นับถอยหลังเข้าสู่วันอังคารที่ 15 มีนาคม มาได้ 3 ชั่วโมง สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวประณาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ ว่าหมดความชอบธรรม ขาดจริยธรรมทางการเมือง มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จึงไม่สมควรจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้อีกแล้ว
สุภิญญา กล่าวว่า ตลอดเวลา 5 ปีของขึ้นครองอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สร้างปัญหาไปทั่ว อาทิ ปัญหาภาคใต้ ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดก็ทำให้เกิดการอุ้มฆ่าประชาชนบริสุทธิ์ไปกว่า 2 พันคน นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็สร้างวิบากกรรมตกอยู่กับประชาชนคนจน รวมถึงล่าสุดเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็ก นั่นหมายถึงการขายวงโคจรดาวเทียม 4 ดวง ขายไอทีวี ขายสัมปทานโทรศัพท์มือถือ นั้นหมายถึงการขายอธิปไตยในการสื่อสารเพราะคลื่นความถี่เป็นของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งกลายมาเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาลที่สร้างความร่ำรวยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น เหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศอีกต่อไปแล้ว
นอกจากนี้ สุภิญญายังได้เล่าถึงคดีความที่โดนชินคอร์ปฟ้องว่า ในวันที่ 15 มีนาคมตนเองจะต้องไปขึ้นศาลในคดีหมิ่นประมาท โดยถูกฟ้องในคดีอาญาเมื่อปี 2546 และในปีต่อมาก็ถูกฟ้องในดคีแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 400 ล้านบาท ตนเองต่อสู้คดีนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว จนเมื่อเดือนที่ผ่านมาทางชินคอร์ปได้ส่งคนมาขอเจรจายอมความกัน แต่ก็มีเพื่อนๆ และผู้ใกล้ชิดเตือนสติไม่ให้ยอมความเพราะถือว่าเป็นคดีสาธารณะไปแล้ว ควรจะต้องสู้ต่อไปเพราะจะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต ตนเองไม่รู้ว่าคดีนี้จะแพ้หรือชนะ แต่ก็ตัดสินใจจะเดินหน้าสู้ต่อไป
สุดท้าย สุภิญญาได้ประกาศปลุกกลุ่มผู้ชุมนุมมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันว่าจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงแบบสันติวิธีที่จะไม่ให้เสียเลือดและน้ำตา