กกต.ประกาศรับรองได้ทั้งหมดให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดำเนินการต่อ โดยทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องร่วมกับประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่รักษาการประธานรัฐสภา พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าปัญหาที่เกิดขึ้น จะสามารถนำมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญมาใช้บังคับได้หรือไม่ คือ เมื่อมี ส.ส อยู่เพียง 499 คน ก็ให้ถือว่าจำนวนเท่าที่มีอยู่ เป็นสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ผลการหารือดังกล่าวยังไม่ถือเป็นข้อยุติ โดยทางประธาน กกต.จะได้นำไปหารือกับ กกต.อีก 3 คนต่อไป เพื่อที่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจริงจะได้มีข้อมูลในการพิจารณาตัดสินใจว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป

เลือกตั้งป่วน-กกต.พล่าน นอมินีทรท.ขาดคุณสมบัติ


4.เฮลั่นศาลยกฟ้อง"สุภิญญา"คดีชินคอร์ปฯ

หลังจากลุ้นกันมานาน กรณี บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ หรือ คปส. และ บริษัท ไทยเจอร์นัลกรุ๊ป จำกัด นายโรจ งามแม้น ประธานกรรมการบริหารบริษัท, นางกรรณิการ์ วิริยะกุล กรรมการบริหาร และนายทวีสิน สถิตย์รัตนชีวิน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ไทยโพสต์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และตามพ.ร.บ.การพิมพ์ ล่าสุด 15 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้มีคำพิพากษาฟ้องคดีดังกล่าว โดยหลังศาลพิเคราะห์จากพยานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต มิได้มุ่งประสงค์จะใส่ความบริษัทโจทก์แต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะและติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนพึงกระทำ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ลงพิมพ์โฆษณา มีข้อความตรงกับที่จำเลยที่ 1 ให้ข่าวทุกประการ มิได้มีการเสริมปรุงแต่ง ให้ผิดแผกไปจากข้อความเดิม ย่อมชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 กระทำไปโดยสุจริต มิได้มีประสงค์จะใส่ความบริษัทโจกท์โดยประการที่น่าจะทำให้บริษัทโจทก์ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังบริษัทโจทก์ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 จึงไม่มีความผิดตามฟ้องอีกเช่นกัน พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ด้าน น.ส. สุภิญญา ถือว่าครั้งนี้เป็นชัยชนะของสาธารณะชนทั้งหมดที่ได้ร่วมกันต่อสู้ในคดีนี้ ส่วนคดีแพ่งที่ชินคอร์ปฟ้องเรียกค่าเสียหาย 400 ล้านบาทนั้น ยังไม่มีการสืบพยาน แต่เชื่อว่าผลของศาลอาญาที่ยกฟ้องถือว่าตนไม่มีความผิด การเรียกค่าเสียหาย 400 ล้านจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น พร้อมน.ส. สุภิญญา ได้เรียกร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ทบทวนอีกครั้งและตัดสินใจลาออก ด้านนายโรจ งามแม้น หรือเปลว สีเงิน ประธานกรรมการบริหารบริษัทไทยเจอร์นัล กรุ๊ป จำกัด หรือหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 1 ในจำเลยคดีนี้ กล่าวว่า คำพิพากษาย่อมเกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นที่จะสามารถตอบข้อสงสัยของสังคมให้เห็นว่านายกฯ ควรอยู่หรือไป คดีนี้ต้องยกให้น.ส.สุภิญญา เป็นวีระสตรี อาจหาญที่กล้าพูดและยืนยัน เพราะถือเป็นคำพูดที่ผู้ให้ข่าวต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผู้ให้ข่าวต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด ส่วนไทยโพสต์ก็ได้ทำหน้าที่ของสื่อไป ด้านนายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ นักวิชาการประจำสถาบันทีดีอาร์ไอ กล่าวว่าผลทางคดีชี้ชัดได้ว่า ผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นความจริง

“สุภิญญา” เชื่อมั่นสิ่งที่พูด และทำ-บ่งบอกนัยยะ “ชินคอร์ป” ถึงเวลาขาลงแล้ว
ศาลยกฟ้อง"สุภิญญา"
ส.ว.-นักวิชาการระบุศาลยกฟ้อง “สุภิญญา-ไทยโพสต์” บ่งชี้ข้อมูลจริง


5.เมีย"ยุทธ ตู้เย็น"เจอ 5 ปี ฐานแจงความเท็จ -ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ข่าวคราวที่ได้รับความสนใจอีกประเด็นหนึ่งในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ กรณีศาลจังหวัดเชียงราย ได้นั่งบัลลังก์พิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2818/2547 กรณีนางรัตนา จงสุทธนามณี นายองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เชียงราย ได้ฟ้องนางสลักจิต ติยะไพรัช ภรรยานายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานความผิดแจ้งความอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 137 ประมวลกฎหมายอาญา และกระทำการอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 114 ขอให้ลงโทษตามกฎหมายและเพิกถอนสิทธิทางการเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี โดยศาลรับเมื่อวันที่ 1-9 ก.พ.49 ทั้งนี้ ศาลจังหวัดเชียงราย ได้พิพากษาสั่งจำคุกนางสลักจิต ติยะไพรัช สูงสุด 5 ปี ปรับ 100,000 บาท และตัดสิทธิห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือเว้นวรรคทางการเมือง เป็นระยะเวลา 10 ปี แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิด / ให้การเป็นประโยชน์โทษจำคุกลดเหลือ 3 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญา , โทษปรับลดเหลือ 75,000 บาท แต่คงคำพิพากษาให้เว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี หลังรับฟังคำพิพากษานางรัตนา และนายวันชัย จงสุทธนามณี สามี ได้เดินทางลงจากศาลจังหวัดเชียงราย โดยนางรัตนา กล่าวว่า ที่ศาลตัดสินมีความเป็นธรรมแล้ว ส่วนนางสลักจิต ติยะไพรัช ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นตำแหน่ง และพันธบัตรรัฐบาล คิดเป็นมูลค่า 500,000 บาท ขอประกันตัวทันทีหลังรับทราบคำสั่งศาล นางสลักจิตได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ หลังได้รับการประกันตัว ว่า ไม่รู้ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างนี้ แต่ก็จะสู้โดยการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

คนสนิท“ยุทธตู้เย็น”นำชาวบ้านให้กำลังใจ “สลักจิตร”ถึงบ้าน
เมีย “ยุทธ ตู้เย็น” ประกาศสู้ต่อ - รับไม่รู้ผลจะเป็น
ศาลสั่งจำคุกเมียยุทธ ตู้เย็น 5 ปี เว้นวรรค 10 ปี-ชี้แจ้งความเท็จ


6. ส.ว.อิสระยื่นหนังสื่อผู้ตรวจการแผ่นดินฯ ถอนมติ ครม.ตั้งชิดชัยเป็นรองนายกฯเบอร์1

ฮือฮากันอย่างมากในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังคณะรัฐมนตรี มีมติ เลื่อน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 3 ขึ้นมาเป็น รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ซึ่งจะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่มีมติ ครม.ดังกล่าวเพื่อเตรียมไว้เพื่อให้ พล.ต.อ.ชิดชัย ขึ้นรักษาการนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่เกิดปัญหา และมีอำนาจประกาศภาวะฉุกเฉินแทนนายกรัฐมนตรีได้ทันทีหากเกิดกรณีวุ่นวายในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ นายวิญญ ูอุฬางกูร ส.ว.สกลนคร ร่วมกันยื่นหนังสือต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา เพื่อให้นำคำร้องเสนอต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาวินิจฉัยยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของรักษาการนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ซึ่งเป็นคำสั่งและมติคณะรัฐมนตรี ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 215 เพราะคำสั่งดังกล่าวไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 215 ได้บัญญัติไว้ ด้านผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา กล่าวว่า จะรีบให้ฝ่ายกฏหมายเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูล ก่อนว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ว่าอำนาจหน้าที่ของสำงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาว่ามีมากน้อยแค่ไหนในการตรวจสอบเรื่องที่ ส.ว.อิสระได้ร้องเรียนมานี้ หากผลปรากฏเป็นเช่นไรจะทำการแจ้งไปยัง ส.ว.อิสระให้ทราบโดยเร็วที่สุด

ตั้ง‘ชิดชัย’นอมินี‘ทักษิณ’ขัดรธน.ส.ว.อิสระยื่นผู้ตรวจการฯถอนมติ


7.สภาทนายฯท้าทรท.ฟ้อง-ยันศาลจำลองเป็นการตรวจสอบรูปแบบหนึ่ง

ฮือฮาอีกประเด็นในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ กรณีที่พรรคไทยรักไทย ขู่จะดำเนินการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องกับการจัดศาลจำลอง ไต่สวนความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยล่าสุดช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ สภาทนายความ ได้ออกมาท้าพรรคไทยรักไทยว่า หากกรณีดังกล่าวเป็นการล่วงละเมิดหรือเป็นการกล่าวหาข้างเดียว ก็ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้ทุกเมื่อ เพราะขณะนี้ทางสภาทนายความได้เตรียมทนายความไว้แก้ต่างให้กับที่เกี่ยวข้องกับศาลจำลองแล้ว พร้อมยืนยันว่า การจัดศาลจำลองถือเป็นการตรวจสอบภาคประชาชนอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นการทดลองของนักศึกษาที่ทุกสถาบันการศึกษายึดถือปฏิบัติมาอย่างยาวนาน ซึ่งการตรวจสอบของศาลจำลองก็ไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูก เป็นเพียงการรับฟังข้อเท็จจริง ผ่านรูปแบบของศาลเท่านั้น ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาระบุว่า นายชูวิทย์เป็นนักการเมืองเด็กๆ ที่ไปออกรายการศาลจำลองที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับนายเสนาะ เทียนทอง อดีตแกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น และนายประมวล รุจนเสวี อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ว่า อยากถามว่านายวิวรรธนไชย เป็นใคร เป็นแค่กรรมการบริหารพรรค แต่ตนเป็นถึงอดีตหัวหน้าพรรคต้นตระกูลไทย และปัจจุบันก็ยังเป็นรองหัวหน้าพรรคชาติไทย หากพูดถึงความอาวุโส ให้ลองเทียบดูให้ดี ยิ่งเรื่องผลงานในสภาฯ นายวิวรรธนไชย เคยมีหรือไม่ และไปถามประชาชนดูว่า ระหว่างตนกับนายวิวรรธนไชย คนทั้งประเทศรู้จักใครมากกว่ากัน ใครมีผลงานมากกว่ากัน

สภาทนายความท้าทรท.รีบฟ้อง ยันศาลจำลองเป็นการตรวจสอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น