จากคนขับรถธรรมดามาเป็น “กวีพื้นบ้าน” เปิดใจครั้งแรก ทนไม่ไหวถูกกอบโกยสมบัติชาติเป็นของตัวเอง เป็นเหตุจุดชนวนให้ตัดสินใจโดดร่วมวงพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่ “ทักษิณ...ออกไป” เผยจากนี้ไปชื่อเสียงไม่ใช่สาระสำคัญ ยืนยันขอเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาเหมือนเดิม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังการปราศรัยโดย สมาน เกาะเหล็ก
เมื่อเวลา 22.30 น. นายสมาน เกาะเหล็ก กวีชาวบ้าน จ.ภูเก็ต เจ้าของวลี “ภายใต้ฝ่าตีนกู” ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกู้ชาติ ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก และได้นำผลงานกลอนชิ้นใหม่มาอ่านให้ผู้ชุมนุมฟังด้วย
นายสมาน เปิดเผยว่า ตนมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยในวันแรกมาในวันที่ 11 ก.พ.49 หลังจากนั้นทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดการชุมนุมที่ จ.ภูเก็ต และตนได้อ่านบทกวีที่นั้นทำให้ได้รับเชิญมาร่วมชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 26 ก.พ.49 ซึ่งขณะนั้นตนก็ได้ขึ้นอ่านบทกวีบนเวทีพันธมิตรฯ ด้วย แต่เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมาไม่ได้ร่วมชุมนุม เพราะติดได้รับเชิญให้ขึ้นบนเวทีอ่านกลอนที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ภูเก็ตก็เปิดเวทีปราศรัยพร้อมทั้งติดตามส่งสัญญาณการปราศรัยที่กรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งทำเป็นคู่ขนานกับเวทีกู้ชาติที่กรุงเทพฯ มาโดยตลอด ส่วนการมาร่วมชุมนุมครั้งนี้มาตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.49 และก็ร่วมเคลื่อนไหวเวทีมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้
“เหตุผลที่ผมเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ เพราะห่วงสมบัติชาติจะถูกผู้มีอำนาจ โดยนายกฯ ทักษิณ กอบโกยเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว รวมถึงคนรอบข้าง การร่วมต่อสู้ของผมก็เพื่อขับไล่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออกไป” นายสมาน กล่าว
นายสมาน กล่าวต่อว่า การขึ้นมาร่วมต่อสู้จนได้รับการยอมรับว่าเป็นกวีศรีชาวบ้านของตนนั้น เป็นเรื่องอุบัติเหตุ ตนไม่เคยขึ้นเวทีปราศรัยที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ว่าในวันที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วยพันธมิตรทั้งหมดไปร่วมกับชาวภูเก็ตจัดเวทีกันที่บริเวณสะพานหิน กลางเมืองภูเก็ต ตนได้เข้าไปร่วมฟังและอยากจะระบายความรู้สึก จึงเขียนกลอนขึ้นสดๆ ข้างเวทีตอนนั้น แล้วก็ขอเจ้าหน้าที่ขึ้นไปสัก 2-3 นาที เพื่ออ่านบทกวี ปรากฏว่าขึ้นไปแล้วกลับได้รับเสียงปรบมือทำให้นายสนธิออกปากชวนให้มาร่วมเวทีพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นก็ได้รับเกียรติจากนายสนธิ และพันธมิตรฯ มาโดยตลอด
นายสมาน กล่าวอีกว่า จริงๆ ตนเป็นเพียงแค่พนักงานขับรถของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ที่ผ่านมาการเดินทางมาต่อสู้กับพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ ก็ต้องลางานมา ซึ่งนายจ้างก็เข้าใจ แต่เมื่อบ่อยครั้งขึ้นก็รู้สึกเกรงใจ กลัวจะมีปัญหากระทบต่องาน ดังนั้น ตนจะเดินทางกลับ จ.ภูเก็ต ในวันพรุ่งนี้ เพื่อกลับไปทำงาน แต่ก็ไม่ทิ้งการเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ ใน จ.ภูเก็ต
“การที่ผมเป็นคนเขียนกลอนก็พัฒนามาจากคนไม่มีความรู้อะไรมากมาย ก็ศึกษาก็ไม่ได้จบชั้นสูง เพียงแต่ก็ขีดๆ เขียนๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวบ้าง ครอบครัวบ้าง แล้วก็เก็บไว้อ่านเองภายในครอบครัว เพิ่งมีครั้งนี้ที่เกิดการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับอำนาจรัฐ ผมได้มาเขียนบทกวีทางการเมือง และได้ขึ้นอ่านบทเวทีพันธมิตรฯ ในที่สุด ส่วนชื่อเสียงที่มีคนไทยในประเทศและต่างประเทศได้เห็นผลงาน รวมถึงสื่อต่างๆ ในเครือผู้จัดการ โดยเฉพาะเว็บไซต์ผู้จัดการนำไปทำริงโทนให้คนโหลดเข้ามือถือ ในเรื่องนี้ผมไม่ได้สนใจ ยังอยากจะเป็นชาวบ้านธรรมดาเหมือนเดิม” นายสมาน กล่าวทิ้งท้าย
ไทยรักไทย หัวใจคือทักษิณ
เจ้าหมดทางหากินถิ่นแดนใต้
สิงคโปร์ก็มีไยไม่ไป
ไอ้จัญไรทำได้แม้แผ่นดิน
แค่มาฟังการหาเสียงยังต้องจ้าง
สองร้อยบ้างสามร้อยบ้างแล้วแต่ให้
ไม่มีใครเขามาด้วยหัวใจ
แจกเข้าไป ให้เข้าไป เงินของกู้
ท่านขายหุ้นชินคอร์ปน่าขบขัน
ปั่นหุ้นท่านให้ขึ้นแล้วจึงขาย
เที่ยวมาหลอกชาวบ้านอย่างไม่อาย
ประชาชนเป็นควายหรืออย่างไร
ยึดสภาท่านว่าคืนอำนาจ
ชาติอุบาทว์ไม่อายหมา
โยนความผิดให้กับปวงประชา
ตัวปัญหาคือท่านไยไม่ทำ
2 เมษาฯ ท่านมาให้เลือกตั้ง
ไม่รู้ยังมีวันนี้อยู่อีกไหม
แต่ถ้ามีตัวกูก็จะไป
ไม่เลือกใครเข้าสภากาผู้แทน
หากวันนี้มีหมามาสมัคร
กูก็จักเลือกหมาเป็น ส.ส.
จะไม่ยอมเลือกคนที่สอพลอ
และไม่ขอเลือก ส.ส.ไทยรักไทย
หากใครเลือกไทยรักไทยเข้าสภา
กูก็ขอเลือกหมามาเห่าหอน
ให้มันกัด ให้มันกิน ให้มันตอน
ให้ภูตผีที่หลอกหลอนปวงประชา
หากวันนี้มึงได้รับการเลือกตั้ง
กูก็ยังไล่มึงอยู่ไม่ไปไหน
จะขออยู่เพื่อไล่มึงออกไป
ให้พ้นจากประเทศไทยเลยยิ่งดี
ออกไป ออกไป ไอ้ทักษิณ
คนเขาไล่ทั้งแผ่นดินได้ยินไหม
หูท่านหนวกตาท่านบอดหรืออย่างไร
ก็ไอ้แค่ออกไปทำไมต้องให้แปล
ท่านบอกว่าประเทศต้องเดินหน้า
แต่ท่านพาประเทศให้ลงเหว
รอบๆ ข้างก็มีแต่คนเลว
หากลงเหวแล้วเดินหน้าอย่าพาเลย
หากเดินหน้าแล้วพาเราลงเหว
ก็จงถอยให้เร็วพี่น้องเอย
ทางข้างหน้าอันตรายอย่าไปเลย
อยู่เฉยๆ อย่านี้ยังดีกว่า
หากมึงตายอย่าได้เผาที่นี่
ตายเป็นผีหากอดอยากแล้วลากไส้
หากชีวิตของท่านมาบรรลัย
เราจะส่งท่านไป...สิงคโปร์
