“สังศิต” จัดอันดับให้ “ทักษิณ” เป็นโคตรโกงอันดับ 2 ของโลก รองจากซูฮาร์โต เป็นการคอร์รัปชันแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร ทั้งการเมือง การเงิน และบริหารแผ่นดิน ที่ส่งพวกตนเข้าไปแทรกแซงกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตระกูลชินวัตร ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ และตระกูลมหากิจศิริ นับแสนล้าน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังการปราศรัยโดย สังศิต พิริยะรังสรรค์
บนเวทีปราศรัย เมื่อเวลา 22.30 น. เริ่มคึกคักขึ้นเมื่อ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขึ้นปรากฏตัวบนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นครั้งแรก พร้อมเริ่มการแฉพฤติกรรมการโกงกินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ อย่างดุเดือด
นายสังศิต กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ทำงานวิชาการด้านคอร์รัปชันมากว่า 20 ปีนั้น ชี้ชัดได้ว่าในบรรดารัฐบาลคอร์รัปชันของเมืองไทยที่ผ่านมาไม่มีมียุคไหนที่จะทำการโกงกินบ้านเมืองในขนาดใหญ่มากที่สุดเท่ายุคนี้ เพราะถ้านับว่ายุคของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ได้ชื่อว่าคอร์ชันมากที่สุด แต่ก็ไม่เทียบเท่ากับยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้เวลาเพียง 5 ปีเท่านั้นก็สร้างความร่ำรวยอย่างมหาศาล
นายสังศิต ยกย่องว่า ถ้าจัดอันดับบุคคลคอร์รัปชันมากที่สุดในโลกนั้น พ.ต.ท.ทักษิณต้อง ติดอันดับที่ 2 ของโลกรองจากนายซูฮาร์โต ประธานาธิบดีประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 30 ปีเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาสั้นกว่าเพียง 5 ปีเท่านั้น
ส่วนยุทธวิธีในปูฐานเพื่อการคอร์รัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายสังศิต เปิดเผยว่า เริ่มต้นจากการเข้าครอบครองสภานิติบัญญัติ หลังจากนั้นก็ทำการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้ตนเองสามารถแต่งตั้งปลัด อธิบดีของกรมและกระทรวงต่างๆ ได้ ในอดีตการทรุจริตนั้นทำได้เพียง 2–3 กรมหรือกระทรวงเท่านั้น แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถทุจริตได้ครบ 20 กระทรวง
นายสังศิตยกตัวอย่างเช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งกระทรวงไอซีทีขึ้นมาใหม่ และให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ไปเป็นรัฐมนตรี ก็เพื่อจะเอาประโยชน์ให้แก่กลุ่มพวกพ้อง หรือการตั้งกระทรวงพลังงาน แล้วส่ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เข้าไปเป็นรัฐมนตรี เพื่อเอา ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่าจะกระจายหุ้นให้ประชาชน 25% แต่คนที่ได้หุ้น ปตท.มากที่สุด คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถือมากถึง 50 ล้านหุ้น รวมถึงตระกูลมหากิจศิริ และตระกูลชินวัตร ที่ถือโดยผ่าน “นอมินี”
แต่เดิมนั้น ปตท.ผลประกอบการมีกำไรปีละ 2–3 พันล้านบาท แต่หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วมีการปล่อยให้ราคาน้ำมันขึ้นราคา เพียงปีเดียวผลประกอบการของ ปตท.มีกำไรเพิ่มขึ้นสูงถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆ คือกลุ่มตระกูลชินวัตร ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ตระกูลมหากิจศิริ ซึ่งนายสังศิตสรุปพฤติกรรมนี้ว่า เป็นการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้ตระกูลนักการเมืองรวยขึ้นทันที เฉพาะนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนเดียวก็มีกำไรจากาหุ้น ปตท.มากกว่า 1 แสนล้านบาท ภายใน 1 ปีเท่านั้น
นายสังศิต เดินหน้าแฉต่อไปว่า การคอร์รัปชันแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ เขาเรียกว่าเป็นการ “คอร์รัปชันเบ็ดเสร็จ” ครบวงจรทั้งการเงิน การเมือง การบริหารแผ่นดิน ตั้งแต่แต่งตั้งพรรคพวกตัวเองไปดูแลกระทรวง ด้านการเมืองนั้นตั้งแต่เลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทยได้มา 19 ล้านเสียง แต่ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช บอกว่าทุกวันนี้บัตรเลือกตั้งที่ปลอมนั้นยังค้างอยู่บานเบอะแต่ กกต.ยังไม่ตั้งกรรมการตรวจสอบ
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น นายสังศิต บอกว่า เป็นแหล่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้หาเงิน กองสลากขายหวยบนดินได้กำไร 700–900 ล้านบาท ต่องวด หรือกำไรปีละหมื่นล้านบาท แต่เงินจำนวนนี้ไม่เคยส่งเข้างบประมาณแผ่นดินตามกฏหมายเลย ทั้งนี้เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณนำไปเงินของกองสลากไปใช้จ่ายแต่เพียงผู้เดียว ทุกวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเอาเงินไปแจกคนในชนบทเพื่อให้มาต่อต้านประท้วงม็อบ
สุดท้ายนายสังศิตตั้งคำถามต่อผู้ชุมนุมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลัวอะไรมากที่สุด?? ซึ่งคำตอบก็คือ กลัวพวกที่ชุมนุมอยู่ในขณะนี้ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับม็อบจึงต้องหนีไปต่างจังหวัด พร้อมกับบอกว่าในอดีตที่ผ่านมา เผด็จการทหารในยุคก่อนเมื่อถูกม็อบประชาชนขับไล่นั้นก็ต้องรีบออกแล้ว เพราะทหารมีเกียรติไม่หน้าด้าน แต่พ.ต.ท.ทักษิณถูกม็อบประชาชนขับไล่แล้วไม่ยอมลาออก เพราะเคยชินกับการทุจริต จนป่านนี้จึงยังไม่รู้ตัวว่าทุจริต เพราะเที่ยวประกาศว่าตัวเองทำถูก
“แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะบอกว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่เขาก็ได้ทำผิดคุณธรรม และจริยธรรมของคนเป็นนายกฯ” นายสังศิต กล่าวปิดท้าย