xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเส้นทางรวยลัดสไตล์ “ชินคอร์ป”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังปี 2544 “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” แปรเปลี่ยนจากประธานบริษัทชินคอร์ป เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย เพียงแค่ 3 ปีให้หลัง “เครือชินคอร์ป” ร่ำรวยมหาศาล ทีดีอาร์ไอเคยประเมินว่าแค่ปี 2546 ปีเดียว เครือชินคอร์ปมีความมั่งคั่ง 205,276 ล้านบาท (สองแสนห้าพันสองร้อยเจ็ดสิบหกล้านบาทถ้วน)

สูตรสำเร็จในการบริหารในแบบชินคอร์ป อันดับแรกต้องฉีกตำราเอ็มบีเอทิ้งก่อน เพราะการแข่งขันกันด้วยราคาและกลยุทธ์การตลาด ที่สอนกันในมหาวิทยาลัยนั้นมันใช้ไม่ได้ แต่การเข้าถึงศูนย์กลางอำนาจรัฐต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ยิ่งเป็นผู้กุมอำนาจรัฐยิ่งดี

กำเนิดชินคอร์ป

ย้อนกลับไป วันที่ 27 มีนาคม 2533 บริษัท เอไอเอส ได้รับสัมปทานจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้ดำเนินการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 900 MHZ เป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจมือถือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ปี 2535 ได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคม โดยอิงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ประธาน รสช. จากนั้น 18 พฤศจิกายน 2535 นำเอไอเอสแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหุ้น ต่อมาช่วงรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี เอไอเอส ได้ลงนามสัญญาแก้ไขสัมปทานกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย โดยเพิ่มอายุสัมปทานจาก 20 ปี เป็น 25 ปี

ออกกฎทำลายคู่แข่ง

กลยุทธ์แห่งความสำเร็จประการหนึ่งเกิดขึ้นสมัยแรก ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อมีการแปรสภาพ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เป็น บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย แปรสภาพเป็น บริษัท กสท โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐวิสาหกิจของรัฐทั้งสองแห่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ สวนทาง “เอไอเอส” หนึ่งในบริษัทเครือชินคอร์ปที่รุ่งเรืองสุดขีด

ปี 2546 รัฐบาลออกกฎหมายจัดเก็บภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการเดิมอย่างยากลำบาก เพราะผู้ประกอบการใหม่ต้องเสียทั้งภาษีสรรพสามิตและค่าสัมปทาน ในขณะที่ผู้ประกอบการรายเก่าอย่างเอไอเอสสามารถหักภาษีออกจากค่าสัมปทานได้

ลดภาษี 16,000 ล้าน

ปีเดียวกัน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีนายกฯ เป็นประธานบอร์ด มีมติส่งเสริมการลงทุนให้ดาวเทียมไอพีสตาร์ ของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ ทำให้ได้รับยกเว้นภาษีถึง 16,459 ล้านบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดไปจากเงื่อนไขการส่งเสริมของบีโอไอ ที่มักให้การส่งเสริมบริษัทที่มีศักยภาพน้อยและอยู่ระหว่างลังเลใจที่จะลงทุนเพื่อจูงใจการลงทุน แต่ชินแซทฯวางแผนการลงทุนและกู้เงินเพื่อลงทุนอยู่ก่อนแล้ว

ก่อนที่จะมาเป็นดาวเทียมไอพีสตาร์ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพบประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ เมื่อปี 2544 จากนั้นไม่นาน ในปี 2545 นายบุญคลี ปลั่งศิริ ซีอีโอชินคอร์ป ก็ประกาศว่า US EXIM bank ให้เงินกู้กว่า 20,000 บาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจไอพีสตาร์ ทำให้ชินคอร์ปเจริญรุ่งเรืองมาก ควบคู่กับการผลักดันนโยบายเอฟทีเอไทย-สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

นโยบายการทำเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ไม่ว่าจะทำกับอินเดีย จีน นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ล้วนเป็นใบเบิกทางให้กับธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ทั้งสิ้น เพราะทุกวันนี้ทุกประเทศที่ทำเอฟทีเอล้วนแต่ใช้ดาวเทียมดวงนี้ของชินแซทฯ ทั้งสิ้น

การปล่อยเงินกู้ให้พม่าเป็นตัวอย่างหนึ่งของการ “คอร์รัปชันเชิงนโยบาย” ที่เห็นได้ชัดเจนอย่างมาก รัฐบาลไทยโดย Exim Bank ปล่อยกู้ 4,000 ล้านบาท ให้รัฐบาลพม่า เพื่อให้กระทรวงสื่อสารและไปรษณีย์ของพม่ากู้ไปลงทุนพัฒนาการสื่อสารโทรคมนาคม 3 โครงการ และเป็นความบังเอิญอย่างมากที่ บริษัทชินแซทฯ ชนะประมูล

ไทยแอร์เอเชียสยายปีก

ปลายปี 2546 ชินคอร์ป ซื้อสายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย” เข้ามาแข่งกับการบินไทย ในอีกด้านหนึ่งรัฐบาลส่งคนเข้าไปบริหารการบินไทย มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางบินและการจัดซื้อจัดจ้าง การบินไทยต้องเลี่ยงเส้นทางบินที่มีศักยภาพให้ไทยแอร์เอเชียตีปีก ทำให้การบินไทยในช่วงหลังอยู่ในสภาพอ่อนแออย่างหนัก จนขณะนี้ปัญหาในการบินไทยยังคงไม่จบสิ้น

ไทยแอร์เอเชียตั้งมาไม่กี่ปีบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นว่าเล่นกว่า 120 เที่ยวต่อเดือน มีการยกเลิกเที่ยวบินของสายการบินไทย เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-สิงคโปร์ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เอาไทยแอร์เอเชียเสียบแทน และลดเส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-ภูเก็ต 14 เที่ยวบิน ลดเส้นทางไป-กลับกรุงเทพฯ-กระบี่ 7 เที่ยวบิน ทุกเส้นทางที่การบินไทยลดเที่ยวบินไทยแอร์เอเชียเสียบแทนทั้งสิ้น

ลดสัปทานไอทีวี 150 ล้าน

ปีเดียวกัน ไอทีวีได้ลดค่าสัมปทานจากรัฐปีละ 150 ล้านบาท ตลอดอายุสัมปทาน เป็นเงินรวม 17,000 ล้านบาท และยังเปลี่ยนเจตนารมณ์ของสถานีโทรทัศน์ที่เน้นให้ความรู้ข่าวสารแก่ประชาชน เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เน้นรายการบันเทิงด้วย เพื่อดึงดูดเงินโฆษณา

กล่าวโดยสรุปปี 2546 นโยบายที่ออกมาเป็นชุด เพียงปีเดียวเครือชินคอร์ปมีความมั่งคั่งถึง 205,276 ล้านบาท!!

เข้าสู่ปี 2547 เป็นยุคที่คนไทยนิยมเอาเงินอนาคตมาใช้จ่ายแบบไม่อั้น หนี้ภาคครัวเรือนในสังคมชนบทพุ่งไม่หยุดจากนโยบายเอื้ออาทรต่างๆ ชินคอร์ป เห็นโอกาส ตั้งบริษัท แคปปิตอล โอเค ดูดซับสินเชื่อนอกระบบธนาคารพาณิชย์ ทำมาหากินกับภาคประชาชนที่เดือดร้อนเงินทอง

อาศัย 30 บาท ฮุบโรงพยาบาล

ช่วงปี 2546-2548 ภายหลังจากดำเนินนโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค” อันเป็นผลทำให้คุณภาพในการบริการและการรักษาพยาบาลลดต่ำลงอย่างมาก ประชาชนแห่เข้าใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มสูงขึ้น เป็นโอกาสให้ เครือชินคอร์ปเข้าซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างต่อเนื่อง

บทสรุป ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ แยกบทบาทตัวเองไม่ออกระหว่างการเป็นนายกฯของประเทศไทยและประธานชินคอร์ป นโยบายรัฐที่เอื้อต่อเครือชินคอร์ป สร้างผลกำไรมหาศาล ในช่วงปีแรกๆของการดำรงตำแหน่ง นพ.ประเวศ วะสี บัญญัติศัพท์ “คอร์รัปชันเชิงนโยบาย” คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจว่าคืออะไร

แต่วันนี้คนไทยทั่วประเทศรู้มากไปกว่านั้น คือ เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเราต้องตะโกนไล่ ทักษิณ...ออกไป!!
กำลังโหลดความคิดเห็น