xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวในรอบสัปดาห์ 22-28 มกราคม 2549

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show


1.“แม้ว”แจงขายหุ้นชินฯไม่จ่ายภาษีเป็นไปตามกฎ กลต.-ระบุ คนอิจฉาที่ได้เงินเยอะ


ยังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่เลิกกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขายหุ้นชินคอร์ปมูลค่า 7.33 หมื่นล้านบาทโดยไม่ต้องเสียภาษี โดยพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่ไม่ต้องเสียภาษีว่าเพราะตลาดหลักทรัพย์ประกาศยกเว้นการเสียภาษีกำไรจากการขายหุ้น หรือ แคปปิตอลเกนแทกมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆ และกฎเกณฑ์นี้ก็ยังใช้อยู่ ตั้งแต่นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ระบุ จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นบางส่วนไปตั้งมูลนิธิ เพื่อทำวิจัยช่วยให้คนจนมีทางออก เช่นการแปรรูปการเกษตร เพราะหากปล่อยให้ฝ่ายราชการคิดก็เป็นแค่ขั้นปฐมภูมิมากไป พร้อมระบุ พวกที่ออกมาวิจารณ์เป็นพวกขี้อิจฉาที่ได้เงินเยอะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันด้วย ไม่ได้ให้สิงคโปร์เข้าครอบงำเพราะ ต่างชาติเป็นเพียงผู้มาถือหุ้นในกองทุนเท่านั้นแต่ผู้บริหารเป็นคนไทยทั้งสิ้นและเป็นชุดเก่าด้วยบริหารอย่างเดิมเลยไม่ส่งผลอะไรเลย ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอสกล่าวว่าได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ โดยอาจจะพักผ่อน 1-2 เดือน ก่อนที่จะไปช่วยงานที่บริษัท เอสซี แอสเซท ซึ่งยังไม่รู้จะไปดำรงตำแหน่งอะไรเพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยรายละเอียดกัน ช่วงที่ออกจากเอไอเอสคงไปช่วยงานท่านนายกฯ และเคารพการตัดสินใจขายหุ้นชินคอร์ปของท่าน ด้านพลเอกชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า ยังไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะต้องรอหารือกับบอร์ดของกทช.ทั้งหมดก่อน จึงสามารถให้ความคิดเห็นของเรื่องนี้ได้ ทั้งในเรื่องผลกระทบต่อการออกใบอนุญาต และการรักษากฏหมาย รวมทั้งป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยคาดว่าภายในต้นเดือน ก.พ. จะสามารถหาข้อสรุปได้

ปิดฉากหุ้นชินคอร์ปฯ “ลูกทักษิณ” รวยเละซื้อ 7.3 หมื่นล้าน!
“บุญคลี” ยืนยันไม่เกี่ยวอินไซเดอร์ขายหุ้น “ชิน”
“โต้ง” ยืนยันไม่เข้าข้างฝ่ายใดกรณีซื้อขายหุ้น “ชิน คอร์ป”

พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภาค 4  บุกขึ้นเวที ผลักอกนายอวยชัย วะทา แกนนำครู
2.รัฐบาลกัดไม่ปล่อย เวบฯผู้จัดการ-เอเอสทีวี-เวทีเมืองไทยฯ ที่ขอนแก่น

เห็นได้ชัดเจนว่า รัฐบาลยังคงไม่เลิกที่จะคุกคามสื่อมวลชน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือด่วนถึงสถานีโทรทัศน์ระบบดาวเทียม ASTV ขอระงับสัญญาณเชื่อมต่อบริการของสถานีฯ ซึ่งทำให้ ASTV ไม่สามารถถ่ายทอดสดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร จากห้องประชุมใหญ่ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลาได้ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง แหล่งข่าวจาก กสท เผยว่า การตัดสัญญาณเชื่อมโยงระบบนั้นได้มีคำสั่งจากกรมประชาสัมพันธ์มาถึง กสท ให้ระงับสัญญาณเชื่อมต่อบริการของ ASTV โดยอ้างถึงการผิดข้อบังคับของกรมประชาสัมพันธ์ในการแพร่ภาพ ดังนั้น ทาง กสท จึงจำเป็นต้องหยุดระงับการให้บริการ ด้านแหล่งข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ ชี้แจงว่า การดำเนินการของกรมฯเป็นไปตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรทัศน์ที่ระบุว่า ถ้าสถานีมีรายการผิดไปจากหลักเกณฑ์ก็จะถูกระงับการออกอากาศ นายสนธิ กล่าวว่า สาเหตุที่รัฐบาลตัดสัญญาณถ่ายทอดสด เพราะกลัวประชาชนจะเห็นพลังบริสุทธิ์ที่ออกมาสนับสนุนเขาเป็นจำนวนมาก หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนได้เห็นภาพที่เขาเดินทางไปพบปะชาว จ.เพชรบุรี และการไปพบปะกับชาว จ.ตรัง ปรากฏว่ามีประชาชนหาเช้ากินค่ำในตลาดที่เป็นพลังบริสุทธิ์ได้ออกมาจับมือต้อนรับเขาเป็นจำนวนมาก ถัดมาอีกวัน กรมประชาสัมพันธ์ได้ทำหนังสือถึงบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ให้ทำการบล็อกเว็บไซต์ “ผู้จัดการออนไลน์” ไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ โดยอ้างเหตุผลว่ามีการเผยแพร่ข่าวสารที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งในเบื้องต้นผู้บริหารของ กสท ได้แจ้งทางวาจาต่อผู้บริหารของบริษัท อินเทอร์เนตโซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ หรือ ไอเอสเอสพี ในฐานะผู้ให้เช่าสัญญาณโครงข่ายแก่เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ให้ทำการบล็อกเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ แล้ว โดยจะมีหนังสือเป็นทางการไปถึง ไอเอสเอสพี ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ทางไอเอสเอสพียังไม่ได้ทำการบล็อกเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์โดยทันที โดยขอให้มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมประชาสัมพันธ์ส่งมาถึงก่อนจึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ แหล่งข่าวในไอเอสเอสพี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ยังไม่บล็อกเว็บไซต์ผู้จัดการฯในทันที เพราะเห็นว่าอำนาจการสั่งบล็อกเว็บไซต์ไม่น่าจะอยู่ที่ กสท แต่น่าจะอยู่ที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. มากกว่า เพราะการบล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บถือเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม การที่ กสท มีหุ้นลมจำนวน 32% อยู่ในบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกราย ก็ทำให้ผู้บริหารของ ไอเอสเอสพี ลำบากใจไม่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น 27 ม.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยาบามสกัดกั้น นายสนธิ และ กลุ่มครูคัดค้านการถ่ายโอนสถานศึกษาสู่ อปท. ที่ร่วมกันเปิดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรนัดพิเศษ ที่ขอนแก่น ทั้งรื้อเวทีตัดไฟแบบไม่ทันให้ตั้งตัว สกัดประชาชนเข้าฟังรายการทุกจุดทั่วเมือง นอกจากนี้ พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภาค 4 ที่ใส่ชุดนอกเครื่องแบบ เดินขึ้นไปบนเวทีปราศรัย ผลักไหล่ นายอวยชัย วะทา ผู้อำนวยศูนย์คัดค้านการถ่ายโอนฯ และพูดจาขมขู่ว่า "คุณรู้มั๊ย คุณกำลังพูดกับใคร ...คุณกำลังพูดกับผมอยู่ ..เดี๋ยวเจอดีแน่" แต่อย่างไรก็ตาม นายสนธิ ก็ไม่เกรงกลัวต่อพฤติกรรมเหล่านี้ ประกาศต่อพี่น้องชาวอีสานว่า จะลุกขึ้นสู้ ร่วมภารกิจกู้ชาติ วันที่ 4 ก.พ.ขับไล่คนชั่วอย่าให้ครองเมืองอย่างแน่นแน

ISSP แจงไม่บล็อกเว็บ MGR – ยันคำสั่งปิดต้องมีเหตุผล
“อลงกรณ์” จวกคำสั่งปิดปากสื่อผู้จัดการ ยั่วยุประชาชน จี้ “แม้ว” เบรก
รัฐหาช่องปิด ASTV-เว็บผู้จัดการ “สุรนันทน์” อ้างผิด กม.

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย
3.ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด"ชูวิทย์"หมดสมาชิกภาพ ส.ส.

กรณี ส.ส.พรรคไทยรักไทยจำนวน 120 คน ได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านทางประธานรัฐสภา เพื่อขอให้วินิจฉัยว่าความเป็น ส.ส.ของนายชูวิทย์ สิ้นสุดลงหรือไม่ หลังพรรคต้นตระกูลไทยยุบรวมเข้ากับพรรคชาติไทยก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเข้าข่ายสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคือ 9-5 เสียง ได้มีมติชี้ขาดว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคชาติไทย พ้นสถานภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้านนายชูวิทย์ ยินดีรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่รู้สึกเสียใจแต่เสียดายที่ไม่มีเวทีในการทำหน้าที่ และที่ผ่านมามีบางคนเคยบอกว่าเขาเข้าสภาสร้างศัตรูสัปดาห์ละ 2-3 คน แต่นั่นก็เป็นการทำตามหน้าที่ เพราะเขาเล่นในเกมกติกาที่ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชนและชาติ และเมื่อเขาตัดสินให้ไปก็ต้องไป แต่ขอบอกว่า จะกลับมา “I shall return”
นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะทำงานการเมืองต่อ เมื่อว่างตอนนี้จะเรียนต่อปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อหาความรู้และขอศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะลง ส.ส.หรือ ส.ว.ได้หรือไม่ และตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องที่จะไปอยู่พรรคเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายชูวิทย์ยังสามารถทำหน้าที่เป็น ส.ส.นอกสภาได้ โดยการที่จะมีเวลาในการทำงานในฐานะกรรมการกลุ่มคอร์รัปชันวอทช์ ในการช่วยกันปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบในความคาดหวังของประชาชนที่ยังเชื่อมั่นในตัวนายชูวิทย์อยู่

“ชูวิทย์” ยืดอกรับคำตัดสินศาล รธน. ลั่น “I shall return”
ศาล รธน.ลงมติ “ชูวิทย์” พ้นสภาพ ส.ส.

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แจงเหตุฟ้องนายยงยุทธ และลูกสมุน
4.ฟ้องยกแก๊งยุทธตู้เย็นฐานป่วนสวนลุมฯ

จากเหตุการณ์ม็อบยุทธตู้เย็นป่วนรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 15 เมื่อศุกร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมานั้นล่าสุด เมื่อ 26 มกราคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ตัดสินใจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นจำเลยที่ 1 พร้อมพวกอีก 8 คน คือ นายดำรงค์ พิเดช, พ.ต.ต.รังสิมัน สงเคราะห์, พ.ต.อ.เจริญ วรพัฒนานันท์, นายเก่งกาจ ศรีหาสาร, นายอัครเดช สุขลักษณ์, นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน, นางมงคล มีปัญญา และนายสุทิพย์ ณรงค์ เป็นจำเลยที่ 2 -9 ฐานความผิดเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่และละเว้นโดยมิชอบ ตัวการและผู้สนับสนุน นายสนธิ กล่าวว่า จำเป็นต้องฟ้องในคดีนี้ เพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐานของสังคมไทยให้ข้าราชการที่ถูกนักการเมืองสั่งการได้รับรู้และมีสำนึกว่า เมื่อรับงานนักการเมืองมาทำอะไรก็ตาม ถ้ามีเจตนาก่อกวน โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ที่ตัวเองมีอยู่ คนพวกนี้จะต้องถูกฟ้องในมาตรา 157 และเมื่อถึงเวลาคับขันแล้ว นักการเมืองเหล่านั้นจะยืนอยู่ข้างข้าราชการประจำหรือเปล่า ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัชบอกว่า เป็นสิทธิ์ของนายสนธิที่สามารถทำได้ เพราะเขาได้ชี้แจงมาหลายครั้งจนปากเปื่อยปากแฉะแล้ว ถ้าสังคมตัดสินใจว่านายสนธิทำถูกและดีที่สุดแล้วก็ถือเป็นเรื่องของสังคม ยืนยันว่า คงไม่ฟ้องกลับนายสนธิ เพราะเป็นรัฐบาลต้องทำหน้าที่ในการให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ไม่ต้องฟ้องกลับยกเว้นเป็นการทำลายชื่อเสียงส่วนตัวและทำให้เกิดความเสียหาย ระบุ ได้สั่งการไปแล้วไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามายุ่งการชุมนุมในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ถ้าใครไปก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ชี้รัฐบาลนี้มาจากประชาชนหรือชนชั้นรากหญ้าที่คาดหวังในอนาคต จึงมีความเป็นไปได้เมื่อเห็นว่า มีคนจะมาทำลายความหวังและอนาคตของเขา ก็อาจจะไม่พอใจแล้วออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นไปได้ ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม.เป็นประธาน คณะกรรมาธิการการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กล่าวว่า การกระทำเช่นนี้หากเป็นข้าราชการจะผิดวินัยอย่างร้ายแรง หากเป็นนักการเมือง ก็จะต้องถูกถอดถอนในฐานะจงใจอำนาจหน้าที่ กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ

“สนธิ” ฟ้อง “ยุทธ ตู้เย็น” และสมุนรวม 9 คนป่วนสวนลุมฯ
ฟ้องแก๊ง “ยงยุทธ”ป่วนสวนลุม“ยุทธ ตู้เย็น” บ่ยั่นถูก “สนธิ” ฟ้อง อ้างสังคมรู้ดีใครผิด-ถูก
กมธ.วุฒิถกสกัดม็อบป่วน 4 ก.พ.-เตือน “ยุทธ ตู้เย็น” ถูกถอดถอน

นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยา มธ.
5. “ธีรยุทธ”ชี้ แม้ว “อัคร-ยำ-ประเทศ”ชูประเด็น “คอร์รัปชันบาทเดียว 19 ล้านเสียงก็ช่วยไม่ได้”

การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด 22 ม.ค.ที่ผ่านมานายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์การเมืองประจำปี 2549 โดยชี้ว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทยกำลังทำการถอดรื้อประเทศไทยตั้งแต่ความเชื่อ ค่านิยม ทรัพยากร อำนาจรัฐ ระบบราชการ การศึกษา องค์กร สถาบันต่างๆ เพื่อเอามาเพิ่มมูลค่าให้ทุน และว่า รัฐบาลไทยรักไทย กินรวบแบบ “ษิณเจริญเชิญแขก” ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ คือให้ญาติพี่น้อง บริวารมายำกินกัน จากนั้นเชิญแขกต่างประเทศมากิน คนไทยทั่วไปค่อยกินเศษที่เหลือ การคอร์รัปชันรัฐบาลยุคนี้ จึงแพร่หลายกว้างขวางเป็นประวัติการณ์ เป็นโคตรานุวัตรของการคอร์รัปชัน ซึ่งแปลความหมายได้ทั้งโคตรแห่งการคอร์รัปชัน และการคอร์รัปชันทั้งโคตร หรือทั้งตระกูล นายธีรยุทธบอกด้วยว่า ถ้าแปลคำว่าซูเปอร์เป็น “อัคร” ซูเปอร์นายกฯ ก็จะถูกผู้คนมองเป็น “อัครนายกฯ” ของประเทศ ซึ่งมีโคตรานุวัตรของการคอร์รัปชัน พรรคซูเปอร์-ยำแบบ ทรท.ก็จะเป็นพรรค “อัคร-ยำ” ของกลุ่มนักเลือกตั้งหากิน และการเมืองซูเปอร์-ยำ แบบ ทรท.ก็จะเป็นการเมืองที่ “อัคร-ยำ-ประเทศ”อย่างไรก็ตาม คาดว่า รัฐบาลทักษิณจะหมดอำนาจใน 2 สมัย จากวิกฤติคอร์รัปชันและความขัดแย้งในพรรค ซึ่งในที่สุด ประเทศประชาชนก็ต้องหาทางออกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การเร่งรัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการสนับสนุนผู้นำ หรือพรรคการเมืองอื่น เป็นต้น พร้อมเสนอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นเสาหลักจริยธรรมของสังคม ประสานภาคประชาชนเพื่อป้องกันคอร์รัปชัน และเสนอให้มีการรณรงค์ “คอร์รัปชันบาทเดียว 19 ล้านเสียงก็ช่วยไม่ได้” ซึ่งอาจจะมีการผลักดันให้ทำสติกเกอร์แจกประชาชนในเร็วๆ นี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าหากมีการพูดว่ามี 19 ล้านเสียง “เรามี 19 ล้านเสียง ทุกคนก็จะเงียบหมด เราต้องทำให้ได้ว่า โกงบาทเดียวก็ไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน และเขา (19 ล้านเสียง) ก็พร้อมที่จะเหยียบคุณด้วย ถ้าคุณโกหก ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 4 ก.พ. โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการที่จะมาชุมนุมเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เพราะเห็นว่ามีการปฏิรูประบบการเมืองและประชาธิปไตยมาแล้วก็ควรให้เป็นแบบนั้นและการชุมนุมควรทำด้วยความสงบ หลังจากยื่นเรื่องให้กับ พล.อ.เปรมแล้วควรจจะยุติทุกอย่าง

“ธีรยุทธ” ชี้วิกฤต ทรท.“อัคร-ยำ-ประเทศ” เชื่อ “แม้ว” หมดอำนาจใน 2 สมัย
ชู"ป๋าเปรม" ปราบโคตรโกง

นายมีชัย วีระไวทยะ สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
6. "จาตุรนต์" ไฟเขียวตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางใน ร.ร.

ฮือฮากันไม่น้อยกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายให้ตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยในสถานศึกษา โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ขัดข้องหากต้องการจะติดตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยในสถานศึกษา แต่ต้องมีการให้ความรู้และคำแนะนำควบคู่ไปด้วย ถ้า สธ.จะมาส่งเสริมและสนับสนุนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ศธ.ก็ไม่มีข้อขัดข้อง แต่ต้องเลือกสถานที่ตั้งให้เหมะสมด้วย และควรตั้งในสถานศึกษาที่มีเด็กโตเท่านั้น ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประสบความสำเร็จในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ในช่วง 15 ปีก่อน ในระหว่างนั้นนายมีชัย วีระไวทยะ ถือเป็นแกนนำและเป็นตัวอย่างในการเผยแพร่รณรงค์การใช้ถุงยางอนามัย เพื่อให้คนไทยเกิดความเข้าใจเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย จนได้รับการยอมรับในที่สุด และประเทศไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเรื่องการป้องกันโรคเอดส์ ด้านนพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการวางตู้ไปแล้วหลายแห่ง โดยขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของผู้บริหารของสถานศึกษา อาจารย์ รวมทั้งผู้ปกครอง ถ้าหากเห็นชอบให้วางก็จะจัดให้ทันที ส่วนใหญ่ที่วางไปแล้วจะเป็นสถานศึกษาระดับอาชีวะ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับไม่เห็นด้วย เพราะเรื่องถุงยางอนามัยไม่ใช่วัฒนธรรมโรงเรียน และเป็นวัตถุแสดงถึงการมีเพศสัมพันธ์ แม้จะเป็นเรื่องการป้องกัน ในปัจจุบันสถานที่จำหน่ายถุงยางอนามัยหาได้ง่ายทั่วไปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาเข้าไปอยู่ในสถานศึกษา

ไฟเขียวแล้ว! อนุญาตติดเครื่องขาย "ถุงยาง" ในสถานศึกษา
รุมค้านขายถุงยางหยอดเหรียญในสถานศึกษา

 สภาพที่เกิดเหตุ หลังคนร้ายวางระเบิดซีโฟร์บึ้มกระทรวงยุติธรรม
7.คนร้ายซุกระเบิดซีโฟร์ บึ้มกระทรวงยุติธรรม

27 ม.ค.ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณสวนหย่อมข้างอาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค เลขที่ 99 ถ.แจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ซึ่งเป็นที่ทำการของกระทรวงยุติธรรม หลังตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นกำแพงก่อขึ้นมาปูด้วยหินอ่อนสีเทาสูง ประมาณ 50 ซม. แรงระเบิดทำให้ปูนแตกกระจายเป็นบริเวณกว้าง ต้นไม้ที่ตกแต่งไว้ใกล้กำแพงได้รับความเสียหายกระจ่ายเกลื่อนไปทั่วบริเวณ เหลือแต่โครงเหล็ก นอกจากนี้แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆรวม 5 ราย สำหรับระเบิดที่คนร้ายนำมาวางเป็นระเบิดแบบซีโฟร์ แสวงเครื่อง หนักประมาณ 1 ปอนด์ ซึ่งมีอนุภาพร้ายแรงกินวงกว้างประมาณ 20 เมตร ซึ่งค้นร้ายได้นำระเบิดใส่ไว้ในท่อโลหะ จุดระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก ด้าน พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า หลังสอบพยานกว่า 30 ปาก พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนหาสาเหตุของการวางระเบิดแล้ว เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตประเด็นความขัดแย้งของหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน หรือความขัดแย้งทางการเมือง เนื่องจากอาคารที่ถูกระเบิดนอกจากจะเป็นสถานที่ตั้งกระทรวงยุติธรรม ยังเป็นทีตั้งสำนักงานปลัดกระทรวง รวมทั้งกรม กองต่างๆ เช่น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และบริษัทเอกชนอีกหลายแห่ง ด้าน พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหาดไทย เชื่อว่าเหตุวางระเบิดที่กระทรวงยุติธรรม ไม่เชื่อมโยงกับการวางระเบิดข้างกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้ และไม่น่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการณ์ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าทุกคนมองออกว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร โดยเฉพาะคงรู้ดีว่า มีความไม่ชอบตนอย่างรุนแรง และเรื่องนี้มีการเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนคงไปทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของสถาบันนิติวิทยาศาสต์ กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะยังไม่รู้ว่า มันเกี่ยวกับเรื่องอะไรแน่ขอสืบสวนให้ชัดก่อน

มุ่งปมขัดแย้งการเมือง-เหตุวางบึ้มก.ยุติธรรม
คนร้ายวางระเบิดซีโฟร์ตั้งเวลาบึ้มกระทรวงยุติธรรมมุ่งปมขัดแย้งการเมือง-เหตุวางบึ้มก.ยุติธรรม

กำลังโหลดความคิดเห็น