xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องปากของคนชื่อ “ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากที่หลายฝ่ายได้ออกมาติติง-ตักเตือน-ห้ามปราม ไม่ว่าจะเป็น “อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “บรรหาร ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทย นักวิชาการถึงเรื่องความปากเร็ว ปากไว ปากไม่มีหูรูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เพราะยามใดที่ท่านเกรี๊ยวกราด โมโห คำสบถต่างๆ จะพรั่งพรูออกจากปากท่าน

และในเมื่อ “ปิยวาจา” ความหมายคือ การพูดกันและพูดถึงกันอย่างเหมาะสม ไม่ตำหนิ ถากถาง นินทาว่าร้าย หรือพูดกล่าวหาให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย แต่หากเรามองไปถึงแบบอย่างผู้นำประเทศที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ท่านผู้นี้จะเป็นแบบอย่างของเยาวชนในเรื่องนี้มิได้เลย...

ทีมงาน “ผู้จัดการออนไลน์” จึงขอเก็บคำพูดเหล่านี้มาย้อนความทรงจำเพื่อมิให้เป็นแบบอย่างในทางที่ไม่ดี

1.กล่าวถึงพาดพิงการชุมนุมใหญ่ 4 ก.พ.ที่มีคนร่วมชุมนุมเรือนแสนคน ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างเลี้ยงอาหารประชาชนหลังทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นางยินดี ชินวัตร มารดา ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว, 6 กุมภาพันธ์ 2549

“แม้จะโดนเหยียดหยาม 3 ปีนี้ผมมีภารกิจที่ต้องทำมาก มีคนง่าว (โง่) ไม่กี่คน ช่างแม่งเต๊อะ”

2.กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ภารกิจกู้ชาติ 4 ก.พ. ในงานเลี้ยง “ปิ๊กมงฟอร์ตบ้านเฮา” ที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

“คนที่อยู่ที่ลานพระรูป คือคนที่ไม่เคารพกติกาสังคม หากสังคมใดปล่อยให้กุ๊ยนำคน และไม่เคารพกติกา สังคมก็อยู่ไม่ได้ ภายใต้การนำของผม จะไม่ยอมให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง”

3.กล่าวในรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน” ถึงกรณีที่นักวิชาการ-องค์กรภาคประชาชนให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี, 4 กุมภาพันธ์ 2549

“ถ้าพระเจ้าอยู่หัวกระซิบผม รับสั่งคำเดียว ทักษิณ..ออกเถอะ รับรอง กราบพระบาทออกแน่นอน”

4.กล่าวถึงกรณีพาดพิงถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จะจัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องลานพระบรมรูปฯ, 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

“คนที่เคยหาประโยชน์ได้จากการที่รัฐบาลอ่อนแอด้วยการไปข่มขู่ พอหาไม่ได้ปุ๊บก็โกรธ อยากทำทีวี ไม่ได้ทำจะตายห่าให้ได้ มันก็เป็นอย่างนี้”

5.กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการขายหุ้น “แอมเพิล ริช” ว่าหมดความธรรมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

“ชาติหน้าสายๆ ถึงจะลาออก ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง ไม่ต้องห่วง”

“โดยเฉพาะการเป็นอาจารย์ต้องประสิทธิ์ประสาทวิชาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ว่าโดนใครจูงไปเรื่อยเยอะแยะ”

6.ตอบโต้ นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกมาวิจารณ์, 23 มกราคม พ.ศ. 2549

“ไม่อยากพูดเรื่องคนป่วยที่เพ้อเจ้อ”

7.กล่าวอย่างมีอารมณ์ถึงการพาดหัวหนังสือพิมพ์ในการลงพื้นที่แก้จนที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด, 17 มกราคม พ.ศ. 2549

“พาดหัวข่าวเฮงซวย พาดหัวไม่สร้างสรรค์ ห่วยมาก สร้างสรรค์หน่อย บ้านเมืองถึงเป็นแบบนี้”

8.กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี จนทำให้ ร.อ.นาวิน ปิ่นประเสริฐ ซึ่งเป็นครูฝึกนักบินเสียชีวิต 1 รายระหว่างรับประทานอาหารกลาวงวันที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด, 18 มกราคม พ.ศ. 2549

“มัวแต่มองป้ายบรรหาร-แจ่มใส เต็มไปหมด” ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “มัวแต่ดูหอ หลงหอ”

9.กล่าวถึงกรณีที่สารพัดม็อบไปดักรอที่ร้อยเอ็ด ในวันที่จัดเรียลิตี้แก้จนที่อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด, 16 มกราคม 2549

“คุณอยากกินอยากนอนอยู่ที่นั่นก็ไม่เป็นไร ผมนอนในเต็นท์ คุณจะนอนข้างทางก็นอนไปไม่มีปัญหา”

10.กล่าวในรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน” กรณีที่กลุ่มคนเมืองไทยรายสัปดาห์ไปประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล, 14 มกราคม 2549

“รอชาติหน้าสายๆ ยังไงก็ไม่ลาออก เพราะ 19 ล้านเสียงเป็นคนเลือกผมมา ยอมรับปัญหาของชาติมีเป็นหมื่นอย่างต้องค่อยๆ แก้กันไป ไม่เข้าใจว่าพวกเอ็งเป็นใคร อยู่ๆ จะมาไล่ มาเย้วๆ อยู่หน้าทำเนียบ มาทำไมตอนกลางคืน ทำไมไม่มาตอนกลางวัน”

11.กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายหนุนองค์กรภาคประชาชนเข้าไปรับฟังการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ, 12 มกราคม พ.ศ. 2549

“มันมีที่ไหนเขาทำกัน วันหลังก็ไม่มีระบบการเลือกตั้ง จะทำอะไรก็เชิญ ประชาชน 63 ล้านคน มาร่วมหน่อย ระบบเลือกตั้ง ระบบตัวแทนก็ไม่มีสิ โอ้ว”

12.กล่าวในรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน” ถึงคำทำนายจากนักวิเคราะห์หลายฝ่ายระบุค่อนข้างตรงกันว่า ในปี 2549 จะเป็นปีที่หนักหนาสาหัสในทุกด้าน, 7 มกราคม พ.ศ. 2549

“หมอดูคู่กับหมอเดา ให้ฟังหูไว้หู ไม่มีใครลิขิตชีวิตของตัวเองได้เท่ากับตัวเราเอง ทำดีต้องได้ดี คนหน้าด้านไม่มีทางได้ดีแน่นอน”

13.กล่าวพาดพิงถึงม็อบสวนลุมฯ ในประเด็นถวายคืนพระราชอำนาจในงาน “นายกฯ ทักษิณพบแท็กซี่” ณ อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก, 25 ธันวาคม 2548

“ไม่ใช่ถึงเวลามามีคนไปนั่งเห่าอยู่แถวสวนลุมฯ ขนคนมาจากเพชรบุรี ภูเก็ต ชุมชนบางแห่งใน กทม. แล้วมาบอกว่าออกไป คืนพระราชอำนาจ เอ็งบ้าหรือเปล่าวะ แล้วกติกาบ้านเมืองอยู่ไหน คนจน คนชนชั้นกลางที่เลือกผม เขาคิดยังไง อยู่ๆ มาเป็นไก่ อยู่ๆ มาเจออย่างนี้ไล่เป็นไก่ ไม่ใช่ผม ชาติหน้าสายๆ เอ็งเอ้ย เชิญเลย ผมว่าท่านคงได้ยิน บางช่วงให้คนนั่งแท็กซี่ บอกเนี่ยผมกำลังเหลิงจะเป็นประธานาธิบดี ปัดโธ่ เป็นแค่นี้ก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว ทุกวันนี้อยู่ด้วยจิตรับผิดชอบ เอะอะก็หาว่าผมไม่จงรักภักดี ปัดโธ่ ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดี แล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี ผ่านโรงเรียนทหารตำรวจมาแล้ว ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยามาแล้ว”


14.กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการวิจารณ์การแบ่งโซนสี ในการแก้ปัญหาภาคใต้, 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548

“ผมรู้ไอ้พวกนี้ไม่เลือกเบอร์ 9 ทั้งนั้น ไม่มีปัญหาหรอก เพียงแต่ผมฟัง ไม่ใช่ไม่ฟัง ไม่ใช่คนไม่เลือกผมแล้วผมไม่ฟัง แต่ฟังสร้างสรรค์หน่อย ให้แนวคิดหน่อย ติอย่างเดียวไม่ได้ อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคน “แม่ง” ออกมาติอยู่นั่นแหละ”

15.กล่าวในงานเลี้ยงขอบคุณและอำลาเนื่องในโอกาสปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติประจำปี47 และครบรอบ 4 ปี ของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 21 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กับนายบรรหาร ศิลอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย, 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547

“พูดต่อหน้าพี่บรรหารเลยนะ พี่จำได้ไหม ผมไม่อยากบอกชื่อ พอรับตังค์ผมเสร็จ แม่งขึ้นโปสเตอร์เสร็จแล้วปิดประตูบ้านหนีเลย ตอนผมเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ไอ้คนที่ผมส่งแม่งโทร.มาบอกว่า ลูกพรรคบอกว่าหัวหน้ามาปราศรัยเลยมีคนเป็นหมื่น พอเราไปถึงมีอยู่ 80 คนรวมทั้งคนขับรถ”

ฯลฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น